Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2050 โคมสำริดดื่มเลือด

ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณก็เหมือนช่องทางในเมืองแต่ละเมือง ระหว่างค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณคนละที่ สามารถขนส่งเคลื่อนย้ายไปหากันได้

ตามแผนการเดินทางของหลินสวิน ไปเยือนแคว้นวิญญาณหมอกคราวนี้ต้องเข้าสามสิบเก้ามือง ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณที่แตกต่างกัน จึงจะสามารถไปถึงอย่างราบรื่น

นี่เป็นตัวเลือกที่ประหยัดเวลาที่สุดแล้ว

แต่สิ่งที่ต้องแลกไปกลับเป็นผลึกมรรคจำนวนมหาศาล

โชคดีที่หลินสวินในตอนนี้ไม่ขาดแคลนผลึกมรรค

วู้ม…

เมื่อคลื่นอากาศระลอกหนึ่งแผ่ออก เงาร่างของหลินสวินก็หายไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ

“หลีกไป!”

เสียงตะโกนหนึ่งดังขึ้น หน้าค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ เงาร่างที่ทรงพลังอย่างที่สุดร่างหนึ่งพุ่งมา

นี่คือชายหนุ่มชุดเทาคนหนึ่ง ในมือถือโคมสำริดดวงหนึ่ง น้ำมันโคมแดงสดราวกับเลือด แสงโคมส่ายไหว แผ่คลื่นแปลกประหลาดมากมายออกมา

“สมควรตาย ดันปล่อยให้เขาหนีไปได้!”

ตอนที่เห็นว่าในค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณไม่มีเงาคนแล้ว สีหน้าของชายหนุ่มชุดเทามืดทะมึนลง โกรธจนตาถลน

“หลี่ว์ฉู่ เกิดอะไรขึ้น”

เงาร่างของจักรพรรดิสงครามตะวันมงคลปรากฏกลางอากาศ ร่างของเขาผอมซูบ ผมเป็นสีดอกเลา อานุภาพระดับจักรพรรดิท่วมฟ้าแผ่ไปทั่วตัว กดข่มจนผู้แข็งแกร่งใกล้ๆ ต่างถอยหนีด้วยความกลัว

ราวกับเจอเทพไท้!

“รายงานผู้อาวุโส เมื่อครู่นี้ข้าใช้พลังของโคมสำริดดื่มเลือดจับคลื่นกลิ่นเลือดของหลินสวินได้ แต่มาช้าไปก้าวหนึ่ง เขาใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณหนีไปแล้ว…”

ชายหนุ่มชุดเทาที่ถูกเรียกว่าหลี่ว์ฉู่เผยสีหน้าเสียใจ

เขามาจากเรือนมรรคจักรวาล แต่ก็รู้จักจักรพรรดิสงครามตะวันมงคลที่มาจากเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ แม้ในใจจะอัดอั้นแต่กลับไม่กล้าล่วงเกิน

โคมสำริดดื่มเลือด!

จักรพรรดิสงครามตะวันมงคลเผยสีหน้าประหลาด โคมนี้มหัศจรรย์อย่างที่สุด ขอเพียงสามารถเก็บหยาดเลือดของเป้าหมายและนำมาจุดเป็นเชื้อเพลิง ไม่ว่าเป้าหมายจะอยู่ที่ไหนก็สามารถจับได้อย่างแน่นหนา

ทันใดนั้นสีหน้าของจักรพรรดิสงครามตะวันมงคลเองก็ไม่น่าดูขึ้นมา พูดว่า “เจ้าบอกว่า เมื่อครู่นี้เจ้าสวะหลินสวินนี่หนีไปภายใต้สายตาข้าหรือ”

หลี่ว์ฉู่ไม่ได้พูด แต่ยอมรับเงียบๆ

สีหน้าของจักรพรรดิสงครามตะวันมงคลอึมครึมไม่สามารถสงบได้ รู้สึกเหมือนถูกคนตบหน้าอย่างไร้รูป เพิ่งจะมีปฏิกิริยาตอบสนองได้ในตอนนี้ ใบหน้าแก่ชราร้อนผ่าว

“เลือดในโคมไฟนี้…”

สายตาของเขามองไปยังโคมสำริดดื่มเลือด

“ผู้อาวุโสเดาไม่ผิด เลือดนี่เป็นของหลินสวิน ยามอยู่หน้าประตูทลายในเขตต้องห้ามเซียนโบราณ เจ้าหมอนี่บาดเจ็บสาหัส เลือดไหลราวกับน้ำพุ ถูกข้าส่งคนไปเก็บมาส่วนหนึ่ง”

หลี่ว์ฉู่รีบพูดว่า “จากที่เรือนมรรคจักรวาลของพวกเรารู้จักเจ้าหมอนี่ เขาชำนาญการแปลงกายและปกปิดร่องรอยได้อย่างง่ายดาย เรียกได้ว่าเปลี่ยนไปจนไม่อาจคาดเดา วิธีจับกุมทั่วไป เกรงว่าต่อให้เป็นระดับจักรพรรดิก็ยากจะจับเขาได้”

“แต่โคมสำริดดื่มเลือดนี่ไม่เหมือนกัน”

จักรพรรดิสงครามตะวันมงคลพยักหน้า จากนั้นสูดลมหายใจลึกคราหนึ่งเอ่ยว่า “ในเมื่อเจ้าหมอนี่ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณก็แปลว่ารับรู้ถึงสถานการณ์ของตนแล้ว พวกเราก็ควรเคลื่อนไหวเต็มกำลัง ป้องกันไม่ให้เจ้าหมอนี่หนีจากแคว้นกลางมรรค”

หลี่ว์ฉู่เห็นด้วยอย่างที่สุด

และในวันนั้นเอง จักรพรรดิสงครามตะวันมงคลได้กระจายข่าวออกไป และได้รับความร่วมมือของขุมอำนาจใหญ่อย่างพวกเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ จักรวาล ยุทธจักรต่างๆ ทันที เคลื่อนกำลังพลมาจากสี่ทิศแปดทาง

ในวันเดียวกันนี้ ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณที่กระจายอยู่ในแคว้นกลางมรรคล้วนถูกปิด

นอกจากขุมอำนาจเรือนมรรคย่างเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ จักรวาล ยุทธจักรที่สามารถใช้ได้ ผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ ล้วนไม่มีโอกาสได้ใช้

นี่เท่ากับปิดตายความเป็นไปได้ที่หลินสวินจะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณจากไปอย่างสิ้นเชิง!

เมืองยงเชว่

ยามหลินสวินเห็นค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณถูกปิด ก็ตระหนักได้ทันทีว่าศัตรูน่าจะมีวิธีจับร่องรอยของตนแล้ว!

‘ดูท่าคงทำได้เพียงเปลี่ยนวิธีแล้ว’

ในใจหลินสวินไม่ได้กังวลอะไร ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณใช้ไม่ได้ เช่นนั้นก็ทะยานผ่านห้วงอากาศโดยตรง ก็แค่เสียเวลาสักหน่อยก็เท่านั้น

สวบ!

ยานขนส่งอวกาศทะลวงผ่านกลางท้องฟ้า หลินสวินนั่งในนั้น ขัดสมาธิทำสมาธิ

ในเขตต้องห้ามเซียนโบราณไม่นานมานี้ พลังปราณของเขาเพิ่งทะลวงสู่ระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิ

และแตกต่างจากมกุฎกึ่งจักรพรรดิคนอื่นๆ ตอนที่เพิ่งก้าวสู่ระดับกึ่งจักรพรรดิหนึ่งชั้นฟ้า เพลิงเทพมหามรรคที่ควบรวมขึ้นในร่าง ก็ผสานนัยเร้นลับของไตรมรรคอย่างหลอมกาย หลอมปราณ และหลอมจิตไว้ด้วยกันแล้ว!

และควรรู้ว่าเพลิงเทพมหามรรคของระดับกึ่งจักรพรรดิคนอื่นๆ ทุกครั้งที่ผสานนัยเร้นลับของหนึ่งมรรคาได้ ถึงจะสามารถทะลวงชั้นหนึ่งได้

เช่นนี้ก็สามารถดูออก ว่ามรรควิถีที่หลินสวินครอบครองแตกต่างขนาดไหน

นี่ไม่ได้หมายความว่าพลังปราณของหลินสวินกระโดดมาเป็นระดับกึ่งจักรพรรดิสามชั้นฟ้าในคราเดียว แต่เป็นเพลิงเทพมหามรรคที่เขาควบรวมออกมามีความเฉพาะตัวอย่างที่สุด

นี่ทำให้เขาเดินบนเส้นทางที่แตกต่างจากคนอื่นๆ และไม่เหมือนใคร

ระดับกึ่งจักรพรรดิสามารถครอบครองกฎเกณฑ์ระดับจักรพรรดิได้แต่ไม่สมบูรณ์ นี่ก็คือเหตุผลที่ถูกเรียกว่ากึ่งจักรพรรดิ

แต่ช่วงนี้หลินสวินกลับพบว่า กฎเกณฑ์มหามรรคที่ตนครอบครองได้ในตอนนี้ แม้จะมีจุดบกพร่อง แต่แทบจะไม่ต่างจากระดับจักรพรรดิแท้!

‘หรือนี่เป็นเพราะเพลิงเทพมหามรรคที่ข้าควบรวมออกมามีเอกลักษณ์เกินไป’

หลินสวินจมสู่ภวังค์ความคิด

หากอยู่ระดับกึ่งจักรพรรดิแต่สามารถครอบครองพลังมหามรรคที่แทบจะเทียบกับระดับจักรพรรดิแท้ได้ นี่เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากอย่างไม่ต้องสงสัย

อย่างน้อยในตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไม่เคยปรากฏเรื่องเช่นนี้!

‘รอมีโอกาสต้องไปทดสอบดีๆ สักหน่อย’

หลินสวินลูบคาง ในใจปรากฏความคิดบ้าระห่ำอย่างหนึ่ง

แต่ไม่ทันไรเขาก็สลัดความคิดฟุ้งซ่านในหัว เริ่มเคี่ยวกรำจิตแห่งอวัยวะตันห้า

เขาในตอนนี้มีรากฐานนัยเร้นลับ ‘ระดับห้าธรรม’ ในคัมภีร์มหามรรคหวงถิง หากฝึกสำเร็จ ห้าร่างแยกอย่างไม้เขียว ดินเหลือง เพลิงแดง วารีดำและทองขาว ก็จะมีจิตสำนึกและมรรควิถีที่ไม่ด้อยไปกว่าร่างต้น!

ถึงตอนนั้น เขาคนเดียวก็สามารถสำแดงพลังต่อสู้ของคนหกคนออกมาได้!

สิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดคือ ตอนที่ไม่ต่อสู้ ร่างแยกอื่นๆ ก็สามารถหยั่งรู้มหามรรคของตน ศึกษาคัมภีร์ นี่ทำให้หลินสวินประหยัดพลังและเวลาในการฝึกบำเพ็ญได้อย่างไม่ต้องสงสัย

ควรรู้ว่าตอนที่พวกรั่วซู่ หลี่เสวียนเวยจากไป แต่ละคนล้วนเคยให้คัมภีร์ของตนกับหลินสวิน ทำให้มรดกวิชาที่เขามีเรียกได้ว่ามากมายมหาศาล

หากเขาหยั่งรู้คนเดียว ยังไม่รู้ต้องใช้เวลาและกำลังเท่าไหร่

แต่ถ้ามีห้าร่างแยกหยั่งรู้ได้พร้อมกัน ย่อมแตกต่างอย่างสิ้นเชิง

ดังนั้นสำหรับหลินสวิน เรื่องเร่งด่วนตอนนี้ไม่ใช่การทะลวงปราณ แต่เป็นการเคี่ยวกรำระดับห้าธรรมให้สำเร็จอย่างสมบูรณ์!

……

แม้หลินสวินเดาออกนานแล้วว่าพวกศัตรูมีวิธีตามรอยเขาแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมาไวขนาดนี้

หนึ่งวันหลังเขาออกจากเมืองยงเชว่ ในทะเลทรายกว้างใหญ่ไพศาล หลินสวินซึ่งกำลังทำสมาธิอยู่ในยานขนส่งอวกาศสะดุ้งตื่นเพราะคลื่นพลังระลอกหนึ่ง

เมื่อเดินออกจากยานก็เห็นรุ้งเทพงดงามมาเยือนจากฟากฟ้า พร่างพราวเจิดจ้า กลิ่นอายที่แผ่ออกมาทำให้ทะเลทรายทั้งผืนฝุ่นฟุ้งตลบฟ้า

ผู้นำคือเฒ่าชราที่สวมหมวกสูงคาดเข็มขัด บุคลิกดุจเซียน มือถือแส้หางม้าขาวหิมะ กลิ่นอายระดับจักรพรรดิที่แผ่ออกมากดข่มจนฟ้าดินโอดครวญ

ด้านหลังเขายังมีผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิกลุ่มหนึ่งติดตามมา กลิ่นอายของแต่ละคนแข็งแกร่งน่ากลัว

ในแคว้นกลางมรรคซึ่งเป็นที่ตั้งของขุมกำลังเก่าแก่ เป็นสถานที่ที่เสือหมอบมังกรซุ่ม กำลังพลเช่นนี้แม้ไม่ถึงกับยิ่งใหญ่นัก ทว่าเพียงจัดการมกุฎกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งย่อมเหลือเฟืออย่างสิ้นเชิง

‘คนพวกนี้มาไวกันนัก…’

หลินสวินสีหน้าสงบนิ่ง ไม่เห็นความลนลานสักนิด

เขาคาดเดาได้คร่าวๆ แล้วว่าอีกฝ่ายใช้พลังของค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ จึงสามารถตามทันไวขนาดนี้

“เจ้าปีศาจ ดูซิว่าเจ้าจะหนีไปไหนได้อีก!”

เฒ่าชราที่เป็นผู้นำพูดเสียงขรึม เสียงราวกับสายฟ้า ซัดจนสิบทิศสั่นสะเทือน ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นอายเข่นฆ่า

ยามเอ่ยคำพูด พลังขับเคลื่อนของพวกเขาทุกคนล้วนจับจ้องไปยังหลินสวิน ในสายตาทุกคนล้วนไม่ปกปิดไอสังหาร

กับเรื่องนี้หลินสวินคล้ายไม่รู้สึก ดวงตาดำของเขาลึกล้ำ เอ่ยพูดราบเรียบ “เดรัจฉานเฒ่า บอกชื่อมา ไม่แน่ว่าถ้าข้าคนแซ่หลินอารมณ์ดีจะสร้างป้ายหลุมศพให้เจ้าสักชิ้น”

เฒ่าชราคนนั้นอดขมวดคิ้วไม่ได้ “เจ้าในตอนนี้เหมือนหัวเดียวกระเทียมลีบแล้ว ข้าดูไม่ออกจริงๆ ว่าเจ้ายังมีความมั่นใจอะไรมาร้องโวยวายเช่นนี้”

“ลองดูก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ”

หลินสวินพูดเรียบๆ

เขายิ่งใจเย็นเช่นนี้ กลับยิ่งทำให้เฒ่าชราไม่อาจนิ่งสงบ

การประชันหมากครั้งใหญ่เพิ่งจบลง แม้ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลเหล่านั้นจากไปนานแล้ว เหลือเพียงหลินสวินคนเดียว

แต่ใครจะกล้ามั่นใจว่ายามผู้สืบทอดคีรีดวงกมลเหล่านั้นจากไป ไม่ได้ทิ้งไพ่ตายอะไรไว้ให้เจ้าหมอนี่

“พวกเจ้าไปจับเจ้าสวะนี่ ข้าจะคอยหนุนพวกเจ้า”

เฒ่าชราออกคำสั่งเสียงขรึม

เหล่าผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิที่อยู่ด้านหลังเขามองหน้ากัน ลังเลเล็กน้อย

พวกเขาไม่ได้โง่ จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าหลินสวินที่อยู่ตรงหน้าแตกต่างจากในอดีต เป็นมกุฎกึ่งจักรพรรดิที่แท้จริงคนหนึ่ง!

พูดถึงพลังปราณ บางทีอาจจะสู้ระดับกึ่งจักรพรรดิรุ่นอาวุโสอย่างพวกเขาไม่ได้ แต่ประเด็นคือ อีกฝ่ายเป็นกึ่งจักรพรรดิที่ก้าวสู่ขอบเขต ‘มกุฎ’!

สีหน้าของเฒ่าชราอึมครึม “ทำไม มีข้าอยู่ พวกเจ้ายังกังวลว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรเช่นนั้นหรือ

หลินสวินเห็นเช่นนี้ก็หลุดขำอย่างอดไม่ได้ “เดรัจฉานเฒ่า หากเจ้าไม่กลัวก็เข้ามาสู้กันสักครั้งสิ เหตุใดต้องให้คนอื่นมารนหาที่ตาย”

ประโยคนี้ก็คือสิ่งที่กึ่งจักรพรรดิเหล่านั้นอยากพูด เพียงแต่พวกเขาไม่กล้าแสดงความไม่พอใจต่อระดับจักรพรรดิแท้เหมือนอย่างหลินสวิน

และการถูกหลินสวินด่าว่า ‘เดรัจฉานเฒ่า’ คำแล้วคำเล่า ก็ทำให้สีหน้าของเฒ่าชรานั่นมืดทะมึนราวกับก้นหม้อ เดือดดาลสะท้านฟ้า

ในฐานะระดับจักรพรรดิที่เหยียดหยันใต้หล้า สรรพชีวิตเคารพเลื่อมใส ใครหน้าไหนกล้ากำเริบดูหมิ่นเช่นนี้บ้าง

“เจ้าสวะตัวจ้อย เดิมข้าไม่คิดรังแกผู้น้อย เจ้ากลับทะนงตัว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะกำจัดเจ้าซะ!”

เฒ่าชราเอ่ยพูด แล้วพลันสะบัดแส้หางม้าในมือ

ฟึ่บ!

รุ้งเทพที่ขาวเรืองรองทั่วฟ้าโปรยปรายลงมาดุจสายฝน เต็มไปด้วยนัยเร้นลับของกฎเกณฑ์มรรคจักรพรรดิ ห้วงอากาศอึงอลยุบทลายในชั่วพริบตา ราวกับรับอานุภาพน่ากลัวระดับนี้ไม่ได้

กลางฟ้าดินแห่งนี้ก็พลอนตกอยู่ในความปั่นป่วนเช่นเดียวกัน

นี่คือพลังของระดับจักรพรรดิ โจมตีแค่เล็กน้อยก็สะเทือนฟ้าดิน เทพผีล้วนหวาดกลัว!

กึ่งจักรพรรดิเหล่านั้นเกิดความรู้สึกสะท้านสะเทือน เมื่อไหร่พวกเขาจึงจะสามารถก้าวข้ามธรณีระดับจักรพรรดิ ลบคำว่า ‘กึ่ง’ ออกได้กันนะ

หลินสวินยืนอยู่บนยานขนส่งอวกาศ ไม่ขยับสักนิด

แต่ระหว่างเส้นผมของเขากลับมีกระบี่บินแหลมคมปรากฏขึ้น ฟันเบาๆ ในห้วงอากาศคราหนึ่ง

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset