Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2073 มารกระบี่เต้ายวน

ตอนที่ 2073 มารกระบี่เต้ายวน

เย่จื่อเก็บกลั้นความยินดีไม่อยู่ เอ่ยต่อว่า “ถ้าข้าสันนิษฐานไม่ผิด กล่องกระบี่นี้น่าจะมีชื่อว่า ‘โลกกระบี่’ สิ่งที่ซ่อนอยู่ในกล่องกระบี่ไม่ได้เป็นดาบคมศาสตราวิเศษอะไร แต่เป็นโลกให้วิญญาณกระบี่ฝึกฝนได้แห่งหนึ่ง”

“โลกแห่งนี้แปลงมาจากยอดกฎเกณฑ์มรรคกระบี่ ต้นไม้ใบหญ้า ภูผาธาราหมื่นลักษณ์ต่างมีแก่นอัศจรรย์สูงสุดของมรรคกระบี่ประทับอยู่!”

ได้ยินดังนี้หลินสวินก็หน้าเปลี่ยนสีอย่างอดไม่ได้ เอ่ยว่า “สิ่งนี้เหมือนเขตแดนกระบี่มาก”

เย่จื่อพยักหน้ารัวๆ “ใช่ เขตแดนกระบี่คือภาพสะท้อนมรรควิถีของตัวผู้ฝึกกระบี่ แต่โลกกระบี่เป็นโลกจริงๆ แห่งหนึ่ง ทั้งสองมีจุดที่คล้ายคลึงกัน ที่ต่างกันก็คือโลกกระบี่แห่งนี้มีอยู่จริง”

พูดถึงตรงนี้เขาก็ทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้ “หลอมโลกมรรคกระบี่ในกล่องกระบี่ใบหนึ่งได้ วิชาเช่นนี้เกรงว่าบรรพจารย์จักรพรรดิมรรคกระบี่ยังทำได้ยากนัก…”

หลินสวินนัยน์ตาแข็งทื่อ บรรพจารย์จักรพรรดิยังทำได้ยากหรือ

เรื่องนี้น่าเหลือเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย!

“ระดับจักรพรรดิอาจครอบครองอานุภาพทำลายล้างโลกแห่งหนึ่งได้ แต่คิดจะสร้างโลกแห่งหนึ่งกลับยากเสียยิ่งกว่ายาก รู้ไหมว่าผู้ที่ควบคุมพลังเช่นนี้ได้ก็เหมือนเจ้าผู้สร้างสรรพสิ่งแล้ว”

เย่จื่อเอ่ย “แต่ว่า โลกกระบี่แห่งนี้พิเศษนัก เหมือนบุกเบิกขึ้นเพื่อวิญญาณกระบี่โดยเฉพาะ และมีเพียงวิญญาณกระบี่อย่างข้าถึงเข้าไปฝึกปราณในนั้น หยั่งรู้กฎเกณฑ์มรรคกระบี่ที่อยู่ในโลกแห่งกระบี่นั่นได้”

หลินสวินถึงตระหนักได้ในยามนี้ ว่าเหตุใดหลังจากกล่องกระบี่นี้ตกอยู่ในมือของนักพรตเอ้อถึงถูกผนึกไว้ตลอด ที่แท้สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกปราณจะใช้ได้อยู่แล้ว

“การฝึกปราณในนั้น ไม่เพียงทำให้ข้าฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้รวดเร็วยิ่งขึ้น มิหนำซ้ำยังสามารถหยั่งรู้ได้ถึงกฎเกณฑ์มรรคกกระบี่ที่พิศวงยิ่งขึ้นด้วย…”

เย่จื่อดูตื่นเต้นนัก

หลินสวินก็ดีใจแทนเขา

อู้เชวียมีธนูวิญญาณไร้แก่นสาร วิญญาณดาบหักมีดาบหัก ดังนั้นจึงอาศัยการหลอมศาสตราจักรพรรดิมาฟื้นพลังได้ มีเพียงเย่จื่อเท่านั้นที่เสียเปลือกนอกของตนไป จึงไม่อาจทำเช่นนี้ได้

ตอนนี้พอมีกล่องกระบี่ที่ภายในบรรจุโลกกระบี่ลึกลับไว้นี้ เย่จื่อก็เหมือนมีถ้ำสถิตไว้ฝึกปราณได้แห่งหนึ่ง ไม่ต้องเอาแต่หลบอยู่ในเส้นผมเขาเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

เย่จื่อเอ่ยกับหลินสวินอย่างเกรงใจอยู่บ้าง “หลินสวิน โลกที่ซ่อนอยู่ในกล่องกระบี่นี้จะถูกเก็บไปไม่ได้ ภายหน้าก็ทำได้แค่อาศัยเจ้าแบกขึ้นหลังไปแล้ว”

“นี่จะไปยากอะไร เรื่องเล็กนิดเดียว”

หลินสวินยิ้ม

เย่จื่อเข้าโลกกล่องกระบี่ไปฝึกปราณตั้งแต่วันนี้

และช่วงหนึ่งในภายหลัง โลกมืดก็มีคนร้ายกาจชั้นยอดที่เดินสะพายกล่องกระบี่ไว้ข้างหลังเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง

……

หลายวันผ่านไป

“ผู้อาวุโส แย่แล้ว”

จี้เหลิ่งรีบร้อนเข้ามา ยืนรายงานข่าวอยู่นอกโถงเรือน

ตอนนี้เขาเรียกหลินสวินว่า ‘ผู้อาวุโส’ ได้คล่องปากยิ่งขึ้นแล้ว

ต่อให้เขาดูออกว่าหากว่ากันด้วยอายุกระดูกของผู้ฝึกปราณแล้ว ความจริงหลินสวินอ่อนวัยยิ่งนัก แต่ในความเห็นของจี้เหลิ่ง เรียกอีกฝ่ายว่าผู้อาวุโสก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

ไม่มีสิ่งอื่นใด บนหนทางฝึกปราณ ผู้บรรลุสูงกว่าสำคัญกว่า!

“เกิดอะไรขึ้น”

ในตำหนัก หลินสวินตื่นขึ้นจากการนั่งสมาธิ

“หลังจากได้ยินข่าวนักพรตเอ้อถูกฆ่า นักเชือดเมิ่ง เจ้าเมืองเมืองปีศาจเพลิงที่ห่างจากพวกเราไปเก้าพันลี้ก็พาลูกสมุนฝีมือดีบุกมาแล้วขอรับ”

จี้เหลิ่งสีหน้าสงบนิ่ง ไม่ได้ตื่นตระหนก

นักเชือดเมิ่งเป็นคนร้ายกาจที่เคยเอาชนะนักพรตเอ้อได้ แต่เทียบกันแล้วจี้เหลิ่งกลัวผู้อาวุโสเต้ายวนที่อ่อนวัยเกินเหตุตรงหน้านี้เสียมากกว่า

“ไม่ต้องสงสัยว่าพวกเขาต้องอยากมาควบรวมเมืองผีครอบงำแน่!”

จี้เหลิ่งพูดถึงตรงนี้ก็เผยสีหน้าลำบากใจอย่างอดไม่อยู่ เอ่ยว่า “ดังนั้น… ดังนั้นข้าน้อยทำได้เพียงมาขอร้องผู้อาวุโสแล้ว”

หลินสวินถอนหายใจ

นี่เพิ่งสงบไปไม่กี่วันก็มีความยุ่งยากมาถึงที่อีกแล้ว…

“ไป”

หลินสวินลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปนอกตำหนัก

จี้เหลิ่งพลันฮึกเหิม กระปรี้กระเปร่าเป็นไก่แจ้แก่ เดินตามไปติดๆ เหมือนสุนัขรับใช้อย่างยิ่ง

……

นอกเมือง

ฟ้าดินอึมครึม เงาร่างแถวหนึ่งยืนอยู่กลางอากาศ กลิ่นอายพิฆาตที่แผ่ออกมาทั้งร่างทำเอาฟ้าดินยังหม่นหมอง

ผู้นำเป็นชายวัยกลางคนร่างผอมแห้งท่าทางเหมือนบัณฑิต แต่งกายชุดนักพรต มือถือพัดขนนก

ถ้าไม่ได้เห็นกับตา เกรงว่าใครก็คงคิดไม่ถึงว่าชายวัยกลางคนร่างผอมแห้งผู้นี้ก็คือมกุฎมหาอริยะเจ้าเมืองปีศาจเพลิง มีฉายาว่า ‘นักเชือดเมิ่ง’

“จำไว้ คราวนี้พวกเรามาหยั่งเชิงจี้เหลิ่งคนนั้น ทันทีที่สถานการณ์ไม่ชอบมาพากลพวกเราก็จะไปทันที”

นักเชือดเมิ่งโบกพัดเบาๆ แววตาวาววาบ

มีคนเอ่ยว่า “ท่านเจ้าเมือง การตายของนักพรตเอ้อจะต้องเกี่ยวข้องกับจี้เหลิ่งคนเจ้าเล่ห์ชั่วช้านั่นชนิดแยกกันไม่ออกแน่ๆ ส่วนเจ้าคนที่ชื่อ ‘เต้ายวน’ บ้าบออะไรนั่น เห็นได้ชัดว่าเป็นตัวแทนที่จี้เหลิ่งสร้างขึ้นมาเพื่อปิดหูปิดตาคน”

นักเชือดเมิ่งแววตาโหดเหี้ยม “ถ้าเป็นเช่นนี้จริง วันนี้พวกเราก็เอาเมืองผีครอบงำมาให้ได้ก็พอ แต่ก็ต้องระวังไว้ อย่างไรก็มาหยั่งเชิงเป็นหลัก”

“มาแล้ว”

มีคนเอ่ยขึ้น

ก็เห็นว่าท้องฟ้ากว้างเหนือประตูเมืองที่อยู่ไกลออกไปมีเงาร่างสูงสง่าโดดเด่นปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ แบกกล่องกระบี่ใบหนึ่งไว้บนหลัง สง่างามเกินทั่วไป

เบื้องหลังเขา จี้เหลิ่งตามมาเหมือนสุนัขรับใช้ตัวหนึ่ง ดูนอบน้อมหาใดเทียบ

ภาพนี้ทำให้นักเชือดเมิ่งนัยน์ตาหดรัด หนังตากระตุกรุนแรงไปครู่หนึ่ง จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าเหมือนตนจะเดาผิดแล้ว

เจ้าเมืองจี้เหลิ่งคนนี้ยังเหมือนตัวแทนเสียกว่า!

“จี้เหลิ่ง ท่านเจ้าเมืองของพวกเราได้ยินว่าเจ้าเป็นเจ้าเมืองเมืองผีครอบงำนี้แล้วจึงมาแสดงความยินดีโดยเฉพาะ”

คนผู้หนึ่งเอ่ยเสียงน่ากลัว “อีกอย่าง พวกเราก็อยากจะเห็นเสียหน่อย ว่าเต้ายวนที่ฆ่านักพรตเอ้อตายคนนั้นเป็นผู้แข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่”

กลับเห็นว่าจี้เหลิ่งไม่สนใจสักนิด แต่ก้มหน้าก้มตาสงบเสงี่ยมอยู่ด้านหนึ่ง เอ่ยเสียงประจบว่า “ผู้อาวุโส เจ้าคนที่อยู่ตรงกลางนั่นก็คือนักเชือดเมิ่ง อย่าเห็นว่าเขาคล้ายบัณฑิต ความจริงแล้วใจคอร้ายกาจ สองมือย้อมเลือด ชื่อเรียกนักเชือดนี้ก็ได้มาเพราะเหตุนี้”

ภาพแบบนี้ทำให้ใจนักเชือดเมิ่งยิ่งฉงนไปครู่หนึ่ง

“ผู้อาวุโสหรือ ฮ่าๆๆ จิ้งจอกเฒ่าอย่างเจ้าจี้เหลิ่งจะเล่นแผนชั่วอะไรอีก ถึงกับเรียกชายหนุ่มคนหนึ่งว่าผู้อาวุโส ไม่อายหรือไง”

คนผู้หนึ่งหัวเราะเสียงดังขึ้นมา

จี้เหลิ่งก็ยิ้ม นั่นเป็นการยิ้มเวทนา ในใจเขามีความรู้สึกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก อยากให้เจ้าพวกนี้เต้นแร้งเต้นกาให้สนุกเสียหน่อย รอตอนถูกล้มจะต้องถึงอกถึงใจแน่

แต่หลินสวินคร้านจะฟังต่อแล้ว สำหรับเขาในตอนนี้เวลาเป็นสิ่งมีค่า สิ้นเปลืองไปกับคนพวกนี้ไม่คุ้มเลยสักนิด

ดังนั้นเมื่อนักเชือดเมิ่งไตร่ตรองก่อนพูดเสร็จ กำลังจะเอ่ยปากเตรียมหยั่งเชิง หลินสวินก็ลงมือแล้ว

เขายืนอยู่กลางอากาศ สะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง

ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนที่กำลังจับตามองอย่างใกล้ชิดอยู่ในเมืองเพียงรู้สึกแสบตาไปครู่หนึ่ง เหมือนเห็นปราณกระบี่เปล่งประกายนับไม่ถ้วนแปรเปลี่ยนเป็นพายุฝนตกลงมาจากฟ้า

ฟุ่บๆๆ!

ที่ตามมาติดๆ คือเสียงทึบหนักระลอกหนึ่งดังก้องกลางฟ้าดิน สีเลือดแดงฉานคล้ายสีย้อม ละเลงห้วงอากาศผืนนั้นให้เป็นสีแดงแสบตา

เมื่อสายตาของทุกคนกลับมามองเห็นได้ชัดเจนในที่สุด เงาร่างของพวกนักเชือดเมิ่งที่อยู่นอกเมืองก็หายไปนานแล้ว มีแต่น้ำเลือดเต็มพื้นไหลนอง…

ฟ้าดินเงียบสงัด ทั้งที่นั้นต่างสั่นสะท้านเพราะเรื่องนี้

สะบัดแขนเสื้อครั้งเดียว ปราณกระบี่ดุจสายฝน ปลิดชีพศัตรูทั้งปวง!

ความสง่างามหยิ่งผยองหาได้ยากเช่นนั้น ทำให้ทุกคนแทบสงสัยว่านั่นเป็นยอดเทพกระบี่องค์หนึ่งมาเยือน ซัดกระบี่กวาดโลกา!

“เจ้ามาเก็บสนามรบ”

หลินสวินหันกายจากไป คู่ต่อสู้อ่อนแอเกินไปราวกับเก็บผักเก็บหญ้า เขาไม่รู้สึกประสบความสำเร็จใดๆ สักนิด มีเพียงความรู้สึกเดียว…

น่าเบื่อ

ตอนเงาร่างหลินสวินหายลับไป จี้เหลิ่งยังเหม่อลอย จิตใจสั่นระรัวอย่างคุมไม่อยู่ นี่… นี่มันคนน่ากลัวเช่นไรกันแน่

ลมหนาวระลอกหนึ่งพัดมา ปนเปไปกับกลิ่นคาวเลือดเตะจมูก ปลุกจี้เหลิ่งให้ได้สติกลับมาจากความตะลึง

เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ตะคอกเสียงดังดุจอสนีบาตว่า

“มาสิ มาเก็บทรัพย์หลังศึก! คนอื่นบุกไปเมืองปีศาจเพลิงกับข้า!”

หลังจากตกตะลึง จี้เหลิ่งก็รู้สึกฮึกเหิมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พอพวกนักเชือดเมิ่งตาย เมืองปีศาจเพลิงที่อยู่ห่างไปเก้าพันลี้นั้น… ก็จะเป็นเมืองที่ไร้เจ้าของ!

ครืน!

ไม่นานนักจี้เหลิ่งก็พาคนกลุ่มหนึ่งพุ่งไปทางเมืองปีศาจเพลิงด้วยไอสังหารถาโถมอย่างอดรนทนไม่ไหว ฝุ่นควันม้วนตลบตลอดทาง

วันนี้พวกนักเชือดเมิ่งถูกปลิดชีพ เมืองปีศาจเพลิงถูกยึด ทรัพย์สินที่นักเชือดเมิ่งจัดการขูดรีดมาได้หลายปีถูกกวาดไปจนเกลี้ยง

วันนี้ นาม ‘มารกระบี่เต้ายวน’ นี้กระจายไปอย่างรวดเร็ว ทะยานไปถึงเมืองใกล้เคียงมากมายอย่างกับมีปีกบิน

ชั่วขณะเดียวก็ก่อให้เกิดเสียงฮือฮาไม่รู้เท่าไร

ชั่วสะบัดแขนเสื้อ กระบี่เต็มจักรวาล!

มีคนถกเรื่องศึกนี้ของมารกระบี่เต้ายวนไม่รู้เท่าไร แม้แต่พวกร้ายกาจที่โลดแล่นในโลกมืดมาหลายปี ในใจยังปั่นป่วนไม่หยุด

และตั้งแต่วันนี้เช่นกันที่ผู้แข็งแกร่งมากมายเข้ามาในเมืองผีครอบงำจากสี่ทิศแปดด้าน ชั่วขณะเดียวทำให้เมืองเก่าโทรมที่ไม่สะดุดตาเมืองนี้เปล่งพลังชีวิตใหม่ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แปรเปลี่ยนเป็นครึกครื้นขึ้นมา

นี่ก็คืออิทธิพลจากศึกนี้ของหลินสวิน!

โลกมืดปั่นป่วนยิ่งนัก เหตุนองเลือดและการสังหารแทบจะเกิดขึ้นได้ทุกวี่วัน เพื่อความอยู่รอด ผู้แข็งแกร่งส่วนมากทำได้เพียงไปอยู่ในเมืองเมืองหนึ่งเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองจากอำนาจของเจ้าเมือง

แม้จะถูกขูดรีด แต่ถึงอย่างไรก็ปลอดภัยขึ้นมาหน่อย และยังอยู่รอดในโลกอันปั่นป่วนแห่งนี้ไปได้นานขึ้นบ้าง

และความสามารถของหลินสวิน รวมถึงพลังต่อสู้อันน่ากลัวที่เขาเผยออกมา ก็ทำให้เมืองผีครอบงำกลายเป็น ‘ที่หลบภัย’ ในใจผู้ฝึกปราณมากมาย พากันมาพึ่งพิงในทันที

กับเรื่องนี้ เจ้าเมืองฉากหน้าอย่างจี้เหลิ่งยิ้มไม่หุบ ผู้ฝึกปราณที่มาพึ่งพิงในเมืองแต่ละคนก็เท่ากับแหล่งทรัพย์สินไม่ขาดสายก้อนหนึ่ง เขาจะไม่ดีใจได้อย่างไร

เขาเป็น ‘เฒ่าชรา’ ที่มีความสามารถ มีสติปัญญา ทั้งยังไม่ขาดศักยภาพคนหนึ่ง มีเขาออกหน้าจัดระเบียบและกำหนดกฎเกณฑ์ด้วยฐานะเจ้าเมือง ภายในเมืองผีครอบงำก็เหมือนปรากฏภาพความเจริญรุ่งเรือง

กับเรื่องเหล่านี้หลินสวินไม่มีใจไปสนใจอยู่แล้ว ทั้งยังคร้านจะสนใจด้วย

เขาแทบไม่ก้าวออกจากที่พัก ฝึกปราณอยู่ตลอด

แต่เขาก็พบอยู่ดีว่าทรัพย์สินที่จวนเจ้าเมืองรับมากำลังแปรเปลี่ยนเป็นมากมายไม่ขาดสาย มากยิ่งขึ้นเหมือนกลิ้งก้อนหิมะ!

แน่นอนว่าสุดท้ายทรัพย์สินพวกนี้ เกินครึ่งก็จะเข้ากระเป๋าหลินสวิน

นี่เพียงพิสูจน์ได้ว่า เมืองผีครอบงำตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้วจริงๆ และจี้เหลิ่ง เจ้าเมืองที่มากสติปัญญาและแผนการ ทั้งยังไม่ขาดฝีมือคนนี้ ก็แสดงความสามารถได้โดดเด่นจริงๆ

ทุกเรื่องมีดีย่อมมีเสีย ความโดดเด่นสะดุดตาของเมืองผีครอบงำ แม้ดึงดูดให้ผู้แข็งแกร่งมากมายมาพึ่งพิง แต่ก็ด้วยเหตุนี้จึงดึงดูดความหวาดหวั่นและไม่พอใจของเจ้าเมืองมากมายในพื้นที่อันกว้างใหญ่นี้มาด้วย

————————

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset