Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2064 ประทับของกฎเกณฑ์เวลา

กลางฟ้าดารามีหลุมดำน้ำวนมหึมาหาใดเปรียบหลุมหนึ่งปรากฏ ยามหมุนวนเนิบช้าจะพาให้รู้สึกว่าฟ้าดารานั้นบิดเบี้ยว

ละอองแสงแห่งกาลเวลาที่สีสันสวยงามลอยล่องรอบหลุมดำน้ำวน งดงามจนทำให้ผู้คนใจสั่นสะท้าน

ยานข้ามโลกของเรือนเร้นหมอกขับผ่านมาช้าๆ เทียบกับหลุมดำน้ำวนมหึมานั่นแล้ว ดูเล็กจ้อยไม่สะดุดตาเหมือนธุลีทรายเม็ดหนึ่ง

เมื่อเห็นแสงแห่งกาลเวลาที่โปรยปรายดุจสายฝนนั่น ผู้ฝึกปราณบนยานข้ามโลกไม่มีใครไม่สูดหายใจหนาวเยือก

กาลเวลา

หนึ่งในพลังระเบียบที่น่าหวาดกลัวถึงขีดสุด ต่อให้เป็นระดับจักรพรรดิ ก็ล้วนต้านการกัดกร่อนของเวลาไม่อยู่

กฎระเบียบเช่นนี้ถึงขั้นน่ากลัวกว่าพลังระเบียบต้องห้ามนั่น และบนทางเดินโบราณฟ้าดารานี้ นับแต่อดีตจนปัจจุบันก็แทบไม่มีใครหยั่งรู้นัยเร้นลับของกาลเวลาได้!

“กาลเวลาดั่งมีดเฉือน สังหารบรรพจารย์จักรพรรดิ ฟาดฟันสรรพชีวิต น่ากลัวเหมือนมหามรรคแห่งโชคชะตา”

เมื่อเห็นภาพนี้เย่จื่อก็พึมพำอย่างอดไม่ได้

หลินสวินสีหน้าราบเรียบ ในใจกลับเกิดความรู้สึกประหลาด

พลังพรสวรรค์ที่ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดของเขามีก็เกี่ยวข้องกับกาลเวลา สามารถทำให้เวลาหยุดเดินได้ชั่วพริบตาหนึ่ง!

เมื่อพลังปราณสูงขึ้น หลินสวินก็เข้าใจความน่ากลัวของ ‘อภินิหารหยุดเวลา’ อย่างลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม เรียกได้ว่าเป็นการเย้ยฟ้าอย่างแท้จริง

ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงและกริ่งเกรงของคนมากมาย ยานข้ามโลกขับเข้าไปในหลุมดำน้ำวนขนาดมหึมานั่นอย่างเนิบช้า

พริบตานี้ยานข้ามโลกราวกับตกอยู่ในความปั่นป่วนของเวลา เกิดแรงสะเทือนและเสียงกัมปนาทรุนแรงหาใดเปรียบ ผู้ฝึกปราณทุกคนล้วนจิตใจสะท้านไหว

ต่อให้ผู้คุ้มกันของเรือนเร้นหมอกแจ้งเตือนไว้แล้วว่าไม่จำเป็นต้องกังวล แต่เมื่อเผชิญหน้ากับภาพที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้ ก็ไม่วายทำให้ผู้คนตื่นตระหนก

ในพริบตานี้เอง หน้าอกของหลินสวินพลันร้อนระอุ ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดที่เงียบมาตลอดราวกับตื่นขึ้น เกิดกระแสอบอุ่นที่แปลกประหลาดลึกลับ

ฟุ่บ!

ทันใดนั้นแสงแห่งกาลเวลาที่งามตระการดั่งภาพฝันโฉบพุ่งออกมาราวถูกชักนำ หายเข้าไปร่างของหลินสวินในช่วงที่ทุกคนไม่สังเกตเห็น

หลินสวินรู้สึกแค่ว่ามีพลังที่น่ากลัวเสียดกระดูกทะลวงเข้ากลางใจ เบื้องหน้าพลันมืดทะมึน เกือบจะหมดสติไป

การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เขารับมือไม่ทันเช่นกัน ถึงขั้นไม่ทันตั้งตัว

ตูม!

ตรงเส้นปราณหัวใจเหมือนภูเขาไฟที่เงียบสงบปะทุขึ้น ทำให้ร่างกายของหลินสวินเป็นสีแดงเข้มทันที ราวกับจะหลั่งเลือด

ความเจ็บปวดสาหัสที่ไร้ขอบเขตดั่งหมื่นกระบี่ทิ่มแทงใจ เจ็บจนหลินสวินอดส่งเสียงอึดอัดในคอไม่ได้

“หลินสวิน เจ้าเป็นอะไรไป”

เย่จื่อสังเกตเห็นความผิดปกติ

“ไม่เป็นไร”

หลินสวินแทบจะต้องกัดฟันกรอดกว่าจะเค้นคำนี้ออกมาได้

ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดของเขาอยู่ที่เส้นปราณหัวใจ ยามนี้มีพลังกฎเกณฑ์ของเวลาสายหนึ่งพุ่งกระแทกอยู่ภายใน คล้ายต้องการกัดกร่อนและยึดครองชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดของเขา

อาศัยมรรควิถีของหลินสวินในตอนนี้ก็ยังจนปัญญา ไม่รู้ว่าควรรับมืออย่างไร ได้แต่อดกลั้นเอาไว้

ผ่านไปหนึ่งเค่อเต็มๆ

พลังเวลาที่พุ่งชนประหนึ่งม้าป่าหลุดจากบังเหียนในเส้นปราณหัวใจนั้น จึงถูกพลังประหลาดที่ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดแผ่ออกมากลืนกินทีละน้อยจนหายไป

ส่วนหลินสวินก็หน้าซีดเผือดนานแล้ว เสื้อผ้าล้วนชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทั้งตัวเปียกชื้นเหมือนเพิ่งขึ้นจากน้ำ

เขาหอบหายใจเฮือกใหญ่ ในใจยังหวาดผวา

เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เหมือนผ่านการดิ้นรนจากความเป็นตายจริงๆ ช่างกะทันหันและน่ากลัวเกินไปแล้ว

“ไม่เป็นไรจริงหรือ” เย่จื่อถาม

“ครั้งนี้ไม่เป็นไรแล้วจริงๆ”

หลินสวินผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สงบจิตสัมผัสดู

กฎเกณฑ์เวลาสายหนึ่งกลับทะลวงเข้ามาในชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดของตน เหตุคาดไม่ถึงที่เกิดขึ้นกะทันหันเช่นนี้จะเป็นโชคหรือภัยกันแน่

ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดแวววาวราวหยกขาวบริสุทธิ์ไร้ที่ติ แสงเจิดจ้าดั่งภาพมายาเวียนวน ดูลึกลับหาใดเปรียบ

พลังของอภินิหารหยุดเวลาก็สั่งสมอยู่ภายใน

เมื่อหลินสวินหยั่งรู้โดยละเอียด ก็สังเกตเห็นความแตกต่างได้ทันที…

บนพื้นผิวที่เกลี้ยงเกลาของชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิด กลับปรากฏลายเส้นที่แทบจะมองไม่เห็น!

ลายเส้นนี้เหมือนร่องรอยแห่งมหามรรค ทั้งเหมือนเส้นลายกระดูกตามธรรมชาติ หากไม่ดูอย่างละเอียดก็ไม่อาจสังเกตเห็น

เมื่อเห็นภาพนี้หัวใจหลินสวินกลับเต้นรัวไม่เป็นส่ำ เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้

หรือว่านี่… คือกฎเกณฑ์เวลาสายนั้น!?

หากเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่หมายความว่าข้ามีโอกาสสัมผัสและหยั่งรู้นัยเร้นลับแห่งเวลาแล้วหรอกรึ

นึกถึงตรงนี้นัยน์ตาของหลินสวินก็วาววาบขึ้นมา รู้สึกว่าความเจ็บปวดที่ได้รับก่อนหน้านี้ล้วนไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่อะไร

ต้องรู้ว่าเวลาเป็นถึงพลังระเบียบสูงส่งที่ถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่อาจสัมผัสได้ แม้แต่ระดับจักรพรรดิยังได้แต่มุ่งหวัง ไม่อาจแตะต้อง!

หากให้พวกเฒ่าดึกดำบรรพ์บนโลกนี้รู้ว่า มีกฎเกณฑ์เวลาที่ดูเล็กจ้อยหาใดเปรียบนี้ซ่อนอยู่ในตัวเขา เกรงว่าคงคลุ้มคลั่งจนอยากผ่าสมองเพื่อชิงไปแน่

แต่เมื่อหลินสวินใจเย็นลงและลองสัมผัสดู ก็กลับค้นพบอย่างตกตะลึงว่าประทับมหามรรคที่คล้ายกฎเกณฑ์เวลาสายนั้น กลับไม่อาจถูกรับรู้โดยสิ้นเชิง

หลินสวินตะลึงงัน สีหน้าดูสับสน

เขากล้ายืนยันโดยคร่าวว่าประทับมหามรรคที่เกี่ยวข้องกับเวลาสายนั้น เกรงว่าคงไม่ใช่สิ่งที่ตนสามารถสัมผัสได้ในตอนนี้…

แน่นอนว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น ในใจหลินสวินก็ไม่ท้อแท้สิ้นหวังแม้แต่น้อย

ถึงอย่างไรนี่ก็เท่ากับว่าตนมีโอกาสไปหยั่งรู้และควบคุมกฎเกณฑ์เวลาแล้ว ภายหน้าไม่ช้าก็เร็วต้องหยั่งถึงได้แน่

ไม่เหมือนคนอื่นบนโลกนี้ ที่ไม่มีทางครอบครองแม้แต่โอกาสเช่นนี้!

‘พรสวรรค์หุบเหวกลืนกิน ที่แท้ก็น่ากลัวเช่นนี้…’

ในเวลานี้หลินสวินเพิ่งได้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ว่าชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดที่ตนมีนั้นไม่ธรรมดาระดับใด

‘ภายหน้าถ้ามีโอกาส ต้องไปเยือนหลุมดำน้ำวนมหึมานั่นอีกครั้ง…’

หลินสวินหันกลับไปมองหนทางที่จากมาอย่างอดไม่ได้

พื้นที่โล่งกว้างใหญ่ไพศาล ทิวทัศน์บิดเบี้ยว ยานข้ามโลกกำลังเคลื่อนที่อยู่ในช่องทางสายหนึ่ง มองไม่เห็นหลุมดำน้ำวนนั่นนานแล้ว

แต่หลินสวินกลับรับรู้ได้ว่าภายหน้าหากเจอพลังน่าพรั่นพรึงที่เหมือน ‘ละอองแสงแห่งกาลเวลา’ อีก สำหรับตนแล้วอาจมีโอกาสสูงที่จะเป็นศุภโชคชั้นยอด!

ถึงอย่างไรใครเล่าจะคิดว่า ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดของตนจะดูดซับกฎเกณฑ์เวลาได้

ตูม!

ยานข้ามโลกพลันซวนเซวูบหนึ่ง ครู่ต่อมาก็เหมือนหลุดจากพันธนาการ ปลีกตัวออกมาจากการเคลื่อนที่ซึ่งเหมือนการโคจรของดวงดาวทันที

“ทุกท่าน มาถึงโลกมืดแล้ว!”

เสียงของชายวัยกลางคนผู้นั้นดังขึ้นบนยานข้ามโลก เจือความปิติยินดีเหมือนยกภูเขาออกจากอก

ทะลวงผ่านเขตแดนดารารัตติกาลที่อันตรายเกินคาดเดาเป็นเวลาเกือบสองเดือนเต็ม มาถึงโดยราบรื่นได้อย่างไร้อันตรายตลอดทาง ได้แต่พูดว่าโชคดีมาก!

บนยานข้ามโลก ผู้โดยสารทุกคนที่อกสั่นขวัญแขวนมาตลอดทางต่างก็เผยรอยยิ้มผ่อนคลาย

หลินสวินเงยหน้ามองออกไป

นี่คือฟ้าดาราที่เงียบสงบ กว้างใหญ่และไพศาลแถบหนึ่ง ดวงดาวนับหมื่นแสนแต้มแต่งอยู่ภายใน กลายเป็นธารดารา เมฆดาว วังวนดารา บัลลังก์ฤกษ์… ตระการตาเป็นอย่างยิ่ง

ในส่วนลึกของฟ้าดาราที่ห่างไกลออกไปมีโลกกว้างใหญ่แห่งหนึ่งลอยอยู่ ราวกับเปลือกไข่มหึมาใบหนึ่งคว่ำอยู่ตรงนั้น

ไอขุ่นมัวโหมกระหน่ำอบอวล ดวงดาวนับไม่ถ้วนหมุนอ้อมรอบทิศ ประกายเทพและฝนมงคลที่ส่องประกายโน้มลงมา รายล้อมโลกกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนั้นเหมือนกระแสน้ำแห่งฟ้าดารา

หากไม่เห็นกับตาตัวเอง แม้แต่หลินสวินก็ไม่กล้าเชื่อว่าโลกมืดที่ถูกมองเป็น ‘แดนชั่วร้าย’ ‘แดนอลหม่าน’ ถึงขนาดที่ระดับจักรพรรดิยังหวาดกลัวอยู่สามส่วนนั้น กลับดูสง่างามเกรียงไกรเช่นนี้!

“ทุกท่าน ในหมู่พวกท่านล้วนมีไม่น้อยที่มาโลกมืดเป็นครั้งแรก ก่อนไปถึงจุดหมาย ข้าน้อยมีประโยคหนึ่งจะบอกกล่าว”

เสียงของชายวัยกลางคนผู้นั้นดังขึ้น

“ในโลกมืดกฎที่ยิ่งใหญ่ที่สุด… ก็คือไม่มีกฎ! ที่นั่นถูกโลกภายนอกเรียกว่า ‘แดนชั่วช้า’ รวมพวกนอกรีตที่ป่าเถื่อนที่สุดในโลกไว้ด้วยกัน เรื่องเหี้ยมโหดป่าเถื่อนอะไรล้วนเกิดขึ้นได้ ทั้งไม่เคยขาดพวกร้ายกาจยิ่งยวดที่ก่อกรรมทำชั่วฆ่าคนเป็นผักปลา”

“ถ้าอยากมีชีวิตรอดที่นั่น มีแค่วิธีเดียว หากไม่ดวงแข็งพอก็ต้องมีพลังที่แข็งแกร่งมากพอ!”

“ที่นั่นมีคนสามจำพวกที่ไม่อาจหาเรื่อง ผู้สืบทอดของสำนักโบราณจรัสเทพ ผู้สืบทอดของแดนกษิติครรภ์ รวมถึงผู้สืบทอดของหอวิหคทองแดง แน่นอนว่าหากพวกท่านไม่เชื่อก็ลองหาเรื่องดูได้ เชื่อว่าไม่นานความตายจะมาเยือน”

“ก่อนมาที่นี่คาดว่าพวกท่านคงรู้จักโลกมืดอยู่ก่อนแล้ว เรื่องไร้สาระอื่นข้าน้อยจะไม่พูดมากอีก ก่อนจากกันข้าน้อยขออวยพรให้ทุกท่าน… มีชีวิตอยู่ต่อไปให้ยาวนานอีกหน่อย”

ยามสิ้นเสียงมีคนสีหน้าจริงจัง มีคนจมสู่ความคิด

และมีคนกล่าวอย่างไม่พอใจ “สหายยุทธ์ อะไรคือการอวยพรให้พวกเรามีชีวิตอยู่ต่อไปได้นานอีกหน่อย นี่เจ้าไม่ได้กำลังสาปแช่งพวกเราหรือ”

ชายวัยกลางคนกล่าวเรียบๆ “รอพวกท่านมีชีวิตยืนหยัดอยู่ในโลกมืดได้จริงๆ ก็จะพบว่าการมีชีวิตอยู่ต่อได้ยาวนานอีกหน่อยเป็นเรื่องที่โชคดีระดับใด”

ระหว่างที่พูดชายวัยกลางคนสะบัดมือ “ชักธงเรือนเร้นหมอกของพวกเราขึ้น!”

ฮูม!

ครู่ต่อมาธงใหญ่มหึมาผืนหนึ่งค่อยๆ ลอยเด่นขึ้นมาจากหัวยาน โบกสะบัดรับลม ด้านบนประทับตัวอักษรใหญ่เก่าแก่ว่าเรือนเร้นหมอกสามคำ แต่ละคำล้วนแผ่คลื่นมหามรรคที่น่าหวาดกลัวออกมา

“ไป มุ่งหน้าสู่โลกมืด”

ชายวัยกลางคนออกคำสั่ง

ทุกคนต่างแปลกใจ ใกล้จะถึงโลกมืดแล้ว เหตุใดยังต้องชักธงขึ้นด้วย ไม่ใช่ว่าทำเรื่องเกินจำเป็นหรือ

แต่ครู่ต่อมาผู้คนก็ล้วนเข้าใจ

บนหนทางที่ยานข้ามโลกท่องทะยาน มีกลิ่นอายอำมหิตหาใดเปรียบมากมายพุ่งออกมาจากดวงดาวใกล้เคียงเป็นพักๆ แผ่ไอสังหารล้นฟ้าประหนึ่งควันไฟ

สามารถมองเห็นได้รางๆ ว่าบนดวงดาวที่แน่นขนัดระหว่างทางนั้น ถึงกับมีเงาร่างกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าครองพื้นที่อยู่

“ที่แท้ก็เป็นยานของเรือนเร้นหมอก”

“น่าเสียดาย นึกว่ามีแกะอ้วนฝูงหนึ่งมาเสียอีก…”

“เฮ้อ ทุกวันนี้อยู่ลำบากขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ปล้นสะดมชิงทรัพยากรในการฝึกปราณ พวกเราก็ต้องอ้าปากกินลมไปวันๆ เช่นนี้หรือ”

ตลอดทางมีเสียงถกเช่นนี้ดังขึ้นมาจากจุดต่างๆ เป็นพักๆ ทำให้ทุกคนบนยานข้ามโลกขนพองสยองเกล้า

ราวกับเข้ามาในโลกที่ไอสังหารปกคลุมไปทั่ว คนชั่วนับไม่ถ้วน มีเคราะห์สังหารที่คาดไม่ถึงมาเยือนได้ตลอดเวลา

เวลานี้พวกเขาถึงได้เข้าใจ ว่าเหตุใดชายวัยกลางคนต้องนำธงออกมาแขวน ที่แท้ก็เพื่อทำให้พวกชั่วร้ายที่ซุ่มโจมตีอยู่ระหว่างทางนี้หวั่นหวาด!

หลินสวินเห็นภาพต่างๆ นี้แล้วก็อดทอดถอนใจไม่ได้ โลกมืดนี้สมคำร่ำลือดังคาด เพิ่งมาถึงเท่านั้น ระหว่างทางก็มีพวกไม่สนเป็นตายราวอันธพาลชั่วร้ายกระจายอยู่มากเช่นนี้แล้ว

แค่คิดก็รู้แล้วว่าหากไม่นั่งยานข้ามโลกของเรือนเร้นหมอกมา หลังจากมาถึงที่นี่พวกเขาคงได้เจอเคราะห์สังหารครั้งแล้วครั้งเล่าแน่!

ถึงตอนนั้นจะมีสักกี่คนที่รอดไปได้

…………………………

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset