ห้วงอากาศไกลออกไป ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนตระหง่านกลางอากาศ อาภรณ์แผ่วพลิ้ว หล่อเหลาละโลกีย์ ว่างเปล่าราวกับเซียนจุติลงมา
“เจ้า… ก็คือมารกระบี่เต้ายวน?”
ถึงแม้สีหน้าเจ้าแคว้นคีรีดำจะเข้มขรึมไม่น่าดูหาใดเปรียบ ทว่าในใจกลับตกใจแกมสงสัย
อยู่ดีๆ เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตก็ถูกกำราบ สร้างแรงโจมตีครั้งใหญ่ให้แก่เขา แทบไม่ต้องคิดสักนิดก็รู้ว่าจะต้องเป็นฝีมือของชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้อย่างแน่นอน
นี่ทำให้เจ้าแคว้นคีรีดำรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ในใจเช่นกัน
กลับเห็นหลินสวินยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “เป็นข้าน้อยเอง”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘ข้าน้อย’ สองคำนี้ ก็ทำให้ในใจเจ้าแคว้นคีรีดำแขยงและอัดอั้นไปชั่วขณะ สีหน้ายิ่งไม่น่าดูขึ้นเรื่อยๆ
เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ข่มกลั้นความต้องการเข้าไปตบหลินสวินให้ตายในฝ่ามือเดียวแล้วกล่าวว่า
“ข้าไม่มีลูกน้องที่มากฝีมือเช่นเจ้า ว่ามาเถิด เจ้าอ้างชื่อข้าทำเรื่องมากมายขนาดนี้ คิดจะวางอุบายอะไรกันแน่!”
หลินสวินยิ้มกล่าว “ย่อมทำไปเพื่อขยายอาณาเขต สร้างผลงานให้เต้าเท้าอยู่แล้ว”
เส้นเลือดบนหน้าผากเจ้าแคว้นคีรีดำปูดนูนชัดเจน กัดฟันกล่าว “อย่างนั้นหรือ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเจ้าจะจงรักภักดีปานนี้”
หลินสวินทำหน้าถ่อมตน “ใต้เท้าชมเกินไปแล้ว”
เจ้าแคว้นคีรีดำรู้สึกว่าหากคุยเช่นนี้ต่อไป ตนต้องโกรธจนกระอักเลือดเป็นแน่
เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กล่าวด้วยเสียงเย็นเยียบ “ปัญญาชนไม่พูดกำกวม หากเจ้าปิดบังอีกก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
หลินสวินยิ้ม ย้อนถามว่า “เจ้ากล้าหรือ”
และในเวลานี้วิญญาณกระบี่เย่จื่อกลายเป็นแสงเจิดจ้าสายหนึ่ง ลอยไปอยู่บนไหล่หลินสวิน กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ “เจ้านี่จะเอาอย่างไร”
เขาทอดสายตามองไปทางเจ้าแคว้นคีรีดำ ปราณระดับจักรพรรดิขั้นสอง บาดเจ็บสาหัส เจ้าคนประเภทนี้การโจมตีเดียวก็กำราบได้แล้ว
ส่วนเจ้าแคว้นคีรีที่ถูกสายตาเย่จื่อจับจ้องก็สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง หัวใจผุดไอเย็นวาบ ในที่สุดเขาก็กระจ่างแล้วว่าเจ้าหนุ่มนี่เอาความมั่นใจมาจากไหน
“ใต้เท้าคีรีดำเป็นถึงผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง ยินดีรับข้าเป็นบริวาร เรียกได้ว่าองอาจเต็มเปี่ยม คุณธรรมคับฟ้า”
หลินสวินสีหน้าจริงจัง “ดังนั้นข้าตั้งใจว่าภายหน้าจะช่วยเหลือใต้เท้าคีรีดำจัดการธุระบางอย่างให้มากขึ้น จะต้องทำให้ชื่อเสียงบารมีของใต้เท้าคีรีดำกึกก้องแคว้นหนาวเหน็บ ไม่มีใครไม่รู้จัก”
ในใจเจ้าแคว้นคีรีดำผุดความรู้สึกไม่เข้าทีอย่างแรงกล้า กล่าวด้วยความตกใจแกมโกรธ “เจ้า… เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”
“ใต้เท้าไม่ต้องลนลาน ข้าน้อยมาครั้งนี้ก็เพราะหวังว่าใต้เท้าจะเตรียมพร้อม ภายหน้าขุมอำนาจทั้งหมดในแคว้นหนาวเหน็บจะยกใต้เท้าเป็นนายเหนือหัว มีเพียงเท่านี้จึงจะสามารถแสดงน้ำใจของข้าน้อยได้”
หลินสวินกล่าวจบก็หัวเราะพลางขอตัวลา
“หยุดนะ!”
เจ้าแคว้นคีรีดำตะโกนลั่น เขาทั้งตกใจทั้งโมโหผสมปนเป ยิ่งรู้สึกไม่เข้าทีมากขึ้นเรื่อยๆ
“ใต้เท้า ข้าน้อยมอบหนทางปูพรมให้ท่าน ท่านอย่าได้ทำเรื่องโง่ๆ ที่คิดเอาเด็ดขาดเชียว”
หลินสวินไม่เหลียวหลัง จากไปอย่างผ่าเผย
พริบตานี้เจ้าแคว้นคีรีหมายอยากลงมือหลายต่อหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ได้แต่อดทนไว้
เขาไม่กล้า
ด้วยสิ่งที่เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตประสบยังประจักษ์คาตาอยู่!
“มารกระบี่เต้ายวนนี่… เป็นใครกันแน่”
เนิ่นนานกว่าเจ้าแคว้นคีรีดำจะสงบอารมณ์ลงได้ สีหน้าอึมครึม จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองตกสู่ตาข่ายใหญ่ไร้รูปผืนหนึ่ง ไม่อาจหลุดรอดได้แล้ว
……
ในวันนี้
เจ้าแคว้นคีรีดำสังหารเจ้าแคว้นคลั่งโลหิต คว้าชัยชนะทั่วทิศ กลืนกินอาณาเขตที่เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตปกครองอยู่ให้มาอยู่ใต้ปกครองตนในคราเดียว
ทันทีที่ข่าวแพร่ออกไป ทั่วทั้งแคว้นหนาวเหน็บก็สะท้านสะเทือน
สำหรับผู้ฝึกปราณทั่วไปแล้ว การเปลี่ยนเจ้าแคว้นสักคนก็ไม่ได้ต่างอะไรนัก ขอเพียงยังมีชีวิตอยู่ในโลกมืดย่อมหลีกเลี่ยงโชคชะตาที่ถูกขูดรีดไม่ได้
แต่สำหรับเจ้าแคว้นอื่นๆ ในสิบเจ้าแคว้นใหญ่แล้ว ชัยชนะยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ของเจ้าแคว้นคีรีดำกลับมีความหมายที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
นี่หมายความว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สถานการณ์ที่สิบเจ้าแคว้นใหญ่ร่วมกันปกครองในแคว้นหนาวเหน็บก็จะกลายเป็นประวัติศาสตร์ ต่อไปแคว้นหนาวเหน็บจะมีเก้าเจ้าแคว้นใหญ่ร่วมกันปกครอง
และเจ้าแคว้นคีรีดำที่กลืนกินอาณาเขตของเจ้าแคว้นคลั่งโลหิต ขุมอำนาจก็ขยายกว้างขึ้นกว่าหนึ่งเท่าเต็มๆ อิทธิพลที่มีอยู่ไม่ใช่สิ่งที่เมื่อก่อนจะเทียบชั้นได้อีกต่อไป!
“เจ้าเฒ่าคีรีดำนี่ร้ายกาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือว่าปราณของเขาทะลวงขั้นกลายเป็นระดับจักรพรรดิขั้นสามแล้ว”
เจ้าแคว้นคนอื่นๆ บางส่วนสงสัยไม่หยุด
“อิทธิพลแผ่ขยายกว่าหนึ่งเท่า ทรัพย์บรรณาการที่ได้รับทุกเดือนก็เป็นจำนวนนับไม่หวาดไม่ไหว เมื่อเป็นเช่นนี้ ทรัพยากรฝึกปราณที่เจ้าเฒ่าคีรีดำนี่มีอยู่ก็เปลี่ยนเป็นมั่งคั่งขึ้นมาด้วย…”
มีคนมุ่นคิ้ว ในใจผุดความเกรงกลัว
โลกมืดระเบียบพังทลาย โกลาหลปั่นป่วน กอปรกับไอวิญญาณกลางฟ้าดินบางเบา ผู้ฝึกปราณทั่วไปยังไม่เท่าไหร่ แต่สำหรับระดับจักรพรรดิแล้ว สภาพแวดล้อมย่ำแย่หาใดเปรียบเช่นนี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการในการฝึกปราณของพวกเขาได้สักนิด
เหมือนอย่างสิบเจ้าแคว้นใหญ่ในแคว้นหนาวเหน็บ แต่ละครครอบครองอาณาเขตใต้อาณัติมากถึงหลายร้อยหลายพันเมือง ทุกเดือนเจ้าแคว้นแต่ละคนสามารถรวบรวมผลึกมรรคมหาศาลเป็นจำนวนหลายร้อยล้าน
แต่สำหรับระดับจักรพรรดิอย่างพวกเขา ผลึกมรรคเหล่านี้จำเป็นต้องมอบส่วนหนึ่งให้กับสำนักโบราณจรัสเทพด้วย
มีเพียงเช่นนี้ พวกเขาจึงจะมีโอกาสแลกเปลี่ยนทรัพยากรฝึกปราณที่เรียกได้ว่าเป็นสมบัติจากธรรมชาติมาจากสำนักโบราณจรัสเทพ เพื่อเติมเต็มความต้องการในฝึกปราณของตน!
กล่าวง่ายๆ คือ ผู้ฝึกปราณทั่วไปคิดอยากอยู่รอดในโลกมืด จำเป็นต้องเข้าไปในเมือง ส่งมอบผลึกมรรค จึงจะได้รับการคุ้มครองปกป้อง
เจ้าเมืองแต่ละแห่งก็จำเป็นต้องส่งมอบบรรณาการด้วยเช่นกัน เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากเจ้าแคว้น
ส่วนเจ้าแคว้น เพื่อการฝึกปราณของตน ก็จำเป็นต้องส่งมอบบรรณาการ แลกเปลี่ยนทรัพยากรฝึกปราณที่ตนต้องการจากสำนักโบราณจรัสเทพด้วยเช่นกัน…
ขูดรีดเป็นทอดๆ เช่นนี้ ผู้ที่ยืนอยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร ได้รับประโยชน์มากที่สุด ก็คือสำนักโบราณจรัสเทพอย่างไม่ต้องสงสัย!
ด้วยเหตุนี้ก็พอรู้ได้ว่าสำนักโบราณจรัสเทพที่เป็นหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่ของโลกมืด อำนาจของพวกเขาน่าสะพรึงปานใด
นี่ยังเป็นเพียงแคว้นหนาวเหน็บแคว้นเดียวเท่านั้น ควรรู้ว่าโลกมืดมีถึงสามสิบสามแคว้นกระจายตัวอยู่!
และสำหรับเจ้าแคว้นคีรีดำแล้ว การแผ่ขยายอาณาเขต ก็หมายความว่าเขาสามารถครอบครองผลึกมรรคที่มากยิ่งขึ้น เพื่อไปแลกเปลี่ยนทรัพยากรฝึกปราณที่เขาต้องการกับสำนักโบราณจรัสเทพ
นี่จึงจะเป็นจุดที่ทำให้เจ้าแคว้นคนอื่นๆ เกิดความกริ่งเกรงขึ้นในใจ
กล่าวโดยสรุปแล้ว ครั้งนี้เจ้าแคว้นคีรีดำกลืนอาณาเขตของเจ้าแคว้นคลั่งโลหิต ความยิ่งใหญ่ในความหมายนี้หาใช่ธรรมดาทั่วไป
แต่เจ้าแคว้นคีรีดำเอง… ไม่ว่าอย่างไรกลับดีใจไม่ออก!
เมื่อนึกถึงว่าเรื่องทั้งหมดนี้ล้วนถูกคนวางแผนและจัดแจงเสร็จสรรพแล้ว เจ้าแคว้นคีรีดำถึงขั้นรู้สึกเย็นวาบอย่างบอกไม่ถูก
มารกระบี่เต้ายวนนั่น…
ต้องการทำอะไรกันแน่
เขาคิดไม่ตก
……
ในวันนี้ ห่างจากวันที่หลินสวินมาถึงโลกมืดเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น
หนึ่งเดือนก่อนเขาเข้าเมืองผีครอบงำ ชื่อเสียงยังไม่เป็นที่รู้จัก ถูกมองเป็นแกะอ้วนพีที่เพิ่งมาถึงหมาด เรียกคลื่นลมเล็กน้อยได้บางส่วน
หนึ่งเดือนต่อมา ชื่อเสียงของมารกระบี่เต้ายวนประหนึ่งดาวหางเจิดจ้า โดดเด่นเฉิดฉายอยู่ในอาณาเขตที่เจ้าแคว้นคีรีดำและเจ้าแคว้นคลั่งโลหิตครอบครอง
คนมากมายต่างคิดว่า หากไร้ข้ารับใช้มากฝีมืออย่างมารกระบี่เต้ายวน เจ้าแคว้นคีรีดำต้องการกลืนอาณาเขตของเจ้าแคว้นคลั่งโลหิต ย่อมไม่มีทางราบรื่นปานนั้นแน่นอน
และไม่รู้มีคนเท่าไหร่ทอดถอนใจ เจ้าแคว้นคีรีดำฝีมือน่าทึ่ง ไม่เช่นนั้นเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะเลี้ยงดูบริวารที่โดดเด่นอย่างมารกระบี่เต้ายวนออกมาได้
สรุปแล้ว ถึงแม้หลินสวินจะเลื่องชื่อ แต่ชื่อเสียงบารมีของเขาก็พ่วงอยู่ภายใต้เจ้าแคว้นคีรีดำ
หากไร้ซึ่งการสนับสนุนของเจ้าแคว้นคีรีดำ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่มารกระบี่เต้ายวนจะผงาดอยู่ในแคว้นหนาวเหน็บได้รวดเร็วปานนี้
และความเห็นความเข้าใจเช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่หลินสวินต้องการพอดี
เพราะมีแต่โหมกระพือชื่อ ‘มารกระบี่เต้ายวน’ นี้ออกไปเท่านั้น จึงจะสามารถทำให้ซีหาตนพบได้เร็วที่สุด
แต่ขณะเดียวกัน ไม้เด่นเกินไพร ลมย่อมพัดหักโค่น ชื่อเสียงยิ่งใหญ่เกินไป ย่อมเรียกคลื่นลมและปัญหาที่ไม่จำเป็นมากมายอย่างแน่นอน
ถึงอย่างไรจอมจักรพรรดิไร้นามคนใหม่ก็มาควบคุมทั่วหล้าแล้ว และหญิงชุดม่วงเหยี่ยนซิง จนป่านนี้ก็ยังไม่รู้ชัดว่าถูกซีฆ่าตายแล้วหรือไม่
และเพราะเช่นนี้ ยามที่หลินสวินกำลังสร้างชื่อ จึงคิดทันทีว่าจะโยนความผิดทุกอย่างไปที่เจ้าแคว้นคีรีดำ เมื่อเป็นเช่นนี้ ชื่อเสียงบารมีของเขากระจายไปแล้ว แต่คนทั่วหล้ามีแต่จะเข้าใจว่าการผงาดขึ้นของเขา ไม่อาจขาดการสนับสนุนจากเจ้าแคว้นคีรีดำ
ต่อให้หาเรื่องวุ่นวายให้เขา เจ้าแคว้นคีรีดำก็เป็นโล่กำบังชั้นเยี่ยมอย่างหนึ่ง
นี่ต่างหากที่เป็นความตั้งใจหลักของหลินสวิน!
แต่หาใช่หลินสวินใจอำมหิต ไปสร้างเคราะห์ให้เจ้าแคว้นคีรีดำส่งๆ แต่เพราะแรกเริ่มเดิมที เป็นเจ้าแคว้นคีรีดำที่มาหาเรื่องถึงที่ ต้องการทำให้เขาสวามิภักดิ์เอง
กล่าวง่ายๆ คือ เจ้าแคว้นคีรีดำมีแต่ต้องโทษตัวเอง หลินสวินก็แค่พายเรือตามน้ำเท่านั้น
แต่ว่า ตอนนี้หลินสวินมีความคิดอย่างอื่นแล้ว
ในสามยักษ์ใหญ่แห่งโลกมืด ไม่ว่าจะเป็นสำนักโบราณจรัสเทพหรือแดนกษิติครรภ์ ล้วนมีความแค้นฝังลึกกับเขา
ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่ว่าจะอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณหรือบนทางเดินโบราณฟ้าดารา ขอเพียงผู้สืบทอดของสองยักษ์ใหญ่แห่งโลกมืดปรากฏตัว จะต้องมาเพื่อโจมตีฆ่าเขาตลอด!
สำหรับเรื่องนี้หลินสวินมีหรือจะไม่แค้นใจ
อีกทั้งหลินสวินไม่อาจลืม ว่าในเหตุนองเลือดของตระกูลหลินปีนั้น ตัวการหลักเบื้องหลังก็คือกึ่งจักรพรรดิปาฉีจากสำนักโบราณจรัสเทพ!
ตอนนี้แคว้นหนาวเหน็บนี่ กล่าวได้ว่าเป็นดินแดนแห่งหนึ่งที่ปกครองโดยสำนักโบราณจรัสเทพ สิบเจ้าแคว้นใหญ่นั่นก็ต้องยืมจมูกอีกฝ่ายหายใจจึงจะสามารถอยู่รอดได้
หากก่อกวนแคว้นหนาวเหน็บให้ฟ้าพลิกสมุทรคว่ำ สำนักโบราณจรัสเทพ… ยังจะนิ่งเฉยอยู่ได้หรือ
หลินสวินนึกอยากลองดูยิ่งนัก!
แต่ขณะที่หลินสวินเริ่มเคลื่อนไหว คำสั่งที่ประกาศโดยสำนักโบราณจรัสเทพก็กระจายไปทั่วแคว้นหนาวเหน็บด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ
เนื้อหาในคำสั่งง่ายดายยิ่ง สั่งการให้ขุมอำนาจเจ้าแคว้นใหญ่แต่ละแห่งในแคว้นหนาวเหน็บสืบหาแหล่งกบดานของหลินสวิน ผู้สืบทอดคีรีดวงกมล!
ทันทีที่ข่าวแพร่ออกไป แคว้นหนาวเหน็บก็สะท้านสะเทือน
สาเหตุก็เพราะ ในคำสั่งครั้งนี้ยังแนบรางวัลที่ล่อตาล่อใจหาใดเปรียบ ลำพังแค่สามารถแจ้งเบาะแสที่คุ้มค่าบางอย่างได้ ก็จะได้รับรางวัลเป็นผลึกมรรคพันล้านก้อน!
หากสามารถจับตัวหลินสวินได้ สำนักโบราณจรัสเทพยิ่งมีรางวัลเพิ่มเติมอีกล้นเหลือ ไม่ว่าจะขออะไร ขอเพียงสำนักโบราณจรัสเทพสามารถทำให้ได้ ก็จะสนองความต้องการเต็มที่!
หนึ่งพันล้านผลึกมรรค บางทีอาจไม่อยู่ในสายตาระดับจักรพรรดิ แต่รางวัลเพิ่มเติมที่มาจากสำนักโบราณจรัสเทพ กลับทำให้พวกเขาไม่อาจไม่ใจเต้น
ข่าวเช่นนี้ คำสั่งเช่นนี้ ไม่เพียงแค่ในแคว้นหนาวเหน็บ เกือบจะเวลาเดียวกันก็แพร่กระจายไปยังสามสิบสองแคว้นอื่นๆ ในโลกมืดอีกด้วย!
หรือกล่าวอีกอย่างคือ ทั่วทั้งโลกมืด ภายในหนึ่งวันล้วนมีคำสั่งออกหมายจับและจับตายหลินสวินผู้สืบทอดคีรีดวงกมล!
ความหมายที่แฝงอยู่ในนั้น ก็ช่างไม่ปกติเกินไปแล้ว
ใครที่มีกำลังมากมายปานนี้ เพื่อจัดการคนผู้เดียว ถึงกับเคลื่อนไหวกองกำลังทั่วทั้งโลกมืด
ยามหลินสวินได้รับข่าวนี้ ความคิดแรกก็นึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมา…
จอมจักรพรรดิไร้นามคนใหม่!