Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2063 ตั้งแต่วันนี้ไป ทั่วหล้าล้วนเป็นศัตรู

ตอนที่ 2063 ตั้งแต่วันนี้ไป ทั่วหล้าล้วนเป็นศัตรู
การยอมจำนนของเรือนมรรคโลกาสวรรค์ ทำให้สมญาของ ‘จักรพรรดิสวรรค์ดำรง’ แพร่กระจายออกไปด้วยความเร็วที่น่าพรั่นพรึง ถูกผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนรับรู้

จอมจักรพรรดิไร้นามที่ควบคุมระเบียบต้องห้ามคนก่อน ลึกลับหาใดเปรียบ ไม่มีแม้แต่สมญา ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ควบคุมทางเดินโบราณฟ้าดารามา แทบจะไม่เคยปรากฏตัวเปิดเผยฐานะ

ก็มีแค่เฒ่าดึกดำบรรพ์ในขุมอำนาจใหญ่บางแห่งที่รู้ถึงการมีอยู่ของเขา

แต่จักรพรรดิสวรรค์ดำรงที่มาในครั้งนี้กลับแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง เขาไม่หวาดกลัวสิ่งใด เผด็จการและตรงไปตรงมา วันแรกที่มาถึงทางเดินโบราณฟ้าดาราก็ใช้พลังและวิธีอันเด็ดขาดข่มขวัญทั่วหล้า!

การยอมจำนนของเรือนมรรคโลกาสวรรค์ทำให้สถานการณ์ในใต้หล้าเปลี่ยนไปเช่นกัน ขุมอำนาจใหญ่นับไม่ถ้วนพากันหวาดผวาและหนักใจ

ถึงขั้นมีคนมากมายกล่าวโทษพวกจักรพรรดิยุทธ์แห่งคีรีดวงกมล

เพราะแม้จะเอาชนะจอมจักรพรรดิไร้นามคนก่อนได้ แต่สาเหตุหลักของภัยพิบัติอย่างพลังระเบียบต้องห้ามกลับไม่ถูกกำจัด

การมาถึงของจักรพรรดิสวรรค์ดำรงในตอนนี้ ทำให้ทางเดินโบราณฟ้าดาราตกอยู่ในบรรยากาศที่ไม่เคยมีมาก่อน

เมื่อเปรียบเทียบเช่นนี้ จิตใต้สำนึกของหลายคนจึงคิดว่าหากจอมจักรพรรดิไร้นามคนก่อนยังอยู่ ไหนเลยจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้ขึ้น

แต่ไม่ว่าอย่างไรทุกคนต่างก็ตระหนักได้ว่า ด้วยการมาเยือนอย่างแข็งกร้าวของจักรพรรดิสวรรค์ดำรง สุดท้ายสถานการณ์ในใต้หล้านี้ย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ไม่อาจคาดเดาแน่…

จริงดังคาด

วันที่สองหลังจากเรือนมรรคโลกาสวรรค์ก้มหัวสวามิภักดิ์ เรือนมรรคจักรวาลแห่งโลกใหญ่หงเหมิงประกาศว่ายอมจำนนต่อจักรพรรดิสวรรค์ดำรงด้วยตนเอง!

จากนั้นเรือนมรรคยุทธจักร เรือนมรรคดึกดำบรรพ์ เรือนมรรคเหล่ามารก็ทยอยแสดงท่าทีอย่างชัดเจน ว่าต้องการเสริมทัพช่วยจักรพรรดิสวรรค์ดำรงปกป้องระเบียบทั่วฟ้าดารา!

จากนั้นขุมอำนาจสิบเผ่านักรบใหญ่อย่างผีสวรรค์ เถาอู้ กิเลนโลหิต ตะวันแดง ฉงฉี วารีดำ รวมถึงเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์มากมาย ก็ทยอยแสดงท่าทีว่ามีใจสวามิภักดิ์ต่อจักรพรรดิสวรรค์ดำรง

ชั่วขณะเดียวทั้งโลกใหญ่หงเหมิง รวมไปถึงทั่วทางเดินโบราณฟ้าดารา ล้วนตกอยู่ในความโกลาหลใหญ่เพราะข่าวด่วนที่ทยอยออกมาพวกนี้

จักรพรรดิสวรรค์ดำรง!

สมญานี้กลายเป็นตัวตนที่สูงส่งที่สุดในใจของผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วน ควบคุมทั่วหล้าราวกับเทพองค์หนึ่ง!

“ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์มาถึงตอนนี้ เคยเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเสียที่ไหน พวกเขา… พวกเขาล้วนเป็นสำนักชั้นเลิศแห่งยุค แต่กลับยอมเป็นทาสให้จักรพรรดิสวรรค์ดำรงนั่น!”

เสียงคับแค้นใจนับไม่ถ้วนดังขึ้น

“ระเบียบต้องห้ามก็เหมือนเครื่องพันธนาการ ปิดหนทางแสวงมรรคของพวกเรา เดิมทีมันควรจะเป็นศัตรูร่วมกันของพวกเรา แต่ตอนนี้… แม้แต่เรือนมรรคพวกนั้นต่างก็ก้มหัว…”

“ภายหน้าพวกเราจะมีใครหนีรอดชะตาที่ต้องถูกจับกุมเป็นทาสได้อีก”

“หวังเป็นอย่างยิ่งว่า… จักรพรรดิยุทธ์จะกลับมาอีกครั้ง… บนโลกนี้เกรงว่าคงมีแค่ผู้สืบทอดของคีรีดวงกมลที่กล้าต่อต้านจักรพรรดิสวรรค์ดำรงแล้วกระมัง”

“นี่ต้องเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความอัปยศแน่ น่าเสียดาย… พวกเราเกิดและเติบโตที่นี่ ถูกลิขิตให้หนีไม่พ้น”

ทั่วฟ้าดารานี้มีเสียงถอนใจ โศกเศร้า หดหู่ เดือดดาลดังขึ้นไม่รู้เท่าไหร่

แต่ใครต่างก็รู้ว่าหากจักรพรรดิสวรรค์ดำรงไม่ตายจาก ความอึมครึมที่ปกคลุมบนทางเดินโบราณฟ้าดาราก็ไม่มีทางถูกขับออกไปได้!

ข่าวการมาเยือนทางเดินโบราณฟ้าดาราของจักรพรรดิสวรรค์ดำรงก็แพร่ไปยังโลกมืดเช่นกัน ชั่วขณะเดียวก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมและคลื่นลมนับไม่ถ้วนทันที

วันที่สามหลังจากจักรพรรดิสวรรค์ดำรงควบคุมพลังระเบียบต้องห้ามใหม่อีกครั้ง ก็ออกคำสั่งแรกลงมา…

“ออกคำสั่งทั่วหล้า ประกาศจับหลินสวินผู้สืบทอดแห่งคีรีดวงกมล! เป็นต้องเห็นคน ตายต้องเห็นศพ ใครกล้าให้การคุ้มครอง ล้างบางทั้งสำนัก!”

คำสั่งเดียวเรียบง่ายตรงไปตรงมา แต่เปี่ยมไอสังหารทะลุทะลวง

ทั่วหล้าสั่นสะเทือน ทุกคนรับรู้ได้ว่านี่คือการล้างแค้นซึ่งมุ่งเป้าไปที่คีรีดวงกมล!

‘หลินสวินนี่จบเห่แล้ว…’

เมื่อได้ยินคำสั่งนี้ การตอบสนองของทุกคนต่างเป็นเอกฉันท์อย่างน่าแปลกใจ

ในโลกหล้าที่ถูกจักรพรรดิสวรรค์ดำรงครอบครองนี้ ไม่ว่าหลินสวินจะหนีไปที่ไหนก็ไร้หนทางรอด

สถานการณ์ของเขาคือทั่วหล้าล้วนเป็นศัตรู!

แต่ระหว่างที่ใต้หล้าวุ่นวายจนอึกทึกครึกโครม จักรพรรดิสวรรค์ดำรงกลับเหมือนหายไป ไม่เผยร่องรอยอีก และไม่มีใครรู้ว่าเขาไปที่ไหน

เขตแดนดารารัตติกาล

บนยานข้ามโลก ภายในห้องของเรือนพักหนึ่ง

หลินสวินนั่งขัดสมาธิ

ที่มหัศจรรย์คือ ข้างกายเขายังมีหลินสวินที่สวมชุดเขียวและรูปร่างเหมือนเขาทุกประการอีกคนนั่งสมาธิอยู่ด้วย

ไม่นานหลินสวินชุดเขียวพลันลืมตา นัยน์ตาปรากฏลักษณ์ประหลาดที่สรรพสิ่งรุ่งโรจน์โรยร่วง เป็นตายเวียนวน ดูน่าพรั่นพรึงหาใดเปรียบ

เกือบจะเวลาเดียวกัน หลินสวินก็ลืมตาขึ้น สายตาของทั้งสองปะทะกันกลางอากาศ ความรู้สึกอัศจรรย์ปรากฏขึ้นในใจของทั้งสองพร้อมกันทันที

ความรู้สึกนี้เหมือนกันทุกประการ ไม่คลาดเคลื่อนแม้แต่น้อย

‘น่าสนใจ’

หลินสวินและหลินสวินชุดเขียวยิ้มพร้อมกัน แม้แต่รอยยิ้มก็เหมือนกันอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

หลินสวินชุดเขียวนี้ก็คือกายมรรคไม้เขียว!

สิ่งที่ต่างไปจากแต่ก่อนคือกายมรรคไม้เขียวมีจิตสำนึกความรู้สึกนึกคิดและมรรควิถีแล้ว สามารถฝึกปราณและต่อสู้เพียงลำพังได้!

แน่นอนว่าความรู้สึกนึกคิดของกายมรรคไม้เขียวก็คือของหลินสวิน ต่อให้ถูกกายมรรคไม้เขียวควบคุมอย่างอิสระ แต่ขอแค่หลินสวินขับเคลื่อนความคิด จิตสำนึกของร่างแยกก็จะถูกร่างต้นควบคุมทั้งหมด

นี่ก็เหมือนบนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งแตกกิ่งก้านออกมา แต่กิ่งก้านนี้ยังเชื่อมต่ออยู่กับลำต้นเหมือนเดิม

‘ตั้งแต่วันนี้ไปเจ้าฝึก ‘คัมภีร์มหาครรภ์จุติ’ ‘วิชาบัวเขียวหยั่งโลก’ ‘วิชาร้อยสวรรค์’ เป็นหลัก…’

หลินสวินขับเคลื่อนความคิด ควบรวมพลังมรดกนานัปการในตัว ถ่ายทอดวิชาผ่านความรู้สึกนึกคิดให้กายมรรคไม้เขียว

ขณะเดียวกันหลินสวินยังมอบจานมหามรรคไร้ตัวตนแก่กายมรรคไม้เขียวด้วย

นี่คือศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุนที่อัศจรรย์ไร้ขอบเขตชิ้นหนึ่ง ด้วยพลังแห่งการอนุมานของสมบัตินี้ สามารถช่วยกายมรรคไม้เขียวหยั่งรู้คัมภีร์ เคี่ยวกรำมรรควิถีให้สำเร็จไปกว่าครึ่งได้

เมื่อทำทุกอย่างนี้เสร็จสิ้น กายมรรคไม้เขียวแปลงเป็นแสงเขียวสายหนึ่ง กลับเข้าไปยังเรือนจิตที่ตับภายในร่างของหลินสวิน เริ่มนั่งสมาธิฝึกปราณ

หลินสวินเผยรอยยิ้มพอใจ

นี่ก็คือความอัศจรรย์ของระดับห้าธรรมแห่งคัมภีร์มหามรรคหวงถิง!

ใช้จิตวิญญาณและมรรควิถีของตนเป็นรากฐาน เคี่ยวกรำร่างแยกที่มีความรู้สึกนึกคิดและมรรควิถีอย่างแท้จริงออกมา แม้จะเป็นเอกเทศจากร่างต้น แต่ไม่ว่าร่างแยกจะฝึกปราณหรือหยั่งรู้มหามรรคอะไร ทุกอย่างที่ครอบครองจะถูกร่างต้นควบคุมทั้งหมด

‘สรรพสิ่งยากที่การเริ่มต้น ตอนนี้ข้าควบรวมความรู้สึกนึกคิดและมรรควิถีของกายมรรคไม้เขียวออกมาได้แล้ว เท่ากับก้าวเข้าสู่ธรณีประตูของระดับห้าธรรม หลังจากนั้นพอควบรวมร่างแยกอื่นได้อีก ก็ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงเช่นนี้แล้ว…’

หลินสวินทำการคิดคำนวณ การควบรวมจิตความรู้สึกนึกคิดและมรรควิถีของกายมรรคไม้เขียว ใช้เวลาไปประมาณสามเดือน

แต่ภายหน้าจะมีกายมรรคไม้เขียวช่วยหยั่งรู้มหามรรค ยามควบรวมจิตสำนึกและมรรควิถีของร่างแยกมหามรรคร่างต่อไปก็จะประหยัดเวลาไปเกือบครึ่ง!

‘ด้วยพลังต่อสู้ของร่างต้นของข้า ก็ต้านพลังห้าส่วนของจักรพรรดิกระบี่นภาประสานที่อยู่ในสภาพบาดเจ็บได้แล้ว หากมีตัวช่วยอย่างกายมรรคไม้เขียวอีก ต้องแข็งแกร่งขึ้นแน่นอน’

หลินสวินใคร่ครวญ

ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ซีปรากฏตัวมา ‘แลกเปลี่ยนเรียนรู้’ กับเขาเป็นประจำ

แม้จะถูกทรมานจนหมดความรู้สึก แต่พลังต่อสู้ของหลินสวินกลับเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังอย่างเด่นชัดเช่นกัน

พูดอย่างไม่เกินจริง ระดับกึ่งจักรพรรดิในตอนนี้ ต่อให้เป็นมกุฎกึ่งจักรพรรดิก็ไม่คู่ควรให้หลินสวินใส่ใจ สายตาของเขาอยู่ที่การต่อกรกับบุคคลระดับจักรพรรดินานแล้ว!

ทั้งหลินสวินยังมีสังหรณ์ที่เด่นชัดอย่างหนึ่ง

นั่นคือยิ่งร่างแยกที่มีความรู้สึกนึกคิดของตนควบรวมออกมามากเท่าไหร่ ความเร็วในการฝึกปราณของตนย่อมต้องได้รับการปะทุและยกระดับรอบด้านมากขึ้นเท่านั้น!

กำลังของคนเรามีจำกัด ต้องขัดเกลามรรควิถี หยั่งรู้มหามรรค ทั้งต้องศึกษาคัมภีร์มรรค เคี่ยวกรำแจ้งมรรค…

นอกจากนี้ยังต้องจัดการและแก้ไขโจทย์ยากนานัปการบนเส้นทางฝึกปราณด้วย

แค่คิดก็รู้แล้วว่าหากจะทำทุกอย่างให้ดีต้องทุ่มแรงกายแรงใจและเวลามากเท่าไหร่ นี่ก็คือเหตุผลสำคัญว่าทำไมผู้แข็งแกร่งที่พลังปราณยิ่งสูง ยามทะลวงระดับปราณแต่ละครั้งจึงต้องใช้เวลานานหลายร้อยปี ถึงขั้นหลายพันปี

แต่ถ้าการฝึกปราณของคนผู้หนึ่งถูกแบ่งเบาโดยร่างแยกห้าร่างที่เหมือนกับตนทุกประการ ความเร็วในการฝึกปราณมีหรือจะช้าลง

ยามใคร่ครวญหลินสวินพลันนึกถึงซีขึ้นมา

หลายวันก่อนพลังระเบียบต้องห้ามที่ปกคลุมทั่วหล้าเกิดการเปลี่ยนแปลง ถูกจอมจักรพรรดิไร้นามคนใหม่ถือครองอีกครั้ง และนับแต่วันนั้นซีก็กลับเข้าไปในห้องโถงมรรคาสวรรค์เพื่อจำศีลใหม่อีกครา

นี่ทำให้หลินสวินหลุดพ้นจาก ‘การแลกเปลี่ยนเรียนรู้’ ที่ถูกทรมานฝ่ายเดียวนั้นเช่นกัน

แต่หลังจากไม่มีการเคี่ยวกรำที่ถูกบีบถึงขีดสุดนั่นแล้ว กลับทำให้หลินสวินไม่คุ้นชินนัก เหมือนว่าขาดอะไรบางอย่างไป

“ดูท่าว่าเจ้าจะชอบรสชาติของการถูกทรมานเช่นนั้นแล้ว”

เย่จื่อที่ซ่อนตัวเงียบอยู่ระหว่างเส้นผมของหลินสวินเอ่ยปาก “หากเจ้าต้องการ ข้าก็เป็นคู่ต่อสู้ที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้เจ้าได้”

หลินสวินกล่าวไม่สบอารมณ์ “ข้าไม่ชอบถูกทรมาน ข้าแค่กำลังยกระดับความสามารถ!”

เย่จื่อร้องอ้อคราหนึ่งพลางกล่าว “ถึงตอนนี้เหยี่ยนซิงคนนั้นยังไม่ปรากฏตัว แต่จอมจักรพรรดิไร้นามคนใหม่ปรากฏตัวแล้ว หลินสวิน เจ้าต้องระวังด้วยล่ะ”

พูดจบเขาก็กล่าวเสริม “อันตรายมาเยือนได้ตลอดเวลา!”

ในใจหลินสวินเครียดขมึง

หลายวันที่นั่งยานข้ามโลกผ่านเขตแดนดารารัตติกาลที่อลหม่านและปั่นป่วนนี้ ทำให้เขาไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในโลกภายนอกเช่นกัน

แต่ไม่จำเป็นต้องคิดเขาก็รู้ว่าหลังจากจอมจักรพรรดิไร้นามคนใหม่ปรากฏตัว ต้องไม่มีทางปล่อยผู้สืบทอดแห่งคีรีดวงกมลอย่างเขาไปแน่!

ทั้งฐานะของตนยังไม่ใช่แค่ผู้สืบทอดแห่งคีรีดวงกมลธรรมดาๆ เช่นนั้น ชาติกำเนิดและห้องโถงมรรคาสวรรค์ในตัวเขาก็ดึงดูดมหันตภัยใหญ่มาเช่นกัน

สายตาหลินสวินมองไปด้านข้าง ต้นอ่อนต้นโพธิ์เปล่งประกายแวววาว แสงเหลือบเขียวมรกตไหลวน สลัวรางราวกับกลุ่มควัน

“ไม่ว่าจอมจักรพรรดิไร้นามคนใหม่นั่นจะมีความสามารถมากแค่ไหน ถ้ามีต้นอ่อนไม้โพธิ์ต้นนี้อยู่ อย่างน้อยก็หนีการสืบเสาะของพลังระเบียบต้องห้ามนั้นได้”

หลินสวินกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “สิ่งที่ข้าห่วงที่สุดในตอนนี้ กลับเป็นหญิงสาวที่มีชื่อว่าเหยี่ยนซิงคนนั้น”

พูดถึงตรงนี้เขาพลันเงยหน้าขึ้น สายตามองไปนอกเรือน

ในเวลานั้นเองประตูเรือนถูกเคาะสามครั้ง เสียงของชายวัยกลางคนแห่งเรือนเร้นหมอกนั่นดังอยู่นอกเรือน

“ผู้อาวุโส อีกประมาณหนึ่งเค่อ ยานข้ามโลกจะเคลื่อนผ่านเข้าไปในวังวนฟ้าดาราของโลกมืด ถึงตอนนั้นยานข้ามโลกจะเจอแรงโจมตีที่เกิดจากการสะเทือนอย่างรุนแรงของเวลา ข้าน้อยมาแจ้งผู้อาวุโสว่าไม่จำเป็นต้องกังวล”

หลินสวินถึงได้รับรู้ว่าผ่านเวลามาเกือบสองเดือน ยานข้ามโลกที่ข้ามผ่านฟ้าดาราลำนี้ใกล้จะไปถึงโลกมืดแล้ว

……………………..

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset