Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2040 ฟ้า จะเปลี่ยนแล้ว

ตอนที่ 2040 ฟ้า จะเปลี่ยนแล้ว

ลายมรรคเปล่งประกาย หวีดร้องดั่งสายฝน

หากไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ย่อมไม่อาจบรรยายความยิ่งใหญ่ของภาพนั้นได้สักนิด

และภายใต้การเข่นฆ่าเช่นนี้ เฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิคนแล้วคนเล่าถูกสังหาร กายสิ้นมรรคสลาย น้ำเลือดสีแดงสดย้อมฟ้าดินให้เป็นสีแดงบาดตา

นี่เป็นภาพที่ทำให้ทั่วหล้าสั่นสะท้าน ทำให้สรรพชีวิตสิ้นหวังได้

บรรพจารย์จักรพรรดิ สูงส่งและแข็งแกร่ง โอหังเหนือทั่วหล้า หยิ่งผยองเหนือห้วงอากาศปานใด ประหนึ่งนายเหนือหัวบนทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้

แต่ในตอนนี้กลับถูกสังหารอย่างไร้ปรานีไปทีละคน!

พวกเขาหลบหนีอย่างบ้าคลั่ง ต้านทานอย่างเสียสติ ทุ่มพลังทั้งหมดที่มี แต่ภายใต้การถล่มสังหารของลายมรรคเปล่งประกายเต็มฟ้านั้นกลับดูไร้พลังได้ปานนั้น…

เฒ่าโดดเดี่ยวกับราชครูหลบหนีไปไกลนานแล้ว เพราะพวกเขาต่างไม่อาจแทรกแซงได้ เมื่อได้เห็นภาพนองเลือดภาพแล้วภาพเล่าที่เกิดขึ้น พวกเขาก็สูดหายใจสะท้านอย่างอดไม่ได้ ดวงตาแข็งทื่อ

พวกรั่วซู่ หลี่เสวียนเวยก็คุมความสะท้านที่ผุดขึ้นในใจไว้ไม่อยู่

ปีนั้นจักจั่นทองตัวนั้นหมอบอยู่นอกภูเขาสำนักคีรีดวงกมล ตัวเล็กจ้อยปานนั้น แต่กลับถูกอาจารย์ชื่นชมว่ามรรคสูงล้ำฟ้า

จนกระทั่งตอนนี้ พวกเขาจึงรู้ซึ้งถึงพลังที่แท้จริงของคำว่า ‘มรรคสูงล้ำฟ้า’

ด้วยระดับของพวกเขาในตอนนี้ ล้วนสัมผัสได้ถึงความตระการตาหาใดเทียบ ในใจมีเพียงความคิดเดียวว่า ไม่แน่อาจจะมีเพียงคนอย่างศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่รองถึงเทียบสูงต่ำกับคนผู้นี้ได้กระมัง

ส่วนหลินสวิน…

เห็นเพียงว่าหลังชายหนุ่มจักจั่นทองลงมือ บรรพจารย์จักรพรรดิ ณ ที่นั้นก็ร่วงโรยราวสายฝน ทำเอาตาเบิกกว้างทันที สั่นสะท้านในใจ

ทุกอย่างที่ได้เห็นในวันนี้ล้วนเหนือกว่าจินตนาการของเขาไปโดยสิ้นเชิง ทั้งยังทำให้เขารู้ซึ้งถึงความห่างชั้นของตัวเอง

มกุฎกึ่งจักรพรรดิ อาจเรียกได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดใต้ระดับจักรพรรดิ สามารถทำให้ผู้ฝึกปราณส่วนมากบนโลกนี้ยกย่องเชิดชู

แต่พอเทียบกับระดับจักรพรรดิ กลับด้อยกว่ามาก และควรรู้ว่าระดับจักรพรรดิแบ่งออกเป็นเก้าชั้น ไหนจะบุคคลระดับบรรพจารย์จักรพรรดิอีก!

และในศึกตรงหน้านี้ บรรพจารย์จักรพรรดิ… ยังทำอะไรไม่ได้!

เทียบกันตามลำดับเช่นนี้ หลินสวินถึงเข้าใจว่ามรรควิถีที่ตนมีในตอนนี้แตกต่างขนาดไหนเมื่อเทียบกับยอดยักษ์ใหญ่ที่แท้จริง

ไม่อาจเทียบได้สักนิด!

‘ศิษย์น้อง เจ้าฝึกปราณจนตอนนี้ ยังไม่ถึงร้อยปีก็เป็นระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งแล้ว ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลอย่างพวกเราไม่มีใครเทียบกับเจ้าได้สักคน’

เสียงของรั่วซู่ดังขึ้นในโสตประสาทของหลินสวิน ‘มองดูระดับบรรพจารย์จักรพรรดิเหล่านั้น แต่ละคนอยู่มาแล้วไม่รู้กี่ปี ถ้าให้เวลาเจ้ามากพอ เจ้าจะต้องประสบความสำเร็จกว่าพวกเขาแน่นอน!’

นางคล้ายรับรู้ได้เช่นกันว่าเหตุการณ์ที่ได้เห็นในวันนี้แต่ละภาพ จะกระทบกระเทือนจิตใจหลินสวินอย่างยากจินตนาการ ดังนั้นจึงใส่ใจดูหลินสวินอยู่ตลอด ด้วยกลัวว่าจิตมรรคของเขาจะถูกสั่นคลอน

‘วันนี้เจ้าอยู่ในการประชันหมากยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ได้พบ ได้เห็น ได้สัมผัส มองไปทั้งทางเดินโบราณฟ้าดารา จะมีคนรุ่นเดียวกันคนไหนมีประสบการณ์อย่างเจ้า’

‘และประสบการณ์เช่นนี้ จะเป็นประโยชน์กับการฝึกปราณของเจ้าในภายภาคหน้า’

เสียงของรั่วซู่ประหนึ่งน้ำพุอันอ่อนโยนใสกระจ่าง ดังขึ้นในใจของหลินสวิน ทำให้ใจเขาแปรเปลี่ยนเป็นสงบและผ่องแผ้ว

‘ขอบคุณศิษย์พี่ที่ชี้แนะ’

หลินสวินเอ่ยจริงจัง

เขาเองก็รู้ดีว่าการได้เข้าร่วมการประชันหมากยิ่งใหญ่อย่างเต็มตัวในวันนี้ ต่อให้เป็นเพียงผู้เฝ้ามองคนหนึ่ง แต่นี่ก็เรียกได้ว่าอัศจรรย์เป็นที่สุด ทำให้เขาได้ประโยชน์ไปชั่วชีวิต

เพียงครู่เดียวเท่านั้น

การห้ำหั่น ณ ที่นั้นก็ปิดฉากลงแล้ว เฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิทั้งสิ้นสิบห้าคนต่างถูกสังหารคาที่ เลือดสาดกระเซ็นไปทั้งนภาคราม

ชายหนุ่มจักจั่นทองยืนอยู่กลางอากาศตั้งแต่เริ่มจนจบ เรียบเฉยยากจับต้อง

ถ้าไม่ได้เห็นกับตา ใครจะกล้าเชื่อว่าชายหนุ่มผู้สุภาพอ่อนโยนเช่นนี้ จะกำราบบรรพจารย์จักรพรรดิสิบห้าคนได้ในเวลาอันสั้น

เรื่องนี้หากกระจายออกไป ทั้งฟ้าดาราจะต้องสะท้านสะเทือน!

และบริเวณที่อยู่ไกลลิบ ยังมีระดับจักรพรรดิจำนวนหนึ่งจับตามองภาพนองเลือดหาใดเทียบนี้เช่นกัน แต่ละคนต่างตกตะลึงจนขนลุกเกรียว หนาวสะท้านไปทั้งตัว

ความแข็งแกร่งของจักรพรรดิยุทธ์ เหิมเกริมหยิ่งผยอง จองหองทะลุเมฆา อหังการเหลือประมาณ

แต่ชายหนุ่มจักจั่นทองผู้นี้ดูคล้ายราบเรียบสงบนิ่ง แต่อานุภาพที่เผยออกมาโดยไม่ตั้งใจกลับไม่ด้อยไปกว่าจักรพรรดิยุทธ์!

เขาเป็นใครกัน

ทำไมบนโลกนี้ถึงมีคนเช่นเขา

“ศิษย์เอ๋ย สักวันหนึ่งหากเจ้าทัดเทียมเขาได้ ต่อให้ข้าผู้เป็นอาจารย์ตายไปก็ยิ้มลงเมืองผีได้”

บรรพจารย์จักรพรรดิฉานถูทอดถอนใจ

“อาจารย์ ขนาดท่านยังไม่ไหว ข้าก็ยิ่งไม่ไหว”

หลิงเคอจื่อมองไม่เห็นความเป็นไปของศึกนี้สักนิดเช่นเดียวกับหลินสวิน แต่เขากลับรู้ดีว่าผู้ที่กำราบระดับบรรพจารย์จักรพรรดิได้มากมายน่ากลัวปานไหน และคิดจะเทียบกับคนเช่นนี้ในภายหน้า ช่างเป็นเรื่องที่ไม่อาจจินตนาการได้

“ไม่เอาไหน”

มือข้างหนึ่งของบรรพจารย์จักรพรรดิฉานถูตบใส่ศีรษะโล้นของหลิงเคอจื่อ

อีกด้านหนึ่งเสวียนจิ่วอิ้นเอ่ยถามอย่างงุนงงว่า “ท่านพ่อ บรรพบุรุษตระกูลเสวียนของเราหาคนที่ร้ายกาจเหมือนคนนั้นได้สักคนหรือไม่”

เสวียนซั่งเฉินมุมปากกระตุกไปครู่หนึ่ง สักพักถึงโพล่งออกมาคำเดียวว่า “มี”

“มีหรือ” เสวียนจิ่วอิ้นกังขา

“แน่นอน”

แววประหลาดปรากฏขึ้นในดวงตาเสวียนซั่งเฉิน “เจ้าลูกชาย จำไว้เสมอว่าพวกเราแซ่อะไร!”

……

กลางฟ้าดิน กลิ่นคาวเลือดเข้มข้น เขม่าควันอบอวล

ควันหลงจากการต่อสู้โกลาหลถาโถมอยู่ในห้วงอากาศ และศึกอันดุเดือดที่ส่วนลึกของวังวนเวิ้งฟ้านั้นยังคงดำเนินต่อไป

เพียงแต่ขณะนี้สายตาของทั้งที่นั้นต่างถูกชายหนุ่มจักจั่นทองที่ยืนอยู่กลางอากาศดึงดูด

“สหายยุทธ์ผู้นี้ หรือจะบรรลุระดับบรรพจารย์ไปแล้ว”

เฒ่าโดดเดี่ยวเหม่อไปครู่สั้นๆ ก่อนเอ่ยปากถามอย่างอดไม่ได้

จักจั่นทองส่ายหัว เอ่ยว่า “ระดับการฝึกปราณไม่สำคัญกับข้าแล้ว”

นี่หมายความว่าอย่างไร

บำเพ็ญมหามรรค การแบ่งสูงต่ำตัดสินความแข็งแกร่งและอ่อนแอของมรรควิถีที่ครอบครอง จะไม่สำคัญได้อย่างไร

มีเพียงเฒ่าโดดเดี่ยวกับราชครูที่คล้ายตระหนักอะไรบางอย่าง ต่างเผยสีหน้าตกตะลึง

“จะตัดสินแพ้ชนะแล้ว…”

จักจั่นทองพูดเบาๆ ดวงตาฉายแววลึกลับสุดหยั่ง คล้ายเห็นภาพการต่อสู้ในส่วนลึกของวังวนเวิ้งฟ้าหมดแล้ว

ทุกคนในที่นั้นล้วนใจสั่นสะท้าน

……

โลกใหญ่หงเหมิง ราตรีนิรันดร์ปกคลุม เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายเคราะห์ไพศาลราวกับวันโลกาวินาศ ทำให้สรรพชีวิตมากมายหวาดผวา ตกอยู่ในความประหวั่นพรั่นพรึงอย่างบอกไม่ถูก

และหลังจากจักจั่นทองสังหารเฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิเหล่านั้นแล้ว ในขุมอำนาจใหญ่อย่างหกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบใหญ่ และเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ต่างก็วุ่นวายหวาดวิตก

“ทำไมบาดเจ็บล้มตายกันหนักหน่วงเช่นนี้”

“เศษเดนคีรีดวงกมลนั่น หรือจะยังต้านการโจมตีของพลังระเบียบต้องห้ามได้ด้วย”

“ไม่…! ผู้อาวุโสร่วงหล่นไปได้อย่างไร!”

เสียงที่เผยความเสียขวัญและตื่นตะลึงแผ่ขยายไปในหมู่ขุมอำนาจใหญ่เหล่านี้

แม้ไม่ได้เข้าร่วมศึกนี้ แต่ด้วยรากฐานพลังของขุมอำนาจใหญ่เหล่านี้ ก็ยังคงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในการประชันหมากครั้งนี้ได้ทันที

ครั้งได้รู้ว่าตอนนี้เหล่าบรรพจารย์จักรพรรดิที่เข้าร่วมการประชันหมากคราวนี้แทบจะถูกสังหารจนหมด ไม่รู้กี่คนที่หน้ามืดไปครู่หนึ่ง ฟ้าดินหมุนคว้าง รู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาด

ถ้าไม่ใช่รู้ว่าจอมจักรพรรดิไร้นามลงมือกำราบจักรพรรดิยุทธ์แล้ว เกรงว่าขุมอำนาจใหญ่เหล่านี้จะตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวายไปนานแล้ว

นี่เป็นสิ่งที่รับได้ยากเกินไปแล้วจริงๆ

ควรรู้ว่าคราวนี้เพื่อต่อกรกับผู้สืบทอดคีรีดวงกมล ชิงเอามหาสมบัติแรกกำเนิดมา เพียงแค่ในโลกใหญ่หงเหมิงก็มีบุคคลระดับบรรพจารย์จักรพรรดิหลายสิบคนลงมือแล้ว!

เช่นบรรพจารย์จักรพรรดิที่อยู่ในสามเรือนมรรคใหญ่อย่างจักรวาล ยุทธจักร ดึกดำบรรพ์ แทบจะออกเคลื่อนไหวเต็มกำลัง

ในสถานการณ์เช่นนี้ยังมีพลังระเบียบต้องห้ามเขย่าขวัญอีก มองไปทั้งทางเดินโบราณฟ้าดารายังเรียกได้ว่าเป็นกำลังพลชั้นยอดที่ไม่อาจมีศัตรูใดเทียบเทียม!

แต่ใครจะคิดว่าต่อให้อยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิกลับประสบเคราะห์ มลายเป็นเถ้าธุลีพลิ้วลอยหายไปทีละคน

ส่วนระดับจักรพรรดิที่ตายไปในการประชันหมากยิ่งไม่ใช่ส่วนน้อย!

บรรพจารย์จักรพรรดิ เป็นบรรพจารย์แห่งมรรคสายหนึ่ง ต่อให้อยู่ในขุมอำนาจอย่างเรือนมรรคจักรวาล ดึกดำบรรพ์ ยุทธจักร จำนวนของระดับบรรพจารย์จักรพรรดิก็นับนิ้วได้

ตายไปมากมายขนาดนี้ในคราวเดียว แรงโจมตีเช่นนี้จะหนักหน่วงเกินไปแล้ว สามารถทำให้พลังดั้งเดิมของพวกเขาเสียหาย ถึงขั้นสั่นคลอนถึงรากฐานของสำนักพวกเขา!

ที่เดียวที่ไม่ได้รับผลกระทบก็คือเรือนมรรคโลกาสวรรค์

แต่เมื่อได้รู้ข่าวที่เรียกได้ว่าน่าสะท้านใจเหล่านี้ เฒ่าดึกดำบรรพ์ในเรือนมรรคโลกาสวรรค์ทั้งมวลต่างรับรู้ได้ว่า…

ไม่ว่าผลลัพธ์ของการประชันหมากยิ่งใหญ่คราวนี้จะเป็นอย่างไร รูปการณ์ของทั้งทางเดินโบราณฟ้าดาราต่างก็เกิดการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าพลิกดินแล้ว

ฟ้า จะเปลี่ยนแล้ว!

……

วังวนเวิ้งฟ้าเริ่มส่งเสียงอึกทึกรุนแรง ปรากฏร่องรอยโกลาหลอันตราย พลังต่อสู้น่ากลัวอึงอลเหิมเกริมอยู่ภายในนั้น แค่เสียงห้ำหั่นที่แว่วออกมาก็น่าอกสั่นขวัญแขวน ประหวั่นพรั่นพรึงเพราะสิ่งนี้

ในที่สุดวังวนเวิ้งฟ้านั้นก็ถล่มลงมากะทันหัน พร้อมกับเสียงระเบิดสะเทือนฟ้าดินเสียงหนึ่ง!

ตูม!

ชั่วพริบตานั้นคล้ายกับเวิ้งฟ้ายุบตัว หมื่นโลกทั่วหล้าทั้งทางเดินโบราณฟ้าดาราพลันสั่นระรัว สิ่งมีชีวิตไม่รู้เท่าไรต่างตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างในขณะนี้

ชั่วพริบตาที่วังวนเวิ้งฟ้านั้นถล่มลง พลังระเบียบต้องห้ามที่โถมซัดเหมือนน้ำท่วมซึ่งสั่งสมมานานแล้ว ไหลหลั่งลงมาจากเวิ้งฟ้าแล้วกระจายตัวออกไป

ชายหนุ่มจักจั่นทองสะบัดแขนเสื้อโดยไม่ลังเล

แสงทองเต็มฟ้าพุ่งขึ้น แปลงเป็นม่านแสงแถบหนึ่งปกคลุมพวกหลินสวิน รั่วซู่ไว้ภายใน ทำให้ทุกคนรอดพ้นอันตรายคราวแล้วคราวเล่า หลบการโจมตีของพลังน่ากลัวเช่นนี้ได้

ครู่หนึ่งความปั่นป่วนทั้งหมดนี้ถึงค่อยๆ คืนสู่ความสงบ

เมื่อครรลองสายตากลับมาแจ่มชัด ก็เห็นว่าฟ้าดินแห่งนี้กลายเป็นเศษซากโดยสมบูรณ์ ทุกที่มีแต่ร่องรอยพังพินาศยับเยิน ห้วงอากาศมีรอยแยกมหึมารอยแล้วรอยเล่ายืดขยายไปไกล

เวิ้งฟ้าขมุกขมัว กลิ่นอายทำลายล้างอบอวลในอากาศ เมื่อมองไปก็เห็นว่าฟ้าดินแห่งนี้ราวกับถูกทำลายแหลกกระจุย!

หลินสวินสูดหายใจหนาวเยือกอย่างอดไม่ได้

“ศิษย์พี่ใหญ่ล่ะ”

“ศึกนี้ใครชนะกันแน่”

พวกรั่วซู่แผ่ขยายจิตรับรู้กวาดไปทั้งที่นั้น สีหน้าแต่ละคนต่างเจือไปด้วยความกระวนกระวาย

“ชนะแล้ว…”

ไกลออกไปชายหนุ่มจักจั่นทองยืนอยู่ท่ามกลางฟ้าดินที่พังพินาศย่อยยับ เสื้อผ้าโบกปลิวตามลม ในดวงตากระจ่างเรียบเฉยเผยแววเหม่อลอยอย่างเห็นได้ยาก

ผลลัพธ์นี้เดิมก็อยู่ในความคาดหมายของเขา แต่พอเกิดขึ้นจริงๆ ก็ยังทำให้เขารู้สึกสั่นสะท้านอย่างประหลาด คราวนี้ ในที่สุดก็… ชนะแล้ว…

ก็ในตอนนี้เองห้วงอากาศส่งเสียงครั่นครืน ฟ้าดินโกลาหล เงาร่างหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากผืนดิน

ดุจเปลวเพลิงลุกโชนสายหนึ่งพุ่งออกมาจากความพินาศย่อยยับ ส่องแสงบนฟ้าดินที่ถูกความมืดมนกดทับนั้น

เงาร่างนั้นมีบาดแผลเต็มตัว เลือดสดๆ หลั่งริน แต่กลับยังจองหองและอวดดีได้ปานนั้น พลานุภาพที่ร่างนั้นปล่อยออกมายังสะท้านเก้าชั้นฟ้าเหมือนเดิม

ชั่วพริบตาที่เงาร่างนี้ปรากฏตัว กาลเวลาเหมือนหยุดนิ่ง ภาพคล้ายหยุดชะงัก กลายเป็นแสงเดียวท่ามกลางฟ้าดินแห่งนี้

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset