Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2075 เฉกเช่นวาจาประกาศิต

วัตถุดิบวิญญาณไม่ว่าธรรมดาเพียงไหน พอกองสุมเป็นภูเขากองใหญ่กองหนึ่ง ความยิ่งใหญ่ของมูลค่าก็สามารถทำให้ไม่ว่าผู้ฝึกปราณคนไหนก็ต้องใจเต้น

และสมบัติอย่างผลึกมรรค เป็นทั้งเงินตราที่สูงค่าหาใดเทียบชนิดหนึ่ง และยังเป็นทรัพยากรฝึกปราณที่เหมาะกับระดับอริยะขึ้นไปอีกด้วย

นี่ก็ทำให้มูลค่าของผลึกมรรคไม่อาจเทียบได้กับหินวิญญาณ แกนวิญญาณทั่วไปเป็นอย่างยิ่ง

ระดับอริยะทั่วไปได้ครอบครองผลึกมรรคหลายล้านก้อนก็เรียกได้ว่ามีฐานะแล้ว

แม้แต่ระดับจักรพรรดิ ถ้ามีผลึกมรรคหลักสิบล้านก้อนก็เรียกได้ว่าฐานะมั่นคง ทรัพย์สินน่าตะลึง

ส่วนผลึกมรรคหนึ่งร้อยล้านก้อน…

จำนวนสูงเทียมฟ้าเช่นนี้ สามารถทำให้ระดับจักรพรรดิต่างปรารถนาตาลุกวาว!

และตอนนี้สิงเหลียนฉี่กับซานหย่งอ้าปากจะเอาผลึกมรรคร้อยล้านก้อน นี่ไม่ใช่แค่รับบรรณาการง่ายๆ แล้ว แต่เป็นต้องการบีบให้จี้เหลิ่งถึงที่ตายจริงๆ!

จี้เหลิ่งชะงักไปครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยเสียงต่ำว่า “ใต้เท้าทั้งสอง ผลึกมรรคหนึ่งร้อยล้านนี้… ไม่ใช่น้อยๆ นะ ข้าน้อย… ข้าน้อย…”

เผียะ!

ยังไม่ทันพูดจบซานหย่งก็ลงมือ หวดมือข้างหนึ่งลงบนหน้าของจี้เหลิ่งอีกครั้ง ตบจนตัวเขากระเด็นออกไป แก้มบวมเป่ง กระอักเลือดกบปากและจมูก

ผู้ฝึกปราณหลายคนในที่นั้นมาสังเกตการณ์นานแล้ว พอได้เห็นภาพนี้เข้าต่างสูดหายใจสะท้านอย่างอดไม่ได้ ระดับกึ่งจักรพรรดิที่อยู่ใต้อาณัติเจ้าแคว้นคีรีดำสองคนนี้จะเผด็จการเกินไปแล้ว!

กระทั่งทำให้ผู้อื่นสงสัยว่าพวกเขาไม่ได้มาเพื่อเก็บบรรณาการ แต่มาหาเรื่องจี้เหลิ่ง ช่วยแก้แค้นแทนนักพรตเอ้อที่ตายไปคนนั้นชัดๆ!

“ตอนนี้ให้เจ้าเลือกสองทาง ทางแรก จ่ายผลึกมรรคร้อยล้านก้อน เรื่องในอดีตพวกข้าจะปล่อยให้เรื่องมันแล้วกันไป”

ซานหย่งสีหน้าโอหัง แววตาเย็นชา “ทางที่สอง ตาย!”

กะทัดรัดได้ใจความ แต่ไอสังหารไหลบ่าไปทั่ว

สิงเหลียนฉี่ที่อยู่ข้างกันถอนใจเอ่ยว่า “เฮ้อ จี้เหลิ่ง พวกเราเป็นคนช่วยจัดการงานให้ใต้เท้าคีรีดำ เจ้าอย่าให้พวกเราลำบากเกินไปเลย เจ้าน่าจะรู้ว่าต่อให้ตอนนี้เจ้าตายไป พรุ่งนี้ก็จะมีเจ้าเมืองคนใหม่มาช่วยพวกเราจัดการเมืองทั้งสี่แห่งนี้”

จี้เหลิ่งสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ฝืนข่มความเดือดดาลในใจเอาไว้ เขาคลานขึ้นมาจากพื้น พูดเสียงเบาว่า “ใต้เท้าทั้งสอง จะ… จะให้เวลาข้าน้อยได้เตรียมบ้างหรือไม่ ถึงอย่างไร… นี่ก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ จริงๆ”

ทันใดนั้นสิงเหลียนฉี่ก็ยิ้มขึ้นมา ดูเมตตากรุณาหาใดเทียบ “ได้สิ ไปเถอะ ภายในหนึ่งก้านธูปพวกเราก็จะไปแล้ว หวังว่าถึงตอนนั้นเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”

ซานหย่งเอ่ยอย่างเย็นชา “อีกเรื่องหนึ่ง ข้าได้ยินว่าในเมืองผีครอบงำแห่งนี้มีคนที่ชื่อมารกระบี่เต้ายวนอะไรนี่ด้วย ช่วงนี้ความสามารถเตะตาดี ทำไมเขาไม่ออกมาต้อนรับกับเจ้า หรือดูถูกพวกเราสองคน”

จี้เหลิ่งอึ้งไป รีบร้อนเอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า “ขอใต้เท้าทั้งสองคลายโกรธ ผู้อาวุโสเต้ายวนกำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการปิดด่าน ยุ่งจนปลีกตัวมาไม่ได้จริงๆ…”

“ปลีกตัวมาไม่ได้หรือ”

ซานหย่งแววตาเย็นชา “ไว้ตัวเสียจริงนะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราไปพบเขาเองดีกว่าไหม”

เสียงเผยให้เห็นความข่มขู่และไม่พอใจอย่างหนักหน่วง

“นี่…”

จี้เหลิ่งสีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ

ความอัปยศที่ได้รับจากการถูกตบหน้าท่ามกลางฝูงชนสองครั้งเขาทนได้ ถึงอย่างไรถ้าอยากอยู่รอดในโลกมืดต่อไป เวลาที่ควรก้มหัว เกียรติหรือศักดิ์ศรีอะไรก็ต้องทิ้งไว้ข้างหลัง

แต่จี้เหลิ่งกลับไม่กล้าไปรบกวนหลินสวินเพราะเรื่องเท่านี้!

“หึ!”

ท่าทีลังเลของจี้เหลิ่งทำให้ซานหย่งสีหน้าอึมครึมลง “จี้เหลิ่ง ข้าว่าเจ้าไม่อยากอยู่แล้วล่ะ!”

เขาเงื้อมือขึ้นจะไปตบหน้าจี้เหลิ่งอีกครั้ง

ก็ในตอนนี้เองเสียงเฉยชาเสียงหนึ่งดังขึ้นกะทันหัน “คุกเข่า”

เพียงสองคำ ราบเรียบเป็นธรรมชาติ

จี้เหลิ่งฟังออกทันทีว่านี่เป็นเสียงของหลินสวิน ใจสั่นระรัวอย่างห้ามไม่ได้ไปพักหนึ่ง ในที่สุด… ก็ไปรบกวนคนร้ายกาจผู้นี้อยู่ดี…

ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกจะเป็นลมไปครู่หนึ่ง แทบไม่กล้าเชื่อ

คุกเข่าหรือ

นั่นเป็นถึงแม่ทัพศึกระดับกึ่งจักรพรรดิสองคนที่อยู่ใต้อาณัติเจ้าแคว้นคีรีดำ ความสูงส่งของฐานะ ความแข็งแกร่งของพลังต่อสู้ เพียงพอจะทำให้พวกร้ายกาจไม่ว่าคนใดที่หากินอยู่ในอาณาเขตนี้ล้วนอกสั่นขวัญแขวน

แต่ตอนนี้ผู้อาวุโสเต้ายวนคนนั้นกลับพูดว่าให้อีกฝ่ายคุกเข่าลง!

จี้เหลิ่งยังเหงื่อกาฬผุดขึ้นทั้งตัวอย่างห้ามไม่อยู่

แต่ภาพต่อมากลับทำให้เขางุนงงอยู่ตรงนั้น ตกตะลึงอ้าปากค้างไปโดยสมบูรณ์

เพราะในตอนที่คำว่า ‘คุกเข่า’ เงียบลง ซานหย่งกับสิงเหลียนฉี่ที่ยืนอยู่กลางอากาศต่างพากันร่วงกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรงราวกับถูกกำราบอย่างน่ากลัว

พวกเขาอยากจะดิ้นรน แต่เข่าทั้งสองข้างแตกหัก เลือดสดๆ สาดกระเซ็น คุกเข่าลงกับพื้นไปด้วยกัน!

ปึง! ปึง!

เสียงหนักทึบสองเสียงดังขึ้น กระแทกให้พื้นดินยุบตัวลง

พอดูที่แห่งนั้นอีกครั้ง ซานหย่งกับสิงเหลียนฉี่ที่ก่อนหน้านี้หยิ่งผยองเหี้ยมเกรียมต่างหมอบอยู่กับพื้น คุกเข่าลงที่นอกประตูเมืองผีครอบงำแห่งนี้

และนี่ เป็นเพียงอานุภาพที่เกิดจากเสียงเพียงเสียงเดียวเท่านั้น

แค่สองคำสั้นๆ ให้เจ้าคุกเข่าก็ต้องคุกเข่า!

ประหนึ่งเทพที่เปล่งวาจาประกาศิต!

ในที่นั้นเงียบสงัด จี้เหลิ่งตาเบิกกว้าง ส่วนลึกในจิตใจมีเสียงร้องกึกก้องที่ไม่อาจควบคุมได้ดังขึ้น ผู้อาวุโสเต้ายวนคนนั้นไม่ใช่ระดับอริยะแล้ว แต่เป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะเป็นกึ่งจักรพรรดิผู้หนึ่ง!

หนำซ้ำยังไม่อาจเทียบกับระดับกึ่งจักรพรรดิทั่วไปด้วย!

ภายในเมือง ขณะนี้ผู้แข็งแกร่งมากมายที่ได้เห็นภาพนี้ต่างนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น สั่นสะท้านทั้งกายใจ

และท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบเชียบไร้เสียงนี้เอง เงาร่างสูงโปร่งของหลินสวินปรากฏขึ้นเหนือกำแพงเมือง เสื้อผ้าไหวกระพือ ผมดำปลิวสยาย เรียบเฉยละโลกีย์ดุจเซียนจุติลงมา

เขามองลงไปยังระดับกึ่งจักรพรรดิสองคนที่กำลังคุกเข่าอยู่กับพื้น แววตาราบเรียบไร้คลื่น “ควรจ่ายบรรณาการให้เจ้าแคว้นคีรีดำเท่าไร ทางข้าจะไม่ให้ขาดแม้แต่ก้อนเดียว ที่ไม่ควรจ่ายก็จะไม่เกินสักก้อน พวกเจ้าสองคนละเมิดกฎแล้ว”

บนพื้น ซานหย่งกับสิงเหลียนฉี่สีหน้าคล้ำเขียว ในใจทั้งโกรธเกรี้ยวทั้งพรั่นพรึง

เพียงอาศัยอานุภาพที่เกิดจากเสียงเดียวก็กำราบพวกเขาได้ง่ายๆ เรื่องนี้จะไม่ทำให้พวกเขารู้ได้อย่างไรว่าคราวนี้เตะโดนแผ่นเหล็กเข้าแล้ว

“เลิกพูดจาไร้สาระ แน่จริงก็ฆ่าพวกเราสองคนสิ!”

ซานหย่งกัดฟันเอ่ยปาก ต่อให้ในใจครั่นคร้าม แต่เขาก็มั่นใจเต็มเปี่ยมว่าในอาณาเขตที่เจ้าแคว้นคีรีดำควบคุม อีกฝ่ายย่อมไม่กล้าฆ่าพวกเขา

น่าเสียดาย ‘ความมั่นใจ’ ที่ว่านี้ของเขาอาจจะสั่นคลอนคนอื่นได้ แต่กับหลินสวินไม่มีทางสำเร็จอยู่แล้ว

ปึง!

พร้อมกับเสียงทึบหนักเสียงหนึ่ง ร่างที่คุกเข่าอยู่ของซานหย่งก็ยวบลงไปกับพื้นโดยสมบูรณ์ จิตวิญญาณแหลกเป็นผุยผง ก่อนตายตายังถลนคล้ายทำใจเชื่อได้ยาก

“อยากตายง่ายดายยิ่ง”

หลินสวินสีหน้าเฉยชา ราวกับที่ฆ่าไปไม่ใช่ระดับกึ่งจักรพรรดิขั้นสามคนหนึ่ง แต่เป็นบี้มดที่ไม่ควรค่าให้พูดถึงตัวหนึ่ง

ภาพที่ดูผ่อนคลายสบายใจเช่นนี้ กระตุ้นให้สิงเหลียนฉี่ร้องเสียงแหลมออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า “ขอผู้อาวุโสคลายโทสะ ขอผู้อาวุโสคลายโทสะด้วย ข้าน้อยผิดไปแล้ว!”

เขาโขกหัวกระแทกพื้นอย่างบ้าคลั่ง ในใจถูกความหวาดผวาไร้สิ้นสุดกลบมิด

ร้อยพันปีมานี้ เขาเพิ่งเคยเห็นคนร้ายกาจที่ไม่กลัวเจ้าแคว้นคีรีดำในอาณาเขตที่เจ้าแคว้นคีรีดำครอบครองเป็นครั้งแรก

เรื่องนี้น่ากลัวอย่างไม่ต้องสงสัย!

“ผิดแล้ว ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทน”

หลินสวินพูด “ว่ามาเถอะ ใครให้เจ้ามาหาเรื่อง อย่าบอกว่าข้าเด็ดขาดเชียว ว่าระดับจักรพรรดิอย่างเจ้าแคว้นคีรีดำยังจะไปติดใจกับการล้างแค้นให้คนที่ตายไปแล้วอย่างนักพรตเอ้อ”

สิงเหลียนฉี่สีหน้าเหยเก ครู่หนึ่งถึงพูดอย่างสลดว่า “เป็นข้าน้อยหน้ามืดตามัว ถูกผู้อื่นล่อลวงถึงได้ตั้งใจมาสร้างความลำบากด้วยกันกับซานหย่ง เป้าหมายไม่ใช่เพื่อแก้แค้นให้นักพรตเอ้อ แต่เป็นเพื่อข่มความหยิ่งผยองของพวกเจ้า…”

เดิมทีตอนสิงเหลียนฉี่กับซานหย่งมา เคยได้รับ ‘ผลประโยชน์’ ที่เจ้าเมืองบางคนมอบให้ เป้าหมายก็เพื่อหวังจะยืมมือพวกสิงเหลียนฉี่กำราบหลินสวินกับจี้เหลิ่ง

สาเหตุก็เพราะหลินสวินกับจี้เหลิ่งผงาดขึ้นเร็วเกินไป อาณาเขตก็ขยายอย่างฉับไวยิ่งนัก สามารถคุกคามเจ้าเมืองที่ยึดครองเมืองอื่นในอาณาเขตนี้ได้อย่างรุนแรง

เมื่อได้รู้เรื่องพวกนี้หลินสวินไม่ได้แปลกใจ แต่จี้เหลิ่งเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยวไปแล้วว่า “ดียิ่ง เป็นเช่นนี้ดังคาด ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องต้องไม่ธรรมดาเท่านี้แน่! พูดแบบนี้ใต้เท้าเจ้าแคว้นคีรีดำ… ก็ไม่รู้เรื่องที่พวกเจ้าสองคนทำใช่ไหม”

สิงเหลียนฉี่ก้มหน้ายอมรับ

รับเงินคนอื่น ขจัดเภทภัยให้เขา เพียงแต่คราวนี้พวกเขาดันเตะโดนแผ่นเหล็กเข้า จะยังพูดอย่างไรได้อีก

“ยังของให้ผู้อาวุโสอภัยให้ด้วย ข้ารับรองว่าภายหน้าจะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก!” สิงเหลียนฉี่อ้อนวอนเสียงสั่นเครือ

หลินสวินเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าจะอภัยให้เจ้าครั้งหนึ่ง แค่ไม่รู้ว่าหลังจากเจ้ากลับไปคราวนี้ เจ้าแคว้นคีรีดำจะยกโทษให้เจ้าหรือไม่”

ขณะที่พูดเขากำชับจี้เหลิ่งว่า “มอบบรรณาการให้เขา แล้วปล่อยเขาไป”

“แต่ว่า…”

จี้เหลิ่งยังอยากพูดอะไร ก็เห็นว่าเงาร่างหลินสวินหายลับไปจากกำแพงเมืองนานแล้ว

“ถือว่าเจ้าโชคดี!”

จี้เหลิ่งปรายตามองสิงเหลียนฉี่ด้วยแววตาพยาบาท

ไม่นานนักสิงเหลียนฉี่ก็ซุกความพรั่นพรึงที่ยังหลงเหลือหลังเกิดเคราะห์ แล้วเอา ‘บรรณาการ’ ที่จี้เหลิ่งมอบให้รีบร้อนจากไป

‘ซานหย่งเป็นผู้ช่วยมือฉมังของเจ้าแคว้นคีรีดำ แต่ตอนนี้เขากลับถูกพวกเจ้าฆ่าแล้ว… รอก่อนเถอะ เจ้าแคว้นคีรีดำจะต้องไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่!’

กระทั่งหนีมาจนมองไม่เห็นเมืองผีครอบงำ สิงเหลียนฉี่ที่ลุกลี้ลุกลนหนีมาถึงกล้ามั่นใจว่าคราวนี้เอาชีวิตรอดได้แล้วจริงๆ

……

ก็ในวันนั้นเอง ข่าวซานหย่งถูกฆ่าและสิงเหลียนฉี่หนีตายก็แพร่ออกมา พลันทำให้เมืองผีครอบงำสั่นสะเทือน ซัดคลื่นลมปั่นป่วนใหญ่โต

ภายหลังข่าวยังกระจายไปถึงเมืองอื่นที่อยู่ใกล้กัน เรียกเสียงฮือฮาไม่รู้เท่าไร

“ถึงกับกล้าฆ่าแม่ทัพศึกใต้อาณัติเจ้าแคว้นคีรีดำ มารกระบี่เต้ายวนคนนี้บ้าไปแล้วหรือ”

“เขาจบเห่แล้ว นี่จะต้องเป็นเภทภัยใหญ่เท่าฟ้าครั้งหนึ่งแน่ หลายปีมานี้ยังไม่เคยมีใครกล้าฆ่าคนของเจ้าแคว้นคีรีดำ!”

“รีบไป เมืองผีครอบงำแห่งนี้จะอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ไม่แน่ว่าวันไหนไฟโทสะเจ้าแคว้นคีรีดำจะระบายออกมา ประตูเมืองไฟไหม้ปลาในบ่อจะตายไปด้วยนะ”

และเริ่มตั้งแต่วันนี้ ผู้แข็งแกร่งมากมายที่มาอยู่เมืองผีครอบงำ เมืองปีศาจเพลิง เมืองฝังกาบและเมืองกระจับต่างรีบร้อนจากไป

เหตุผลง่ายดายนัก ก็เพราะหลินสวินฆ่าคนของเจ้าแคว้นคีรีดำ!

และเมื่อได้รู้ข่าวพวกนี้ เจ้าเมืองที่กระจายอยู่ตามเมืองอื่นในอาณาเขตนี้ แต่ละคนต่างดีใจเกินคาด

คิดจนหัวแตกพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่ามารกระบี่เต้ายวนจะกล้าปานนี้ กล้าแหย่รังแตนใหญ่ขนาดนี้ นี่มันรนหาที่ตายให้ตัวเองแท้ๆ!

“รอก่อนเถอะ เจ้าแคว้นคีรีดำจะต้องไม่เลิกราแต่โดยดีแน่ ถ้ามารกระบี่เต้ายวนคนนี้ฉลาดจะต้องไม่กล้าอยู่เมืองผีครอบงำต่อ หาไม่แล้วเคราะห์ใหญ่จะต้องมาถึงตัวเขาแน่!”

เจ้าเมืองหลายคนต่างรอคอยอย่างตื่นเต้น

ชั่วขณะเดียวคลื่นลมแปรผัน เมืองผีครอบงำที่เดิมยังถูกผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนมองเป็นความหวัง กลายเป็นสถานที่เจ้าปัญหาที่เต็มไปด้วยคลื่นลมอันตรายในทันใด

ไม่มีใครเชื่อว่ามารกระบี่เต้ายวนจะรับไฟโทสะจากเจ้าแคว้นคีรีดำไหว

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset