ตอนที่ 2059 สามขั้นเก้าระดับแห่งศาสตราจักรพรรดิ
ก่อนหน้านี้ตอนที่ฐานะของหลินสวินยังไม่ถึงกับมั่งคั่ง ทำได้เพียงเอาสมบัติอริยะทั่วไปออกมาให้วิญญาณอาวุธอู้เชวียหลอมและดูดซึม
ในหลายปีมานี้ ทรัพย์หลังศึกหลังการเข่นฆ่าทุกครั้ง สมบัติส่วนใหญ่ล้วนกลายเป็น ‘ลูกกลอนโอสถ’ ในการฟื้นฟูพลังดั้งเดิมของอู้เชวีย
ทว่าตั้งแต่เขตต้องห้ามเซียนโบราณเป็นต้นมา พอได้รับสมบัติจักรพรรดิมากขึ้น หลินสวินก็เริ่มใช้ศาสตราจักรพรรดิเป็นลูกกลอนโอสถให้กับอู้เชวีย
เรียกได้ว่าร่ำรวยใจใหญ่ มั่งคั่งทะลวงฟ้า!
หากพวกระดับจักรพรรดิรู้ จะต้องก่นด่าว่า ‘ฟุ่มเฟือย’ อย่างแน่นอน
จนกระทั่งหลังจากพบว่าวิญญาณอาวุธของดาบหักก็ปฏิเสธความเย้ายวนของศาสตราจักรพรรดิไม่ได้ จำนวนศาสตราจักรพรรดิที่หลินสวินมีจึงเริ่มลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
ช่วยไม่ได้ ฐานะจะมั่งคั่งเพียงใด มี ‘จอมเขมือบ’ ที่กินจุอย่างอู้เชวียและวิญญาณของดาบหักอยู่ก็ต้านได้ไม่นาน
อย่างเช่นตอนนี้ ศาสตราจักรพรรดิในร่างหลินสวิน นอกจากเจดีย์ไร้สิ้นสุด สามพันเคลื่อนคล้อย และพวกศาสตราจักรพรรดิคุนหลุนอย่างดาบไร้วิชา ขวดไร้ขอบเขตที่ไม่สามารถแตะต้องได้ ศาสตราจักรพรรดิอื่นที่สามารถเป็น ‘ลูกกลอนโอสถ’ ได้เหลือเพียงไม่ถึงยี่สิบชิ้นแล้ว
แน่นอนว่า ศาสตราจักรพรรดิยี่สิบชิ้นยังคงเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งอย่างที่สุด แต่หลินสวินกลับเริ่มกังวลแล้ว
ทุกๆ ประมาณสามวัน อู้เชวียและวิญญาณดาบหักจะสามารถกลืนกินแก่นพลังที่อยู่ในศาสตราจักรพรรดิชิ้นหนึ่งจนสิ้นซาก
อิงจากความเร็วในการบริโภคเช่นนี้ ไม่เกินสามเดือนศาสตราจักรพรรดิยี่สิบชิ้นนี้ก็จะหมดแล้ว!
หากไม่มีศาสตราจักรพรรดิมาเพิ่ม จะตอบสนองความอยากของอู้เชวียและวิญญาณดาบหักได้อย่างไร
ในตัวหลินสวินไม่ขาดเจตวัตถุระดับที่เป็นสมบัติจากธรรมชาติ แต่อู้เชวียและวิญญาณดาบหักไม่ได้ต้องการ
ก็เหมือนคนที่กินหรูจนชินแล้ว ก็จะไม่เห็นค่าอาหารทั่วไป
สิ่งที่ทำให้หลินสวินจนคำพูดคือ กลืนกินศาสตราจักรพรรดิไปมากมายขนาดนั้น ไม่ว่าจะเป็นอู้เชวียหรือวิญญาณดาบหักก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด…
มีทีท่าว่าจะเป็นการเสียของดีไปเปล่าๆ
แต่จากที่ซีพูด ธนูวิญญาณไร้แก่นสารและดาบหักล้วนไม่ธรรมดา มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นสมบัติชั้นเลิศขั้นวิญญาณของศาสตราจักรพรรดิ!
ศาสตราจักรพรรดิทั่วไปไม่สามารถเปรียบได้
ตอนนี้แก่นพลังศาสตราจักรพรรดิที่อู้เชวียและวิญญาณดาบหักดูดซึมกลืนกิน ล้วนเป็นการสั่งสมอย่างหนึ่ง เมื่อถึงระดับหนึ่งก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของคุณลักษณะ!
แน่นอน ซีเองก็พูดว่าธนูวิญญาณไร้แก่นสารและดาบหักไม่เคยฟื้นฟูอย่างแท้จริง และไม่สามารถตัดสินออกมาได้อย่างแม่นยำว่าพวกมันเป็นศาสตราจักรพรรดิระดับใด
แต่สามารถมั่นใจได้ว่า ศาสตราจักรพรรดิที่มีวิญญาณอาวุธ อย่างน้อยต้องเป็นขั้นวิญญาณ!
ก็เป็นตอนนี้เอง ที่หลินสวินได้รู้ถึงการแบ่งระดับขั้นของศาสตราจักรพรรดิอย่างชัดเจน
อิงตามความแตกต่างของอานุภาพและความมหัศจรรย์ ศาสตราจักรพรรดิแบ่งเป็นสามขั้นเก้าระดับ
‘สามขั้น’ แบ่งเป็น ขั้นลึกลับ ขั้นวิญญาณ และขั้นศักดิ์สิทธิ์
ในนั้น ศาสตราจักรพรรดิขั้นลึกลับ หมายถึงสมบัติที่ทะลวงความลึกลับ สั่งสมกฎเกณฑ์มรรคจักรพรรดิ สำแดงลายสมบัติมรรคจักรพรรดิ แบ่งเป็นระดับสูง กลาง ต่ำ สามระดับ
สำแดงลายสมบัติมรรคจักรพรรดิเก้าสาย เรียกได้ว่าเป็นสมบัติจักรพรรดิขั้นลึกลับระดับต่ำ
ศาสตราจักรพรรดิประเภทนี้พบบ่อยที่สุดในโลก
อย่างเช่นพวกศาสตราจักรพรรดิที่ถูกอู้เชวียและดาบหักกลืนกิน ส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในระดับนี้
สำแดงลายสมบัติมรรคจักรพรรดิได้ไม่เกินสี่สิบเก้าสาย เรียกได้ว่าเป็นสมบัติจักรพรรดิขั้นลึกลับระดับกลาง
ศาสตราจักรพรรดิขั้นลึกลับระดับกลาง ไม่ว่าจะเป็นอานุภาพหรือคุณลักษณะล้วนแตกต่างอย่างชัดเจน
สำแดงลายสมบัติมรรคจักรพรรดิห้าสิบเก้าสาย เรียกว่าเป็นสมบัติจักรพรรดิขั้นลึกลับระดับสูง
สมบัติจักรพรรดิระดับสูงล้ำค่าอย่างที่สุด ส่วนใหญ่อยู่ในมือขุมอำนาจใหญ่อย่างหกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบใหญ่ ทุกชิ้นล้วนมีการสืบทอดและที่มาอันเป็นเอกลักษณ์
นี่ก็คือ ‘ขั้นลึกลับสามระดับ’
……
ศาสตราจักรพรรดิขั้นวิญญาณ หมายถึงศาสตราจักรพรรดิทะลวงวิญญาณ หรือก็คือแฝงไว้ซึ่งวิญญาณอาวุธ มีจิตวิญญาณและสติปัญญาที่โดดเด่น
ศาสตราจักรพรรดิยขั้นวิญญาณก็แบ่งเป็นสูง กลาง ต่ำสามระดับเช่นเดียวกัน
ทุกระดับล้วนมีความมหัศจรรย์แตกต่างกัน
ศาสตราจักรพรรดิขั้นวิญญาณระดับต่ำ วิญญาณอาวุธสามารถเปลี่ยนแปลงเป็นรูปลักษณ์ชัดเจน แต่ยามต่อสู้กลับต้องใช้คู่กับศาสตราจักรพรรดิจึงจะสามารถสำแดงอานุภาพทั้งหมดออกมาได้
ศาสตราจักรพรรดิขั้นวิญญาณระดับกลาง มีสติปัญญา สามารถควบคุมการต่อสู้ของศาสตราจักรพรรดิ
ศาสตราจักรพรรดิขั้นวิญญาณระดับสูง มีมรรควิถี สามารถแยกจากศาสตราจักรพรรดิ ต่อสู้เพียงลำพัง และสามารถฝึกปราณหยั่งมรรคได้!
เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นศาสตราจักรพรรดิขั้นวิญญาณแบบใด ล้วนหายากและล้ำค่าอย่างที่สุด แม้ในบรรดาขุมอำนาจใหญ่อย่างหกเรือนมรรคใหญ่ ผู้ที่ครอบครองศาสตราจักรพรรดิก็มีน้อยมาก!
บนโลกนี้ขอเพียงปรากฏศาสตราจักรพรรดิขั้นวิญญาณชิ้นหนึ่ง ก็สามารถกลายเป็นเรื่องใหญ่สะเทือนทั่วหล้าอย่างแน่นอน ทำให้ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนกล่าวถึง
สิ่งที่ควรพูดถึงคือ แม้สมบัติอริยะบริสุทธิ์สามารถแปลงวิญญาณอาวุธออกมาได้ แต่ศาสตราจักรพรรดิขั้นวิญญาณกลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
อย่างเช่นตอนแรก หลินสวินเองก็คิดไม่ถึงว่าดาบหักจะมีที่มายิ่งใหญ่ เคี่ยวกรำมันในฐานะสมบัติอริยะบริสุทธิ์
ทว่ากระทั่งได้เจอวิญญาณของดาบหัก เขาถึงพบว่าสมบัติชิ้นนี้ไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่คิดไว้ และไม่ใช่สิ่งที่สมบัติอริยะจะเทียบได้
และตอนนี้ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้แล้วว่า ดาบหักไม่เพียงไม่ใช่สมบัติอริยะ ยังไม่ใช่สิ่งที่ศาสตราจักรพรรดิทั่วไปจะเทียบได้ด้วย!
……
ขั้นศักดิ์สิทธิ์ ศาสตราจักรพรรดิทะลวงความศักดิ์สิทธิ์!
ศาสตราจักรพรรดิขั้นนี้แข็งแกร่งและมหัศจรรย์ยิ่งกว่าขั้นวิญญาณ เพียงแต่หายากมาก เป็นเหมือนตำนานอย่างไรอย่างนั้น
ทั้งทางเดินโบราณฟ้าดารา ศาสตราจักรพรรดิขั้นศักดิ์สิทธิ์บางชิ้นที่รู้จักกันล้วนอยู่ในหกเรือนมรรคใหญ่
โดยทั่วไปแล้วหากไม่ถึงช่วงตัดสินเป็นตายอย่างแท้จริง ศาสตราจักรพรรดิขั้นศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ไม่มีทางถูกใช้ง่ายๆ
เล่าลือว่าศาสตราจักรพรรดิขั้นศักดิ์สิทธิ์ถูกเรียกอีกอย่างว่า ‘ยอดศาสตรามรรคจักรพรรดิ’ มีอานุภาพไร้ใดเปรียบที่สามารถกดข่มฟากฟ้า ทำลายล้างโลก!
……
ได้รู้เรื่องพวกนี้ หลินสวินถึงเพิ่งพบว่า อู้เชวียวิญญาณของธนูวิญญาณไร้แก่นสาร วิญญาณของดาบหัก บวกกับวิญญาณกระบี่เย่จื่อ เท่ากับในมือตนครอบครองศาสตราจักรพรรดิที่อย่างน้อยก็เป็นขั้นวิญญาณสามชิ้นแล้ว!
ที่บอกว่าอย่างน้อย เพราะพวกอู้เชวีย วิญญาณของดาบหัก เย่จื่อ ล้วนมีปัญหาที่รุนแรงอย่างหนึ่ง
นั่นก็คือเคยบาดเจ็บสาหัส ทำให้ก่อนที่พวกเขาจะฟื้นตัว จะไม่อาจรู้คุณลักษณะที่แน่ชัดของพวกเขาได้
นอกจากนี้ในมือเขายังมีเจดีย์ไร้สิ้นสุด สามพันเคลื่อนคล้อย และศาสตราจักรพรรดิคุนหลุนหลายชิ้น ล้วนไม่ใช่ที่สมบัติจักรพรรดิทั่วไปจะเทียบได้
พูดอย่างไม่เกินจริง จำนวนสมบัติจักรพรรดิที่ขุมอำนาจใหญ่ซึ่งเรียกได้ว่าสยบทั่วหล้าครอบครอง อาจไม่มากเท่าหลินสวินคนเดียว
หลินสวินเก็บต้นอ่อนต้นโพธิ์ หยิบศาสตราจักรพรรดิขั้นลึกลับระดับต่ำชิ้นหนึ่งออกมาเป็นลูกกลอนโอสถให้อู้เชวียและวิญญาณดาบหักฟื้นตัว พลางเอ่ยถามว่า
“เย่จื่อ เจ้าไม่ต้องการให้ข้าช่วยจริงหรือ”
เย่จื่อคือวิญญาณกระบี่ และเป็นวิญญาณอาวุธเช่นกัน แต่เขากลับแตกต่างจากอู้เชวียและวิญญาณของดาบหัก ไม่สนใจสมบัติจักรพรรดิ
เย่จื่อที่จำศีลอยู่ระหว่างเส้นผมของหลินสวินเงียบๆ พูดว่า “ร่างต้นของข้าถูกทำลายไปนานแล้ว ไม่สามารถดูดแก่นพลังของสมบัติจักรพรรดิได้ หมายจะฟื้นตัวทำได้เพียงฝึกด้วยตัวเอง”
หลินสวินพูดอย่างสนใจ “วิญญาณอาวุธฝึกวิชาอะไร”
สมบัติชิ้นหนึ่ง กลับกำเนิดร่างวิญญาณ มีสติปัญญาและชีวิต ทั้งยังสามารถก้าวสู่เส้นทางฝึกปราณได้ นี่เห็นได้ชัดว่าเหลือเชื่อมากอย่างไม่ต้องสงสัย
เย่จื่อพูด “เดิมทีข้าเกิดจากกระบี่จักรพรรดิ มหามรรคที่เสาะแสวงย่อมเกี่ยวข้องกับมรรคกระบี่ สำหรับมรดกที่ฝึก นายท่านของข้าให้มา นามว่า ‘แปดปีศาจสังหารเทพ’”
หลินสวินอดพูดไม่ได้ “นายท่านของเจ้าเป็นใคร”
เย่จื่อส่ายหน้า “ความทรงจำขาดหายไปนานแล้ว จำไม่ได้”
เสียงต่ำลึก แฝงความเลื่อนลอยเสี้ยวหนึ่ง
“เขาเหมือนกับข้า”
จู่ๆ เสียงของซีก็ดังขึ้น “บางทีอาจจะมีเพียงแค่ตอนฟื้นตัว จึงจะสามารถเรียกคืนความทรงจำที่ผ่านมาได้อีกครั้ง”
ซีหยุดไปครู่หนึ่งค่อยเอ่ยต่อ “เย่จื่อ แม้ร่างกายของเจ้าจะถูกทำลายไปแล้ว แต่อยากจะฟื้นฟูบาดแผลไม่ได้มีเพียงแค่การฝึกปราณเท่านั้น เท่าที่ข้ารู้ ‘ไอมารดาต้นกำเนิด’ สามารถช่วยเจ้าได้”
ไอมารดาต้นกำเนิด!
หลินสวินสูดหายใจสะท้าน นี่เป็นถึงพลังต้นกำเนิดที่ถือกำเนิดในสมัยแรกกำเนิด เร้นลับยิ่งยวด ถูกยกย่องให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ฟ้าประทาน
พูดถึงระดับความหายาก ไม่ด้อยกว่าไปศาสตราจักรพรรดิขั้นศักดิ์สิทธิ์ด้วยซ้ำ เป็นดั่งตำนานที่เลื่อนลอยอย่างที่สุด ได้ยินเพียงชื่อแต่ไม่เคยได้เห็น!
อย่างน้อยบนทางเดินโบราณฟ้าดารา ก็ยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครเคยได้รับไอมารดาต้นกำเนิด!
ตามคาด ก็เห็นเย่จื่อพูดว่า “ของล้ำค่าเช่นนี้ แม้เจอก็ใช่ว่าจะได้ครอบครอง ข้าไม่หวังว่าจะหาเจอ แม้ความเร็วในการฟื้นฟูพลังจะช้าไปสักหน่อย แต่สำหรับข้าก็เหมือนเดินบนเส้นทางมหามรรคอีกครั้ง กลับมีข้อดีไม่น้อย”
แม้เย่จื่อไม่หวังจะได้รับไอมารดาต้นกำเนิด แต่หลินสวินก็ยังจดจำไว้แล้ว
ในอนาคตหากมีความหวังเพียงเสี้ยว เขาก็ต้องช่วยเย่จื่อหาของสิ่งนี้ให้เจอ!
……
เวลาล่วงเลยไป หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ออกจากโลกใหญ่หงเหมิง
ยานข้ามโลกลำนี้ของเรือนเร้นหมอกแล่นเข้าสู่ส่วนลึกของ ‘เขตแดนดารารัตติกาล’ นานแล้ว ระหว่างทางมีปรากฏการณ์ประหลาดพิบัติฟ้าอันน่าสะพรึงกลัวปรากฏอยู่ทุกแห่ง
ความวุ่นวาย สั่นสะเทือน อันตราย… ท่วมท้นทุกพื้นที่ของเขตแดนดาราแห่งนี้
นี่คือเส้นทางที่เชื่อมสู่โลกมืด
อิงตามที่ชายวัยกลางคนเหี้ยมหาญคนนั้นพูด ในโลกมืด มีเพียงในขุมอำนาจสามยักษ์ใหญ่อย่างสำนักเก่าแก่จรัสเทพ แดนกษิติครรภ์และเจ้าแห่งหอวิหคสำริด ครอบครองค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณที่สามารถดำเนินการเคลื่อนย้ายระหว่างฟ้าดาราได้
คนอื่นๆ อยากเข้าไปในโลกมืด ทำได้เพียงเสี่ยงอันตราย ลอดผ่านเขตแดนดาราอันตรายที่ถูกเรียกว่า ‘รัตติกาล’ ผืนนี้
หากไม่ใช่คนที่ชินทาง แม้มีพลังปราณระดับจักรพรรดิ ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะหลงทางหรือประสบเคราะห์ในเขตแดนดาราอันตรายแห่งนี้!
กึงๆๆ!
วันนี้หลินสวินกำลังทำสมาธิ ฝึกอวัยวะตันห้า จู่ๆ เสียงเคาะประตูอันถี่ยิบรุนแรงดังขึ้น ดูไร้มารยาทมาก
หลินสวินอดขมวดคิ้วไม่ได้
ครั้งนี้เขาขึ้นยานในฐานะแขกผู้มีเกียรติ เรือนที่พักตั้งอยู่บนสุดของยานข้ามโลก ไม่ได้รับอนุญาต แขกทั่วไปไม่สามารถเข้าใกล้ได้
ตงตงตง!
เดิมทีหลินสวินไม่ได้สนใจ แต่เสียงเคาะประตูนั่นกลับดังต่อต่อเนื่องราวกับกลอง แทบจะพังประตูใหญ่ของเรือน
ตามหลักแล้ว เวลาเช่นนี้ผู้แข็งแกร่งเรือนเร้นหมอกควรจะตกใจ รีบห้าม ทว่าสถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้น
หลินสวินคิดๆ แล้วลุกขึ้นจากการนั่งสมาธิ เดินตรงออกไป
ไม่ได้เดินออกจากเรือน จิตรับรู้ของหลินสวินก็ได้สัมผัสถึงภาพนอกเรือนแล้ว
ชายรูปร่างผอมซูบที่สวมเสื้อคลุมนกกระเรียนแดงเพลิง ยืนอยู่นอกประตูใหญ่ของเรือนภายใต้การคุ้มกันของกลุ่มผู้ติดตาม
คนที่เคาะประตู คือผู้ติดตามหนึ่งในนั้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลืออด
ส่วนชายวัยกลางคนผู้เหี้ยมหาญที่รับผิดชอบปรนนิบัติหลินสวินโดยเฉพาะ ตอนนี้ยืนอยู่ข้างๆ เงียบกริบ หน้านิ่วคิ้วขมวด นั่งไม่ติด
ตอนที่เห็นภาพเช่นนี้ หลินสวินอดเลิ่กคิ้วไม่ได้
เห็นได้ชัดว่า ชายผู้สวมเสื้อคลุมนกกระเรียนแดงเพลิงที่รูปร่างผอมบางคนนี้ เห็นได้ชัดว่าที่มาไม่ธรรมดา กดดันจนชายวัยกลางคนผู้กล้าหาญจำต้องก้มหัว
เพียงแต่ เหตุใดพวกเขาจึงตามตนมา
——