โลกมืดเป็นสถานที่โกลาหลที่ระเบียบวุ่นวายแห่งหนึ่ง ความกว้างขวางของอาณาเขต สามารถเทียบได้กับโลกใหญ่หงเหมิง
ที่นี่ผู้คนมากมายปะปนกัน ขุมอำนาจชุกชุม มีพวกชั่วร้ายที่คมดาบอาบเลือดให้เห็นทุกหย่อมหญ้า ยิ่งไม่ขาดคนร้ายกาจแห่งยุคที่ถูกโลกภายนอกประกาศจับบางส่วน
แต่ยามนี้กลับมีคำสั่งหนึ่งแพร่กระจายออกมา โยกย้ายขุมกำลังทั่วทั้งโลกมืดประกาศจับคนผู้หนึ่ง นี่ก็เห็นได้ชัดว่าน่าเหลือเชื่อเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ควรรู้ว่าผู้แข็งแกร่งส่วนใหญ่หนีมาที่โลกมืด เดิมก็เพื่อจะเลี่ยงความทุกข์ยาก
ยามนี้กลับดีนัก ขนาดโลกมืดยังออกหมายจับคนผู้หนึ่ง นี่พาให้ผู้คนไม่อยากเชื่อ คนผู้นั้นทำผิดเรื่องใหญ่ปานใดกันแน่ ถึงกับพบเจอการปฏิบัติที่พิเศษเช่นนี้
มีเพียงตัวหลินสวินที่รู้ดีว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้
แต่เขาไม่กังวลใจอะไรด้วยซ้ำ
มีชุดนักพรตสมประสงค์ที่ศิษย์พี่รั่วซู่มอบให้ บวกกับร่างแยกมหามรรคที่เขามีอยู่ ต่อให้เป็นระดับจักรพรรดิออกโรง ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะแยกแยะสถานะของเขาออก
และในโลกมืดที่เรียกได้ว่ากว้างใหญ่ไร้ขอบเขตนี้ ขอเพียงเขาอยากซ่อน ในระยะเวลาสั้นๆ นี้ก็ไม่มีใครสามารถหาเขาเจอได้
ในวันนี้ ขณะที่โลกมืดล้วนถูกประกาศออกหมายจับหลินสวินนั่นทำให้สั่นสะเทือน หลินสวินก็ออกจากอาณาเขตที่เจ้าแคว้นคีรีดำปกครองไปแล้ว
ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ด้วยซ้ำ
……
เขายุทธ์สวรรค์
ตอนที่ได้รับคำสั่งออกจับตัวหลินสวิน เจ้าแคว้นคีรีดำก็กำลังคิดเรื่องบางอย่างในใจด้วยสีหน้ามืดทะมึน
‘เจ้าหมอนั่นบอกว่าต่อไปในแคว้นหนาวเหน็บนี้ ขุมอำนาจทั้งหมดล้วนจะให้ข้าเป็นนายเหนือหัว… เขาคิดทำอะไรกันแน่’
‘หรือว่าเขาคิดจะใช้อุบายเดิมเหมือนที่จัดการกับเจ้าแคว้นคลั่งโลหิต’
คิดถึงตรงนี้มุมปากเจ้าแคว้นคีรีดำก็กระตุกขึ้น เขาสาบานว่าครั้งนี้เขาจะไม่ติดกับอีกแล้ว!
หลังสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เจ้าแคว้นคีรีดำถึงเปิดม้วนหยกในมือ
บนม้วนหยกบันทึกเรื่องที่ประกาศตามจับหลินสวินเอาไว้ หนำซ้ำบนนั้นยังระบุข้อมูลบางส่วนที่เกี่ยวกับหลินสวินอย่างละเอียด
ฐานะ : ผู้สืบทอดคีรีดวงกมล
ปราณ : มกุฎกึ่งจักรพรรดิ
พลังต่อสู้ : เคยไต่เต้าขึ้นอันดับหนึ่งกระดานมหาอริยะฟ้าดารา เคยเอาชนะหมีอู๋หยา อันดับหนึ่งในกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ เคยใช้ไพ่เด็ดในมือสังหารระดับจักรพรรดิ…
อ่านถึงตรงนี้เจ้าแคว้นคีรีดำก็ใจเต้นเนื้อกระตุกไปพักหนึ่ง อดจุ๊ปากไม่ได้ เจ้าหมอนี่… เป็นพวกร้ายกาจที่พลิกฟ้าคนหนึ่งอย่างแน่นอน
มิน่าถึงถูกทั่วหล้าออกหมายจับ ต่อให้หนีมาที่โลกมืดก็ยังไม่ยอมปล่อยเขาไป คนเช่นนี้… อันตรายเกินไปแล้ว!
พออ่านต่อไป…
เจ้าหมอนี่เชี่ยวชาญการแปลงโฉมปลอมตัว นิสัยเข่นฆ่าเด็ดขาด ขอเพียงรู้สึกสงสัยใคร ให้ทำการจับตัวเอาไว้ก่อน แล้วค่อยๆ คัดออกทีละคน
ในม้วนหยกยังมีภาพเหมือนประกอบด้วยแผ่นหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นรูปร่างหน้าตาของหลินสวิน
อ่านถึงตรงนี้เจ้าแคว้นคีรีดำอดหัวเราะหยันไม่ได้ คนร้ายกาจพลิกฟ้าเช่นนี้ ซ้ำยังเชี่ยวชาญวิชาปลอมตัวเปลี่ยนโฉม มีหรือจะจับตัวได้ง่ายๆ ปานนั้น
ต่อให้หาเขาพบแล้วอย่างไร
ลำพังแค่ไพ่เด็ดในมือของเจ้าหมอนี่ก็สามารถฆ่าระดับจักรพรรดิตายได้แล้ว ใครจะโง่สุ่มสี่สุ่มห้าเอาชีวิตไปสู้กับคนแบบนี้กัน
สำนักโบราณจรัสเทพนี่ประโคมของรางวัลมากมายเช่นนี้ เห็นชัดว่าก็รู้เช่นกัน ว่าหากต้องการจับเจ้าหมอนี่ ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะสามารถทำได้!
คิดถึงตรงนี้เจ้าแคว้นคีรีดำที่กำลังจะเก็บม้วนหยกลงไปจู่ๆ ก็อึ้งงัน
เขานึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมา
คนผู้นั้นก็เป็นมกุฎกึ่งจักรพรรดิ มีไพ่เด็ดที่สามารถสังหารเจ้าแคว้นคลั่งโลหิตได้เช่นเดียวกัน ถึงแม้รูปร่างหน้าตาจะไม่เหมือนกับหลินสวินในม้วนหยก แต่ในข้อมูลบอกว่าหลินสวินเชี่ยวชาญวิชาแปลงโฉมยิ่งยวด
มารกระบี่เต้ายวน!
เปรี๊ยะ!
ม้วนหยกในมือถูกบี้แหลก เจ้าแคว้นคีรีดำหน้าเปลี่ยนสีอย่างสิ้นเชิง คงไม่ใช่… เขาจริงๆ กระมัง
สีหน้าเจ้าแคว้นคีรีดำวูบไหวไม่นิ่ง หลังจากนั้นพักใหญ่จู่ๆ เขาก็หัวเราะดังลั่น เสียงสะเทือนทั้งโถง เบิกบานและเปรมปรีดิ์อย่างบอกไม่ถูก
“ไม่ว่าเจ้าจะใช่หลินสวินผู้สืบทอดคีรีดวงกมลหรือไม่ ข้าก็ฟันธงว่าเป็นเจ้าแล้ว กล้าวางอุบายใส่ข้า ครั้งนี้ข้าก็จะให้เจ้าเห็นดี!”
เจ้าแคว้นคีรีดำสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ตัดสินใจจะส่งข่าวนี้ให้จักรพรรดิมารวายุสังหาร เจ้าแคว้นอันดับหนึ่งของแคว้นหนาวเหน็บทันที
จักรพรรดิมารวายุสังหารเป็นผู้อาวุโสของสำนักโบราณจรัสเทพ ให้เขารายงานเรื่องนี้ย่อมดีที่สุด
“ถึงตอนนั้นข้าล่ะอยากเห็นนัก ว่าเจ้าตัวจ้อยอย่างเจ้าจะหนีเคราะห์ใหญ่คับฟ้าครั้งนี้ไปได้อย่างไร!”
เจ้าแคว้นคีรีดำหยัดกายกล่าวเสียงเข้ม “ใครก็ได้”
นอกโถงใหญ่ เงาร่างสายหนึ่งเดินเข้ามา “ใต้เท้ามีคำสั่งอะไรหรือ”
เสียงเดียวเท่านั้น กลับทำให้เจ้าแคว้นคีรีดำแข็งทื่อไปทั้งตัว เชยตามองไปก็เผยแววยากจะเชื่อออกมาทันที “มารกระบี่เต้ายวน เหตุใดจึงเป็นเจ้า!?”
เงาร่างสายนั้นสูงโปร่งโดดเด่น หล่อเหลาละโลกีย์ เป็นหลินสวินนั่นเอง
กลับเห็นเขายิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “ข้าได้ยินว่าตอนนี้โลกมืดกำลังออกหมายจับหลินสวินผู้สืบทอดคีรีดวงกมล ข้าห่วงว่าใต้เท้าจะคิดมาก ดังนั้นจึงแวะมาดูเสียหน่อย”
กล่าวจบในใจหลินสวินก็ทอดถอนใจคราหนึ่ง เดิมทีเขาตั้งใจทำให้เจ้าแคว้นคีรีดำรับเคราะห์แทนจนถึงที่สุด แต่ใครเลยจะคาดคิด คำสั่งประกาศจับอันเดียวทำเอาแผนการของเขาปั่นป่วน
ยังดี ในหนึ่งเดือนนี้ที่เขาเข้าสู่โลกมืด คนที่เกิดความสงสัยต่อสถานะของเขาอย่างแท้จริงก็มีแต่เจ้าแคว้นคีรีดำคนเดียว ภัยเงียบนี้จัดการได้ง่ายมาก
ดังนั้นหลินสวินจึงมา
“นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
เจ้าแคว้นคีรีดำหน้าเปลี่ยนสีไปมา
หลินสวินกล่าวสบายๆ “ใต้เท้าน่าจะได้อ่านคำสั่งประกาศจับนั่นแล้วกระมัง ไม่นึกสงสัยบ้างหรือว่าคนที่สามารถใช้พลังระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิโจมตีเจ้าแคว้นคลั่งโลหิต ก็คือหลินสวินผู้สืบทอดคีรีดวงกมลนั่น?”
“เป็นเจ้าจริงๆ?”
เจ้าแคว้นคีรีดำตกใจปนสงสัย
“ไม่ต้องเสแสร้งแล้ว อันที่จริงเจ้าเดาได้แต่แรกแล้วใช่หรือไม่”
หลินสวินยิ้มหยัน “ถึงขั้นที่หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าจะต้องไปรายงานทันทีอย่างแน่นอนกระมัง”
หัวใจเจ้าแคว้นคีรีดำจมสู่ก้นเหว ริมฝีปากกลับฝืนกล่าว “เต้ายวน ข้ารู้เพียงว่าหากไม่ใช่เจ้า คงเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะฮุบอาณาเขตเจ้าแคว้นคลั่งโลหิตได้ราบรื่นปานนี้ เจ้าเป็นถึงผู้มีบุญคุณครั้งใหญ่ต่อข้า ข้า… จะทำเรื่องต่ำช้าหน้าไม่อายเช่นนั้นได้อย่างไร”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวอย่างหนักแน่น “ยิ่งกว่านั้นข้าไม่เชื่อสักนิดว่าเจ้าจะเป็นหลินสวินผู้สืบทอดคีรีดวงกมลนั่น หากเจ้าไม่เชื่อ ข้าสาบานต่อสวรรค์ก็ได้!”
หลินสวินกล่าว “ข้าไม่เชื่อคำสาบาน”
“เช่นนั้น… ทำอย่างไรเจ้าถึงจะเชื่อข้า” ทั่วร่างเจ้าแคว้นคีรีดำต่างรัดเกร็งขึ้นมา ประหนึ่งคันธนูที่ง้างเต็มที่
“เจ้าสวามิภักดิ์ ข้าก็จะเชื่อ” หลินสวินกล่าวอย่างจริงจัง
เสียงยังไม่ทันสิ้นสุด ก็เห็นเจ้าแคว้นคีรีดำที่อยู่ไกลๆ ลงมือทันควัน
เขาใช้พลังทั้งหมดประหนึ่งสู้สุดชีวิต ไม่กล้าออมแรงแต่อย่างใด
หลังจากได้เห็นภาพที่เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตถูกกำราบกับตา เจ้าแคว้นคีรีดำก็ตระหนักถึงความน่ากลัวของหลินสวินตั้งแต่แรกแล้ว
ตูม!
เงาร่างของเขาพุ่งปะทุ เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ อานุภาพแห่งระดับจักรพรรดิปิดครอบฟ้าดิน ดุดันอำมหิตไร้ทัดเทียม เขาไม่หวังฆ่าศัตรู หวังแค่หนีไปได้
ทว่าระหว่างทางปราณกระบี่เจิดจ้าบาดตาสายหนึ่งโฉบขึ้น แข็งกร้าวดุร้ายสุดขีด พริบวาบเบาๆ กลางอากาศ
พรวด!
ร่างของเจ้าแคว้นคีรีดำถูกกรีดออกเป็นแผลกระบี่ชุ่มเลือดสายหนึ่ง เกือบถูกฟันขาดเป็นสองท่อน เลือดสดพวยพุ่งราวกับน้ำตก
เย่จื่อยกมือขึ้นกดคราหนึ่ง เจ้าแคว้นคีรีดำก็ถูกกำราบลงกับพื้น ถูกจองจำแล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบอ่อนแอจนเหมือนมดตัวหนึ่ง
แน่นอน นี่ไม่ใช่เพราะเขาไม่แข็งแกร่งพอ หากแต่พลังต่อสู้ที่เย่จื่อมีเหนือกว่าเขาไปไกลลิบ ย่อมสามารถกำราบได้อย่างแน่นอน
เขาเผยสีหน้าหวาดหวั่น เจือแววไม่ยากจะเชื่อ
กระบี่เดียวตนถึงกับต้านไม่อยู่เชียวหรือ
“หลินสวิน ฆ่าหรือไม่”
เย่จื่อเคลื่อนตัวมาอยู่บนไหล่ของหลินสวินพลางเอ่ยถาม
หลินสวินครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “เขายังมีประโยชน์อยู่บ้าง จองจำเอาไว้ชั่วคราวแล้วกัน”
กล่าวพลางหลินสวินก้าวไปข้างหน้า หิ้วเจ้าแคว้นคีรีดำที่ถูกจองจำเอาไว้ขึ้นมา แล้วยัดเข้าไปในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด
จากนั้นเงาร่างหลินสวินสั่นไหวคราหนึ่ง กลายเป็นรูปลักษณ์ของเจ้าแคว้นคีรีดำ ชุดนักพรตสมประสงค์บนตัวก็พลอยกลายเป็นชุดคลุมสีดำ
จากนั้นเขาก็เดินอาดๆ เข้าไปในโถง
“นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะปิดด่านสักระยะ หากไม่มีเรื่องเร่งด่วนไม่ว่าใครก็ห้ามมารบกวน!”
“นอกจากนี้ข้าได้สั่งให้มารกระบี่เต้ายวนเคลื่อนไหวไปทำเรื่องหนึ่งแล้ว ส่วนเป็นเรื่องอะไรนั้น รอผ่านไปสักระยะพวกเจ้าก็จะรู้เอง ข้ามีเพียงคำสั่งเดียว สิ่งที่มารกระบี่เต้ายวนทำ ก็คือเจตจำนงของข้า!”
ไม่ทันไรเสียงของเจ้าแคว้นคีรีดำก็ดังก้องทั่วทั้งเขายุทธ์สวรรค์ ถูกบริวารเหล่านั้นได้ยิน
ชั่วขณะทั้งเขายุทธ์สวรรค์ต่างชุลมุนไม่สิ้น
ส่วนเรื่องเจ้าแคว้นคีรีดำปิดด่านไม่มีใครรู้สึกผิดปติ สิ่งที่ทำให้พวกเขาปั่นป่วนคือ ใครต่างก็ไม่เคยคาดคิดว่าเจ้าแคว้นคีรีดำถึงกับให้ความสำคัญมารกระบี่เต้ายวนนั่นปานนี้!
นี่เหมือนมองมารกระบี่เต้ายวนเป็นคนสนิทแล้วชัดๆ!
แต่ไม่มีใครกล้าตั้งข้อสงสัย
มารกระบี่เต้ายวนสร้างผลงานใหญ่ในการเคลื่อนไหวกลืนกินอาณาเขตของเจ้าแคว้นคลั่งโลหิต นี่เป็นถึงผลงานองอาจเป็นที่ประจักษ์ ได้รับการให้ความสำคัญก็เป็นเรื่องที่สอดคล้องกับเหตุผล
หลินสวินพักอยู่เขายุทธ์สวรรค์อีกสองวัน จนกระทั่งตอนที่แน่ใจว่าการหายไปของเจ้าแคว้นคีรีดำไม่ได้เรียกคลื่นลมใดๆ คราวนี้จึงจากไปอย่างเงียบๆ
……
เดิมหลินสวินคิดว่าหลังจากรับคำสั่งจอมจักรพรรดิไร้นามคนใหม่แล้ว ภายในแคว้นหนาวเหน็บจะต้องมีไอสังหารไร้สิ้นสุดเป็นแน่
อย่างน้อยขุมอำนาจใหญ่แต่ละแห่งจะต้องกะเกณฑ์กำลังพลเริ่มทำการเคลื่อนไหว
แต่ความจริงกลับเหนือความคาดหมายของหลินสวินอย่างสิ้นเชิง
หลังออกจากอาณาเขตเจ้าแคว้นคีรีดำและผ่านการสังเกตจับตาดูมาหลายวัน เขาเดินทางผ่านมาแล้วสิบกว่าเมือง ถึงพบว่าคำสั่งประกาศจับนี้ปั่นป่วนสะท้านสะเทือนจริงๆ แต่กลับเหมือนท่าดีทีเหลว
อย่าว่าแต่ขุมอำนาจใหญ่พวกนั้นเลย ต่อให้เป็นเจ้าเมืองแต่ละเมือง สิ่งที่ให้ความสำคัญมากที่สุดก็ยังมีแค่ปัญหาเดียว…
การอยู่รอด!
ที่นี่อย่างไรก็เป็นโลกมืด เต็มไปด้วยความโกลาหลและอันตราย การเข่นฆ่าเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นคิดอยากอยู่รอดล้วนยากลำบากอย่างที่สุด แล้วใครจะไปตามจับคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองสักนิดเพราะประกาศจับอันเดียว
แน่นอน เสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับหลินสวินผู้สืบทอดคีรีดวงกมลยังคงพบเห็นได้ทุกแห่ง แต่ล้วนจำกัดเพียงการพูดคุยเท่านั้น
นี่ก็คือโลกมืด
ต่อให้ของรางวัลของสำนักโบราณจรัสเทพล่อตาแค่ไหน แต่เมื่อเผชิญหน้าคนที่สามารถฆ่าระดับจักรพรรดิได้ ก็ดับความคิดที่จะไปเสาะหาลงแล้ว
ต่อให้เป็นพวกเจ้าแคว้นเหล่านั้น ก็ทำแค่ออกเคลื่อนไหวอย่างขอไปทีเล็กน้อยเท่านั้น
สำหรับพวกเขาแล้ว หมายจับพวกร้ายกาจที่ทั้งเชี่ยวชาญการปลอมตัวทั้งแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อคนหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องเปลืองแรงไม่ใช่เรื่องดีเช่นกัน
ไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทร
นี่ทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่า นอกจากสถานะของตนจะเปิดเผย ทิ้งเบาะแสที่ควรค่าไว้ หาไม่ อย่างน้อยในแคว้นหนาวเหน็บนี้ ตนก็ไม่ต้องกังวลว่าจะพบเจอการไล่ล่าสังหารอะไรแล้ว
‘เมื่อถอยจนไม่อาจถอย โลกมืดก็คือทางรอดเพียงหนึ่งเดียว!’
และเวลานี้หลินสวินเพิ่งจะเข้าใจความหมายของประโยคนี้
………………………..