Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 947 เฉือนสังหาร

แม้กระบังปัญจเพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นสมบัติลอกเลียนแบบ แต่กลับผ่านการหลอมจากอริยะที่แท้จริง อานุภาพจึงน่ากลัวอย่างที่สุดเช่นกัน แข็งแกร่งกว่ายอดศาสตรามรรคราชันหนึ่งระดับใหญ่
หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้พลังต่อสู้ที่หลินสวินแสดงออกมาพลิกฟ้าเกินไป ชายชราที่เป็นหัวหน้าของลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็คงไม่ใช้สมบัติระดับนี้กับเด็กหนุ่มระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่ง
ตอนนี้เห็นว่ากระบังปัญจเพลิงศักดิ์สิทธิ์สำแดงฤทธิ์ เด็กหนุ่มคนนั้นกำลังจะถูกสังหาร กลุ่มคนจากลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ต่างหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา
อย่างที่พวกเขาพูดก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้กล้าที่ยอดเยี่ยมเพียงใด ก่อนที่จะกลายเป็นราชันก็ยังคงเป็นเหมือนมดปลวก สามารถชี้เป็นชี้ตายได้
แต่ไม่นานสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป!
เด็กหนุ่มที่ถูกพวกเขามองว่าจะกลายเป็นเถ้าถ่าน หลังจากเรียกขวดเล็กแปลกประหลาดใบหนึ่งออกมา ก็ทำให้ทุกอย่างเกิดการพลิกผัน…
ตูม!
พลังต้องห้ามอันน่ากลัว ราวกับน้ำท่วมจากเขื่อนแตกพวยพุ่งออกจากขวดเล็กนั่นอย่างมืดฟ้ามัวดิน แผ่กว้างไปทั่วทั้งที่นั้นทันที
รอยสลักวิญญาณหนาแน่นและเรืองรองกะพริบวาบ สำแดงอานุภาพที่คลุมเครือและน่าพรั่นพรึงออกมา แพร่กระจายในฟ้าดินผืนนี้
ครืน… เพลิงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่กระบังเพลิงศักดิ์สิทธิ์ปลดปล่อยออกมา ยามนี้ยังไม่ทันได้เผยพลานุภาพก็ถูกท่วมท้น โจมตีจนกระจายและดับสูญจนสิ้น
นี่ทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ตัวแข็งทื่อ แทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง!
นี่มันสมบัติอะไร ทำไมถึงมีพลานุภาพน่าหวั่นหวาดเพียงนี้
ตึง!
ในห้วงอากาศ กระบังเพลิงศักดิ์สิทธิ์เองก็ได้รับผลกระทบ ส่งเสียงดังหึ่งอย่างรุนแรง สั่นไม่หยุด แทบจะถูกคลื่นผนึกต้องห้ามอันน่าสะพรึงกลัวท่วมท้น
แม้แต่แม่นางเยวี่ยยังอึ้งค้าง เดิมทีนางคิดว่าหลินสวินจะเรียกเจดีย์สมบัติที่เคยแผลงฤทธิ์อย่างยิ่งใหญ่ในเทศกาลโคมกถามรรค เพราะโลกภายนอกต่างกำลังเล่าลือว่า เจดีย์สมบัตินั่นสามารถสกัดกั้นพลังของตำหนักอมตะได้ เป็นสมบัติอริยะที่อัศจรรย์ไร้ที่เปรียบอย่างแน่นอน
แต่นางกลับคิดไม่ถึงว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ขวดหยกมันแพะเล็กๆ ใบหนึ่งที่หลินสวินเรียกออกมากลับยังสามารถแสดงอานุภาพที่น่ากลัวปานนี้ได้
นางถึงขั้นสงสัยว่า การโจมตีของผู้แข็งแกร่งระดับราชันที่แท้จริงก็คงไม่ต่างจากนี้!
“สวรรค์…”
“คุณชายหลินซย่าแกร่งเกินไปแล้ว!”
พวกโค่วซิงสูดหายใจเข้าด้วยความตกใจ รู้สึกตะลึงอย่างมากเช่นกัน
ตูม!
กระบังเพลิงศักดิ์สิทธิ์สั่นไหวโอนเอน ส่งเสียงคำรามหึ่งอย่างรุนแรง แทบจะยืนหยัดไม่ไหวแล้ว
ไม่เพียงเท่านี้ พลังต้องห้ามที่ราวกับกระแสน้ำหลากนั้น ทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่กระจายอยู่รอบทิศต่างได้รับผลกระทบไปด้วย
ในชั่วขณะทั้งที่นั้นวุ่นวายอลม่าน เสียงกรีดร้อง เสียงอุทานด้วยความตกใจ เสียงคำรามอย่างเดือดดาลดังอย่างไม่ขาดสาย
“น่าชังนัก นี่มันพลังต้องห้ามอะไรกัน เหตุใดจึงน่ากลัวเพียงนี้”
ราชันกึ่งระดับคนหนึ่งไม่ทันระวัง ถูกม้วนเข้าไปอยู่ในกระแสน้ำต้องห้าม ร่างกายราวกับถูกภูเขาใหญ่กดทับ กระดูกเอ็นแตกหัก ปากกระอักเลือด
ข้างๆ เขา ลูกศิษย์ลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์หลายคนส่งเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวน ถูกคลื่นผนึกต้องห้ามท่วมทับโดยตรง เพียงพริบตาก็ตายคาที่
นอกจากนี้ ราชันกึ่งระดับคนอื่นๆ เองก็ลำบากไม่ต่างกัน ต่างหลบหนีและต่อต้านอย่างสะบักสะบอม แต่ละคนทั้งโกรธทั้งกลัว ไม่สามารถยอมรับทุกสิ่งนี้ได้
การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้กะทันหันเกินไป ใครก็คิดไม่ถึงว่าขนาดเรียกกระบังปัญจเพลิงศักดิ์สิทธิ์ออกมาแล้ว แต่สิ่งที่ได้มากลับไม่ใช่ความตายของคู่ต่อสู้ แต่เป็นสถานการณ์ที่พลิกผัน!
ที่เลวร้ายที่สุดคือชายวัยกลางคนชุดคลุมดำคนนั้น ก่อนหน้านี้เขาถูกหลินสวินโจมตีจนบาดเจ็บหนัก เกือบจะตายแล้ว
ตอนนี้เมื่อถูกคลื่นผนึกต้องห้ามพุ่งโจมตี เขายืนหยัดไม่ไหวทันที เผ้าผมและขนทั่วร่างกายถูกเผา ผิวหนังไหม้เกรียม ร่างกายราวกับถูกเตาหลอมเผาผลาญ ไม่เหลือพื้นที่ที่สมบูรณ์อีกเลยแม้แต่ส่วนเดียว
เขาแทบจะใช้พลังทั้งหมดกว่าจะฝืนหลุดจากพลังผนึกต้องห้ามได้ หนีไปในระยะไกลอย่างบ้าคลั่ง
เพียงแต่เขายังไม่ทันได้หลบ ก็ถูกหลินสวินที่ออกโจมตีมาแต่แรกขวางไว้
“เจ้า…” ชายวัยกลางคนตกใจจนวิญญาณเกือบบินออกจากร่าง จากนั้นเขาถูกหลินสวินกระแทกจนร่างแหลกในหมัดเดียว ละอองเลือดสาดกระเซ็นขึ้นสูง
ราชันกึ่งระดับคนหนึ่งโดนฆ่า!
พวกของโค่วซิงเห็นเช่นนี้ลูกตาก็แทบหลุดออกมา แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ราวกับเทพมารที่ฝืนฟ้าตัดวิถี แม้แต่ราชันกึ่งระดับยังถูกฆ่าอย่างแข็งกร้าว นี่ยากจะเชื่อยิ่งนัก
“กล้านัก!”
ราชันกึ่งระดับลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ เบิกตาถลน โกรธจนหน้าเขียว พุ่งสังหารมาทางนี้
โดยเฉพาะชายชราที่เป็นหัวหน้า เร่งเร้ากระบังปัญจเพลิงศักดิ์สิทธิ์อย่างสุดกำลัง แปรเป็นเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์สว่างไสวเต็มท้องฟ้า เข้ากำราบอย่างรวดเร็ว หมายจะกำจัดหลินสวินอย่างสิ้นเชิง
ที่เป็นเช่นนี้เพราะพลังที่ขวดมหามรรคไร้ขอบเขตปลดปล่อยออกมา แม้ช่วยหลินสวินคลี่คลายวิกฤตได้ และโจมตีกลุ่มศัตรูจนรับมือไม่ทัน แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่พลังในตัวของหลินสวิน ไม่นานก็ยุบทลาย ทำให้ราชันกึ่งระดับเหล่านั้นมีโอกาสหายใจและโต้ตอบ
ทว่าหลินสวินหลุดรอดแล้ว ราวกับเสือร้ายออกจากกรง แค่นเสียงเย็นชาคราหนึ่ง ใต้เท้าปรากฏชือน้ำแข็งตัวหนึ่ง ทะยานฟ้าพร้อมเสียงมังกรครวญ
และในฝ่ามือของเขา ขวดมหามรรคไร้ขอบเขตถูกเร่งเร้า ราวกับหลุมดำที่ลึกไม่เห็นก้น กำลังดูดกลืนพลังปัญจเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ตกลงจากฟ้า
“หืม? แย่แล้ว!” ชายชราที่เป็นผู้นำตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าขวดเล็กนั่นจะอัศจรรย์และแปลกประหลาดเช่นนี้ สามารถกลืนกินและหลอมพลังของกระบังปัญจเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้ นี่มันเกินคาดมากไปแล้ว
นี่ก็คือความอัศจรรย์ของขวดมหามรรคไร้ขอบเขต ไม่เพียงสามารถโจมตีได้ ยังสามารถกลืนการโจมตีของอีกฝ่าย สั่งสมไว้ในตัวขวด มหัศจรรย์ไร้เทียมทาน
ฉวยโอกาสนี้ หลินสวินได้ออกโจมตีอย่างแข็งกร้าวแล้ว
ปัง!
ประทับปี้อั้นทะยานฟ้า ล้อมรอบด้วยอานุภาพที่แข็งแกร่งทนทาน ไม่สามารถสั่นคลอน บดขยี้ห้วงอากาศสังหารออกมา
เสียงปังดังลั่น ราชันกึ่งระดับคนหนึ่งถูกตบจนปลิวในทันที ร่างกายสั่นสะท้าน ส่งเสียงโหยหวน เพียงแต่ชั่วพริบตาเสียงร้องของเขาก็หยุดไป
เพราะชือน้ำแข็งตัวหนึ่งพุ่งออกมา ขาวเป็นประกายราวกับหิมะ ร่างที่ใหญ่ราวกับภูเขาขดล้อมรัดตัวเขาจนตาย เลือดเนื้อร่วงหล่น
ราชันกึ่งระดับถูกสังหารอีกคน!
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว หลินสวินในตอนนี้เหมือนมังกรคลั่งออกจากเหว เทพมารหลุดพ้น พลังต่อสู้ทำลายล้าง ปราบปรามคู่ต่อสู้
ทุกคนตื่นตะลึง ต่างรู้สึกสันหลังเย็นวาบ
“เดรัจฉาน! ตายซะ!” ชายชราที่เป็นหัวหน้าโกรธจนคลั่ง กระตุ้นกระบังปัญจเพลิงศักดิ์สิทธิ์ปลดปล่อยพลังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ครืนโครม ที่แห่งนี้เพลิงศักดิ์สิทธิ์รุนแรง เปลวเพลิงสีขาว ดำ ทอง เขียว เป็นประกายราวกับฝน ปกคลุมห้วงอากาศ ราวกับทะเลเพลิงที่สีสันสวยงามผืนหนึ่ง
สมัยบรรพกาล กระบังปัญจเพลิงศักดิ์สิทธิ์น่าเกรงขามปราบปรามโลก เพียงพอที่จะทำให้อริยะทุกคนถอยหนี สังหารผู้ยิ่งใหญ่ที่สะเทือนฟ้าดินมาแล้วไม่รู้เท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นจะมีชื่อเสียงดุร้ายตะลึงโลกเช่นนี้ได้อย่างไร
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าแม้จะเป็นของเลียนแบบ แต่อานุภาพยังคงไม่อาจดูถูกได้ เพียงพอที่จะทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันไม่กล้าสู้
แต่ตอนนี้ทุกคนต่างคิดไม่ถึงว่า หลินสวินที่มีขวดมหามรรคไร้ขอบเขตในมือ ราวกับไม่ได้รับผลกระทบจากทุกอย่างบนโลก กลืนกินฝนเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทั่วฟ้าอย่างง่ายดาย
ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่บาดเจ็บเลยสักนิด ราวกับคนที่ไม่ได้เป็นอะไรเลย นี่ทำให้ทุกคนตัวแข็งค้าง ไม่สามารถจินตนาการ และไม่เคยเจอเรื่องที่มหัศจรรย์และแปลกประหลาดขนาดนี้มาก่อน
ขวดเล็กนั่นเป็นสมบัติพลิกฟ้าระดับใดกันแน่
และในเวลาเดียวกัน หลินสวินก็กระตุ้นเร้าความเร้นลับของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์และมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร อานุภาพสะท้านขวัญเข้าสังหารคู่ต่อสู้
ปึก!
ไม่กี่อึดใจเท่านั้น ราชันกึ่งระดับอีกคนก็ประสบเคราะห์ ถูกปะทะฟู่ซี่ของหลินสวินกระแทกจนปลิว ระหว่างที่ลอยคว้างกลางอากาศก็ระเบิดกระจุยกะทันหัน ละอองเลือดสาดกระเซ็น แดงฉานสยดสยอง
ผู้แข็งแกร่งลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ต่างใจหาย ทั้งเดือดดาลทั้งหวาดกลัว ตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งของหลินสวิน แต่ไม่เคยคิดเลยว่ากระบังปัญจเพลิงศักดิ์สิทธิ์ยังไม่เกิดผล ไม่สามารถทำอะไรเด็กหนุ่มคนนี้ได้
“แย่แล้ว!”
ชายชราที่เป็นหัวหน้าถอยร่น สังเกตเห็นว่าหลินสวินพุ่งสังหารเข้ามาแล้ว พลานุภาพหาที่เปรียบไม่ได้ ทำให้เขามีความรู้สึกกดดันที่ไม่กล้าปะทะซึ่งหน้า
แทบจะในเวลาเดียวกัน กลุ่มลูกศิษย์และราชันกึ่งระดับสองคนของลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังโจมตีพวกแม่นางเยวี่ยและโค่วซิงต่างรับรู้ได้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี ล้วนพุ่งมาล้อมหลินสวินโดยไม่สนใจอย่างอื่น
จะว่าไปก็ทำให้พวกเขาอัดอั้น ตั้งแต่เริ่มต่อสู้ เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะสามารถเหยียบย่ำยานสำเภาลำนั้นให้แหลกได้อย่างง่ายดาย แล้วสังหารพวกแม่นางเยวี่ยเสีย
เคยคิดเสียที่ไหนว่าดาบหักเล่มเดียวเท่านั้นก็ปิดกั้นการโจมตีของพวกเขา แม้แต่ราชันกึ่งระดับสองคนยังไม่สามารถทะลวงเข้าไปได้
นี่ทำให้พวกเขาต่างสงสัย หากหลินสวินจดจ่อกับการต่อสู้ ไม่ต้องคอยห่วงพวกแม่นางเยวี่ย จะสามารถแสดงพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าใช่หรือไม่
คำตอบคือใช่!
เพราะตอนที่พวกเขาพุ่งเข้ามา หลินสวินก็หมดห่วงและไม่มีอะไรต้องพะวงอย่างสิ้นเชิง ความคิดขยับไหว เรียกดาบหักกลับมา โจมตีอย่างแข็งกร้าว
กระบวนเฉือนคว้าดารา!
กระบวนเฉือนสอยจันทรา!
กระบวนเฉือนเผาตะวัน!
ในชั่วพริบตา ดาบหักระเบิดอานุภาพที่น่าหวั่นหวาดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ คมดาบเจิดจ้าราวกับหิมะสว่างไสวถึงขีดสุด เผยความเร้นลับแท้จริงของหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้าออกมา
ฟุ่บๆๆ…
เหล่าลูกศิษย์ลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังปราณเพียงระดับกระบวนแปรจุติประสบเคราะห์ในชั่วพริบตา บ้างถูกตัดหัว บางถูกผ่าเป็นสองท่อน บ้างถูกปราณดาบที่ตัดสลับไปมากรีดเฉือนจนเนื้อละเอียดในทันที…
แม้แต่ราชันกึ่งระดับสามคนที่เหลืออยู่ยังรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน แทบจะสติหลุด ไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าสถานการณ์จะมาถึงขั้นนี้
เด็กหนุ่มระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่ง กลับสังหารพวกเขาจนพ่ายแพ้ยับเยินเช่นนั้นหรือ
ต่อให้กระจายไปสู่โลกภายนอก ใครจะกล้าเชื่อกัน
นี่เหลือเชื่อเกินไป ไม่สมจริงราวกับฝันร้าย!
ตอนนี้ความแข็งแกร่งของหลินสวินถูกเผยออกมาอย่างเต็มที่ แม้แต่อาวุธสังหารที่ชื่อเสียงดุร้ายอย่างกระบังปัญจเพลิงศักดิ์สิทธิ์ยังยากจะขวางกั้นฝีเท้าของเขา
“รีบไป!”
ราชันกึ่งระดับคนหนึ่งจะหนี เพราะเขารู้ว่าสถานการณ์อันตรายมากแล้ว เสียเปรียบอย่างมาก ขืนสู้ต่อไปความสูญเสียก็จะรุนแรงยิ่งขึ้น มีความเป็นไปได้สูงที่จะวินาศโดยสิ้นเชิง
เสียดายที่ยังช้าไปก้าวหนึ่ง ทั้งร่างหลินสวินปะทุราวกับสายฟ้าน่าตะหนก โคจรอานุภาพของดาบหักจนถึงขีดสุด ฟันสังหารออกไป
กระบวนเฉือนนภาสงัด!
เสียงฉึกดังขึ้น ดาบหักดิ่งลง ผ่าพลังป้องกันของราชันกึ่งระดับคนนั้นออก โจมตีจนโล่สำริดที่เขาเรียกออกมาแหลกละเอียดไปด้วย จากนั้นเฉือนศีรษะของเขาจนหลุด เลือดสดพรั่งพรู
หลินสวินพุ่งออกไปอีก เข้าจู่โจมชายชราที่เป็นหัวหน้าโดยไม่หันมองด้วยซ้ำ
ตึง!
กระบังปัญจเพลิงศักดิ์สิทธิ์เปล่งแสง ระเบิดฝนเพลิงออกไป พุ่งเข้าหาหลินสวินอย่างแรงเหมือนจะเผาทำลายสรรพสิ่ง
หลินสวินไม่มีหลบเลี่ยง ขวดมหามรรคไร้ขอบเขตถูกเขาโคจรอย่างต่อเนื่อง ปากขวดพรั่งพรูแสงประกายสดใสคลุมเครือ กลืนกินและหลอมอย่างต่อเนื่อง
ฉัวะ!
ดาบหักจู่โจมออกมา ชายชราตกใจหนัก หมุนตัวหนีทันที จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้พังทลายอย่างสิ้นเชิง ไม่กล้าลังเลอีก
ทว่าดาบหักราวกับภูตผี เคลื่อนผ่านอากาศตามมาไล่สังหารต่อ แม้ชายชราจะพยายามคลี่คลาย ก็ยังคงถูกดาบหักฟาดฟันไหล่ แขนถูกฟันขาดไปท่อนใหญ่
ไวเกินไปแล้ว ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา
หลินสวินสังหารกลุ่มลูกศิษย์ลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก่อน แล้วฉวยโอกาสฆ่าราชันกึ่งระดับคนหนึ่ง ตอนนี้ทำให้ชายชราที่เป็นผู้นำก็ประสบเคราะห์ไปด้วย!
………………..

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset