“เจ้าหมอนี่สมควรจะถูกหั่นเป็นพันชิ้น” ภิกษุเฒ่าตู้หมิงโกรธจนสั่นไปทั้งตัว
เขาเป็นถึงผู้ฝึกปราณระดับจักรพรรดิขั้นเก้า แข็งแกร่งและมั่นคงเพียงใด แต่ตอนนี้กลับรู้สึกจิตใจว้าวุ่น อัดอั้นจนอยากจะกระอักเลือด
ห่างจากการเปิดม่านงานชุมนุมบัวเลิศอีกเพียงสองวันเท่านั้น
ทว่าจนกระทั่งตอนนี้ไม่เพียงจับกุมหลินสวินผู้สืบทอดคีรีดวงกมลไม่ได้ กลับยังถูกเขาคนเดียวเปิดฉากลมคาวฝนเลือด ก่อกวนจนแคว้นเรืองเมฆาวุ่นวายโกลาหล
นี่กำลังตบหน้าแดนกษิติครรภ์ของพวกเขาโดยสมบูรณ์!
เมืองหมื่นดาราตอนนี้มีผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจใหญ่ทั่วหล้าอยู่ ตอนที่พวกเขารู้เรื่องพวกนี้ จะมองแดนกษิติครรภ์ของพวกเขาอย่างไร
“อาจารย์อา เจ้าสำนักและบุคคลเบื้องบนเคลื่อนไหวแล้ว!”
มีคนเข้ามารายงาน
ตู้หมิงอึ้งงัน สีหน้าอึมครึมไม่สามารถสงบได้ “เพื่อจับคนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง กลับทำให้สำนักเราต้องเคลื่อนกำลังผู้ยิ่งใหญ่มากมายขนาดนี้… ช่างน่าอาย!”
เขาถอนหายใจยาว
และอันที่จริงก็อย่างที่ภิกษุเฒ่าตู้หมิงคาดเดา หลังจากได้รู้ความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่หลินสวินก่อขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบใหญ่หรือขุมอำนาจอื่นๆ อย่างเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ต่างๆ นอกจากความประหลาดใจ ยังมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นด้วยอย่างอดไม่ได้
แดนกษิติครรภ์เลื่องชื่อว่าเป็นหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่ของโลกมืด อานุภาพที่เรืองรองนี้ทำให้ทั่วโลกหล้าบนทางเดินโบราณฟ้าดารายังอดหวาดเกรงไม่ได้
ทว่าตอนนี้ในอาณาเขตแดนกษิติครรภ์ของพวกเขา แม้แต่ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลคนเดียวยังสู้ไม่ได้ แน่นอนว่าย่อมขายหน้าเกินไป
“ความจริงทั้งหมดได้พิสูจน์แล้วว่า หลินสวินในตอนนี้ต่อให้อยู่ในสถานการณ์ที่เป็นศัตรูกับทั้งโลก แต่พลังทำลายล้างที่เขามีก็สามารถทำให้สำนักโบราณทั่วหล้าปวดหัวได้!”
มีคนทอดถอนใจ
“เจ้าหมอนี่เติบใหญ่ไวเกินไป ตั้งแต่การเคลื่อนไหวในเขตต้องห้ามเซียนโบราณสิ้นสุดลงจนถึงตอนนี้ เวลาสั้นๆ เพียงไม่ถึงหนึ่งปีเท่านั้น เขาก็มีพลังเย้ยฟ้าที่สังหารจักรพรรดิได้แล้ว นี่น่ากลัวขนาดไหน”
มีคนถอนหายใจ
“หากเจ้าหมอนี่ไม่ตาย จะต้องสร้างความเสียหายอย่างหนักแน่!”
“วางใจเถอะ บนทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้ ขอเพียงมีจักรพรรดิสวรรค์ดำรงอยู่ เจ้าหมอนี่กระโดดโลดเต้นได้ไม่นานแน่”
“เฮ้อ ที่น่าเป็นห่วงคือหากเจ้าหมอนี่แจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิ… ถึงตอนนั้น ใต้หล้านี้ใครจะทำอะไรเขาได้อีก”
……
ตอนที่โลกมืดกำลังตะลึงกับ ‘วีรกรรม’ ของหลินสวิน วิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา เจ้าสำนักแดนกษิติครรภ์รวมถึงผู้ยิ่งใหญ่เบื้องบนเคลื่อนไหวพร้อมกัน มาเยือนแคว้นเรืองเมฆา
ความแข็งแกร่งของกำลังพล เสมือนเคลื่อนพลังแกนหลักที่สุดของแดนกษิติครรภ์ออกมา!
เพียงแต่น่าเสียดาย ตอนที่พวกเขาเคลื่อนไหว หลินสวินได้ออกจากแคว้นเรืองเมฆานานแล้ว
นี่ทำให้ทั้งบนล่างของแดนกษิติครรภ์ต่างรู้สึกอัดอั้นเป็นเท่าทวี หลังจากก่อกวนสร้างคลื่นลม ก่อเรื่องจนพวกเขาขายหน้า ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย นี่แน่นอนว่าต้องทำให้คนคลุ้มคลั่ง
ไม่ว่าอย่างไร ภายใต้บรรยากาศที่ปั่นป่วน วุ่นวาย และโกลาหลนี้ งานชุมนุมบัวเลิศที่ทั่วหล้าให้ความสนใจก็เริ่มขึ้นตามกำหนด
ได้ยินว่าภิกษุเฒ่าตู้หมิงผู้อาวุโสชั้นสูงแดนกษิติครรภ์ที่เป็นผู้แลงานในครั้งนี้สีหน้ามืดทะมึนมาก ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้เผยรอยยิ้มแม้แต่น้อย
ว่ากันว่าขุมอำนาจสำนักโบราณที่มาจากสถานที่ต่างกันทั่วหล้า ส่วนใหญ่กำลังพูดคุยกันเองว่าจะจับกุมและสังหารหลินสวินผู้สืบทอดคีรีดวงกมลอย่างไร
ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้วิธีที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ
เหตุผลง่ายมาก หลินสวินที่มีพลังสังหารจักรพรรดิ ไม่ใช่มะพลับนิ่มที่สามารถบีบได้นานแล้ว อยากจะเล่นงานเขา ระดับจักรพรรพิทั่วไปก็ยังไม่ไหว!
ที่รับมือยากที่สุดคือเขาเคลื่อนไหวเลื่อนลอยไม่แน่นอน ชำนาญการปกปิดร่องรอย การแปลงกาย แม้ไปตามฆ่ายังหาร่องรอยได้ไม่มากนัก…
ว่ากันว่าในงานชุมนุมบัวเลิศ ระหว่างขุมอำนาจใหญ่ที่มาจากโลกต่างๆ ทั่วหล้าทำการพูดคุยอย่างลับๆ สุดท้ายอนุมานความลับที่เกี่ยวข้องกับยอดหนทางสู่อมตะออกมาได้บางส่วน!
……
ทุกอย่างล้วนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลินสวิน
หลังจากก่อกวนแคว้นเรืองเมฆา เขาก็จากไปตรงๆ ไปตามการนำทางของคันฉ่องทองแดงนำทาง มุ่งหน้าไปยังแดนอำพราง
ครึ่งเดือนหลังจากนั้น
พรมแดนแคว้นพาดประจิมมีมหาสมุทรที่สีเลือดพลุ่งพล่านแห่งหนึ่ง นามว่า ‘มหาสมุทรเลือดไร้สงบ’
หลินสวินยืนนิ่งอยู่บนยอดเขาที่ตั้งอยู่โดดๆ ตรงริมฝั่งมหาสมุทร มองไปยังพื้นผิวมหาสมุทรสีเลือดที่ราวกับไม่มีที่สิ้นสุดแล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้
แผนที่ที่ซ่อนอยู่ในคันฉ่องทองแดงนำทางสิ้นสุดลงที่นี่
ทว่าเห็นได้ชัดว่าที่นี่ไม่ใช่ ‘แดนอำพราง’
‘แดนอำพราง ที่ถูกเรียกว่าเป็นถิ่นฐานแรกเริ่มของเรือนเร้นหมอก ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันหากไม่มีการนำทาง ไม่มีใครรู้ว่าตั้งอยู่ที่ไหน…’
หลินสวินจมสู่ภวังค์ความคิด
แคว้นพาดประจิม หนึ่งในสามสิบสามแคว้นของโลกมืด มีหอวิหคทองแดงหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่แห่งโลกมืดครอบครอง
มหาสมุทรเลือดไร้สงบที่อยู่ตรงหน้าถูกคนในพื้นที่เรียกว่าเป็น ‘แดนมรณะ’ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ผู้แข็งแกร่งทุกคนที่เข้าสู่มหาสมุทรแห่งนี้แทบจะไปไร้หวนกลับ มีแต่ตายไร้ชีวิตรอด!
ลือกันว่าในส่วนลึกของมหาสมุทรเลือดไร้สงบมี ‘วิญญาณร้ายดึกดำบรรพ์’ ที่น่ากลัวอย่างที่สุดจำศีลอยู่ ว่ากันว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่แปลงมาจากไอเคียดแค้นหลังจากระดับจักรพรรดิร่วงหล่น ผ่านการเปลี่ยนแปลงในกาลเวลาไร้สิ้นสุด วิญญาณร้ายดึกดำบรรพ์เหล่านั้นล้วนน่ากลัวอย่างที่สุด
แน่นอนว่านี่เป็นข่าวลือ แต่จากเรื่องนี้สามารถดูออกว่ามหาสมุทรเลือดไร้สงบเป็นสถานที่อันตรายแน่นอน
แต่ตอนนี้สิ่งเดียวที่หลินสวินไม่มั่นใจคือ แดนอำพรางของเรือนเร้นหมอกซ่อนอยู่ในมหาสมุทรเลือดไร้สงบแห่งนี้หรือไม่
พื้นผิวมหาสมุทรปั่นป่วน เกิดคลื่นสีแดงเป็นชั้นๆ ท้องฟ้าล้วนถูกย้อมเป็นสีเลือด ดูน่ากลัวแปลกประหลาด
ลมทะเลเย็นยะเยือกพัดมา แฝงกลิ่นอายอันตรายมากมาย
หืม?
หลินสวินพลันสังเกตเห็น ว่าบนพื้นผิวมหาสมุทรมีเรือเล็กลำหนึ่งแล่นมากับคลื่น บนเรือมีชายที่สภาพมอซอ ตรงเอวห้อยน้ำเต้าสุรา เผ้าผมยุ่งเหยิงคนหนึ่งยืนอยู่
เขาเมาจนตาปรือ จมูกแดงก่ำ กอดกระบี่ไม้ไว้เล่มหนึ่ง ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเกียจคร้าน หรี่ตาราวกับหลับอยู่อย่างไรอย่างนั้น
หลินสวินนัยน์ตาหดรัด
ชายที่ท่าทางมอซอราวกับผีเหล้า เหยียบเรือลำเล็กข้ามมหาสมุทรมา ดูเหมือนไม่มีอานุภาพน่ากลัวอะไร แต่กลับให้ความรู้สึกอันตรายถึงชีวิตอย่างหนึ่งกับเขา!
เพียงแค่มองอีกฝ่ายหลินสวินก็ขนลุกซู่ ในใจเกิดความหวาดกลัว ไม่ต้องสงสัยว่านี่จะต้องเป็นพวกที่น่ากลัวอย่างที่สุด!
ทว่าหลินสวินยังไม่ทันมีปฏิกิริยา หมาขนทองตัวนั้นก็ออกมาจากข้างกายชายมอซอ
มันหยัดตัวด้วยขาคู่หน้า หัวเชิดสูง ดวงตาสุนัขที่ราวกับกระดิ่งทั้งคู่มองมายังหลินสวินด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งอย่างที่สุด
“โฮก!”
หมาขนทองส่งเสียงดัง ไม่เหมือนหมาเห่า กลับเหมือนหมาป่าคำรามอย่างไรอย่างนั้น
หลินสวินอึ้ง สุนัขธรรมดาตัวหนึ่งเท่านั้น ความรู้สึกที่ให้กลับดูเย่อหยิ่ง อวดดีและยโสอย่างยิ่ง สีหน้ามีท่าที ‘เหนือฟ้าบนดิน มีข้าเป็นใหญ่’
“เจ้าหนุ่ม ยังจะอึ้งอะไรอยู่ รีบมา!”
หมาขนทองส่งเสียง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลืออด
สายตาของหลินสวินมองไปยังชายที่ราวกับผีเหล้า กลับเห็นอีกฝ่ายถือน้ำเต้าดื่มอึกๆ ยกหนึ่ง หลังจากเรอเสียงกังวานคราหนึ่งถึงยิ้มตาหยีพูด “แปลกมากหรือ”
หลินสวินพยักหน้า
ภาพนี้แปลกประหลาดและผิดปกติมากเกินไปจริงๆ บนมหาสมุทรเลือดไร้สงบที่อันตรายยากจะคาดเดา กลับปรากฏคนและสุนัขคู่หนึ่งที่ข้ามมหาสมุทรมา จะไม่ประหลาดใจคงยาก
ชายผีเหล้าพูด “เจ้ามาที่นี่ เพื่อมุ่งหน้าไปยังแดนอำพรางกระมัง”
ในใจหลินสวินสะท้าน เอ่ยว่า “พวกเจ้า… เป็นคนของเรือนเร้นหมอกหรือ”
“นับว่าใช่กระมัง”
ชายผีเหล้าแขวนน้ำเต้าไว้ตรงเอวอีกครั้ง ยกมือเช็ดคราบเหล้าข้างปากแล้วพูดว่า “รีบมาเถอะ พวกข้ารอเจ้านานแล้ว”
หลินสวินขมวดคิ้ว ลังเลเล็กน้อย
สวบ!
ทันใดนั้นหมาขนทองปรากฏตัวตรงหน้าเขา สายตาอึมครึมกล่าวว่า “เจ้าหนุ่ม เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพื่อเจ้า ข้าเกือบจะไล่ฆ่าเข้าไปในแดนกษิติครรภ์แล้ว แน่นอนว่าเจ้าอายุน้อยเกินไปไม่รู้เรื่องพวกนี้ และไม่จำเป็นต้องเข้าใจ เพียงแต่ต้องกระจ่างแจ้งว่าที่เจ้าสามารถมาถึงที่นี่ได้อย่างปลอดภัยตลอดทาง ข้า…”
มันยื่นกรงเล็บสุนัขของมันออกมาชี้ตัวเอง พร้อมพูดทีละคำ “ไม่ขาดความดีความชอบ”
ในเสียงเผยความย่ามใจอย่างที่สุด นั่นเป็นท่าทีหยิ่งผยองอย่างหนึ่ง
หลินสวินมุมปากกระตุก สุนัขตัวนี้อวดดีเกินไปแล้ว ไม่ว่าจะการกระทำหรือคำพูด รวมถึงกลิ่นอายที่แผ่ออกจากตัวมัน ล้วนสามารถใช้คำว่ายโสโอหัง หยิ่งผยองเย่อหยิ่งมาเปรียบเทียบได้ ทำเอาคนแทบอยากเชือดมันมากินเสียเดี๋ยวนี้
“ไปเถอะ”
ไม่รอหลินสวินตอบสนอง หมาขนทองยื่นอุ้งมือสุนัขออกมา หิ้วหลินสวินพุ่งขึ้นบนเรือลำเล็กนั่น
หลินสวินตกใจจนเหงื่อท่วมตัว
ถูกสุนัขตัวหนึ่งลอบจู่โจม เขาถึงกับตอบสนองและต่อต้านไม่ทันโดยสมบูรณ์!
ทันใดนั้นสายตาที่เขามองไปยังหมาขนทองพลันเปลี่ยนไป
ผีขี้เหล้าคนนั้นหัวเราะฮ่าๆ “เจ้าหนุ่ม ในโลกมืดแห่งนี้ระดับจักรพรรดิทุกคนล้วนมีความลับอย่างหนึ่งที่ไม่ประกาศให้คนรู้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าคืออะไร”
ระหว่างกล่าวก็ไม่เห็นว่าเขาทำอะไร เรือลำเล็กใต้เท้าราวกับฝ่าลมโต้คลื่น เคลื่อนไปยังส่วนลึกของมหาสมุทรเลือดไร้สงบ ความเร็วราวกับสายฟ้า เร็วจนเหลือเชื่อ
ตอนนี้หลินสวินกลับมาเยือกเย็นแล้ว คนและสุนัขคู่นี้แม้แข็งแกร่งจนไม่สามารถคาดเดาได้ แต่ดูเหมือนไม่ได้มุ่งร้ายกับเขา
“อะไรหรือ” หลินสวินเอ่ยถามลวกๆ
ชายผีขี้เหล้ายิ้มน้อยๆ กล่าว “ยอมล่วงเกินพญายม ไม่ล่วงเกินต้าหวง”
ต้าหวง?
สายตาของหลินสวินมองไปยังสุนัขที่นั่งยองๆ อยู่ตรงหัวเรือ เชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง ในใจสงสัยอยู่บ้าง ว่าสุนัขตัวนี้สามารถทำให้ระดับจักรพรรดิของโลกมืดหวาดเกรงเพียงนี้เชียวหรือ
“ข้าเกลียดสายตาสงสัยเช่นนี้ที่สุด”
หมาต้าหวงหันไปจ้องหลินสวินแวบหนึ่ง “หากเจ้าไม่ใช่… ช่างเถอะ ข้าคร้านจะถือสาเด็กอย่างเจ้า เปลี่ยนเป็นระดับจักรพรรดิคนอื่นๆ ส่งสายตาสงสัยอย่างเจ้า คงถูกข้าฆ่าตายไม่รู้กี่ครั้งแล้ว”
หลินสวินมุมปากกระตุก เขายังไม่เคยเห็นสุนัขขนทองที่เย่อหยิ่งขนาดนี้มาก่อน สุนัขตัวหนึ่งดูถูกคนอื่น ไม่ มันเย่อหยิ่งถึงขั้นแม้แต่ระดับจักรพรรดิยังไม่เห็นในสายตา!
หลินสวินตัดสินใจจะไม่สนใจเจ้าหมาขนทองที่ทำให้คนอยากซัดให้หนักนี้อีก มองไปยังชายผีขี้เหล้าที่อยู่ข้างๆ ประสานหมัดถาม
“ขอถามว่าผู้อาวุโสคือ?”
“ไม่กล้าเรียกตนว่าผู้อาวุโสหรอก” ชายขี้เหล้าโบกมือพูด “สหายน้อยเรียกข้าว่า… อืม… ผีขี้เหล้าก็พอ”
ผีขี้เหล้าหรือ
ในใจหลินสวินยิ่งสงสัย ชายที่ทำให้ตนรู้สึกถึงอันตรายสุดขีดและมองตื้นลึกหนาบางไม่ออกตั้งแต่แวบแรกเช่นนี้ ไม่ใช่แค่ผีขี้เหล้าคนหนึ่งแน่ๆ
“มันล่ะ”
หลินสวินอดมองไปยังหมาขนทองนั่นไม่ได้ หมาที่ยโสโอหังเช่นนี้ คงไม่ได้มีชื่อเรียกบ้านๆ มากเช่นนั้นกระมัง
หมาขนทองเชิดหน้าสูง เพิ่งหมายจะอ้าปากก็เห็นชายผีขี้เหล้าชิงพูดขึ้นก่อน
“เรียกว่าต้าหวง!”
ทันใดนั้นเจ้าหมาขนทองพลันหน้าง้ำ มืดทะมึนราวกับก้นหม้อ
…………………………