Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2088 กระบี่เดียวฟ้าดินพินาศ

ตอนที่ 2088 กระบี่เดียวฟ้าดินพินาศ

…แต่ไรมาโลกมืดไม่เคยมีดีชั่ว ขาวดำ ถูกผิด

มีแต่เป็นตาย

เพื่อจะบีบเจ้าแคว้นคีรีดำออกมา พวกสี่เจ้าแคว้นอย่างหมิงเยวี่ย หลิ่นเฟิง เฟยหยา ฮุยซวง ในฐานะระดับจักรพรรดิ สามารถไปบุกฆ่าบริวารใต้อาณัติเจ้าแคว้นคีรีดำพวกนั้นอย่างไร้กลัวเกรง เลือดเย็นไร้ปรานี

ในโลกมืด ทุกชีวิตล้วนเป็นผักหญ้า!

เมืองลมสะท้าน

ห้วงอากาศเงียบงันวังเวง บนท้องถนนไม่พบเห็นเงาร่างใดๆ อีก

ยามโพล้เพล้แสงสนธยาประหนึ่งเลือดสาด

หน้าเมือง เจ้าแคว้นทั้งสี่บ้างนั่งบ้างยืน กลิ่นอายระดับจักรพรรดิที่แผ่ออกมาแผ่ครอบฟ้าดินแถบนี้ ประหนึ่งแดนต้องห้ามที่เทพผีไม่กล้าเฉียดใกล้

“คิดไม่ถึงว่าเจ้าเฒ่าคีรีดำนี่ถึงกับทนได้…” เจ้าแคว้นหมิงเยวี่ยทอดถอนใจ

เจ้าแคว้นเฟยหยาสีหน้าอึมครึม “ลูกน้องตายแล้ว ยังสามารถไปหาคนและปลูกฝังได้ แต่หากเขาเฒ่าคีรีดำตายไป ก็ไม่เหลืออะไรแล้ว”

เป็นเวลาสามวันแล้ว

ในช่วงสามวันนี้พวกเขาเคลื่อนไหวร่วมกันในอาณาเขตเจ้าแคว้นคีรีดำ เข่นฆ่าทุกแห่งหน ประหนึ่งพายุกระโชก

ผู้แข็งแกร่งคนใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเจ้าแคว้นคีรีดำ ต่างเป็นเป้าหมายที่พวกเขาโจมตีสังหาร

จวบจนบัดนี้บริวารเหล่านั้นที่อยู่ใต้อาณัติเจ้าแคว้นคีรีดำล้วนถูกพวกเขาฆ่าไม่เกือบหมดแล้ว

แต่จนตอนนี้เจ้าแคว้นคีรีดำยังไม่มีแม้แต่ความเคลื่อนไหวสักนิด!

จู่ๆ เจ้าแคว้นหมิงเยวี่ยก็เอ่ยถาม “สหายยุทธ์ฮุยซวง เจ้าสืบข่าวร่องรอยของมารกระบี่เต้ายวนนั่นได้บ้างหรือไม่”

คนอื่นๆ ก็ทอดสายตาไปทางเจ้าแคว้นฮุยซวงด้วยเช่นกัน

มารกระบี่เต้ายวน!

ผู้แข็งแกร่งที่หลายเดือนก่อนจู่ๆ ก็ผงาดขึ้นราวกับดาวหาง และถูกมองเป็นแม่ทัพที่โดดเด่นที่สุดใต้อาณัติเจ้าแคว้นคีรีดำ

ยามนี้ต่อให้เป็นระดับจักรพรรดิเหมือนอย่างพวกเจ้าแคว้นหมิงเยวี่ย ก็ยังได้ยินชื่อนี้ผ่านหูเช่นกัน

นี่ทำให้พวกเขารู้ชัด ว่าขอเพียงจับตัวมารกระบี่เต้ายวนได้ บางทีอาจบีบเจ้าแคว้นคีรีดำอออกมาก็เป็นได้!

“ไม่มี ร่องรอยเจ้าหมอนี่ล่องลอยไม่นิ่ง แทบไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหน”

เจ้าแคว้นฮุยซวงกล่าวถึงตรงนี้ก็เปลี่ยนประเด็นทันที “แต่ก็มีคนบอกว่า มหาอริยะคนหนึ่งชื่อจี้เหลิ่งติดตามรับใช้ข้างกายมารกระบี่เต้ายวนนี่ตลอด หนำซ้ำช่วงก่อนหน้านี้ไม่นานจี้เหลิ่งนี่เคยปรากฏตัวที่เมืองแสงเงินด้วย”

“เมืองแสงเงินอยู่ที่ไหน”

“ห่างจากที่นี่สามหมื่นเก้าพันลี้”

“เรื่องไม่อาจล่าช้า แทนที่จะเฝ้าอยู่ที่นี่ไม่สู้ไปลองเสี่ยงดู”

จากนั้นคนทั้งกลุ่มก็ตัดสินใจ

ทว่าขณะที่พวกเขาตั้งใจจะเคลื่อนไหว จู่ๆ ก็ตระหนักได้ว่ากลางภูผาธาราเวิ้งว้างไกลโพ้นนอกเมือง มีเงาร่างสายหนึ่งเดินเข้ามา

สันโดษเพียงลำพัง เดินกลางอากาศ เงาร่างสูงโปร่งอาบชโลมใต้แสงอาทิตย์อัสดง คละคลุ้งด้วยท่วงทำนองละโลกีย์ที่ลึกลับสายหนึ่ง

พวกเจ้าแคว้นหมิงเยวี่ยต่างฉายแววประหลาดใจออกมา

หลังจากพวกเขามาถึงเมืองลมสะท้านแห่งนี้ ผู้ฝึกปราณทั้งในและนอกเมืองต่างกลัวตัวสั่น เผ่นหนีจนหมดเกลี้ยงเหมือนสุนัขไร้บ้านนานแล้ว

ทว่าตอนนี้ถึงกับมีคนผู้หนึ่งเป็นฝ่ายมุ่งหน้ามาหาเอง นี่เห็นได้ชัดว่าผิดปกติอย่างไม่ต้องสงสัย

นัยน์ตาของเจ้าแคว้นฮุยซวงฉายประกายเย็นชาวูบหนึ่ง “เป็นเขา มารกระบี่เต้ายวนคนนั้น ข้าเคยเห็นภาพเหมือนเกี่ยวกับเจ้าหมอนี่มาก่อน”

มารกระบี่เต้ายวน!

พวกเจ้าแคว้นหมิงเยวี่ยอึ้งไปอีกครั้ง พวกเขาเพิ่งหมายจะไปหาเจ้าหมอนี่ ใครเลยจะคาดคิดว่าอีกฝ่ายถึงกับเป็นฝ่ายมาหาเองถึงที่

“ฮ่าๆ เดินจนรองเท้าเหล็กพังยังหาไม่ได้ บทจะมาง่ายดายไม่เปลืองแรง!” เจ้าแคว้นเฟยหยาหัวเราะ นัยน์ตาทอประกายยินดี

“เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่า… สถานการณ์ชักไม่เข้าที” เจ้าแคว้นหลิ่นเฟิงขมวดคิ้ว

คนอย่างมารกระบี่เต้ายวน ถึงจะไม่ถูกพวกเขาเห็นในสายตา แต่อีกฝ่ายสามารถมีชื่อเสียงบารมีเช่นปัจจุบัน มีหรือคนธรรมดาทั่วไปจะเทียบชั้นได้

บุคคลเช่นนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะโง่จนถึงขั้นมุ่งหน้ามาตายเปล่า!

“อย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่าม”

เจ้าแคว้นหมิงเยวี่ยกล่าวเรียบนิ่ง “ไม่ว่าเจ้าหมอนี่จะมาไม้ไหน ในเมื่อเขามาแล้ว บางทีอาจพิสูจน์ได้ว่าเจ้าเฒ่าคีรีดำก็นั่งไม่ติดแล้ว”

คนอื่นๆ ต่างพยักหน้า

ระดับจักรพรรดิทั้งสี่ที่ผ่านประสบการณ์สุ่มเสี่ยง อาศัยอยู่ในโลกมืดนานปี ย่อมไม่เกรงกลัวมกุฎกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งอยู่แล้ว

ก็เห็นยามที่เงาร่างหลินสวินมาถึงบริเวณห่างจากนอกเมืองพันจั้ง ยืนตระหง่านอยู่กลางห้วงอากาศ

เขาสะพายกล่องกระบี่สำริดเก่าคร่ำคร่า นัยน์ตาดำพร่างพราว ถอนใจเบาๆ กล่าวว่า “ช่างละอายจริงๆ ก่อนหน้านี้มุ่งหน้าไปเขาแสงต้นเฟิง ตอนที่รีบเร่งมาถึงเพิ่งพบว่าทำให้ทุกท่านรอนานแล้ว”

เขาแสงต้นเฟิง!

นั่นเป็นถึงที่พำนักของเจ้าแคว้นหลิ่นเฟิง!

ชั่วขณะนั้นในใจเจ้าแคว้นหมิงเยวี่ยและคนอื่นๆ ต่างสั่นสะท้าน

หลายวันก่อนอาณาเขตของเจ้าแคว้นฮวงโหวเพิ่งจะถูกเจ้าเฒ่าคีรีดำรวบไป และมารกระบี่เต้ายวนนี่ก็โผล่มาที่อาณาเขตที่เจ้าแคว้นหลิ่นเฟิงครอบครองอีก

นี่หมายความว่าเจ้าเฒ่าคีรีดำวางแผนครองอาณาเขตเจ้าแคว้นหลิ่นเฟิงแล้วใช่หรือไม่

“เจ้าสวะตัวจ้อย อย่าหวังจะพูดข่มขวัญผู้อื่น แค่เจ้าก็คิดอยากบุกเข้าเขาแสงต้นเฟิงรึ ช่างน่าขันซะจริง!”

เจ้าแคว้นหลิ่นเฟิงตวาดลั่น น้ำเสียงดุจสายฟ้าฟาดสะเทือนฟ้าดินแถบนี้

หลินสวินสีหน้าผ่อนคลาย “น่าขันหรือไม่ตอนนี้ไม่สำคัญแล้ว สิ่งที่สำคัญคือทั้งสี่ท่านปรากฏตัวอยู่ที่นี่พร้อมกัน นับว่าทำให้ข้าไม่ต้องลำบากตามหาอีกแล้ว เรียกได้ว่าเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง”

“เจ้า… คงไม่ได้คิดจะมาต่อกรกับพวกเราสี่คนด้วยตัวคนเดียวกระมัง” เจ้าแคว้นหมิงเยวี่ยเผยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

เจ้าแคว้นคนอื่นๆ เองก็ตะลึงไปชั่วขณะ

กลับเห็นหลินสวินตบกล่องกระบี่ที่อยู่ด้านหลังเบาๆ กล่าวว่า “ในนี้มีกระบี่เล่มหนึ่ง เชิญทุกท่านมาชมหน่อย”

ชิ้ง!

กระบี่ครวญดุจกระแสน้ำเชี่ยว ก้องสะท้อนเก้าชั้นฟ้า

กลางฟ้าดินเมื่อเย่จื่อโฉบออกจากกล่องกระบี่ เจตกระบี่น่าสะพรึงไร้สิ้นสุดสายหนึ่งก็แผ่กว้างออกไปด้วย กร้าวแกร่งถึงขีดสุด เดือดคลั่งอย่างที่สุด!

แววตะลึงบนใบหน้าของพวกเจ้าแคว้นหมิงเยวี่ยแข็งทื่อ ในที่สุดก็เข้าใจ ว่าเหตุใดมกุฎกึ่งจักรพรรดิเช่นนี้ถึงกับมุ่งหน้ามาคนเดียวอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม

ความแข็งแกร่งแห่งกลิ่นอายของวิญญาณกระบี่นั่นสั่นสะเทือนทั่วฟ้า เจตกระบี่พาดขวางห้วงอากาศ ทำให้ผิวหนังของพวกเขาปวดแสบไปพักหนึ่ง รู้สึกถึงแรงกดดันหาใดเปรียบ

หากไม่ได้เห็นเองกับตาใครก็ไม่กล้าเชื่อ ว่าเพียงวิญญาณกระบี่สายเดียวเท่านั้นถึงกับมีอานุภาพดุดันพลิกฟ้าปานนี้!

“หนึ่ง สอง สาม สี่… กลับไม่มีสักคนที่เหนือกว่าระดับจักรพรรดิขั้นสาม…”

เย่จื่อคล้ายค่อนข้างผิดหวัง ทอดถอนใจเบาๆ กล่าวว่า “หลินสวิน เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าแค่กระบี่เดียวเท่านั้นข้าก็กำราบพวกเขาตามๆ กันได้แล้ว”

กระบี่เดียว!?

มุมปากหลินสวินกระตุกคราหนึ่ง แต่ไรมาเย่จื่อไม่ใช่วิญญาณกระบี่ที่ชอบคุยโว ในเมื่อเขาพูดเช่นนี้ ย่อมต้องมีความมั่นใจมากทีเดียว

เพียงแต่เมื่อนึกถึงว่าตอนนี้เย่จื่อถึงขั้นกล้าพูดว่าใช้กระบี่เดียวกำราบเจ้าแคว้นสี่คนได้ ในใจหลินสวินก็ยังรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจอย่างเลี่ยงไม่ได้

และพร้อมกันนั้น สีหน้าของพวกเจ้าแคว้นหมิงเยวี่ยต่างมืดทะมึน แววตาทอประกายลุกโชน ทั้งอึ้งงันและโกรธเคือง ทั้งสงสัยและเคลือบแคลง

คำพูดของเย่จื่อทำลายความภาคภูมิใจในฐานะระดับจักรพรรดิของพวกเขาอย่างลุ่มลึก และรสชาติเช่นนี้พวกเขาไม่เคยได้ลิ้มลองมานานมากแล้ว

“ร่วมกันลงมือ?”

เจ้าแคว้นหมิงเยวี่ยเอ่ยเสียงขรึม

“ดี!”

เจ้าแคว้นคนอื่นๆ ต่างฉายแววเหี้ยมเกรียม

เมื่อพลังขับเคลื่อนของพวกเขาโคจร อานุภาพน่าสะพรึงระดับจักรพรรดิก็แผ่กว้างปิดครอบภูผาธาราแถบนี้ ประหนึ่งเขาถล่มคลื่นยักษ์โหมซัด

ใต้เท้าพวกเขา ในเมืองลมสะท้านอันกว้างใหญ่ตึกอาคารนับไม่ถ้วนแตกเป็นเสี่ยง ถนนหนทางทรุดตัว กำแพงเมืองพังครืน เพียงพริบตาก็กลายเป็นเศษซากที่ฝุ่นควันลอยคลุ้งแถบหนึ่ง

เพียงแค่อานุภาพแห่งระดับจักรพรรดิเท่านั้นก็พังเมืองหนึ่งจนพินาศ!

หลินสวินยืนนิ่งไม่ไหวติง

สายตาและจิตรับรู้ของเขาล้วนถูกอานุภาพจักรพรรดิอันน่าสะพรึงกดข่ม รับรู้ถึงความรู้สึกหายใจไม่ออกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นี่ทำให้เขาตระหนักได้ว่า ต่อให้ปราณในตอนนี้ของตนจะมีรากฐานเทียบเท่าระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่งแล้ว

แต่ยามเผชิญหน้ากับระดับจักรพรรดิสี่คนที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์สูงสุดและผ่านการเข่นฆ่านับไม่ถ้วน ก็ยังเห็นได้ชัดว่าอ่อนแอเกินไปอยู่ดี

ที่สำคัญที่สุดคือ อีกฝ่าย… ไม่มีใครไม่ใช่ระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่ง!

การที่ยังสามารถยืนอย่างมั่นคงอยู่ตรงนั้นได้ สำหรับหลินสวินก็เป็นเรื่องที่ยากยิ่งยวดแล้ว เขากล้าฟันธงว่าหากเปลี่ยนเป็นระดับเดียวกันคนอื่นๆ ภายใต้สถานการณ์ระดับนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะแสดงฝีมือโดดเด่นไปกว่าตนอย่างแน่นอน!

ตูม!

การต่อสู้ดุเดือดอย่างไม่ต้องสงสัย ฟ้าดินสั่นสะเทือน ภูผาธาราเวิ้งว้างละแวกใกล้เคียงต่างพบเจอแรงกระแทกน่าสะพรึง ถูกซัดกวาดจากผืนดินประหนึ่งกระดาษเปื่อย

เสียงมรรคดังสนั่นหวั่นไหว กฎเกณฑ์ระดับจักรพรรดิลุกโชนพาดผ่านเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน บดขยี้เวิ้งฟ้าแถบนี้ ภาพระดับนั้นสามารถสั่นคลอนหมื่นกาล ทำให้เหล่าสิ่งมีชีวิตต่างสะท้านสะเทือน

เผชิญหน้ากับภาพเหตุการณ์น่าสะพรึงเช่นนี้ ข้อมือเย่จื่อสั่นขยับคราหนึ่ง ริมฝีปากเอ่ยเบาๆ

“ตราบเท่ากระบี่ข้า”

ยามเมื่อเสียงดังขึ้น ปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งโฉบออกไป

กลางฟ้าดินอันเวิ้งว้างแถบนี้ถูกแสงสว่างจ้าวูบหนึ่งปิดครอบ กลายเป็นยืนยงไม่เสื่อมคลายเพียงหนึ่งเดียว

“ฟ้าดินพังทลาย”

เมื่อปราณกระบี่สายนี้ร่วงลงไป ภาพน่าสยองตะลึงโลกก็ปรากฏขึ้น

ฟ้านี้ดินนี้ ทุกสรรพสิ่งเหล่านี้ล้วนประหนึ่งใบไม้แห้งที่ชีวิตโรยรา มอดดับกลายเป็นเถ้าถ่านท่ามกลางแสงกระบี่ไร้ขอบเขต

หากฟ้าดินนี้เป็นภาพวาด เช่นนั้นกระบี่นี้ก็เหมือนคบไฟหนึ่ง แผดเผาภาพวาดจนดับสิ้น!

น่ากลัวเกินไป

และน่าเหลือเชื่อเกินไป!

เนิ่นนานยามเมื่อฝุ่นควันจางหาย…

ยามเมื่อภาพโกลาหลต่างๆ เหล่านั้นมลายสิ้น เผยสภาพความเป็นจริงของฟ้าดินแถบนี้ออกมา ทั่วสี่ทิศแปดทางก็กลายสภาพเป็นซากปรักหักพังนานแล้ว

ทุกหย่อมหญ้าล้วนเป็นภาพพังทลาย แห่งเหือด ดับสูญ!

ลมระลอกหนึ่งโชยมา กลางห้วงอากาศยังคงหลงเหลือกลิ่นอายที่ชวนให้ผู้คนใจผวา หลินสวินที่ยืนอยู่กลางอากาศเหนือซากปรักหักพังแถบนี้ คราวนี้ถึงพ่นลมหายใจหนักอึ้งออกมาราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน

และในสายตาเขามีแววสั่นสะท้านที่สลัดไม่หลุดเจืออยู่

อานุภาพแห่งระดับจักรพรรดิ พังเมืองทั้งเมือง

และกระบี่เดียวของเย่จื่อ ก็กำราบสี่จักรพรรดิ!

เวลานี้หลินสวินมองเห็นเจ้าแคว้นสี่คนอย่างหมิงเยวี่ย หลิ่นเฟิง เฟยหยา ฮุยซวงถนัดตาแล้ว ต่างนอนคว่ำอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง เลือดอาบทั่วร่าง เจ็บหนักปางตาย

นี่ก็คืออานุภาพแห่งกระบี่เดียวของเย่จื่อ!

หลินสวินก็ถือว่าเป็นคนที่เคยพบเห็นโลกกว้าง ผ่านการประลองมาทุกรูปแบบ ได้เห็นเห็นศิษย์พี่ชายหญิงคีรีดวงกมลคนแล้วคนเล่าสำแดงความผ่าเผยสะท้านยุคที่อานุภาพน่าทึ่งมาแล้ว

แต่เวลานี้ก็ยังถูกกระบี่นี้ของเย่จื่อทำให้ตื่นตาอย่างอดไม่ได้

“หากเปลี่ยนเป็นตอนอานุภาพเต็มที่ ข้าคงไม่เปลืองแรงเช่นนี้เด็ดขาด”

เย่จื่อยืนอยู่บนไหล่หลินสวิน หอบหายใจถี่รัวอยู่หลายครั้ง เอ่ยปากด้วยสีหน้าจริงจัง เขาคล้ายกับ… ไม่ค่อยพอใจในกระบี่นี้ของตนนัก

มุมปากของหลินสวินกระตุก เขายังจะพูดอะไรได้อีก

……

ในวันนี้เจ้าแคว้นสี่คนอย่างหมิงเยวี่ย หลิ่นเฟิง เฟยหยา ฮุยซวงล้วนถูกกำราบอยู่ในอาณาเขตของเจ้าแคว้นคีรีดำ!

ทันทีที่ข่าวกระจายออกไป แคว้นหนาวเหน็บสะท้านสะเทือน ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนต่างสะท้านสะเทือนกับเรื่องนี้

จนป่านนี้ เวลาเพียงแค่สองเดือน เจ้าแคว้นคีรีดำกวาดรวบถิ่นของสองเจ้าแคว้นใหญ่อย่างคลั่งโลหิตและฮวงโหวอย่างต่อเนื่อง ซัดทลายการบุกโจมตีร่วมกันของเจ้าแคว้นสี่คน!

ผลงานการต่อสู้ที่เพียงพอจะเรืองทศวรรษ จรัสตราบนิรันดร์เช่นนี้ ถึงขั้นทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนฝันไป ไม่สมจริงถึงเพียงนั้น

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้าแคว้นคีรีดำแข็งแกร่งปานนี้

นี่คือข้อกังขาของคนนับไม่ถ้วน

ถึงอย่างไร ท่ามกลางกาลเวลาที่ผ่านมาเหล่านั้น ถึงแม้เจ้าแคว้นคีรีดำจะแข็งแกร่ง แต่ในลำดับสิบเจ้าแคว้นใหญ่ ก็ฝืนกำลังอยู่ในตำแหน่งระดับกลางเท่านั้น

ทว่าตอนนี้ เวลาเพิ่งจะเพียงสองเดือนเท่านั้น เขาก็แผ่อาณาเขตด้วยอานุภาพดุจผ่าลำไผ่ สยบโจมตีพวกเจ้าแคว้นหกคนอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับเปลี่ยนเป็นคนละคนชัดๆ!

——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset