ตอนที่ 2052 จักรพรรดิกระบี่เยือกแข็ง
สำหรับคนอื่นๆ ถูกขุมอำนาจใหญ่แคว้นกลางมรรคตามฆ่า สามารถทำให้ทุกคนสิ้นหวังและพังทลายได้
แต่สำหรับหลินสวิน แทนที่จะบอกว่าถูกตามฆ่า ควรบอกว่าเขายังคงตั้งหน้าตั้งตาเร่งเดินทางเสียมากกว่า
ไม่ว่าสถานการณ์จะรุนแรงและอันตรายเพียงใด ก็ไม่ได้ทำให้เขาเปลี่ยนความคิดที่จะมุ่งหน้าไปยังสำนักเร้นฤทธิ์เทพ
การเคี่ยวกรำและต่อสู้กับจักรพรรดิกระบี่นภาประสาน กลายเป็นบทเรียนบังคับระหว่างเร่งเดินทางของหลินสวินเพื่อฝึกพลังแห่งตน
อีกทั้งเพื่อความเข้าใจและการรับรู้ต่อพลังที่ระดับจักรพรรดิครอบครองก็ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
หลังจากประลองกับหลินสวินหลายครั้งและถูกวิญญาณกระบี่เย่จื่อตีจนสลบ จักรพรรดิกระบี่นภาประสานจำต้องยอมรับความจริงหนึ่งอย่างเดือดดาล…
ระดับจักรพรรดิที่ทำให้ทั่วหล้าสะท้านสะเทือนอย่างเขา ตอนนี้ได้กลายเป็นเป้ามนุษย์อย่างแท้จริงแล้ว…
เวลาที่ต้องการ ก็จะถูกเอามาใช้
เวลาที่ไม่ต้องการ ก็จะถูกตีไปไว้ข้างๆ…
นี่ทำให้เขาอับอายจนแทบคลั่ง หลายต่อหลายครั้งที่เกิดความคิดจะฆ่าตัวตาย
กระทบกระเทือนจิตใจกันเกินไปแล้ว เป็นถึงระดับจักรพรรดิ กลับกลายเป็นเป้ามีชีวิตที่คนรุ่นหลังคนหนึ่งใช้ฝึกฝีมือ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ระดับจักรพรรดิคนใดได้รับความอับอายเหมือนเขาบ้าง
ไม่มี!
หากเรื่องเช่นนี้ถูกเผยแพร่ออกไป…
คิดถึงผลลัพธ์เช่นนั้น จักรพรรดิกระบี่นภาประสานพลันรู้สึกอยากตายขึ้นมา
แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถฆ่าตัวตายได้ ไม่ใช่ไม่อยาก แต่ไม่กล้า
คนที่สามารถก้าวสู่ระดับจักรพรรดิอย่างเขา ชีวิตนี้ผ่านความทรมานและอันตรายมาไม่รู้เท่าไหร่ กว่าจะก้าวสู่เส้นทางแห่งระดับจักรพรรดิที่ผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่ไม่สามารถก้าวข้ามได้ในที่สุด
ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งไม่อยากฆ่าตัวตาย!
และคนเช่นจักรพรรดิกระบี่นภาประสาน ยิ่งมีสภาวะจิตที่แข็งแกร่งและเข้มแข็งอย่างที่สุด แม้อับอายแทบตายแต่ก็ได้แค่คิด
ถึงขั้นที่ตอนหลังในใจเขายิ่งเกิดความยึดมั่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จะต้องทำเวลา ฉวยโอกาสก่อนที่วิญญาณกระบี่สมควรตายนั่นจะตีตนสลบ จับเป็นหลินสวินเจ้าคนสมควรตายนั่น!
ความคิดยึดมั่นนี้ทำให้จักรพรรดิกระบี่นภาประสานเรียนรู้ที่จะอดทนต่อความอัปยศชิงชัง บังคับตนให้อดทนต่อการถูกหยามเกียรติ หากมีความพยายามย่อมประสบความสำเร็จ จะต้องมีสักวันที่ได้ชำระแค้น ล้างความอับอายในอดีต!
กับเรื่องนี้หลินสวินไม่ได้สนใจสักนิด เขาเพียงแค่มองอีกฝ่ายเป็นเป้าฝึกฝนของตนเท่านั้น
วิญญาณกระบี่เย่จื่อเองก็ไม่ใส่ใจ ระดับจักรพรรดิหนึ่งชั้นคนหนึ่งเท่านั้น แม้เขาอยากให้ความสำคัญ… ก็ให้ความสำคัญไม่ไหว…
หากจักรพรรดิกระบี่นภาประสานรู้ความคิดของหลินสวินและเย่จื่อ ก็ไม่รู้ว่าจะล้มเลิกความยึดมึนที่บังคับตนให้อดทนต่อความอัปยศชิงชังในใจ แล้วฆ่าตัวตายให้สิ้นเรื่องหรือไม่
อย่างไรก็ตาม แม้หลินสวินจะเร่งเดินทางอยู่ แต่ใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์มาก
นอกจากฝึกคัมภีร์มหามรรคหวงถิง ฝึกจิตแห่งอวัยวะตันห้า ก็คือหาโอกาสต่อสู้แลกเปลี่ยนกับเป้ามีชีวิตอย่างจักรพรรดิกระบี่นภาประสาน
แม้พ่ายแพ้ซ้ำๆ สะบักสะบอมน่าอนาถ แต่กลับมีความสุข
……
สิบกว่าวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทางนี้ไม่ได้ราบเรียบ ตรงกันข้ามกลับเต็มไปด้วยอันตรายและเคราะห์สังหาร
ศัตรูก็ราวกับพิษที่ฝังอยู่ในกระดูก มักสามารถจับร่องรอยการเคลื่อนไหวของหลินสวินได้ในระยะเวลาที่สั้นที่สุด
หลังจากนั้นล้วนทำการเคลื่อนไหวล้อมสังหารอย่างต่อเนื่องกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า
แต่สำหรับหลินสวิน นี่ก็เหมือนเหยื่อมากมายที่เข้ามารนหาที่ตาย ระดับจักรพรรดิที่เก่งกาจ แน่นอนว่าให้เย่จื่อเป็นคนจัดการ
แต่ระดับกึ่งจักรพรรดิเหล่านั้น ให้หลินสวินเป็นคนจัดการ
น่าเสียดายที่ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินก็ไม่เจอคู่ต่อสู้ที่พอจะสู้ได้เลย
จากตอนแรกสุดที่พวกจักรพรรดิสงครามแรกสมโภชร่วงหล่น จนกระทั่งหลังจากนั้นที่เหล่าผู้กล้าทุกกลุ่มทยอยประสบเคราะห์ ข่าวก็ปิดไม่อยู่แล้ว
เผยแพร่ออกไประลอกแล้วระลอกเล่าดั่งกระแสน้ำ ถูกขุมอำนาจต่างๆ ที่กำลังตามจับหลินสวินรับรู้
“พวกจักรพรรดิสงครามแรกสมโภชร่วงหล่นแล้ว”
“พวกจักรพรรดิกระบี่นภาประสานก็พ่ายแพ้แล้ว”
“นอกเขาชุ่ยหยา พบศพของพวกจักรพรรดิแดนอุดร”
“พวกจักรพรรดิกระบี่สลาตัน แห่งเผ่านักรบผีสวรรค์หายไปหลายวันแล้ว ไม่มีข่าวใดๆ เผยแพร่มา เหมือนว่าประสบเคราะห์ไปแล้ว”
…กลิ่นอายต่างๆ ราวกับหิมะที่โปรยปราย เผยแพร่มาอย่างต่อเนื่อง
ทุกข่าวล้วนเรียกได้ว่าสะดุดใจ ทันใดนั้น ผู้แข็งแกร่งไม่รู้เท่าไหร่หมดหวัง และไม่รู้ว่ามีระดับจักรพรรดิเท่านั้นสั่นสะท้าน
ครั้งนี้เพื่อสังหารหลินสวิน ขุมอำนาจใหญ่เก่าแก่ในแคว้นกลางมรรคที่เรือนมรรคจักรวาล เรือนมรรคดึกดำบรรพ์ เรือนมรรคยุทธจักรสามเรือนมรรคใหญ่เป็นผู้นำ ร่วมมือกับขุมอำนาจสิบเผ่านักรบใหญ่และกลุ่มเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ลงมือพร้อมกัน เรียกได้ว่าอานุภาพเกรียงไกร ขบวนแข็งแกร่งยิ่งใหญ่อย่างที่สุด
จากที่รวบรวมเพียงแค่ระดับจักรพรรดิ ก็เคลื่อนไหวออกมาเกือบยี่สิบคนแล้ว!
ผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ที่เข้าร่วมการต่อสู้ คนที่อ่อนแอที่สุดก็มีพลังปราณระดับกึ่งจักรพรรดิ จำนวนมากมายมหาศาล ล้วนอาละวาดบนล่างทางเดินโบราณฟ้าดาราอย่างไม่เกรงเกรง
เดิมทีคิดว่า คู่ต่อสู้จะเป็นแค่มกุฎกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง ไม่มีทางสร้างความฮือฮาอะไรได้
แต่ตอนนี้ สิบกว่าวันที่ตามฆ่า กลับพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง แม้แต่ระดับจักรพรรดิยังสูญเสียและร่วงหล่นคนแล้วคนเล่า!
นี่จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไร
ระดับจักรพรรดิ สูงส่งชั้นเลิศ สยบทั่วหล้า ในระยะเวลาไม่รู้เท่าไหร่ที่ศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิบรรพกาลสิ้นสุดลงจนถึงตอนนี้ แทบไม่เคยได้ยินเรื่องที่ระดับจักรพรรดิร่วงหล่นเกิดขึ้น
แต่หลังจากการประชันหมากครั้งใหญ่ครั้งนั้นสิ้นสุดลง ระดับจักรพรรดิผู้สูงส่งที่ทำได้เพียงชื่นชม ร่วงหล่นดวงแล้วดวงเล่าราวกับดาวหาง
นี่เดิมทีก็ทำให้ทั่วหล้าตกอยู่ในความโกลาหล เกิดความฮือฮาที่กระทบทั่วหล้า ใครจะคิดว่า หลังจากการประชันหมากครั้งใหญ่จบลง เพียงแค่ตอนตามจับเศษซากตระกูลสารเลวคนหนึ่งของคีรีดวงกมลเท่านั้น กลับเกิดเรื่องราวนองเลือดที่จักรพรรดิร่วงหล่นราวกับพิรุณอีกครั้ง
สิ่งที่ทำให้ทุกคนไม่สามารถรับได้คือ คนที่สังหารระดับจักรพรรดิเหล่านั้น เป็นเพียงแค่คนรุ่นเยาว์ที่มีพลังปราณมกุฎกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งเท่านั้น!
ขุมอำนาจใหญ่เหล่านั้นเพิ่งจะตระหนักได้อย่างกะทันหันว่า เป้าหมายที่จะสังหารในครั้งนี้ กลับรับมือยากขึ้นมา
“ทุกคนต้องระวัง เจ้าหมอนี่มีวิญญาณกระบี่ติดตามอยู่ พลังสังหารน่าตกตะลึง ระดับที่ต่ำกว่าจักรพรรดิขั้นสาม ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของวิญญาณกระบี่นี่”
ไม่นาน ในที่สุดทุกคนก็ได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับวิญญาณกระบี่เย่จื่อ ทำให้ระดับจักรพรรดิเหล่านั้นต่างอดสูดหายใจเข้าด้วยความตกใจไม่ได้
วิญญาณกระบี่สายหนึ่งเท่านั้น กลับมีอานุภาพสังหารจักรพรรดิเช่นนั้นหรือ
คิดๆ แล้วชวนให้ใจสั่น
“นี่จะต้องเป็นวิธีคงชีพที่พวกเศษซากตระกูลสารเลวคีรีดวงกมลทิ้งไว้ให้เจ้าหมอนี่ก่อนไปอย่างแน่นอน!”
“รีบขอความช่วยเหลือ ข้าว่า มีเพียงแค่ผู้ยิ่งใหญ่ที่เหนือกว่าระดับจักรพรรดิขั้นห้าเท่านั้น จึงจะสามารถกำราบวิญญาณกระบี่นั่นได้”
“แต่…เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ที่เข้าร่วมศุภโชคเหล่านั้นส่วนใหญ่ล้วนก้าวสู่มรรคาแห่งฟากฟากฝั่งฟ้าดาราแล้ว ผู้ยิ่งใหญ่ที่เหลือต้องควบคุมสถานการณ์อยู่ในประตูเมือง จะเชิญมาง่ายๆ ได้อย่างไร”
“เชิญไม่ได้ก็ต้องเชิญ! เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ หากฆ่าไอ้สารเลวตัวเล็กๆ นี่ไม่ได้ ทั้งเบื้องบนและล่างทางเดินโบราณฟ้าดาราจะมองเราอย่างไร”
เหล่าขุมอำนาจใหญ่ที่ตามฆ่าหลินสวินปรึกษาหารือแผนการอย่างใกล้ชิด สุดท้ายตัดสินใจว่าจะขอความช่วยเหลือจากสำนักที่อยู่เบื้องหลัง เพื่อกำราบสังหารวิญญาณกระบี่ข้างกายหลินสวิน!
“วิญญาณกระบี่เช่นนั้นหรือ”
เรือนมรรคยุทธจักร ในถ้ำใต้ดินที่มืดสลัวและเย็นเยียบแห่งหนึ่ง ชายที่รูปร่างผอมราวกับฟืนคนหนึ่งลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน สายตานั่นราวกับกระบี่ฟ้าที่สะดุดตา ส่องสว่างถ้ำอันมืดสลัว
ข้างๆ คนใช้ชราคนหนึ่งพูดอย่างเคารพ “ใช่แล้ว จากที่ได้ยินวิญญาณกระบี่นั่นดุดันอย่างที่สุด ระดับที่ต่ำกว่าจักรพรรดิขั้นสาม ล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา หากไม่ใช่เพราะมีเขาขัดขวาง ไอ้สารเลวสกุลหลินนั่นถูกเขา…”
ไม่รอพูดจบ ก็ถูกชายที่ผอมแห้งราวกับฟืนนั่นตัดบท “ข้าสนใจแค่วิญญาณกระบี่!”
ว่าแล้วเขาก็ลุกขึ้นยืน ทันใดนั้น พลันราวกับกระบี่เทพที่หลับใหลมาพันโบราณเล่มหนึ่งเผยประกายแหลมคมในความมืด กลิ่นอายอันน่ากลัวแพร่กระจาย กดขี่จนคนใช้ชราคนหนึ่งนั่งหมอบบนพื้น แทบจะหยุดหายใจ
“บอกร่องรอยของวิญญาณกระบี่นั่นกับข้า”
ชายรูปร่างผอมแห้งเดินออกไป
“รับทราบ!”
คนใช้ชราตอบรับเสียงสั่น
วันนี้ จักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งแห่งเรือนมรรคยุทธจักรที่ปิดด่านมาสามหมื่นเก้าพันปีเดินออกจากถ้ำ หมายจะจับวิญญาณกระบี่เพื่อใช้เอง
ได้รู้ข่าวนี้ เหล่าขุมอำนาจที่ตามจับหลินสวินต่างโล่งอกอย่างไม่มีข้อยกเว้น คาดหวังอย่างควบคุมไม่อยู่
จักรพรรดิกระบี่เยือกแข็ง การดำรงอยู่อันน่ากลัวที่เข้าถึงขั้นที่หกแห่งระดับจักรพรรดิ มรรคกระบี่ทั้งชีวิต แข็งแกร่งชั้นเลิศ พลังอำนาจยิ่งใหญ่!
ตอนที่ไท่ซูหงเจ้าสำนักเรือนมรรคโลกาสวรรค์รู้ข่าวนี้ ยังอดขำออกเสียงไม่ได้
จักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างที่สุดคนหนึ่งจริงๆ แต่เมื่อเทียบกับระดับจักรพรรดิมากมายที่เข้าร่วมการประชันหมากครั้งใหญ่ ก็ไม่ได้แข็งแกร่งถึงไหน ถึงขั้นสู้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
อย่าว่าแต่เหล่าผู้สืบทอดคีรีดวงกมลเลย แม้ซย่าสิงเลี่ยจักรพรรดิกระบี่ยอดมารลงมือ ยังสามารถกำราบจักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งนี่ได้อย่างง่ายดาย!
“จะโทษก็ต้องโทษที่แมวไม่อยู่ หนูร่าเริง…”
ไท่ซูหงส่งเสียงถอนหายใจ สายตามองไปยังส่วนลึกของฟ้าดารา
พอมรรคาที่เชื่อมสู่ฟากฟากฝั่งฟ้าดาราปรากฏขึ้น ช่วงที่ผ่านมานี้ เบื้องบนและล่างทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้ เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่จำศีลมานานแล้วไม่รู้เท่าไหร่จากไป และไม่รู้ว่ามีระดับจักรพรรดิเท่าไหร่ก้าวสู่การเดินทางสู่อีกฝั่ง
แม้แต่ในเรือนมรรคโลกาสวรรค์ เดิมมีเฒ่าดึกดำบรรพ์บรรพจารย์จักรพรรดิเก้าคนควบคุมสถานการณ์ แต่ตอนนี้จากไปจนเหลือเพียงสองคนแล้ว!
เทียบกันเช่นนี้ ในขุมอำนาจใหญ่อื่นๆ ก็ต้องเป็นเช่นนี้!
พอบรรดาการดำรงที่ติดอยู่ในระดับบรรพกาลหลายปีเห็นความหวังที่จะทะลวงระดับปรากฏ ใครยังจะจำยอมอยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดาราต่อ
ไท่ซูหงเองก็อยากไปฟากฝั่งฟ้าดารา แต่เขาไปไม่ได้
เพราะเขาคือเจ้าสำนักเรือนมรรคโลกาสวรรค์
ไท่ซูหงรู้ดีว่า แม้พวกเจ้าเฒ่าที่จากไปมากมาย แต่ก็มีเจ้าเฒ่าจำนวนไม่น้อยอยู่ต่อ
เหตุผลถือว่าเดาง่าย ’ฟ้า’ …ของทางเดินโบราณฟ้าดาราเปลี่ยนแล้ว!
ในอนาคต ขุมอำนาจและสถานการณ์ทั่วหล้าจะล้างไพ่ใหม่อีกครั้ง ดูซิว่าขุมอำนาจใหญ่ใดจะคว้าโอกาสไว้ได้!
“พวกเจ้าน่ะ เพื่อล้างความอับอายเสียที่ไหน เห็นได้ชัดว่าเพื่อศุภโชคและวาสนาบนตัวของเจ้าหมอนี่ก็เท่านั้น…”
ไท่ซูหงเผยสีหน้าขี้เล่น ราวกับเย้ยหยันและเหมือนถอนใจ
ความแข็งแกร่งของคีรีดวงกมล พอหลังจากการประชันหมากครั้งใหญ่ครั้งนั้นสิ้นสุดลง ทำให้ทั้งทางเดินโบราณฟ้าดาราต่างตะลึงนานแล้ว
ส่วนหลินสวินนั่น มีมรดกดวงกมลกับตัวและควบคุมศุภโชคบรรลุจักรพรรดิ ใครสามารถจับเขาได้ ก็จะได้รับผลประโยชน์ที่เหนือจินตนาการ
นี่จึงเป็นเหตุผลที่การตามฆ่าครั้งแรกมีขุมอำนาจใหญ่มากมายขนาดนั้นลงมือพร้อมกัน!
ไม่เช่นนั้น เพียงเพื่อระบายความโกรธ ใครจะเสียพลังเพียงนี้ เคลื่อนกำลังระดับจักรพรรดิมากมายเพียงนี้
ไท่ซูหงเห็นทุกอย่างในสายตา แม้ในใจดูถูกการกระทำเช่นนี้ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้มีความคิดที่จะเข้าร่วมอยู่แล้ว
ว่ากันถึงแก่นแท้ เรือนมรรคโลกาสวรรค์สามารถดำเนินอยู่จนถึงตอนนี้ได้ สิ่งที่พึ่ง สิ่งแรกคือรากฐานพลังของตนแข็งแกร่งพอ สิ่งที่สองคือตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีท่าที ‘เป็นกลาง’ มาโดยตลอด!
แต่ช่วงนี้ไท่ซูหงกลับจิตใจไม่สงบนัก
เขามีลางสังหรณ์หนึ่ง ตอนที่จอมจักรพรรดิไร้นามคนต่อไปปรากฏตัว บนทั้งทางเดินโบราณฟ้าดารา จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ไม่สามารถคาดเดาได้อย่างแน่นอน!
………………………..