Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2081 กวาดปล้นต่อเนื่อง

ตอนที่ 2081 กวาดปล้นต่อเนื่อง

และขณะที่เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตกำลังลังเลอยู่นั้น ก็มีคนพรวดพราดมารายงาน “นายท่าน เมื่อครู่เพิ่งได้รับข่าว เจ้าแคว้นคีรีดำประกาศต่อภายนอกว่าจะยกเมืองห้าสิบสี่แห่งที่ทรยศพวกนั้น ให้มารกระบี่เต้ายวนนั่นปกครองทั้งหมด”

เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตอึ้งไปเป็นสิ่งแรก จากนั้นก็โกรธจัดจนหัวเราะออกมา “เจ้าเฒ่าคีรีดำชิงหมาเกิดนั่น เขาคงไม่ได้คิดจริงๆ กระมังว่าเมืองเหล่านั้นเป็นของเขาแล้ว”

เขาถูกทำให้โกรธเจียนตายจริงๆ

ภายในหนึ่งวัน เจ้าเมืองห้าสิบสี่เมืองทรยศ สวามิภักดิ์ต่อเจ้าแคว้นคีรีดำ

เท่านั้นยังไม่พอ ตอนนี้เจ้าแคว้นคีรีดำถึงกับประกาศออกไปตรงๆ ว่าจะให้มารกระบี่เต้ายวนนั่นมารับหน้าที่ปกครองเมืองเหล่านี้!

นี่…

เท่ากับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาชัดๆ!

หลี่ว์เสียนที่อยู่ข้างๆ รีบกล่าวอย่างฉับไว “นายท่าน ข้าน้อยคิดว่ายิ่งอีกฝ่ายกำแหงเช่นนี้ พวกเรายิ่งห้ามประมาทเลินเล่อ เวลานี้ควรรู้สถานการณ์ให้แน่ชัดก่อนค่อยตัดสินใจ”

“เจ้าว่าควรทำอย่างไร”

สีหน้าเจ้าแคว้นคลั่งโลหิตมืดทะมึน

หลี่ว์เสียนกล่าวเสียงขรึมว่า “พวกทรยศของห้าสิบสี่เมืองนี่ต่างป่าวประกาศว่าจะเชื่อฟังคำสั่งของมารกระบี่เต้ายวนนั่น ทำการสวามิภักดิ์ต่อเจ้าเฒ่าคีรีดำ”

“ยามนี้เจ้าเฒ่าคีรีดำยังประกาศอีกว่า จะยกห้าสิบสี่เมืองของพวกเราให้มารกระบี่เต้ายวนปกครอง…”

“มารกระบี่เต้ายวนนี่จะต้องเป็นกุญแจสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย ขอเพียงจับเขาได้ บางทีก็อาจจะจับทางได้ว่าเจ้าเฒ่าคีรีดำกำลังวางแผนจะทำอะไรกันแน่!”

ฟังจบเจ้าแคว้นคลั่งโลหิตก็ใจเย็นลงแล้ว นัยน์ตาแดงฉานลุกโชนด้วยประกายชวนสยอง “มารกระบี่เต้ายวน? เจ้าคนที่เหมือนหุ่นเชิดคนหนึ่งมีความสำคัญปานนั้นจริงๆ หรือ”

ในความคิดของเขา มารกระบี่เต้ายวนอะไรนั่นก็เป็นข้ออ้างที่เจ้าแคว้นคีรีดำยกมาเท่านั้น ไร้ซึ่งความสำคัญใดๆ

“สำคัญหรือไม่ ตอนที่จับตัวเขาก็จะรู้เอง”

หลี่ว์เสียนกล่าวเสียงเข้ม “เจ้าเฒ่าคีรีดำบอกว่าจะให้เขาปกครองห้าสิบสี่เมืองนั่นไม่ใช่หรือ ข้าน้อยกลับอยากดูสักตั้ง ว่าเขาจะกล้าทำเช่นนี้หรือไม่!”

เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตเผยไอสังหารที่ยากจะปกปิดออกมา กล่าวว่า “ดี เรื่องนี้ก็มอบหมายให้เจ้าจัดการ! ข้าขอแค่อย่างเดียว เป็นต้องได้เห็นคน ตายต้องได้เห็นศพ!”

“ขอรับ!”

หลี่ว์เสียนรับคำสั่ง

“มู่ชิงหยาง”

เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตทอดสายตามองหญิงชุดเงินคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง “เจ้ารับผิดชอบสืบข่าวสถานการณ์ทางฝั่งเจ้าเฒ่าคีรีดำนั่น”

“เจ้าค่ะ”

หญิงชุดเงินพยักหน้า รูปโฉมของนางโดดเด่น เหยียดหยันเย็นชาดุจหิมะ มีรากฐานพลังระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิเช่นเดียวกับหลี่ว์เสียน ถูกมองเป็นมือซ้ายมือขวาของเจ้าแคว้นคลั่งโลหิตเช่นกัน

“เริ่มเคลื่อนไหวเถอะ อย่าให้ข้าต้องรอนานเกินไป”

เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตโบกมือใหญ่คราหนึ่ง แววตาเย็นเยียบ ความโกรธนี้เขากลืนไม่ลง

จะต้องมีคนจ่ายค่าชดใช้ในเรื่องนี้!

……

ในวันนี้ ในอาณาเขตที่เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตควบคุม กำลังพลทั้งหมดเริ่มถูกโยกย้าย นำโดยมกุฎกึ่งจักรพรรดิหลี่ว์เสียน ออกหมายจับมารกระบี่เต้ายวนเต็มกำลัง

ชั่วขณะเดียวชื่อ ‘มารกระบี่เต้ายวน’ นี้ก็เหมือนดาวหางดวงหนึ่ง ส่องประกายอยู่บนอาณาเขตของเจ้าแคว้นคลั่งโลหิต เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์และสายตาจับจ้องไม่รู้เท่าไหร่

“ลูกสมุนของจักรพรรดิมารคีรีดำมีพวกร้ายกาจเช่นนี้เพิ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

“ตัวคนเดียว ภายในหนึ่งวันก็ทำให้เจ้าเมืองห้าสิบสี่เมืองสวามิภักดิ์ นี่ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว เขาทำได้อย่างไรกันแน่”

“เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตถูกยั่วโมโหอย่างสิ้นเชิง ศึกใหญ่ใกล้จะเริ่ม มารกระบี่เต้ายวนนี่เกรงว่าคงกลายเป็นเป้าหมายแรกที่ถูกสังหาร!”

และพร้อมกันนั้นในอาณาเขตของเจ้าแคว้นคีรีดำ วีรกรรมเกี่ยวกับมารกระบี่เต้ายวนก็เรียกความสะท้านสะเทือนครั้งใหญ่ราวกับคลื่นยักษ์ถาโถมเช่นกัน

ไม่ว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์อะไร ชื่อ ‘มารกระบี่เต้ายวน’ นี้ของหลินสวินก็โด่งดังอย่างสิ้นเชิง ชื่อเสียงสะท้านอาณาเขตที่สองเจ้าแคว้นใหญ่ครอบครอง!

ถึงขั้นที่ในอาณาเขตที่เจ้าแคว้นคนอื่นๆ ในแคว้นหนาวเหน็บควบคุมอยู่ ก็เริ่มปรากฏข่าวลือบางส่วนเกี่ยวกับ ‘มารกระบี่เต้ายวน’ บ้างแล้ว

……

“เจ้าคนสมควรตายนี่!”

ในโถงใหญ่เขายุทธ์สวรรค์ เจ้าแคว้นคีรีดำสีหน้ามืดทะมึนดุจสายน้ำ

เขาเพิ่งได้รู้ว่าเจ้าเมืองห้าสิบสี่เมืองนั่นถึงกับหอบลูกสมุนทั้งหมดหนีมาที่อาณาเขตของเขา!

ที่น่าชังที่สุดคือ หากเขาปฏิเสธ เท่ากับหักหาญน้ำใจของผู้สวามิภักดิ์เหล่านี้ แต่หากรับเข้ามาทั้งอย่างนี้ ก็เท่ากับรับเอาเผือกร้อนหัวหนึ่งมาด้วย

ทันทีที่เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตรู้เข้าจะคิดอย่างไร

“ข้าให้เจ้าหมอนั่นไปดูแลห้าสิบสี่เมือง แต่เขาดันหน้าไหว้หลังหลอก โยนคนทรยศพวกนั้นมาให้ข้าเสียได้”

เจ้าแคว้นคีรีดำโกรธจนกัดฟันกรอด “คราวนี้ดีนัก ในเป้ากางเกงเปื้อนโคลนเหลือง ไม่ใช่อาจมก็เป็นอาจมแล้ว! เจ้าหมีเฒ่าคลั่งโลหิตนั่นต้องไม่ยอมรามือง่ายๆ แน่!”

เลี่ยกวงกล่าวเสียงเย็นเยียบ “นายท่าน สามารถฟันธงได้แล้วว่ามารกระบี่เต้ายวนนี่ไม่ได้มีความคิดจะสวามิภักดิ์ต่อท่านแต่อย่างใด หาไม่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำกับท่านเช่นนี้ ได้แต่บอกว่าเจ้าหมอนี่มีเจตร้ายแอบแฝงตั้งแต่แรกแล้ว!”

“เล่นไม่ซื่อกับข้า เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”

เจ้าแคว้นคีรีดำสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง นัยน์ตาวาบแววเหี้ยมเกรียม กล่าวว่า “กระจายข่าวสู่โลกภายนอก บอกว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการกระทำที่มารกระบี่เต้ายวนเป็นตัวตั้งตัวตีทั้งสิ้น…”

ไม่รอให้พูดจบสีหน้าของเลี่ยกวงก็เปลี่ยนไปแล้ว กล่าวว่า “นายท่าน ไม่ได้เด็ดขาด! ก่อนหน้านี้ท่านเคยประกาศต่อภายนอกว่าจะมอบห้าสิบสี่เมืองนั่นให้มารกระบี่เต้ายวน ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นในอาณาเขตของพวกเราเองหรืออาณาเขตของเจ้าแคว้นคลั่งโลหิต ล้วนเข้าใจตรงกันแล้วว่ามารกระบี่เต้ายวนเป็นคนใต้อาณัติของท่าน”

“หากท่านเปลี่ยนท่าทีต่อเขาตอนนี้ เกรงว่าจะเรียกผลกระทบไม่ดีบางส่วนได้!”

เจ้าแคว้นคีรีดำอึ้งไป และตระหนักถึงปัญหาได้ทันควันเช่นกัน

แน่นอน ตอนนี้หากเขากล้าทำเช่นนี้ จะต้องสร้างความเข้าใจผิดมากมายขึ้นเป็นแน่

เพราะในสายตาคนทั่วหล้า มารกระบี่เต้ายวนผลงานการต่อสู้เกรียงไกร แสดงฝีมือโดดเด่น ตัวคนเดียวก็ช่วงชิงห้าสิบสี่เมืองมาให้เจ้าแคว้นคีรีดำอย่างเขาได้

ในเวลาแบบนี้เขากลับขีดแบ่งความสัมพันธ์ ทอดทิ้งมารกระบี่เต้ายวน นี่จะให้คนทั่วหล้ามองเจ้าแคว้นคีรีดำอย่างเขาว่าอย่างไรอีก

ต่อไปใครจะกล้าถวายชีวิตให้เขาอย่างจงรักภักดี

หนำซ้ำยังเพิ่งมาคิดจะขีดคั่นความสัมพันธ์เอาป่านนี้ เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตจะเชื่อหรือ

ย่อมไม่เชื่อ!

เจ้าเมืองห้าสิบสี่เมืองนั่น ตอนนี้ต่างก็หนีมาที่อาณาเขตของเขาแล้ว ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไร เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตก็ไม่มีทางรามือง่ายๆ เด็ดขาด

คิดถึงตรงนี้ใบหน้าชราของเจ้าแคว้นคีรีดำก็มืดทะมึน ทรวงอกยังอึดอัดไปพักหนึ่ง เอ่ยว่า “พูดเช่นนี้ ข้าก็ได้แต่กลั้นใจยอมรับเท่านั้นหรือ”

เลี่ยกวงกล่าวเสียงขรึม “นายท่าน นี่ก็หาใช่เรื่องเลวร้าย มารกระบี่เต้ายวนทำงานในนามของท่าน ยิ่งเขาสำแดงฝีมือโดดเด่น ก็ยิ่งมีประโยชน์ต่อท่านไม่ใช่หรือ”

เจ้าแคว้นคีรีดำแค่นเสียงเย็น “ยามเจ้าเฒ่าคลั่งโลหิตนั่นคลุ้มคลั่ง ยังไม่ใช่ว่าต้องให้ข้าลงมือเองหรอกหรือ”

เลี่ยกวงกล่าว “นายท่าน ด้วยพลังของท่านจะหวั่นเกรงเจ้าหมีเฒ่านั่นได้อย่างไร ข้าน้อยกลับรู้สึกว่าตอนนี้เป็นโอกาสทองครั้งหนึ่งจริงๆ”

“ตอนนี้มารกระบี่เต้ายวนบุกห้าสิบสี่เมืองแล้ว เรียกความโกลาหลครั้งใหญ่ หากพวกเราอาศัยโอกาสนี้ทำการเตรียมพร้อมเปิดศึกรอบด้าน ไม่แน่ว่าอาจสามารถแย่งชิงเมืองที่เสียไปก่อนหน้านี้กลับมาได้อีกครั้ง!”

กล่าวถึงตรงนี้เลี่ยกวงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง “นายท่าน หลายปีมานี้ในการแก่งแย่งของพวกเรากับเจ้าแคว้นคลั่งโลหิต ล้วนตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบมาตลอด ข้าน้อยรู้ว่าในใจของท่านก็สั่งสมความแค้นไม่น้อย มารกระบี่เต้ายวนนั่นถึงแม้จะมีอุบายเปี่ยมล้น แต่ก็นับว่าฉกฉวยโอกาสหนึ่งมาให้พวกเราอยู่ในที รอภายหน้าค่อยจัดการเขาก็ยังไม่สาย”

เจ้าแคว้นคีรีดำนิ่งเงียบไป

เนิ่นนานเขาถึงถอนหายใจยาวคราหนึ่ง “ช่างเถิด ทำตามที่เจ้าว่าแล้วกัน”

อันที่จริงเขาเองก็รู้ว่านี่เป็นโอกาสบุกโจมตีที่เหมาะเจาะยิ่งครั้งหนึ่ง เพียงแต่ถูกหลินสวินตลบหลังเช่นนี้ ทำเอาในใจเขาไม่เบิกบานยิ่งจริงๆ

……

เขาทองทมิฬ

นี่คือที่ตั้งของค่ายทัพใหญ่ของเจ้าแคว้นคลั่งโลหิต

“นายท่าน เมื่อครู่เพิ่งสืบข่าวได้ความว่า คนทรยศพวกนั้นพาลูกน้องของพวกเขาหนีไปอยู่ที่อาณาเขตของเจ้าแคว้นคีรีดำแล้ว”

ภายในโถงตำหนักหลังหนึ่ง มู่ชิงหยางที่เร่งรีบย้อนกลับมากล่าวรายอย่างรวดเร็ว “สามารถฟันธงได้แล้วว่าเบื้องหลังสถานการณ์พลิกผันทั้งหมดนี้ เจ้าเฒ่าคีรีดำนั่นคือตัวการหลัก”

“เฮอะ! ข้าพูดแต่แรกแล้ว หากไม่มีเจ้าเฒ่าคีรีดำหนุนหลัง มารกระบี่เต้ายวนนั่นมีหรือจะกล้าทำเช่นนี้”

นัยน์ตาเจ้าแคว้นคลั่งโลหิตผุดแววโหดเหี้ยม “ส่งข่าวออกไป รอหลี่ว์เสียนกลับมาให้เคลื่อนกำลังทั้งหมด ไปคิดบัญชีกับเจ้าเฒ่าคีรีดำ!”

“เจ้าค่ะ”

มู่ชิงหยางพยักหน้า

ในใจกลับกังขาอยู่บ้าง ด้วยพลังต่อสู้ของหลี่ว์เสียน ทั้งยังเคลื่อนกำลังพลมากมายขนาดนั้นอีก ป่านนี้น่าจะจับตัวมารกระบี่เต้ายวนนั่นได้ตั้งนานแล้ว

แต่จนบัดนี้กลับไม่มีข่าวส่งกลับมา คงไม่ใช่ว่าเกิดเหตุพลิกผันอะไรขึ้นกระมัง

“รายงาน…!”

ทันใดนั้นเสียงร้อนรนสายหนึ่งก็ดังขึ้นนอกโถงใหญ่ “มารกระบี่เต้ายวนปรากฏตัวที่เมืองธารอินทรี ทรัพย์สมบัติในเมืองถูกปล้นไปจนหมด”

เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตกล่าวด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ “จนป่านนี้แล้ว เจ้าคนสมควรตายนี่ถึงกับยังกล้าก่อความวุ่นวายในอาณาเขตของข้าอีกหรือ!?”

มู่ชิงหยางเองก็แปลกใจเช่นกัน

ตอนนี้ใครไม่รู้บ้างว่าเจ้าแคว้นคลั่งโลหิตถูกยั่วโทสะแล้ว ส่งพวกหลี่ว์เสียนทั้งกลุ่มออกเคลื่อนไหวตั้งแต่แรกก็เพื่อจะจับตายมารกระบี่เต้ายวน

ภายใต้สถานการณ์ระดับนี้ มารกระบี่เต้ายวนดันดูเหมือนไม่หวาดกลัวสักนิด อาละวาดสามหาวอยู่ในอาณาเขตของเจ้าแคว้นคลั่งโลหิต ไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตายชัดๆ

“รายงาน…!”

ยังไม่รอให้เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตและมู่ชิงหยางตอบสนอง ก็มีเสียงร้อนรนอีกสายหนึ่งดังขึ้น “เมืองพฤกษาครามส่งข่าวมา มารกระบี่เต้ายวนปราฏตัว กำราบเจ้าเมืองโม่กานเหอ กวาดทรัพย์สมบัติภายในเมืองจนเกลี้ยง”

เพล้ง!

เสียงยังไม่ทันสิ้นสุด เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตก็บีบถ้วยชาในมือจนละเอียด ดีดตัวดังผึง ผมหนวดตั้งชัน “เจ้าสวะนี่คร้านจะมีชีวิตอยู่แล้วชัดๆ! หลี่ว์เสียนล่ะ เหตุใดถึงยังไม่เคลื่อนไหว”

มู่ชิงหยางก็อึ้งไปพักหนึ่งเช่นกัน มารกระบี่เต้ายวนนี่ไปเอาความกล้ามาจากใครกันแน่… ถึงกับกล้าทำเรื่องอาละวาดอาจหาญเช่นนี้

“รายงาน…!”

เป็นเสียงร้อนรนอีกครั้ง “เมืองจันทร์เหินส่งข่าวมา มารกระบี่เต้ายวนปรากฏตัว…”

ประหนึ่งระฆังมรณะเร่งชะตาอย่างไรอย่างนั้น ข่าวที่ส่งมานั้นแทบจะเหมือนๆ กัน ล้วนเกี่ยวข้องกับมารกระบี่เต้ายวน

“รังแกกันเกินไปแล้ว!”

เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตโกรธจนดวงตาแดงก่ำ “เขาเฒ่าคีรีดำ คิดจริงๆ หรือว่าส่งมารกระบี่เต้ายวนออกมาคนหนึ่ง จะสามารถก่อกวนอาณาเขตของข้าจนฟ้าดินพลิกกลับได้”

เขาสั่งการออกไปอย่างเกรี้ยวกราด “มู่ชิงหยาง เจ้าพาคนไปบุกอาณาเขตของเจ้าเฒ่าคีรีดำเดี๋ยวนี้ มารกระบี่เต้ายวนควรจัดการอย่างไร เจ้าก็จัดการเช่นนั้นซะ!”

“เจ้าค่ะ!”

มู่ชิงหยางรับคำสั่งและออกไปอย่างรวดเร็ว

……

เมืองหยกยุทธ์

ขณะที่หลินสวินและจี้เหลิ่งเดินออกจากเมือง ในจวนเจ้าเมืองแห่งนั้นก็พังระเนระนาดไปทั้งแถบนานแล้ว ทุกแห่งหนมีแต่เสียงกรีดร้องดังลอยออกมา

เจ้าเมืองหมดสติ สมบัติที่ซ่อนอยู่ในจวนเจ้าเมืองก็ถูกปล้นหมดเกลี้ยงเช่นกัน พาให้เมืองหยกยุทธ์ตกสู่สภาพสั่นคลอนไปด้วย

“ผู้อาวุโส นี่เป็นเมืองที่หกในการปล้นของพวกเราแล้ว หากไม่ผิดคาด เวลานี้เกรงว่าเจ้าแคว้นคลั่งโลหิตคงได้รับข่าวนานแล้ว แค่ไม่รู้ว่าเขาจะโกรธจนมีสภาพเช่นไรแล้ว”

จี้เหลิ่งหัวเราะเจ้าเล่ห์ขึ้นมา

……………

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset