Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2111 ไม่เสื่อมไม่ดับ เกรียงไกรเพียงข้า

กล่าวพลาง ชิงอิงเล่าเรื่องหนึ่งให้หลินสวินฟัง

ไม่กี่เดือนก่อนหลังจากหลินสวินสังหารมหาจักรพรรดิปาฉี สำนักโบราณจรัสเทพส่งจักรพรรดิกระบี่เทียนฉงออกมา ส่วนแดนกษิติครรภ์ส่งจักรพรรดิธรรมเทียนตูออกมาหมายจะตามฆ่าหลินสวิน

ทั้งสองต่างเป็นพวกน่าสะพรึงที่ถูกเรียกว่า ‘สามยอดนักฆ่า’ พลังต่อสู้ของแต่ละคนล้วนอยู่เหนือกว่ามหาจักรพรรดิปาฉี ซ้ำสิ่งที่เชี่ยวชาญที่สุดก็คือมรรคแห่งการลอบสังหาร

แต่ระหว่างทางทั้งสองต่างถูกหยุดยั้ง

ผู้ที่ลงมือก็คือจักรพรรดิยุทธ์เมี่ยฉยงและต้าหวงที่อยู่ใต้อาณัติของเจ้าหอวิหคทองแดง

เมื่อได้รู้เรื่องเหล่านี้ หลินสวินยังเสียวสันหลังวาบระลอกหนึ่ง เพิ่งตระหนักเอาป่านนี้ ว่าที่แท้ในเงามืดศิษย์พี่รองก็ช่วยตนสลายเคราะห์สังหารล้นฟ้าครั้งหนึ่งตั้งแต่ต้น!

และก็เป็นเวลานี้ หลินสวินถึงรู้ฐานะของชายผีสุราและหมาขนทองที่นำทางตนบนมหาสมุทรเลือดไร้สงบก่อนหน้านี้

และเริ่มเข้าใจเจตนาของศิษย์พี่รองเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยแล้วเช่นกัน

ไม่ใช่ไม่พบ หากแต่เขาแค่อยากดูว่าตนจะมีศักยภาพมากน้อยแค่ไหนต่างหาก!

และแดนปรินิพพานที่จะปรากฏหนึ่งปีหลังจากนี้ ก็คือบททดสอบอย่างหนึ่ง

คิดๆ แล้วหลินสวินก็เอ่ยถาม “แม่นางเคยบอกว่าหากข้ามาพบเจ้า ก็จะบอกเรื่องที่เป็นประโยชน์ไร้โทษเรื่องหนึ่งแก่ข้า นี่คือเรื่องอะไรเล่า”

ชิงอิงระบายยิ้มกล่าวว่า “ผู้อาวุโสจ้งชิวศิษย์พี่รองของคุณชาย ปีนั้นก็แจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิ ก้าวสู่เส้นทางมกุฎจักรพรรดิในแดนอำพรางแห่งนี้ ยามนี้ปราณของคุณชายก็อยู่ระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิสามชั้นฟ้าแล้ว จำเป็นต้องเตรียมพร้อมเพื่อการแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิเช่นกัน เรื่องดีที่ว่าก็เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”

แม้หลินสวินจะเตรียมใจมาแล้ว ก็ยังถูกประโยคนี้ทำให้ตกใจอยู่ดี เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิหรือ

นี่เป็นถึง ‘เรื่องดี’ ที่เขาคิดไม่ถึงอย่างสิ้นเชิงเรื่องหนึ่ง!

“นี่ก็เป็นสิ่งที่ศิษย์พี่รองของข้าจัดเตรียมหรือ” หลินสวินกล่าว

ชิงอิงพยักหน้ากล่าวว่า “เกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสจ้งชิวจริงๆ แต่เรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับคนที่คุณชายคิดไม่ถึงด้วย”

หลินสวินอึ้งไป “โปรดชี้แนะด้วย”

“จักรพรรดิกระบวนลู่” ริมฝีปากชิงอิงชื่อนี้ออกมาเบาๆ เนตรดาราเผยแววเลื่อมใสจากจากใจ

มือที่เพิ่งยกถ้วยชาขึ้นของหลินสวินค้างอยู่ตรงนั้น กล่าวว่า “เจ้าว่าใครนะ”

ชิงอิงกล่าวอย่างจริงจัง “จักรพรรดิกระบวนลู่ หรือก็คือท่านลู่ที่เลี้ยงดูท่านจนเติบใหญ่”

ภายในใจหลินสวินประหนึ่งแม่น้ำพลิกสมุทรคว่ำก็ไม่ปาน แววตาล้วนอึ้งค้างไป แดนอำพรางของเรือนเร้นหมอกแห่งนี้ เรื่องดีที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิ ไปเกี่ยวข้องกับท่านลู่ได้อย่างไรกันเล่า

ชั่วขณะนี้เขายังอดอึ้งงันอยู่ตรงนั้นไม่ได้

หลายปีมานี้หลินสวินมั่นใจว่าท่านลู่ที่ถูกเหยี่ยนซิงไล่ฆ่ายังไม่ตาย แต่ท่านลู่ไปอยู่ที่ไหนกันแน่เขาเองก็ไม่รู้

ไม่มีเบาะแสใดๆ สักนิด!

เสียงเสนาะหูดึงดูดเป็นเอกลักษณ์ของชิงอิงดังขึ้น “จักรพรรดิกระบวนลู่ถูกผู้แข็งแกร่งทั่วหล้าขนานนามว่าจักรพรรดิไร้มงกุฎ คนทั่วหล้าน้อยคนนักจะรู้ว่าจักรพรรดิกระบวนลู่ยังมีอีกหนึ่งฐานะ นั่นก็คือเจ้าของเรือนเร้นหมอก”

“หากไม่ใช่เพราะแผนการของผู้เฒ่าเช่นเขา พลังของเรือนเร้นหมอกไม่มีทางกระจายอยู่ทั่วทางเดินโบราณฟ้าดาราเช่นปัจจุบันเด็ดขาด”

“แม้แต่ผู้อาวุโสจ้งชิวยังคิดว่า หากไม่ใช่เพราะข้อจำกัดเรื่องพลังปราณ ความสำเร็จในมหามรรคของจักรพรรดิกระบวนลู่ต้องไม่ต่ำกว่าเขาอย่างแน่นอน!”

“ถึงอย่างไรในศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิสมัยบรรพกาล จักรพรรดิกระบวนลู่ซึ่งมีปราณระดับกึ่งจักรพรรดิ ก็สามารถวางกระบวนสังหารไร้ชีพที่เป็นกระบวนอันดับเก้าทั่วหล้า สังหารห้าจักรพรรดิห้าคน ทำร้ายจักรพรรดิบาดเจ็บสาหัสแปดคน ทำให้ทั่วทั้งฟ้าดาราสะท้านสะเทือนเพราะเรื่องนี้”

“สามารถจินตนาการได้ว่าหากจักรพรรดิกระบวนลู่บรรลุจักรพรรดิอย่างแท้จริง พลังที่เขาครอบครองจะแข็งแกร่งขนาดไหน”

เอ่ยถึงตอนท้ายเสียงของชิงอิงยังเจือแววหวนรำพึงเสี้ยวหนึ่งอย่างอดไม่ได้ ไม่ปิดซ่อนความเลื่อมใสในใจสักนิด

หลินสวินฟังอย่างอึ้งงัน

สิ่งที่นึกถึงในสมอง กลับเป็นสมัยยังเด็กยามอยู่ในคุกใต้เหมือง เฒ่าชราที่นิสัยเกรี้ยวกราดเจ้าอารมณ์ ท่านลู่ที่มีข้อเรียกร้องเข้มงวดต่อการฝึกฝนวิถีสลักวิญญาณของตนคนนั้น…

ที่แท้เขาไม่เพียงเป็นท่านอาจารย์ของจ้าวหยวนจี๋จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิจื่อเย่า ไม่เพียงเปิดสำนักศึกษามฤคมรกต และไม่เพียงทิ้งมรดกมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรไว้ในภาคีนักสลักวิญญาณ

เขายังเป็นถึง ‘จักรพรรดิไร้มงกุฎ’ ที่เคยชื่อเสียงเลื่องระบือฟ้าดารา เป็นเจ้าเรือนเร้นหมอกในโลกมืดอีกด้วย!

หลินสวินถาม “เจ้าเล่า เกี่ยวข้องอย่างไรกับท่านลู่”

“ข้า?”

ชิงอิงครุ่นคิดคราหนึ่งถึงค่อยเอ่ยว่า “ตั้งแต่ข้าจำความได้ ข้าก็ช่วยเขาจัดการงานทุกอย่างในเรือนเร้นหมอก ข้าเคยกราบเขาเป็นอาจารย์ ทว่าเขาไม่เคยตอบรับ แต่เขาไม่ก็ไม่เคยห้ามยามข้าไปอ่านตำราเกี่ยวกับมรรคสลักวิญญาณบางส่วนที่เขาเขียนเองกับมือ”

เนตรดาราคู่นั้นของนางผุดแววผิดหวังเสี้ยวหนึ่ง “ในใจข้ามองเขาเป็นบิดาหรืออาจารย์เสมอมา แต่เขาดูเหมือนจะปฏิบัติต่อข้าเป็นเพียงหญิงรับใช้ที่จัดการธุระคนหนึ่งมาแต่ไหนแต่ไร…”

หลินสวินเงียบกริบ

สำหรับเรื่องเช่นนี้ เขาเองก็ไม่สะดวกพูดอะไร

“ต่อมาหลังศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิยุคบรรพกาลปิดม่าน เขาก็หายตัวไป ผู้อาวุโสจ้งชิวเคยไปตามหาเขาแล้วแต่ก็หาไม่พบ และไม่กี่ปีมานี้เองที่ข้าเพิ่งรู้ว่าปีนั้นเขาไปสถานที่ที่มีชื่อว่าจักรวรรดิจื่อเย่า”

ชิงอิงกล่าวถึงตรงนี้ก็ทอดสายตามองหลินสวิน “ตอนนี้คุณชายน่าจะเข้าใจบ้างแล้ว หลังจากศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิ จักรพรรดิกระบวนลู่ก็ไปยังสถานที่ที่ท่านจากมาเมื่อสมัยเด็ก”

หลินสวินเองก็อดทอดถอนใจไม่ได้

มีหรือเขาจะไม่เข้าใจ

“พวกนี้เป็นตำราที่จักรพรรดิกระบวนลู่เขียนขึ้นในปีนั้น ล้วนเกี่ยวข้องกับมรรคสลักวิญญาณ หลายปีมานี้มีข้าคอยดูแล ตอนนี้ของพวกนี้ควรกลับสู่เจ้าของเดิมแล้ว”

ชิงอิงหยิบม้วนหยกที่สร้างขึ้นจากกระดูกสัตว์กองหนึ่งออกมา ยื่นให้หลินสวิน “ภายในนี้บันทึกกระบวนสังหารไร้ชีพที่เป็นกระบวนค่ายกลอันดับเก้าทั่วหล้า และมีกระบวนค่ายกลไม่สมบูรณ์ที่จักรพรรดิกระบวนลู่อนุมานออกมาครึ่งหนึ่ง ชื่อว่า ‘มรรคสิ้นฟ้าอาสัญ’”

“แม้จะเป็นเพียงกระบวนค่ายกลบกพร่องที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่อานุภาพที่มีอยู่ก็เหนือกว่ากระบวนสังหารไร้ชีพมากโข!”

หลินสวินถือม้วนหยกเอาไว้ในมือ แผ่จิตรับรู้สัมผัสครู่หนึ่ง อักษรและแผนภาพลายมรรคแน่นขนัดแถวแล้วแถวเล่าก็สะท้อนเข้าสู่สมอง

ไม่ว่าจะเป็นเค้าโครงลายมรรคเหล่านั้น หรือจะเป็นร่องรอยอักษร ล้วนให้ความรู้สึกคุ้นเคยมานานอย่างหนึ่งแก่หลินสวิน เขาไม่ต้องวิเคราะห์สักนิดก็รู้ว่านี่คือลายมือของท่านลู่

“ขอบคุณมาก”

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วเก็บม้วนหยก ประสานมือกล่าวขอบคุณ

ชิงอิงระบายยิ้มกล่าวว่า “ขอบคุณอะไรกัน หน้าที่ของข้า เดิมก็เป็นการจัดการธุระแทนจักรพรรดิกระบวนลู่อยู่แล้ว”

ทั้งคู่ดื่มชาไปพลางพูดคุยกันไปพลาง

ไม่นานหลินสวินก็เข้าใจ ที่แท้ซีถูกศิษย์พี่รองจ้งชิวช่วยชีวิตไว้ตั้งแต่ต้น ตอนนี้กำลังพักฟื้นอยู่ในสถานที่ปลอดภัยแห่งหนึ่ง

เหยี่ยนซิงหญิงคนนี้ก็โชคช่วยเอาชีวิตรอดไปได้ ไม่รู้ที่อยู่ จากที่ชิงอิงว่ามา กองกำลังของหอวิหคทองแดงกำลังเสาะหาแหล่งกบดานของหญิงนางนี้อยู่ ขอแค่พบอีกฝ่ายก็จะทำการสังหารทันที

แต่ชิงอิงก็เอ่ยว่า ศิษย์พี่รองจ้งชิวสงสัยว่าหญิงนางนี้หนีไปแล้ว หยิบยืมพลังระเบียบต้องห้ามไปขอแรงหนุนจากจักรพรรดิสวรรค์ดำรง

ไม่ว่าอย่างไรหลังจากได้รู้ว่าซีไม่เป็นไร ก้อนหินที่กดทับหัวใจหลินสวินมาตลอดในที่สุดก็ร่วงหล่น รู้สึกถึงความผ่อนคลายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

พร้อมกันนั้นหลินสวินก็ได้เข้าใจความลับที่เกี่ยวกับเคราะห์จ่อมจมครั้งที่สามบางส่วนด้วย

ตอนที่พิบัติเคราะห์ครั้งนี้มาเยือน แดนปรินิพพานก็จะปรากฏ นี่เป็นโลกที่เกี่ยวข้องกับยอดหนทางสู่อมตะ วิวัฒน์ขึ้นจากพลังระเบียบต้นกำเนิดของทางเดินโบราณฟ้าดารา

นี่ก็หมายความว่า พลังระเบียบต้องห้ามที่จักรพรรดิสวรรค์ดำรงควบคุมอยู่ก็ไม่สามารถทำการก่อกวนได้!

และที่ไม่เหมือนกับโลกลับอื่นๆ ก็คือ ในแดนปรินิพพานเป็นไปได้ยิ่งว่ามีกฎเกณฑ์ของ ‘วัฏจักรกาลเวลา’ ดำรงอยู่ ผู้แข็งแกร่งที่เข้าไปในนั้น การทดสอบต้องเผชิญก็จะเปลี่ยนเป็นอันตรายไร้ใดเปรียบ

ทันทีที่เข้าสู่วัฏจักร มีเพียงผลลัพธ์สองอย่าง ไม่จมจ่อมอยู่ในนั้น หลงลืมตัวตน

ก็เปลี่ยนแปลงสุดขั้วจากในนั้น รู้ชัดถึงมหานิพพานในมรรควิถีแห่งตน และหลุดพ้นบ่วงพันธนาการออกมา

นอกจากบททดสอบ ‘วัฏจักร’ แล้ว ในแดนปรินิพพานยังเปี่ยมด้วยเคราะห์สังหารน่ากลัวยิ่งยวด บ้างก็มีมารสวรรค์นอกดินแดนบุกรุก มีพวกน่าสะพรึงจากฟ้าดาราอื่นทำการโจมตี!

ทั้งหมดนี้ล้วนเพราะยอดหนทางสู่อมตะน่ากลัวเกินไป เมื่อมีคนกลายเป็นหนึ่งดอกบัวที่เบ่งบานเพียงลำพังในเส้นทางนี้ ก็จะมีรากฐานพลังน่าสะพรึงที่ ‘ไม่เสื่อมไม่ดับ เกรียงไกรเพียงข้า’ บนมรรคาระดับจักรพรรดิ!

เมื่อเข้าใจความลับเหล่านี้แล้ว ในใจหลินสวินยังอดสะท้านไม่ได้ ก่อนหน้านี้เขาก็รู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเคราะห์จ่อมจมครั้งที่สามมาบ้างแล้ว

แต่ส่วนใหญ่ล้วนไม่ลงรายละเอียด ใครก็บอกไม่ได้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

อย่างงานชุมนุมบัวเลิศที่กำลังเปิดฉากอยู่ในเมืองหมื่นดารา จุดประสงค์หลักก็เพื่อจะพูดคุยหารือเรื่องความลับบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับแดนปรินิพพาน

ข้อมูลวงในขนาดนั้น ไม่มีทางรั่วไหลสู่โลกภายนอกเป็นอันขาด

และเวลานี้ทุกสิ่งที่ชิงอิงบอกเล่า ก็เป็นข้อมูลวงในอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นสิ่งที่หลินสวินไม่รู้มาก่อนเลยสักนิด

เมื่อนึกถึงว่ายอดหนทางสู่อมตะนี้ ถึงขั้นเกี่ยวข้องกับกฎเกณฑ์ ‘วัฏจักรกาลเวลา’ ยิ่งกว่านั้นยังสามารถชักนำการโจมตีจากมารสวรรค์นอกดินแดนและต่างฟ้าดารามาอีกด้วย ในใจหลินสวินก็สั่นไหวระลอกหนึ่ง

เพียงแค่ ‘ไม่เสื่อมไม่ดับ เกรียงไกรเพียงข้า’ แปดคำนี้ ก็เย้ยฟ้าเกินไปจริงๆ และทำให้ผู้คนตาลุกและบ้าคลั่งเกินไปแล้ว

“แต่ก่อนหน้าที่เคราะห์จ่อมจมครั้งที่สามจะมาเยือน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงการคาดเดา เพราะแดนปรินิพพานแห่งนั้นไม่เคยปรากฏมาก่อนในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมา ภายในนั้นจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ใครก็ไม่กล้าฟันธง”

ชิงอิงกล่าวว่า “สิ่งเดียวที่สามารถมั่นใจได้คือ ตอนที่แดนปรินิพพานมาเยือน คิดอยากมีคุณสมบัติและโอกาสเข้าไปในภายในนั้น จำเป็นตรงกับเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งในสองข้อนี้”

“สองข้อไหนบ้าง” หลินสวินถาม

“ข้อแรก เป็นผู้แข็งแกร่งที่เหยียบย่างมกุฎมรรคา ไม่ว่าปราณจะสูงต่ำ ต่อให้เป็นมหายุทธ์ของห้าระดับล่างก็มีคุณสมบัติเข้าไป”

“ข้อสอง เป็นผู้ที่อยู่ในระดับจักรพรรดิ ความแข็งแกร่งขอเพียงอยู่ในขอบเขตระดับจักรพรรดิเก้าขั้นก็สามารถเข้าไปในนั้นได้”

ชิงอิงเพิ่งกล่าวจบ หัวใจหลินสวินก็หนักอึ้งทันที

มหาจักรพรรดิปาฉีเป็นระดับจักรพรรดิขั้นแปด พลังระดับนั้นก็น่าสะพรึงถึงขีดสุดแล้ว ทำเอาเขาต้องงัดฝีมือทั้งหมดเข้าต่อสู้ กว่าจะฝืนกำราบเขาได้

หากมีพวกร้ายกาจระดับจักรพรรดิขั้นเก้าก็เข้าร่วมในการชิงชัยในแดนปรินิพพานด้วย ใครจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้

และบนทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้ สัตว์ประหลาดเฒ่าที่มีปราณระดับจักรพรรดิขั้นเก้าอาจมีน้อยยิ่งกว่าน้อย

แต่เมื่อแดนปรินิพพานปรากฏ สัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านี้มีหรือจะปฏิเสธสิ่งล่อใจของการกลายเป็น ‘ไม่เสื่อมไม่ดับ เกรียงไกรเพียงข้า’ ได้ลง

ต่อให้ผู้แข็งแกร่งคนอื่นเข้าร่วม แล้วจะไปแก่งแย่งได้อย่างไรเล่า

ไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตายชัดๆ!

ชิงอิงคล้ายมองความกังวลในใจหลินสวินออก กล่าวเสียงเบาว่า “คุณชายไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องพวกนี้ ศักยภาพยิ่งสูง อันตรายที่ต้องพบเจอก็ยิ่งน่ากลัว”

“หากผู้แข็งแกร่งทั่วไปเป็นเพียงหิ่งห้อย เช่นนั้นสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านี้ก็เป็นตะเกียงสว่างดวงแล้วดวงเล่า มีแต่จะเรียกอันตรายที่น่ากลัวที่สุดมาใส่ตัวพวกเขาเท่านั้น”

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset