Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2044 วันที่เหล่าจักรพรรดิออกเดินทาง

ตอนที่ 2044 วันที่เหล่าจักรพรรดิออกเดินทาง
ความมืดมิดราวกับน้ำหมึกที่ปกคลุมโลกใหญ่หงเหมิงนั้น ถูกพิชิตไปพร้อมกับจอมจักรพรรดิไร้นาม เริ่มถดถอยลงไปเหมือนกระแสน้ำ

กลิ่นอายทำลายล้างที่กดดันใจคน พาให้สรรพชีวิตหวาดผวาประหนึ่งวันโลกาวินาศก็เบาบางลงทีละน้อยไปด้วย

“จบแล้วหรือ”

“ดีจังเลย วันนี้ไม่ใช่วันสิ้นโลก”

“เมื่อกี้ตกใจชะมัดเลย ไม่รู้จริงๆ ว่าภัยพิบัติน่ากลัวปานไหนมาเยือน ยังดีที่จบลงแล้ว…”

“แต่ว่า เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

เสียงเซ็งแซ่ไม่รู้เท่าไรดังขึ้นในเขตพื้นที่ต่างๆ ในโลกใหญ่หงเหมิงทั้งสี่สิบเก้าแคว้น ผู้คนนับไม่ถ้วนหวาดผวา และยินดีกับเรื่องนี้ รู้สึกโชคดีที่รอดชีวิตหลังเกิดเคราะห์

“จบแล้ว จอมจักรพรรดิไร้นามถูกจักรพรรดิยุทธ์ผู้สืบทอดลำดับหนึ่งของคีรีดวงกมลสังหาร บัดนี้พลังระเบียบต้องห้ามที่ปกคลุมทั่วหล้าเสียผู้ควบคุมไปแล้ว!”

“นี่ไม่ได้หมายความว่า การประชันหมากครั้งใหญ่นี้ คีรีดวงกมล… ชนะแล้วหรือ”

“ไม่ จอมจักรพรรดิไร้นามจะแพ้ได้อย่างไร นั่นเป็นตัวตนสูงส่งประหนึ่งทัณฑ์สวรรค์จำแลงกายมาเลยนะ!”

และในขุมอำนาจใหญ่อย่างเรือนมรรคโลกาสวรรค์ เรือนมรรคจักรวาล เรือนมรรคดึกดำบรรพ์ เรือนมรรคยุทธจักรเป็นต้น… ต่างก็อึกทึกครึกโครมในชั่วขณะ คลื่นใหญ่ปั่นป่วนโหมซัด

เสียงอุทาน เสียงยากจะเชื่อไม่รู้เท่าไรดังขึ้น

จอมจักรพรรดิไร้นามถูกสังหาร!?

นี่ย่อมเป็นเรื่องใหญ่ที่สะเทือนทางเดินโบราณฟ้าดาราที่สุดตั้งแต่มีบันทึกมา ส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลงทั้งใต้หล้า!

และในการประชันหมากครั้งใหญ่นี้ พลังน่ากลัวที่คีรีดวงกมลสำแดงออกมา ก็ทำให้ยักษ์ใหญ่เหล่านี้ต่างสั่นสะท้านใจหล่นวูบไม่หยุด

ฆ่าระดับจักรพรรดิได้ราวกับเด็ดใบไม้ใบหญ้า สังหารบรรพจารย์จักรพรรดิได้เหมือนเชือดไก่ฆ่าลิง แม้แต่จอมจักรพรรดิไร้นามที่เป็นร่างแปลงตัวแทนของระเบียบต้องห้าม ก็ตายไปด้วยเหตุนี้

นี่จะน่าตกใจเกินไปแล้ว!

ถึงกับทำให้ทุกคนต่างไม่กล้าเชื่อ!

ควรรู้ว่าตั้งแต่ดึกดำบรรพ์จนถึงตอนนี้ บนทางเดินโบราณฟ้าดาราเคยมีมหาภัยขนาดใหญ่แผ่ขยายไปทั่วโลกสองครั้ง

ครั้งแรกคือศึกมรรคสิบทิศยุคดึกดำบรรพ์ อีกครั้งคือศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิยุคบรรพกาล ในศึกใหญ่แต่ละครั้ง ต่างมีเงาของจอมจักรพรรดิไร้นามอยู่

เขาเป็นดั่งเงามืดสายหนึ่ง บดบังทั่วฟ้าดาราในกาลเวลาไร้สิ้นสุดตั้งแต่อดีตมาจนปัจจุบัน ไม่เคยมีพลังใด หรือผู้แข็งแกร่งคนไหนสามารถสั่นสะเทือนเขาได้สักนิด

แต่ก็วันนี้เอง สิ่งสูงส่งที่เหมือนธำรงอยู่ชั่วหมื่นกาลเช่นนี้…

แพ้แล้ว!

ความเปลี่ยนแปลงอันน่าตะลึงเช่นนี้ประหนึ่งฟ้าถล่ม

“หืม? พอจอมจักรพรรดิไร้นามตาย คล้ายเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างไม่เคยมีมาก่อน…”

ทั้งมีเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่ฝีมือเหนือสามัญรับรู้ได้อย่างฉับไว ว่าพลังระเบียบที่ปกคลุมทั่วหล้าเปลี่ยนโฉมใหม่โดยสิ้นเชิง

“โอกาสไปยังฟากฝั่งฟ้าดารา!”

เฒ่าดึกดำบรรพ์บางคนเดาความจริงได้ในชั่วพริบตา ความตื่นเต้นอย่างไม่เคยมีมาก่อนผุดขึ้นในใจ

“ฮ่าๆๆ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมา พลังระเบียบต้องห้ามปกคลุมทั่วหล้า ทั้งยังขวางทางสู่ฟากฝั่งฟ้าดารา ตอนนี้พอจอมจักรพรรดิไร้นามตายไป แม้พลังระเบียบต้องห้ามจะยังไม่หายไป แต่เส้นทางที่ถูกตัดขาดนั้นกลับปรากฏขึ้นใหม่แล้ว!”

“พูดเช่นนี้ก็ต้องขอบคุณจักรพรรดิยุทธ์จริงๆ ถ้าไม่ใช่เขาสู้เอาเป็นเอาตาย สังหารจอมจักรพรรดิไร้นาม พวกเราจะคว้าโอกาสชั้นเลิศเช่นนี้ได้อย่างไร”

“ชักช้ามามากแล้ว ได้เวลาไปฟากฝั่งฟ้าดาราแห่งนั้นแล้ว ได้ยินว่ามีเพียงฟากฝั่งฟ้าดาราถึงมีมรรคแห่งอมตะนิรันดร์…”

ชั่วขณะเดียว ทั่วหล้าทั้งบนล่างในจุดที่คนบนโลกไม่อาจจับตามองได้ มีเงาร่างไม่รู้เท่าไรพุ่งออกไปยังส่วนลึกของฟ้าดาราวัฏจักรแห่งนั้น

เงาร่างเหล่านี้เป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่เก็บตัวเงียบในกาลเวลาไร้สิ้นสุด มีรากฐานพลังล้ำเลิศเหนือสามัญบนมรรคาระดับจักรพรรดิแทบทั้งนั้น

หลังพลังระเบียบต้องห้ามเกิดการเปลี่ยนแปลงน่าตะลึง ก็ถูกพวกเขาสังเกตเห็นโอกาสในทันที เคลื่อนไหวโดยไม่ลังเลสักนิด

กระทั่งว่าระดับจักรพรรดิบางคนยังทลายด่านออกมา เริ่มออกเคลื่อนไหว

ฟากฝั่งฟ้าดารา!

ในสายตาของคนอย่างพวกเขา ความหมายในคำนี้ ผู้ฝึกปราณคนอื่นบนโลกยากจะเข้าใจได้

ตามคำร่ำลือ หมายจะแจ้งอมตะนิรันดร์ ต้องเริ่มหาจากฟากฝั่ง

ตามคำร่ำลือ ฟากฝั่งฟ้าดารามียอดบุคคลที่ควบคุมกฎเกณฑ์ ‘โชคชะตา’ และ ‘กาลเวลา’ อยู่ ถูกมองเป็นนายเหนือหัวของมหามรรคอย่างแท้จริง

ตามคำร่ำลือ…

ตั้งแต่แรกสุดยุคดึกดำบรรพ์ คำร่ำลือที่เกี่ยวกับฟากฝั่งฟ้าดาราก็เต็มไปด้วยสีสันยากจินตนาการ ทำให้คนเพ้อฝัน หมายมาดอยากไปถึง

และสำหรับเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่ย้อนบรรพ์ในระดับจักรพรรดิแล้ว หมายจะทะลวงระดับที่สูงขึ้นไปบนมรรคที่ทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว

มีเพียงไปยังฟากฝั่งฟ้าดารา ถึงอาจจะทำให้พวกเขาได้เลื่อนระดับขึ้นไปอีกขั้น!

เพียงแต่ในอดีต พลังระเบียบต้องห้ามปิดตายเส้นทางอีกฟากฝั่งนี้ไปราวกับโซ่ตรวนเส้นหนึ่ง ทำให้โลกนี้ไม่มีใครไปถึงได้ กระทั่งว่าหลายคนยังสงสัยอย่างอดไม่ได้ว่าเส้นทางนี้ขาดสะบั้นไปนานแล้วหรือไม่

แต่ก็ในวันนี้เองที่พวกเขาได้เห็นความหวัง!

ถ้ามองจากทั่วหล้าในทางเดินโบราณฟ้าดารา จะพบว่าตอนนี้มีเงาร่างน่ากลัวมากมายทยอยออกมาจากเขตแดนดารา โลกใหญ่ แดนลับ และสถานที่ที่แตกต่างกันไปอย่างต่อเนื่อง

เผ่าโบราณบางส่วนจู่ๆ ก็พบว่าเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่เดิมถูกพวกเขามองว่า ‘สิ้นชีพ’ ไปแล้ว กลับออกมาจากการปิดด่านด้วยสีหน้ายินดีปรีดา ทิ้งคำพูดไว้ประโยคเดียวว่า ‘ข้าไปล่ะ’ แล้วเคลื่อนย้ายไปยังฟ้าสูง

กระทั่ง ‘สุสาน’ ของตระกูลดังสำนักใหญ่บางแห่ง ยังมีบรรพบุรุษที่ถูกฝังทลายโลงศพออกมา หัวเราะร่าเดินเข้าไปในห้วงเมฆา ทำเอาศิษย์รุ่นหลังไม่รู้เท่าไรตกใจ

เห็นได้ชัดว่าความจริงแล้ว ‘บรรพบุรุษ’ เหล่านั้นไม่ได้จากไปจริงๆ…

สรุปแล้ว ทางเดินโบราณฟ้าดาราในวันนี้ สามารถใช้คำว่าครึกครื้นและสะเทือนเลื่อนลั่นมาบรรยายได้โดยสมบูรณ์ ไม่รู้ว่ามีบรรพจารย์จักรพรรดิ มหาจักรพรรดิมากน้อยเท่าไรออกเดินทาง พร่างพราวดุจสายฝน และไม่รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตมากมายเท่าไรตกใจกับภาพนี้ ตื่นตะลึงอ้าปากค้าง

วันนี้ ในบันทึกประวัติศาตร์ของชนรุ่นหลัง ถูกเรียกว่า ‘วันที่เหล่าจักรพรรดิออกเดินทาง’!

……

เขาเมฆา

ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลอย่างศิษย์พี่ใหญ่ และพวกหลี่เสวียนเวยทยอยกลับมา รวมตัวอยู่ด้วยกัน

ด้วยระดับพลังปราณของพวกเขา ย่อมสังเกตเห็น ‘ความเคลื่อนไหวประหลาด’ ที่เกิดขึ้นทั่วหล้านี้ ต่างยิ้มหยันอย่างอดไม่ได้

จวินหวนกล่าวยิ้มเยาะ “เจ้าเฒ่าพวกนี้ ตอนต่อกรกับจอมจักรพรรดิไร้นามล้วนหายหัวกันหมด พอโอกาสไปฟากฝั่งฟ้าดาราอุบัติขึ้น แต่ละคนวิ่งเร็วกว่ากระต่ายเสียอีก”

เสวี่ยหยาก็ยิ้มเช่นกัน “ให้พวกเขาไปสู้กับจอมจักรพรรดิไร้นามหรือ แบบนั้นยังแย่กว่าฆ่าพวกเขาเสียอีก”

หลี่เสวียนเวยวิจารณ์จริงจัง “ขอเพียงพวกเขาไม่เป็นข้ารับใช้ให้จอมจักรพรรดิไร้นามเหมือนพวกเรือนมรรคจักรวาล ดึกดำบรรพ์ ยุทธจักรก็ไม่เลวแล้ว”

ประโยคเดียว ทุกคนต่างยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“ม้วนหยกนี้บันทึกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมารดาของเจ้าลั่วชิงสวิน รวมถึงลู่ป๋อหยาไว้ส่วนหนึ่ง”

อีกด้านหนึ่ง เฒ่าโดดเดี่ยวกับราชครูเรียกหลินสวินมา เฒ่าโดดเดี่ยวส่งม้วนหยกเล่มหนึ่งให้หลินสวิน

“แต่เจ้าอย่าคาดหวังมากเกินไป ลู่ป๋อหยาปิดบังความลับมากมายเพื่อปกป้องมารดาของเจ้า เรื่องที่บันทึกอยู่ในม้วนหยกนี้เป็นเพียงสิ่งที่พวกข้าสองคนได้ยินได้เห็นมาบ้างเท่านั้น”

“รอพวกเราจากไปเจ้าค่อยดูเถอะ”

เฒ่าโดดเดี่ยวเอ่ยกำชับ

หลินสวินกำม้วนหยกไว้ในมือ สูดหายใจยาวเฮือกหนึ่ง ฝืนเก็บกลั้นความต้องการที่จะพลิกอ่านเต็มแก่ในตอนนี้ แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณผู้อาวุโสทั้งสองที่ช่วยให้สมใจหวัง”

ราชครูที่อยู่ข้างๆ แววตากรุณา เอ่ยว่า “ยังจำตอนที่ข้าทำนายให้เจ้าถึงปรากฏการณ์ประหลาดบางอย่างได้ไหม ภายหน้าบนทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้ เจ้าเองต้องกระทำการอย่างระมัดระวัง สู้ไม่ได้ก็หนี ไม่น่าอาย”

หลินสวินพยักหน้า

เขาย่อมจำ ‘ปรากฏการณ์ประหลาด’ เหล่านั้นได้ แต่ไม่เคยสนใจมากนัก

ว่ากันถึงแก่น เขาเป็นคนที่ไม่เคยเชื่อเรื่องโชคชะตา

“สหายน้อย คราวนี้ข้าจะพาเสี่ยวฉงไปด้วย เพื่อเลี่ยงไม่ให้ยัยหนูนี่เสียใจเกินไป ข้าจะไม่ให้นางพบเจ้าแล้ว”

ซย่าสิงเลี่ยเดินมาจากไกลๆ ประโยคเดียวทำเอาหลินสวินจนคำพูดไปครู่หนึ่ง

เขาคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ขอให้ผู้อาวุโสบอกแม่นางเสี่ยวฉงด้วย ว่ารอภายหน้ายามข้าหลินสวินไปฟากฝั่งฟ้าดาราแล้ว จะไปหานางเพื่อแสดงความขอบคุณต่อหน้า”

เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าในการประชันหมากยิ่งใหญ่คราวนี้ จักรพรรดิกระบี่ยอดมารอย่างซย่าสิงเลี่ยเสี่ยงอันตรายครั้งใหญ่เพียงไหน ที่เลือกช่วยตนอย่างเด็ดเดี่ยว ต้องขอบคุณซย่าเสี่ยวฉงอยู่ไม่น้อย

พอได้ยินว่าภายหน้าหลินสวินจะยังไปหาลูกสาวตน ในใจก็ซย่าสิงเลี่ยกังวลขึ้นมาครู่หนึ่ง กลัวแต่ลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของตนจะถูกเจ้าหนูนี่ทำร้าย

ยังดีที่สิ่งที่ทำให้ซย่าสิงเลี่ยสบายใจได้เล็กน้อยก็ คือภายหน้าต่อให้หลินสวินอยากจะไปพบลูกสาวเขา ก็ยังไม่รู้ว่าต้องรอถึงเมื่อไร

“ศิษย์น้อง”

เหล่าผู้สืบทอดคีรีดวงกมลอย่างรั่วซู่ หลี่เสวียนเวย เสวี่ยหยา ผู่เจิน ชื่อจวิน เฉิงอวี่ จิ่งจงเยวี่ยต่างเดินมาหาเพื่อบอกลาหลินสวินทีละคน

ไปคราวนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อไร ทำให้ความรู้สึกเสียใจผุดขึ้นในใจหลินสวิน แต่ยังถูกเขากลบไว้อย่างเงียบเชียบ ยิ้มพลางบอกให้ศิษย์พี่ทั้งชายหญิงแต่ละคนรักษาเนื้อรักษาตัว

“นี่เป็นสิ่งที่จักจั่นทองอยากให้ข้ามอบให้เจ้าตอนเขาจากไป”

ศิษย์พี่ใหญ่ก็เดินมา แม้ใกล้กันมากแต่หลินสวินกลับไม่อาจมองเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดเจน รู้สึกได้เพียงกลิ่นอายต่อสู้และความจองหองที่ตีกระทบเข้ามา

ศิษย์พี่ใหญ่ส่งจดหมายหยกฉบับหนึ่งให้หลินสวิน ตบไหล่เขาเบาๆ แล้วพูดว่า “มรรคแห่งการต่อสู้ไม่ได้บรรลุในความเป็นตาย ศิษย์น้องเล็ก เจ้าเดินบนมหามรรคของตัวเองแล้ว ข้าตั้งตาคอยว่าสักวันหนึ่งเจ้าจะได้สู้เคียงบ่าเคียงไหลร่วมกับพวกเราทุกคน”

หลินสวินเกิดความฮึกเหิมขึ้น เอ่ยว่า “ศิษย์พี่ใหญ่กับเหล่าศิษย์พี่ทั้งหลาย ตั้งตาคอยก็พอ!”

ศิษย์พี่ใหญ่พยักหน้าน้อยๆ หันหลังโบกมือให้แล้วพูดว่า “ไปล่ะ”

ศิษย์น้องเล็กไม่ใช่เด็กแล้ว และการจากกันคราวนี้ก็ไม่ได้จากตายจริงๆ พูดออกมาเป็นหมื่นคำกลับดูเสแสร้งเกินจริง

พวกรั่วซู่เข้าใจเรื่องนี้ หลินสวินก็ย่อมเข้าใจ

แต่เมื่อชั่วขณะที่ต้องจากกันนี้มาถึงจริงๆ ในใจหลินสวินก็ยังเสียดายอย่างห้ามไม่ได้อยู่บ้าง ทั้งยังออกจะเสียใจด้วย

ไม่ใช่ง่ายๆ กว่าจะได้รวมตัวกับศิษย์พี่ทุกคนเช่นนี้ แต่ไม่ทันไรก็ต้องบอกลากันแล้ว เรื่องบนโลกนี้คล้ายไม่เคยมีอะไรแน่นอนเช่นนี้มาตลอด

สวบ!

เงาร่างศิษย์พี่ใหญ่ทะลวงอากาศขึ้นไป

ต่อจากนั้นผู้สืบทอดคีรีดวงกมลคนอื่นๆ ก็ตามไปติดๆ

ซย่าสิงเลี่ย จักรพรรดิอสนีดับสูญจี้เสวียนก็อยู่ในนั้นหมด พวกเขาจะไปยังฟากฝั่งฟ้าดาราด้วยกันกับผู้สืบทอดคีรีดวงกมล

หลินสวินยืนอยู่คนเดียวตรงนั้น ตามองส่งเงาร่างอันคุ้นเคยเหล่านั้นทะลวงท้องฟ้าไปทีละคน โบกมือไม่หยุด ใบหน้ามีรอยยิ้มตั้งแต่เริ่มจนจบ

แต่ในใจอย่างไรก็ยังว่างเปล่าอยู่บ้าง

จู่ๆ เสียงอ่อนหวานนุ่มนวลของศิษย์พี่รั่วซู่นั้นก็ดังขึ้นในใจหลินสวิน เหมือนน้ำพุไหลรินว่า

‘ศิษย์น้องเล็ก ยังจำศิษย์พี่รองที่ข้าเคยเล่าให้เจ้าฟังได้ไหม จากที่ข้ารู้จักศิษย์พี่รอง เขาจะต้องไม่จากไปแบบนี้แน่ ถ้าเจ้าได้พบกับเรื่องที่ไม่อาจคลี่คลายได้จริงๆ และต้องไปโลกมืดสักรอบ ไม่สู้ลองไปตามหาเขา เขาย่อมสัมผัสได้ถึงการปรากฏตัวของเจ้า’

——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset