ตอนที่ 2072 กล่องกระบี่ลึกลับ
“ลุกขึ้นเถอะ”
ขณะที่มองดูจี้เหลิ่งที่แทบอ่อนยวบลงไปกับพื้น หลินสวินก็ก้าวเดินไปที่ประตูห้วงอากาศของคลังสมบัติบานนั้น
จี้เหลิ่งอึ้งไปสักพัก ครู่ใหญ่ถึงคล้ายได้สติกลับมา แล้วจึงรับรู้ได้ว่าอย่างน้อยตนในตอนนี้… ก็ไม่ตายแล้ว!
เขาลุกขึ้นมา รู้สึกแค่ว่าเหงื่อเหนียวเหนอะไปทั้งตัว เสื้อผ้าเปียกชุ่มไปนานแล้ว แต่ในใจกลับเปรมปรีดิ์ที่รอดชีวิตหลังผ่านเคราะห์
มองเห็นเงาร่างหลินสวินหายลับไปในประตูบานนั้น
จี้เหลิ่งก็ตามเข้าไปอย่างไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว
เขาไม่กล้าหนี พูดอีกอย่างก็คือ เขาไม่กล้าทำผิดแล้ว!
เพียงแต่ในใจเขายังงุนงงอยู่บ้างเหมือนเดิม ทำไม… ชายหนุ่มที่ดูน่ากลัวจนพาให้ผู้คนสะท้านใจถึงปล่อยตนไปแบบนี้
คลังสมบัติของนักพรตเอ้อตั้งอยู่ในแดนลับที่แคบถึงที่สุดแห่งหนึ่ง มีพื้นที่เพียงไม่กี่สิบจั้งเท่านั้น แต่ดีชั่วก็ยังเป็นแดนลับแห่งหนึ่ง
สิ่งที่ดึงดูดที่สุดในคลังสมบัติก็คือผลึกมรรคคล้ายภูเขาลูกน้อยส่องแสงเจิดจ้ากองแล้วกองเล่าพวกนั้น ประเมินหยาบๆ อย่างน้อยก็มากถึงแปดสิบล้านก้อน!
เทียบกับของอย่างหินวิญญาณและแกนวิญญาณแล้ว ผลึกมรรคสูงค่ากว่าอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงพอสำหรับการฝึกปราณของผู้แข็งแกร่งระดับอริยะขึ้นไป
แต่สำหรับระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิ ผลึกมรรคไม่ได้มีประโยชน์มากเท่าไรแล้ว
ทว่าเมื่อเห็นผลึกมรรคราวแปดสิบล้านก้อนกองอยู่ตรงนั้น ภาพเช่นนั้นก็ทำให้หลินสวินตาเบิกกว้าง เขาฝึกปราณมาจนตอนนี้ ได้เห็นสมบัติหายากมากมายจนเจนตา แต่ยังเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นผลึกมรรคมากมายขนาดนี้
พอสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง กองภูเขาผลึกมรรคย่อมๆ กองแล้วกองเล่านี้ก็ถูกหลินสวินเก็บไป
“เหตุใดนักพรตเอ้อถึงไม่เอาสมบัติพวกนี้ไปเก็บในสมบัติเก็บของ แต่มากองไว้ตรงนี้”
หลินสวินเอ่ยถาม
จี้เหลิ่งที่ยืนพินอบพิเทาอยู่ไกลออกไปรีบตอบว่า “ผู้อาวุโสไม่รู้อะไร โลกมืดปั่นป่วนเกินไป เคราะห์สังหารปะทุขึ้นบ่อยครั้ง นักพรตเอ้อกังวลว่าหากพกสมบัติไว้กับตัวทั้งหมด เกิดประสบเคราะห์เข้าจะกลายเป็นสะดวกกับศัตรูไป”
“ถ้าวางอยู่ในคลังสมบัติ ต่อให้เขาตายไปแล้วก็ให้ลูกบุญธรรมของเขากับคนที่ใกล้ชิดมารับช่วงสมบัติต่อได้ ไม่ปล่อยให้ศัตรูได้เปรียบ”
หลินสวินถึงร้องอ้อ
ในแดนลับแห่งนี้ นอกจากผลึกมรรคจำนวนมหาศาลเหล่านั้นแล้วยังมีสมุนไพรเทพ วัตถุดิบวิญญาณที่ผนึกอยู่ในกล่องสำริดมากมาย
สำหรับบุคคลระดับอริยะแล้ว สมบัติเหล่านี้ล้วนเรียกได้ว่าหายาก แต่สำหรับหลินสวินมันไม่ได้มีความหมายมากนัก
หลินสวินเก็บของพวกนี้ติดมือไปบางส่วน แล้วประเมินและค้นหาต่อ
“ผู้อาวุโส ท่านดูนี่”
จี้เหลิ่งท่าทางเหมือนสุนัขรับใช้ มายังตรงกลางแดนลับ เหยียบลงไปบนพื้นเบาๆ ก็เกิดแรงสะเทือนระลอกหนึ่ง อบอวลไปด้วยละอองแสงเป็นริ้วๆ
จากนั้นกล่องกระบี่สำริดที่มีรอยสนิมกระดำกระด่างชิ้นหนึ่งก็โผล่ทะลุพื้นดินขึ้นมา
หลินสวินก้าวไปข้างหน้า ก็เห็นว่ากล่องกระบี่สำริดนี้เก่าแก่หาใดเทียบ กลิ่นอายวันเวลาอบอวล พื้นผิวสลักด้วยลายมรรคลึกลับลายแล้วลายเล่า มีทั้งสุริยันจันทราภูผาธารา บุปผาปักษามัจฉาแมลง คนในอดีตทำพิธีบูชา หลักการฟ้าดิน…
เป็นแค่กล่องกระบี่ชิ้นหนึ่งเท่านั้น กลับทำให้จิตใจหลินสวินรู้สึกหนักอึ้งดั่งภูผา หนาหนักไร้สิ้นสุด
กระทั่งว่าพอพินิจดูลายมรรคบนกล่องกระบี่ จะรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายคลุมเครือชวนหวาดหวั่นใจ
“นี่คือกล่องกระบี่ที่นักพรตเอ้อชิงมาจากเจ้าเมืองคนก่อนหลังจากฆ่าเขาไป ไม่ว่าใครได้เห็นต่างก็รู้สึกได้ถึงความตระการตาและไม่ธรรมดา”
จี้เหลิ่งพูดอยู่ข้างๆ “แต่ที่น่าเสียดายก็คือ กล่องกระบี่นี้กลับว่างเปล่า”
“ว่างเปล่าหรือ”
หลินสวินอึ้งไป ยกมือขึ้นเปิดกล่องกระบี่
ดังคาด ภายในว่างเปล่าไม่มีอะไรทั้งสิ้น
เขาถือกล่องกระบี่ขึ้นมา พออยู่บนมือรู้สึกเย็นเยียบ หนักอึ้งหาใดเทียบ อย่างกับยกภูเขาลูกหนึ่ง จิตรับรู้เข้าไปสัมผัสภายใน แต่สัมผัสได้เพียงแค่กลิ่นอายคลุมเครือน่าหวาดผวาเช่นนั้น
พอมาดูใต้กล่องกระบี่ ใช้อักษรจารึกบรรพกาลสลักสัญลักษณ์แปลกประหลาดลายหนึ่ง รูปร่างคล้ายดวงตาแนวตั้งดวงหนึ่ง ทำให้คนมองรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว พิสดารนัก
จู่ๆ เย่จื่อที่จำศีลอยู่ในเส้นผมของหลินสวินก็เอ่ยขึ้นกะทันหันว่า “ให้ข้าลองดู”
สวบ!
เย่จื่อโฉบเข้าไปในกล่องกระบี่อย่างเงียบเชียบ ไม่นานนักเสียงของเขาก็แว่วมา “หลินสวิน เจ้าปิดกล่องกระบี่ที”
ทันใดนั้นหลินสวินก็รับรู้ได้ว่าเย่จื่อคงจะพบอะไรเข้าแล้ว!
เขาปิดกล่องกระบี่ เดิมคิดจะเก็บเข้าไปในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด ใครจะคิดว่ากล่องกระบี่จะสร้างคลื่นไร้รูป ไม่อาจถูกเก็บเข้าไปได้
ดวงตาหลินสวินฉายแววประหลาด
หลายปีมานี้เจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดเคยกำราบศาสตราจักรพรรดิไปไม่น้อย ยามนี้บุคคลน่ากลัวอย่างจักรพรรดิกระบี่นภาประสานยังถูกขังอยู่ข้างใน
แต่ตอนนี้กลับไม่อาจเก็บกล่องกระบี่ลึกลับชิ้นนี้ได้ นี่ทำให้หลินสวินยิ่งรับรู้ได้ว่าสิ่งนี้พิเศษมาก!
‘รอตอนเย่จื่อ อาจจะได้รู้ปริศนาบางอย่างของกล่องกระบี่นี้’
หลินสวินลอบพูดในใจ
เขาค้นหาต่อ แทบจะขุดแดนลับที่มีขอบเขตเพียงไม่กี่สิบจั้งเท่านั้นออกมาจนหมด แต่กลับหาสมบัติที่เข้าตาไม่ได้อีกเลย
พอคิดดูก็จริง นักพรตเอ้อคนนี้ยังเป็นแค่มกุฎมหาอริยะคนหนึ่งเท่านั้น สะสมผลึกมรรคแปดสิบล้านก้อนรวมถึงวัตถุดิบเทพจำนวนมากได้ก็ไม่ง่ายแล้ว
หลินสวินไม่ชักช้าอีก เดินไปนอกแดนลับคลังสมบัติแห่งนี้
จี้เหลิ่งรีบร้อนตามไป
เขาในขณะนี้ไม่ต่างอะไรกับสุนัขรับใช้ที่ซื่อสัตย์ภักดีตัวหนึ่ง
…..
จวนเจ้าเมือง
ในโถงตำหนักอันเจิดจ้าตระการตาหลังนั้น ที่นี่เดิมทีเป็นของนักพรตเอ้อ แต่ตอนนี้ถูกหลินสวินยึดครองแล้ว
หลินสวินนั่งอยู่ตรงนั้น เปรยว่า “ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าก็คือเจ้าเมืองนี้”
จี้เหลิ่งอึ้งไป
รักษาชีวิตไว้ได้ครั้งหนึ่งก็ทำให้เขารู้สึกราวกับฝันไปแล้ว แต่ตอนนี้หลินสวินกลับยังให้เขาเป็นเจ้าเมืองเมืองผีครอบงำ นี่ทำให้เขารู้สึกยากจะเชื่อยิ่งกว่าฝันไปเสียอีก
หลินสวินพูดเองเออเองต่อว่า “ข้ารอคนอยู่ อย่างน้อยก่อนข้าจากไป ข้าไม่อยากให้เกิดเรื่องยุ่งยากอะไรอีกแล้ว เจ้าเข้าใจไหม”
จี้เหลิ่งเหม่อไปครู่หนึ่ง ถึงกล้ามั่นใจในที่สุดว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง!
เขารับปากอย่างไม่ลังเลสักนิด “ผู้อาวุโสวางใจได้ ข้าน้อยจะทำดีไถ่โทษ จะได้ไม่ผิดต่อความเมตตาที่ผู้อาวุโสไว้ชีวิต!”
คนที่ไม่มีค่า ไม่อาจอยู่รอดในโลกมืดได้
จี้เหลิ่งนิสัยเจ้าเล่ห์ สับปลับมากอุบาย ใช้ให้ดีก็เป็นคนมีความสามารถที่หาได้ยากคนหนึ่ง ถ้าใช้ไม่ดีก็จะกลายเป็นงูพิษที่เอาชีวิตผู้อื่นตัวหนึ่ง
สำหรับหลินสวินแล้ว นี่ก็คือคุณค่าของจี้เหลิ่ง และเป็นสาเหตุให้เขาไว้ชีวิตอีกฝ่าย
อย่างที่เขาบอก ถ้าซียังไม่กลับมา เขาจะยังไม่ออกจากเมืองผีครอบงำ
แน่นอนว่าตอนที่ควรจากไป หลินสวินจะไม่รั้งอยู่ต่อแต่อย่างใดโดยเด็ดขาด
“ข้ามีนามว่าเต้ายวน”
จู่ๆ หลินสวินก็เอ่ยขึ้น
ตอนนี้มาบอกชื่อเองดูชอบกลนัก
แต่จี้เหลิ่งเพียงแค่อึ้งไป แล้วเผยรอยยิ้มประจบบานแฉ่งเป็นดอกเบญจมาศ เอ่ยว่า “ที่แท้ก็ผู้อาวุโสเต้ายวน มหามรรคดุจหุบเหว กว้างใหญ่ไร้สิ้นสุด เป็นชื่อดี!”
จี้เหลิ่งไม่รู้ว่านี่เป็นฉายาของหลินสวิน หลินสวินก็ไม่อธิบาย
แต่หลินสวินรู้ดีว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ผู้ฝึกปราณทุกคนในเมืองผีครอบงำก็จะรู้จักชื่อเต้ายวนนี้
และขอเพียงซีมา ก็ต้องรู้ว่า ‘เต้ายวน’ ที่ปรากฏตัวในเมืองผีครอบงำแห่งนี้เป็นใคร!
……
เช้าวันรุ่งขึ้น
เรื่องที่เจ้าเมืองนักพรตเอ้อถูกฆ่าก็กระจายไปทั้งเมืองผีครอบงำ ไม่ได้ก่อให้เกิดความอึกทึกครึกโครมใหญ่โตมากนัก เพราะหลายปีนี้เปลี่ยนเจ้าเมืองกันบ่อยเกินไป
นักพรตเอ้อเองก็เพิ่งชิงตำแหน่งเจ้าเมืองไปเมื่อปีกลาย ตอนนี้ถูกคนอื่นฆ่าก็ไม่ได้เป็นเรื่องแปลก
แต่ข่าวบางอย่างยังก่อให้เกิดเสียงถกกันนับไม่ถ้วน
เช่นว่า เจ้าเมืองคนใหม่คือจี้เหลิ่ง พวกร้ายกาจที่ติดตามนักพรตเอ้อต่อสู้มาหลายปี มีชื่อเรื่องมีปัญญามากแผนการ
เพิ่งคืนเดียว เขาก็ใช้ความสามารถราวเลือดเหล็กควบคุมขุมอำนาจที่อยู่ใต้อาณัตินักพรตเอ้อทั้งหมดได้อยู่หมัด ไม่มีความปั่นป่วนเกิดขึ้นแต่อย่างใด
หรืออย่างเช่น คนที่สังหารนักพรตเอ้อเป็นพวกร้ายกาจคนหนึ่งที่มีนามว่า ‘เต้ายวน’ ตอนนี้รับใช้ข้างกายจี้เหลิ่ง
นี่ทำให้ผู้ฝึกปราณทุกคนในเมืองยิ่งยำเกรงและหวาดกลัวจี้เหลิ่ง
ในสายตาพวกคน คนร้ายกาจที่สามารถสังหารนักพรตเอ้อได้ยังถูกจี้เหลิ่งรับมาอยู่ใต้อาณัติ แค่คิดก็รู้ว่าความสามารถของจี้เหลิ่งจะร้ายกาจปานไหน
แน่นอนว่าสถานการณ์จริงๆ มีแต่จี้เหลิ่งเองที่รู้ เขาเพียงแค่เป็นหุ่นเชิดหน้าเวทีเท่านั้น
สรุปแล้วตั้งแต่วันนี้ไป เมืองผีครอบงำได้เปลี่ยนเจ้าเมืองใหม่ ส่วนชื่อเต้ายวนนี้ก็รู้จักกันทั้งเมืองไปแล้ว
หลินสวินไม่ได้สนใจเรื่องนี้
เขาเร่งรีบฝึกปราณ ซีไม่รู้เป็นหรือตาย จนตอนนี้ยังไม่กลับมา ทำให้เขารับรู้ได้ถึงความน่ากลัวของหญิงชุดม่วงเหยี่ยนซิงคนนั้น
พลังระเบียบต้องห้ามถูกควบคุมอีกครั้ง จักรพรรดิไร้นามคนใหม่ก็มาแล้ว ไม่ต้องคิดสักนิดหลินสวินก็รู้ว่า ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าตนอยู่ในโลกมืด จะต้องมาหาทันทีแน่
นี่ก็เป็นสาเหตุที่หลินสวินเก็บเนื้อเก็บตัวเช่นนั้นหลังจากมาถึงเมืองผีครอบงำ กระทั่งจงใจปิดบังกลิ่นอายทั้งหมดบนร่าง
แต่การเก็บเนื้อเก็บตัวเช่นนี้กลับทำให้เขาถูกจับจ้อง ถูกมองเป็นแกะอ้วนพีไม่เท่าไร ยังถูกคนอื่นหลอกใช้ยืมมือฆ่าคนอื่น ดังนั้นจึงดึงดูดคลื่นลมอย่างต่อเนื่อง
นี่ก็ทำให้หลินสวินรับรู้ได้อย่างลึกซึ้งว่าโลกมืดแห่งนี้อันตรายและโกลาหลปานไหน คิดจะยืนอยู่ที่นี่ ต่อให้ไม่อยากหาเรื่อง ก็ต้องมีความยุ่งยากกับภัยพิบัติที่คาดไม่ถึงมาหาถึงที่ตลอด
‘ในระดับปราณ ยังห่างจากระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิสามชั้นฟ้าอยู่ไม่น้อย แม้ว่าซีจะไม่อยู่ชั่วคราว แต่จักรพรรดิกระบี่นภาประสานยังอยู่ ข้ายังต่อสู้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เคี่ยวกรำตัวเองได้อยู่’
‘นอกจากนี้ควรทุ่มไปที่การหลอมร่างแยกมหามรรค ร่างแยกมหามรรคที่มีความรู้สึกนึกคิดและมรรควิถียิ่งมาก ก็ยิ่งดีกับการฝึกปราณของข้า…’
ที่จวนเจ้าเมือง หลินสวินนั่งสมาธิฝึกตนไปพลางครุ่นคิดไปพลาง
ร่างของเขาในตอนนี้คือร่างต้น
และมีเพียงการแปรสภาพของพลังร่างต้นเท่านั้น ถึงทำให้พลังร่างแยกมหามรรคแปรสภาพตามไปได้
ว่ากันถึงแก่นแล้ว ร่างต้นจึงจะเป็นรากของมรรควิถีทั้งตัวของเขา
“หึม?”
จู่ๆ กล่องกระบี่สำริดที่ถูกหลินสวินวางไว้ข้างหนึ่งก็สั่นระรัว หลินสวินพลันหยุดฝึกปราณ เปิดกล่องกระบี่ออก
สวบ!
เงาร่างของเย่จื่อพุ่งออกมา ละอองแสงปราณกระบี่พร่ามัวราวภาพฝันหลั่งไหลไปทั้งตัว ปราณกระบี่เจิดจ้า ฉายประกายเต็มห้อง
หลินสวินสัมผัสได้อย่างฉับไวในทันทีว่าเพิ่งไม่ได้พบกันวันเดียว กลิ่นอายของเย่จื่อกลับแกร่งกล้าขึ้นกว่าแต่ก่อน!
แม้ความเปลี่ยนแปลงนี้จะเล็กน้อย แต่ก็เรียกได้ว่าน่าตกตะลึงแล้ว!
หรือจะเป็นเพราะกล่องกระบี่นั้น
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวหลินสวิน ก็ได้ยินเสียงเย่จื่อพูดดังคาด “หลินสวิน กล่องกระบี่นี้ไม่ธรรมดาสักนิด”
เสียงเจือความดีใจอย่างหาได้ยาก
ตอนไม่ได้ต่อสู้ เย่จื่อจะมีนิสัยสุภาพสงบเงียบ แต่เห็นได้ชัดว่าคราวนี้เขาได้พบเรื่องดีที่คาดไม่ถึง ถึงได้ตื่นเต้นขนาดนี้
ไม่ทันรอให้หลินสวินเอ่ยปาก เขาก็พูดว่า “ในกล่องกระบี่นี้มีจักรวาลอีกแห่ง!”
—————————-