Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2079 ของกำนัลชิ้นงามเท่าฟ้า

ผู้แข็งแกร่งที่ตามมาดูเรื่องสนุกที่จวนเจ้าเมืองเหล่านั้นพบอย่างผิดหวัง ว่าการต่อสู้ดุเดือดที่คาดคิดไว้ไม่ได้ประทุขึ้น

เพียงครู่สั้นๆ สองคนนั้นที่พุ่งเข้าไปจวนเจ้าเมืองก็เดินออกมา

นี่ทำให้ทุกคนผิดหวังอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่มีเพียงจี้เหลิ่งที่รู้ชัดว่าขอเพียงหลันเจียวไม่ตาย ต่อแต่นี้ไปเมืองหม่อนคมแห่งนี้ก็จะอยู่ในกำมือของผู้อาวุโสเต้ายวนที่อยู่ข้างๆ!

“วางใจได้ ข้ายังไม่ถึงกับใช้มายาแห่งความหวาดกลัวกับเจ้า”

พอออกมาจากเมืองหม่อนคม หลินสวินปรายตามองจี้เหลิ่งที่ท่าทางเหม่อลอยจิตใจสับสน แล้วอดรู้สึกน่าขันอยู่หน่อยๆ อย่างห้ามไม่ได้

เจ้าหมอนี่เห็นชัดว่าตกใจกับภาพเมื่อครู่นี้

จี้เหลิ่งร้องเอ่อ ยิ้มอายๆ ขึ้นมา ความจริงในใจกลับถอนหายใจยาว

ในฐานะผู้ฝึกปราณ สิ่งที่ควรเลี่ยงที่สุดคือการที่สภาวะจิตมีปัญหา และมายาแห่งความหวาดกลัวนั้นดันสามารถใช้กับสภาวะจิตได้ วิชาลับเช่นนี้น่ากลัวเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย

อันที่จริงมายาแห่งความหวาดกลัวเป็นวิชามรรคที่ลึกลับหาใดเทียบวิชาหนึ่ง มาจาก ‘มหาคัมภีร์ก่อเกิดใจ’ ที่ศิษย์พี่สามรั่วซู่ถ่ายทอด

มรดกนี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในเก้ามรดกใหญ่ของคีรีดวงกมลเหมือน ‘วิชาอริยะยุทธ์’ ของศิษย์พี่ใหญ่กับ ‘ยอดนิรันดร์ไร้รั่ว’ ของศิษย์พี่สี่สิบเก้า!

มหาคัมภีร์ก่อเกิดใจคลุมเครือเป็นที่สุด ในนั้นมีนัยเร้นลับมากมายที่เน้นไปที่การฝึกหลอมสภาวะจิตแตกต่างจากมรดกอื่น

รั่วซู่ก็อาศัยมรดกนี้บรรลุวีถี ‘หลอมใจ’ ซึ่งแตกต่างจากผู้ฝึกปราณทั่วหล้า!

เช่นว่า วิชามรรคที่บันทึกอยู่ในคัมภีร์นี้ต่างพุ่งเป้าไปที่สภาวะจิตของผู้ฝึกปราณแทบทั้งนั้น

อย่างมายาแห่งความหวาดกลัว สามารถแทรกซึมเข้าไปในสภาวะจิตของคู่ต่อสู้ได้เหมือนประทับเงามืดสายหนึ่ง ทำให้ยามอีกฝ่ายเผชิญหน้ากับผู้ใช้วิชาก็จะเกิดความหวั่นกลัวหาใดเทียบ

นอกจากนี้ยังมี ‘หนึ่งห้วงฝัน’ สามารถทำให้ผู้ฝึกปราณตกอยู่ในห้วงนิทรา ไม่อาจตื่นขึ้นมาได้อีก

มี ‘กระบี่สังหารจิต’ มี ‘ประทับก่อเกิดใจ’ มี…

สรุปแล้ว วิชาลึกลับที่พุ่งเป้าไปที่สภาวะจิตเหล่านี้มักมีอานุภาพน่าเหลือเชื่อ สังหารคนได้โดยไม่รู้ตัว ป้องกันอย่างไรก็ไม่ได้

“ยังมีเวลาอยู่ ต่อไปไปเมืองไหนดี” หลินสวินถาม

จี้เหลิ่งพูดอย่างไม่ต้องคิด “เมืองหินผา”

ก่อนออกเคลื่อนไหวจี้เหลิ่งก็วางแผนและเตรียมการไว้ก่อนแล้ว ทั้งยังสรุปเส้นทางเคลื่อนไหวรวมถึงเป้าหมายที่ต้องพิชิตเอาไว้เรียบร้อย

“ได้”

หลินสวินพยักหน้า

……

สองชั่วยามผ่านไป

หลินสวินมาถึงเมืองหินผา

เจ้าเมืองนี้มีนามว่าเหลยจ้ง มีพลังปราณระดับกึ่งจักรพรรดิขั้นหนึ่ง ในบรรดาเมืองมากมายที่เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตครอบครองอยู่ ศักยภาพของเหลยจ้งเรียกได้ว่าไม่ธรรมดา

แต่เพียงครู่เดียวต่อหน้าหลินสวินที่ปรากฏตัวกะทันหัน เหลยจ้งก็คุกเข่าลงโดยตรง จิตใจถูกมายาแห่งความหวาดกลัวเข้าปกคลุม ปิดทับด้วยประทับเงามืดอีกชั้น

จนหลินสวินกับจี้เหลิ่งจากไปก็ยังไม่มีใครสังเกตว่า เมืองที่อยู่ในอาณาเขตเจ้าแคว้นคลั่งโลหิตอย่างเมืองหินผาถูกยึดไปนานแล้ว

“เป้าหมายต่อไปคือใคร”

“เมืองแดงสด”

“ไป”

หลินสวินไม่หยุดสักนิด

สำหรับเขาในตอนนี้แล้ว ต่อให้เป็นระดับจักรพรรดิบางส่วนปรากฏตัวก็ไม่กลัวแล้ว นับประสาอะไรกับจะไปพิชิตเมืองจำนวนหนึ่ง

ไม่ต้องเปลืองแรงเลยสักนิด

……

ตลอดทั้งวัน อาณาเขตของเจ้าแคว้นคลั่งโลหิต ก็มีเมืองที่อยู่ติดกับอาณาเขตของเจ้าแคว้นคีรีดำเก้าเมืองถูกหลินสวินยึดไว้อย่างเงียบเชียบ

และตั้งแต่เริ่มจนจบ โลกภายนอกกลับไม่มีใครรู้ ถึงขั้นไม่ดึงดูดความเคลื่อนไหวอะไร!

จวบจนดึกดื่น หลินสวินจึงรู้สึกอ่อนล้าอยู่บ้าง

ไม่ใช่เพราะการต่อสู้ แต่เป็นเพราะเส้นทางโดดไปโดดมาเกินไป เมืองเก้าเมืองที่ถูกเขาพิชิตอยู่กระจายตัวกันไป ห่างไกลกันมาก

ต่อกรกับศัตรู ประเดี๋ยวเดียวก็ทำได้ แต่เดินทางไปทั่วกลับเป็นเรื่องทรมานนัก

“พักเสียหน่อย พรุ่งนี้เช้าค่อยเคลื่อนไหว”

ณ ยอดเขาแห่งหนึ่ง หลินสวินวางกระบวนค่ายกลใหญ่กระบวนหนึ่งแล้วก็เริ่มนั่งสมาธิฝึกตน

จี้เหลิ่งนั่งอยู่ด้านหนึ่งเงียบๆ แววตาเหม่อลอย

ก่อนออกเดินทางวันนี้ ในใจเขายังเต็มไปด้วยความกังวลและกระวนกระวาย ต่อให้สุดท้ายตัดสินใจร่วมเคลื่อนไหวกับหลินสวิน แต่ในใจกลับไม่มั่นใจสักนิด

เจ้าแคว้นคลั่งโลหิต ไปหาเรื่องได้ง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร

แต่หนึ่งวันมานี้…

ใจเขาถูกสะเทือนจนออกจะชาแล้ว

วิธีที่หลินสวินใช้น่ากลัวเกินไป ทำให้จนตอนนี้เขายังทำใจเชื่อได้ยากอยู่บ้าง ว่าบนโลกนี้มีคนที่แข็งแกร่งปานนี้ได้อย่างไร

เวลาสั้นๆ ก็กำราบเจ้าเมืองเมืองหนึ่งได้ ทำให้ใจอีกฝ่ายหวาดกลัว คุกเข่าสวามิภักดิ์!

ฝีมือชั้นนี้น่ากลัวกว่ามารร้ายบรรพกาลในตำนานเสียอีก!

ที่ทำให้จี้เหลิ่งรู้สึกว่าเหลวไหลที่สุดก็คือ หนึ่งวันมานี้เมืองเก้าเมืองถูกยึด แต่กลับไม่ก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวหรือคลื่นลมใดๆ…

ถ้ายังเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ตอนเจ้าแคว้นคลั่งโลหิตรู้ตัว ในอาณาเขตของเขาจะยังเหลือเมืองที่ยังไม่ถูกยึดครองอีกกี่เมือง

พอคิดถึงตรงนี้จี้เหลิ่งก็ใจสะท้าน

วิธีที่หลินสวินใช้ ทำให้จู่ๆ เขาก็ตระหนักได้เรื่องหนึ่ง ถ้าหลินสวินใช้วิธีนี้ไปยึดอาณาเขตของเจ้าแคว้นคีรีดำ…

เจ้าแคว้นคีรีดำจะไปสังเกตได้อย่างไร

ยิ่งคิดในใจจี้เหลิ่งก็ยิ่งยำเกรงหลินสวิน ผู้อาวุโสคนนี้… เป็นอริยเทพจากไหนกันแน่

“ออกเดินทาง”

พออรุณเบิกฟ้า หลินสวินก็ลุกขึ้นจากการทำสมาธิ

และด้วยการครุ่นคิดมาทั้งคืน ยามจี้เหลิ่งมองดูหลินสวินอีกครั้ง สายตาก็เจือความยำเกรงที่แม้แต่ตัวเองยังไม่สังเกตเห็น

……

เจ็ดวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

“พอได้แล้วล่ะ ถึงเวลาพวกเรากลับไปแล้ว”

เมื่อหลินสวินพูดประโยคนี้ออกมา จี้เหลิ่งก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก พ่นลมหายใจยาวแล้วพยักหน้าไม่หยุด “ใช่แล้ว ได้เวลากลับไปแล้ว”

เจ็ดวันนี้เขาติดตามข้างกายหลินสวิน เร่งเดินทางทั้งทิวาราตรี วิ่งไปมาระหว่างเมืองต่างๆ โดยไม่หยุดพักสักนิด พิชิตเมืองแล้วเมืองเล่าอย่างต่อเนื่อง

จนตอนนี้ในอาณาเขตที่เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตครอบครอง มีเมืองห้าสิบสี่เมืองถูกยึดไปแล้ว เจ้าเมืองถูกหลินสวินกำราบ สวามิภักดิ์โดยสมบูรณ์

เจ็ดวัน!

ห้าสิบสี่เมือง!

จำนวนนี้แค่คิดก็ยังชวนใจสั่น

จี้เหลิ่งสงสัยอย่างอดไม่ได้ว่าตอนเจ้าแคว้นคลั่งโลหิตสังเกตเห็น ‘การเปลี่ยนแปลงใหญ่’ นี้ ต้องโกรธจนกระอักเลือดแน่

“เจ้าว่า ถ้าให้เจ้าแคว้นคีรีดำรู้ว่าจู่ๆ ก็มีเจ้าเมืองห้าสิบสี่เมืองเลือกมาสวามิภักดิ์กับเขา จะดีใจขนาดไหน”

หลินสวินเอ่ยถาม

จี้เหลิ่งอึ้งไป เอ่ยว่า “ดีใจก็ต้องดีใจมากอยู่แล้ว แต่ข้าน้อยสงสัยนักว่าเจ้าแคว้นคีรีดำจะกล้าส่งคนไปรับช่วงเมืองพวกนี้จริงๆ หรือไม่ ถึงอย่างไรยามเจ้าแคว้นคลั่งโลหิตมีปฏิกิริยากลับมาจะต้องเหมือนสายฟ้าพิโรธแน่ และจะต้องคิดบัญชีนี้กับเจ้าแคว้นคีรีดำ”

หลินสวินยิ้ม “นี่ก็ไม่ใช่เรื่องของพวกเราแล้ว ไปเถอะ”

จี้เหลิ่งตะลึงไป จู่ๆ ในใจก็มีความคิดที่ไม่อาจควบคุมได้ผุดขึ้นมา ที่ผู้อาวุโสเต้ายวนทำเช่นนี้… คงไม่ได้คิดจะ ‘หลอก’เจ้าแคว้นคีรีดำใช่ไหม

จี้เหลิ่งสูดหายใจสะท้าน ถ้าเป็นแบบนี้จริง… เช่นนั้นก็น่ากลัวเกินไปแล้ว!

และในวันที่หลินสวินกับจี้เหลิ่งจากไป ในอาณาเขตที่เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตครอบครองพลันเกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ตะลึงโลก

“เจ้าเมืองเมืองหม่อนคมหลันเจียวประกาศว่ายินดีเชื่อฟังคำสั่งของมารกระบี่เต้ายวน ไปสวามิภักดิ์เจ้าแคว้นคีรีดำ!”

“เจ้าเมืองเมืองหินผาเหลยจ้งประกาศว่ายินดีเชื่อฟังคำสั่งของมารกระบี่เต้ายวน ไปสวามิภักดิ์เจ้าแคว้นคีรีดำ!”

“เจ้าเมืองเมืองแสงทมิฬเฟ่ยเหลิ่งเจินประกาศว่า…”

“เจ้าเมืองเมืองกระดูกมังกร…”

ข่าวดังสนั่นหวั่นไหวข่าวแล้วข่าวเล่าม้วนตลบไปตามอาณาเขตอันกว้างใหญ่ที่เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตครอบครอง เหมือนลมพายุลูกแล้วลูกเล่า

ชั่วขณะเดียวทำให้อาณาเขตแห่งนี้ตกอยู่ในความระส่ำระสาย เสียงฮือฮาดังขึ้นนับไม่ถ้วน

“มารกระบี่เต้ายวนเป็นใคร เหตุใดเขาถึงมีฝีมือน่าเหลือเชื่อปานนี้ ในวันเดียวก็ทำให้เมืองมากมายเลือกทรยศเจ้าแคว้นคลั่งโลหิตได้”

“สวรรค์ เจ้าเมืองพวกนั้นบ้าไปแล้วหรือ”

“ไม่ใช่เจ้าเมืองพวกนั้นบ้าไปแล้ว นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นการจู่โจมของเจ้าแคว้นคีรีดำนั่น คิดจะแตกหักกับเจ้าแคว้นคลั่งโลหิตโดยสมบูรณ์แล้ว!”

“ต่อไปเกรงว่าขุมอำนาจที่สองเจ้าแคว้นนี้ครอบครอง… จะเข่นฆ่านองเลือดชนิดไม่อาจคาดคะเนได้แล้ว…”

“มารกระบี่เต้ายวนหรือ หึ คนไร้ชื่อคนหนึ่งจะไปมีความสามารถมากขนาดนี้ได้อย่างไร เขาเป็นหุ่นเชิดตัวหนึ่งชัดๆ ผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังจะต้องเป็นเจ้าแคว้นคีรีดำที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดคนนั้นแน่!”

เขายุทธ์สวรรค์

จักรพรรดิมารคีรีดำที่กำลังฝึกปราณอยู่ในตำหนักใหญ่ลืมตาขึ้นทันใด เอ่ยถามว่า “เลี่ยกวง ผ่านไปเจ็ดวันแล้ว ยังไม่มีข่าวของมารกระบี่เต้ายวนนั่นหรือ”

ที่นอกตำหนัก เงาร่างประหนึ่งอาบอยู่กลางน้ำพุสายฟ้าร่างหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ เอ่ยเสียงเข้มว่า “ไม่มีขอรับนายท่าน จากที่ข้าน้อยดู เกรงว่าคนผู้นี้จะหนีไปแล้ว”

จักรพรรดิมารคีรีดำนิ่วหน้า ดวงตามีประกายเย็นชาไหววูบเอ่ยว่า “หนีหรือ ถ้าเป็นแบบนี้จริงข้าจะผิดหวังในตัวเขามาก…”

“นายท่าน เมื่อครู่มีข่าวแพร่มา ว่าเจ้าเมืองห้าสิบสี่เมืองในอาณาเขตของเจ้าแคว้นคลั่งโลหิตประกาศสวามิภักดิ์ต่อท่านขอรับ!”

ทันใดนั้นเสียงเผยความรื่นเริงยินดีเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นที่นอกตำหนัก ข้ารับใช้อาวุโสคนหนึ่งถลาเข้ามาในโถงใหญ่อย่างเปรมปรีดิ์ มีสีหน้าตื่นเต้นฮึกเหิม

“อะไรนะ” เจ้าแคว้นคีรีดำชะงักไป ผุดลุกขึ้น “เจ้าพูดอีกครั้งซิ!”

ข้ารับใช้อาวุโสสูดหายใจเฮือกหนึ่งข่มความตื่นเต้นในใจตัวเองไว้ แล้วเล่าข่าวที่ได้รับมาเมื่อครู่อีกครั้ง

“ห้าสิบสี่เมือง ล้วนมาสวามิภักดิ์ด้วยหรือ”

ที่นอกตำหนัก ชายที่ถูกเรียกว่าเลี่ยกวงก็ชะงักไป แววตาอึ้งค้าง แทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง

เมืองในอาณาเขตของเจ้าแคว้นคลั่งโลหิตมีทั้งสิ้นสองร้อยสี่สิบเก้าเมืองเท่านั้น

ตอนนี้ชั่วขณะเดียวก็มีเมืองหนึ่งในห้าเลือกทรยศ กลับมาสวามิภักดิ์เจ้าแคว้นคีรีดำ เรื่องนี้เหลือเชื่อเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย

ช่างเหมือนขนมเปี๊ยะที่ตกลงมาจากฟ้า!

เมื่อแน่ใจได้ในที่สุดว่าข่าวเป็นความจริง จักรพรรดิมารคีรีดำก็หัวเราะร่า พูดอย่างอดไม่ได้

“มารกระบี่เต้ายวน… เจ้ามารกระบี่เต้ายวนนี่! ข้าล่ะคิดไม่ถึงว่าเพิ่งเจ็ดวันเจ้าก็มอบความประหลาดใจครั้งใหญ่ให้เช่นนี้!”

ต่อให้มีฐานะเป็นระดับจักรพรรดิ ยามนี้เมื่อได้รู้ว่าในอาณาเขตศัตรูคู่แค้นของตน ดันมีเจ้าเมืองห้าสิบกว่าเมืองเลือกสวามิภักดิ์กับตน จักรพรรดิมารคีรีดำก็อดรู้สึกหยิ่งผยอง เปรมปรีดิ์หาใดเทียบไม่ได้

“นายท่าน ห้าสิบสี่เมืองทรยศพร้อมกัน เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตจะต้องเดือดดาลแน่ ไม่แน่ว่าจะอาจชี้ปลายหอกมาที่นายท่าน พวกเรา… จะหักหน้าเขา ไปรับห้าสิบสี่เมืองนี้จริงๆ หรือ”

นอกตำหนัก เลี่ยกวงเอ่ยเสียงขรึม

ประโยคเดียวทำเอาจักรพรรดิมารคีรีดำอึ้งไป จิตใจรื่นเริงยินดีค่อยๆ สงบลง นิ่วหน้าเอ่ยว่า “เจ้าเมืองห้าสิบสี่คนเลือกสวามิภักดิ์นะ… ถ้าข้าปฏิเสธ จะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังหรือ ภายหน้า… ใครจะกล้ามาแสดงความภักดีกับข้า”

“แต่ถ้ารับ กลับต้องหักหน้าเจ้าหมีเฒ่าคลั่งโลหิตนั่น ไม่แน่ว่าอาจจะมีการปะทะรุนแรงปะทุขึ้น…”

“น่าปวดหัวเสียจริง!”

ขณะนี้จักรพรรดิมารคีรีดำสับสนว้าวุ่นใจหาใดเทียบ

——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset