สำหรับขุมอำนาจใหญ่ที่ตามฆ่าหลินสวินเหล่านั้น จักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งก็คือผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา
มีเขาอยู่ ก็สามารถกำราบวิญญาณกระบี่ที่ดุร้ายอย่างที่สุดนั่นได้
หากไม่มีเขา ใครก็ไม่โง่ไปรนหาที่ตาย
เพราะฉะนั้น พอจักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งปรากฏตัว พวกเขาก็ปรากฏตัวตามมา ทั้งยังดำเนินการปิดล้อมฟ้าดินแถบนี้
รอบด้านเต็มไปด้วยอันตรายและความกดดันไปทั้งแถบ
จักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งทำเช่นนี้เพราะวิญญาณกระบี่เย่จื่อ ส่วนผู้แข็งแกร่งขุมอำนาจใหญ่อื่นๆ ทำเพื่อสังหารหลินสวิน
พูดให้ถูกต้องกว่าคือ เพื่อช่วงชิงมรดกและศุภโชคบนตัวหลินสวิน!
ทว่าสำหรับหลินสวิน ภาพตรงหน้ายังไม่อาจทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงได้สักนิด ยังคงนิ่งสงบและใจเย็น
ตั้งแต่การตามฆ่าครั้งนี้เริ่มต้นขึ้น หลินสวินก็ไม่เคยกลัว หรือพูดอีกอย่างว่า เขามีความมั่นใจจนไม่ต้องเกรงกลัวทั้งหมดนี้
เพราะฉะนั้นระหว่างทาง หากเขาไม่ทำสมาธิ ก็จะเรียกจักรพรรดิกระบี่นภาประสานมาประลองแลกเปลี่ยนฝีมือกัน ไม่เคยมีความลนลานหรือกังวลใดๆ
แม้ตอนนี้ถูกปิดล้อมก็เป็นเช่นนี้
เพียงแต่เห็นได้ชัดมาก ว่าศัตรูเหล่านั้นล้วนคิดว่าเขายากจะหนีเคราะห์พ้นแล้ว
ส่วนสีหน้าของวิญญาณกระบี่เย่จื่อตอนนี้ก็เคร่งขรึมและตึงเครียดขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาพูดเสียงเบา “หากสู้สุดชีวิต ข้าสามารถเปิดทางรอดให้เจ้าได้ แต่ตั้งแต่วันนี้ไป… เจ้าจะต้องเดินทางคนเดียวแล้ว…”
ในเสียงมีความเด็ดเดี่ยวและความเสียดายอันคลุมเครือ
คล้ายว่าเขาคุ้นชินชีวิตที่เดินทางพร้อมกับหลินสวินแล้ว
ในใจหลินสวินซาบซึ้งอย่างไม่ทราบสาเหตุ เอ่ยว่า “เย่จื่อ ฟังข้า คนพวกนี้… ยังไม่คุ้มค่าให้เจ้าแลกชีวิต”
เย่จื่ออึ้ง
และตอนนี้เอง จักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งก็เอ่ยปาก “ติดตามข้า ในอนาคตจะต้องทำให้ชื่อของเจ้าโด่งดังไปทั่วโลกอย่างแน่นอน”
เขาตาเป็นประกาย จ้องเย่จื่อไม่ละสายตา ราวกับเจอสมบัติล้ำค่าหายากที่ปรารถนามานาน
วิญญาณกระบี่ที่สามารถสังหารผู้แข็งแกร่งที่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิชั้นสาม… หายากเกินไปแล้ว! ถึงขั้นเรียกได้ว่าไม่เคยมีมาก่อน!
เขามั่นใจว่าหากมีเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่เป็นบรรพจารย์กระบี่ชั้นหนึ่งอยู่ จะต้องเกิดความปรารถนาหมายจะครอบครองที่ไม่อาจระงับได้เหมือนตนอย่างแน่นอน
ส่วนหลินสวิน ถูกเขามองข้ามโดยสมบูรณ์แล้ว
เศษเดนคีรีดวงกมลคนหนึ่ง คนรุ่นหลังระดับกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งเท่านั้น ในการประชันหมากครั้งใหญ่นั่น หากไม่ใช่เพราะมีคนคุ้มครองคงตายไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
และเช่นเดียวกัน ในการตามฆ่าครั้งนี้ หากไม่ใช่เพราะมีวิญญาณกระบี่คุ้มกัน เจ้าหมอนี่ไม่มีทางอยู่รอดจนถึงตอนนี้
ฉัวะ!
สิ่งที่ตอบกลับจักรพรรดิกระบี่เยือกแข็ง กลับเป็นหนึ่งกระบี่ของเย่จื่อ ปราณกระบี่ราวสุริยันดวงโตพาดขวางกลางอากาศ เจิดจ้าแรงกล้า ปกคลุมทั่วฟ้า น่าสะพรึงกลัวไร้ขอบเขต
ผู้แข็งแกร่งไม่รู้เท่าไหร่ในใจหวาดกลัว ตกใจกับอานุภาพกระบี่นี้ ระดับจักรพรรดิหลายคนต่างกลั้นหายใจ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
วิญญาณกระบี่นี่ดุร้ายจนน่ากลัวตามคาด!
ทว่าในสายตาของจักรพรรดิกระบี่เยือกแข็ง ความองอาจของหนึ่งกระบี่นี้ยิ่งทำให้ในใจเขายิ่งมาดมั่น หมายจะกำราบเย่จื่อให้ได้
เหลือเชื่อเกินไปแล้ว วิญญาณกระบี่ดวงหนึ่งเท่านั้น กลับมีปราณกระบี่ชั้นเลิศเช่นนี้ เหนือกว่าที่เขาคาดไว้โดยสมบูรณ์
ตูม!
แม้ในใจจะคิดอยู่ แต่การกระทำของจักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งก็ไม่ได้ล่าช้า ฝ่ามือคว้าออกไป ปราณกระบี่แถบหนึ่งควบรวม กลายเป็นค่ายกลกระบี่ที่เย็นเยียบเสียดกระดูกทะยานออกมา
ปราณกระบี่แน่นขนัด พลังกฎเกณฑ์ชั้นสูงของระดับจักรพรรดิไหลพล่าน เจตกระบี่แผ่ออกมาทำให้ฟ้าดินปกคลุมด้วยหิมะน้ำแข็งชั้นหนึ่ง
วู้ม!
กระบี่ที่เย่จื่อฟันออกมาราวกับปลาที่แข็งตัวในชั้นน้ำแข็ง หยุดชะงักกลางอากาศ จากนั้นแตกสลายทุกกระเบียด
และค่ายกลกระบี่ที่เย็นเยียบเสียดกระดูกนั่นก็ปกคลุมไปทางเย่จื่อ ราวกับกรงขังที่มาเยือนจากฟ้า ปิดทางหนีสี่ทิศแปดด้านของเย่จื่อ
เงาร่างของเย่จื่อพริบวาบ กลายเป็นปราณกระบี่ดุจมายาเป็นริ้วๆ พุ่งออกจากค่ายกลกระบี่อย่างง่ายดาย
“เยี่ยม!”
จักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งอดชมไม่ได้ “เยี่ยมจนไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้!”
ฆ่า!
ผู้ฝึกปราณของแต่ละขุมอำนาจใหญ่อย่างพวกจักรพรรดิสงครามตะวันมงคลเปิดฉากล้อมโจมตีในยามนี้
เป้าหมายพุ่งตรงไปที่หลินสวินคนเดียว
ในดวงตาเย่จื่อวาบประกายคมกริบ เพิ่งคิดจะช่วยก็ถูกจักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งที่โจมตีเข้ามาขวางกั้นเอาไว้
“คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า” สีหน้าของจักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งเต็มไปด้วยความเร่าร้อน แววตาเหมือนจะกลืนกินวิญญาณกระบี่เย่จื่อทั้งเป็น
“ไสหัวไป!”
เย่จื่อแผ่เจตกระบี่ดุร้ายที่น่ากลัวล้นฟ้าออกมา หมายจะสู้สุดชีวิต
แม้พลังต่อสู้ของหลินสวินจะเย้ยฟ้า แต่ถึงอย่างไรก็เป็นแค่มกุฎกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง จะต้านการเข่นฆ่าของผู้แข็งแกร่งขุมอำนาจใหญ่ทั้งกลุ่มได้อย่างไร
ชั่วขณะนี้เย่จื่อร้อนรนอย่างแท้จริงแล้ว
ตลอดเวลาที่ผ่านมา หลินสวินเป็นคนเดียวที่ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยมาก แม้ความทรงจำของเขาจะขาดหายไปมากนานแล้ว
ทว่าความรู้สึกของเขายังอยู่!
ชั่วขณะนี้ เย่จื่อได้กระทำสิ่งที่เหนือความคาดหมายของทุกคน
เขาทิ้งโอกาสที่จะต้านการโจมตีของจักรพรรดิกระบี่เยือกแข็ง หมุนตัวไปอย่างไม่ลังเล พุ่งไปทางหลินสวิน
เด็ดเดี่ยวขนาดนั้น!
แววประหลาดแวบผ่านดวงตาของจักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งอย่างอดไม่อยู่
วิญญาณกระบี่มีความจงรักภักดีต่อนายของมันอย่างแท้จริง และนี่ก็คือจุดที่จักรพรรดิกระบี่ทุกคนให้ความสำคัญมากที่สุด
แต่จักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งรู้ดีว่า นายของเย่จื่อไม่มีทางเป็นมกุฎกึ่งจักรพรรดิอย่างหลินสวิน แต่ตอนนี้เย่จื่อกลับทำเช่นนี้!
ตอนที่หลินสวินเห็นภาพนี้ยังอดอึ้งงันไม่ได้ ในใจปั่นป่วนยิ่งยวด
เขาเพิ่งจะตระหนักได้ ว่าที่แท้ในใจเย่จื่อตนถึงกับสำคัญถึงเพียงนี้ สำคัญจนเขาไม่ห่วงแม้แต่ชีวิต…
ตูม!
ฟ้าดินปั่นป่วน
ทุกคนต่างดูออกว่า แม้เย่จื่อสามารถช่วยหลินสวินคลี่คลายสถานการณ์ได้ แต่จะต้องบาดเจ็บหนักเพราะการโจมตีของจักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งอย่างแน่นอน
นี่ก็เหมือนเงื่อนตายที่ไม่สามารถแก้ได้
หรือพูดอีกอย่างได้ว่า เย่จื่อไม่ห่วงชีวิตแล้วจริงๆ!
แต่ในช่วงเวลาที่อันตรายอย่างที่สุดนี้ เสียงอุทานอันแผ่วเบาเสียงหนึ่งดังขึ้น
“เขาไม่ใช่นายของเจ้าด้วยซ้ำ เหตุใดต้องปกป้องด้วยชีวิต…”
ยามเสียงนี้ดังขึ้น เงาแสงที่ราวกับภาพมายาดวงหนึ่งอุบัติ กลายเป็นเงาร่างที่สูงเพรียวสง่างามสายหนึ่ง
นางยกมือขึ้น
วิญญาณกระบี่เย่จื่อที่สูงเพียงสามชุ่นก็ไปอยู่ในฝ่ามือนาง
ในขณะเดียวกันระหว่างที่นางยกมือขึ้น จักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งราวกับถูกภูเขาใหญ่กระแทก ร่างกายกระเด็นถอยออกไปอย่างรุนแรง กระแทกห้วงอากาศจนทรุดตัว
ยามที่เขาทรงตัวได้ ก็กระอักเลือดอย่างกลั้นไม่อยู่ออกมาคำหนึ่ง!
ผู้แข็งแกร่งของขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ที่โจมตีใส่หลินสวินเหล่านั้น ไม่ว่าจะระดับจักรพรรดิหรือระดับกึ่งจักรพรรดิคนอื่นๆ ล้วนหยุดชะงักในชั่วขณะนี้ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
การโจมตีเดียวซัดจนจักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งถอยกระเด็น นี่เป็นใครกัน!?
ก็เห็ฯว่าในสนามรบ เงาร่างที่ราวกับภาพมายานั่นสง่างาม ผิวกายภายนอกทับซ้อนด้วยกฎเกณฑ์ที่ราวกับสายโซ่ระเบียบ ละอองแสงพร่างพรมดุจหมอกควัน ขับให้นางดูโดดเด่นลึกลับ
เงาร่างนี้ ย่อมต้องเป็นซี
หลังจากนางปรากฏตัวก็เมินเหล่าผู้กล้าทั้งหมด มองไปยังเย่จื่อที่อยู่บนฝ่ามือ น้ำเสียงแฝงความปวดใจ “ที่แท้ก็เหมือนข้า เป็นคนน่าสงสารคนหนึ่ง…”
เย่จื่อมองนางอย่างฉงนแวบหนึ่ง
หลินสวินอธิบายอยู่ข้างๆ “นี่คือ… ผู้อาวุโสซี เมื่อครู่นี้ข้าก็บอกเจ้าแล้วว่าอย่าเอาชีวิตเข้าแลก มันไม่คุ้ม เหตุใดเจ้าถึงไม่ฟัง”
เสียงแฝงความกล่าวโทษเสี้ยวหนึ่ง
ไม่รอเย่จื่อเอ่ยปาก ซีก็ผินหน้าไปมองหลินสวินคราหนึ่ง เอ่ยว่า “เจ้ายังรู้ว่าต้องให้ข้าช่วยด้วยหรือ”
ในเสียงแฝงความขุ่นเคืองเสี้ยวหนึ่ง
หลินสวินสีหน้าแข็งทื่อ อึดอัดใจเล็กน้อย
ในการประชันหมากครั้งใหญ่นั้น เดิมทีซีจะลงมือ ใครจะคิดว่าเหล่าศิษย์พี่คีรีดวงกมลทยอยปรากฏตัว ทำเอาซีที่เตรียมพร้อมลงมือนานแล้วกลายเป็น ‘ผู้ชม’ อีกครั้ง
ตอนนี้ในน้ำเสียงของซีเผยความไม่พอใจเสี้ยวหนึ่ง เกรงว่าคงเพราะหลายปีมานี้ น้อยมากที่เขาจะเป็นฝ่ายขอความช่วยเหลือจากซี
บางทีนี่อาจจะทำให้ซีรู้สึกไม่คุ้นชิน ราวกับว่าหลังจากนกน้อยปีกกล้าขาแข็ง ก็ไม่ต้องการให้อินทรีคุ้มกันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
การเปลี่ยนแปลงของสภาวะจิตที่ละเอียดอ่อนนี้ ยากจะใช้คำพูดที่ตรงตัวมาอธิบาย
จักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งสีหน้าอึมครึม หว่างคิ้วเผยความตึงเครียด
ผู้แข็งแกร่งที่มาจากขุมอำนาจอื่นๆ ก็ประหลาดใจและสงสัยเช่นกัน ในใจหวาดหวั่น
การปรากฏตัวของซี ทำให้พวกเขาต่างมีลางสังหรณ์ไม่ดี เพราะฉะนั้นแม้เห็นนางคุยกับหลินสวินเหมือนอยู่กันสองคนบนโลก ก็ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวโดยพลการ
ถึงขั้นที่มีความคิดจะถอยหนีไม่ฆ่าคนแล้ว!
“เย่จื่อ”
ซีเคลื่อนสายตาไปมองวิญญาณกระบี่ในฝ่ามืออีกครั้ง เสียงที่ใสเย็นราวกับน้ำแข็งนั่นยังอ่อนโยนลงมากอย่างยากจะได้เห็น
“หืม?”
เย่จื่อประหลาดใจอยู่บ้าง เขาสามารถรับรู้ได้อย่างฉับไว ว่าหญิงลึกลับจนผู้คนมองไม่ทะลุตรงหน้าคนนี้ เหมือนจะ… ปกป้องดูแลตนเป็นพิเศษ…
“ข้าฆ่าเจ้าเฒ่าพวกนั้นให้เจ้าเป็นอย่างไร”
เสียงของซียิ่งอ่อนโยนกว่าเดิม เพียงแต่คำที่นางพูดออกมากลับเต็มไปด้วยไอสังหารที่ไม่ปกปิดสักนิด
จักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งแค่นเสียงเย็นเยียบ ในใจกลับแตกตื่นระลอกหนึ่ง และเริ่มคำนวณว่าหากลงมือเต็มกำลัง ความเป็นไปได้ที่จะชนะมีเท่าไหร่
เย่จื่อคิดๆ แล้วชี้ไปที่หลินสวิน เอ่ยว่า “ไม่ใช่ช่วยข้า ช่วยเขาต่างหาก แล้วก็ ข้าไม่ชอบให้ใครช่วย”
ในใจหลินสวินพลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ลอบตัดสินใจว่าต่อไปจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยรักษาเย่จื่อ!
กลับเห็นซีหัวเราะเสียงเย็น “เจ้าหมอนี่อวดดียิ่ง ไม่ต้องการความช่วยเหลือหรอก”
สาบานกับฟ้า ว่านี่เป็นครั้งแรกที่หลินสวินได้เห็นซีเหน็บแนมตน พลันรู้สึกทั้งตกใจและประหลาดใจ สุดท้ายก็กลายเป็นยิ้มขื่น
จนกระทั่งตอนนี้เขาถึงตระหนักได้ว่า ซีเหมือนจะเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เมื่อก่อนนางเหมือนเทพธิดาบนสวรรค์ เย็นชาและเย่อหยิ่ง แทบไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ
ทว่าหลายปีมานี้ เหมือนว่าในที่สุดนางก็แปดเปื้อนมลทินบนโลก เผยการเปลี่ยนแปลงอันละเอียดอ่อนของคลื่นอารมณ์และความรู้สึกบ้าง
นี่แน่นอนว่าเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง
เพียงแต่ตอนนี้หลินสวินทำได้เพียงยิ้มขื่น ซีกำลังตำหนิว่าหลายปีมานี้ยามเจอเรื่องอันตรายที่ไม่อาจคาดเดา ตนกลับไม่เอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากนางอีก…
นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นความห่วงใยอีกแบบหนึ่ง
เขา… ยังจะพูดอะไรได้
“เขาไม่เอ่ยปากกับเจ้า เพียงแค่อยากพิสูจน์ว่าตนแข็งแกร่งมากพอแล้ว แต่ตอนนี้เจ้าออกหน้า ก็เท่ากับกำลังช่วยเขา”
เย่จื่อคิดๆ แล้วพูดว่า “แม้ข้าไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างพวกเจ้า แต่ข้ารู้ว่า มีเพียงคนที่รู้สึกผูกพันกันจึงจะทำเช่นนี้”
หลินสวินอึ้ง
ซีเองก็อึ้ง
ทั้งสองสบตากันแวบหนึ่ง รู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว
“ในฐานะวิญญาณกระบี่ เจ้าจะเข้าใจเรื่องความรู้สึกอะไร”
ซีเคาะศีรษะเล็กของเย่จื่อคราหนึ่ง “พอแล้ว จะให้ศัตรูรอนานไม่ได้ ข้าจะไปฆ่าศัตรู”
ว่าแล้วนางก็เคลื่อนสายตาไปมองจักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งที่อยู่ไกลๆ
พริบตานี้นางเหมือนกลับไปเป็นเทพเซียนที่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง แผ่วพลิ้วดุจมายาอีกครั้ง
และก็เป็นพริบตานี้ที่จักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งขนลุกไปทั้งตัว ความมั่นใจที่พอจะมีอยู่ในตอนแรกพลันหายไปสิ้น
เขามีเพียงความคิดเดียว…
หนี!