Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2119 ค่ายกลสังหารไร้ชีพ ขยับมีดเชือดวัว

ครืนโครม!

ฟ้าดินปั่นป่วน สายฟ้าแผ่พุ่ง

วิญญาณร้ายสีเลือดนับร้อยพันกรูออกมาประหนึ่งกระแสน้ำเชี่ยว แต่ละตัวล้วนมีพลังระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิ ที่แข็งแกร่งที่สุดอานุภาพถึงขั้นเทียบได้กับระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิสามชั้นฟ้า!

ครั้นเห็นภาพนี้ เมิ่งซิงจื่อก็หวาดผวาจนหน้าเขียว ขนพองสยองเกล้า ตีจนหัวแตกก็คิดไม่ถึง ว่าแค่พริบตาเคราะห์สังหารขนาดใหญ่ห่าหนึ่งก็สาดโครมมาถึงตรงหน้าแล้ว

“ตอนนี้พวกเจ้าเข้าใจแล้วหรือยัง ข้าไม่ได้เกรงกลัวจริงๆ หากแต่เบื่อหน่ายต่างหาก” เสียงหัวเราะของชายชุดเขียวดังก้องสะท้อนไปมากลางฟ้าดิน

“พูดตามตรงข้าเองก็ค่อนข้างเบื่อเช่นกัน เช่นนั้นพวกเราถือโอกาสนี้มาเล่นสนุกกันสักหน่อย”

หลินสวินเองก็หัวเราะ

ขณะพูดเขาสะบัดแขนเสื้อ ฝ่ามือทำมุทรา

“ทะยาน!”

เขาก้าวย่างดารา ไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือไกลๆ

พร้อมกับเสียงดังสะเทือนจนหูจะหนวก สัญลักษณ์ลายมรรคที่แน่นขนัดนับไม่ถ้วนล้นทะลักอยู่ตรงพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือ เจิดจรัสคุโชน ดุจรุ้งเทพพร่างพรายที่พุ่งทะยานเมฆ

“ฆ่า!”

วิญญาณร้ายสีเลือดทั้งกลุ่มโถมเข้ามา ดุดันเกี้ยวกราด กลิ่นอายน่าสยดสยอง

หลินสวินไม่ได้เข้าปะทะกับพวกมัน เงาร่างขยับไหววูบหนึ่งก็หายไปจากจุดเดิมแล้วปรากฏขึ้นอีกด้านหนึ่ง

“ทะยาน!”

มือเขาทำมุทรา ทันทีที่ใต้ฝ่าเหยียบย่าง เสียงตูมดังคราหนึ่ง แผนภาพลายมรรคราวกระแสน้ำเชี่ยวไหลหลั่ง โคจรร่ายระบำ ทอแสงประกายโชติช่วง

บนยอดเขาภูเขาใหญ่สีเลือดที่อยู่ไกลออกไป รอยยิ้มที่ระบายอยู่บนใบหน้าของชายชุดเขียวหุบไป หัวคิ้วค่อยๆ ขมวด เขาไม่ค่อยเข้าใจว่าหลินสวินกำลังทำอะไรอยู่

ทั้งไม่บุกโจมตีและไม่หลบหนี ตรงข้ามกลับคล้ายกำลังวางกระบวนค่ายกล

แต่จุดสำคัญคือ กระบวนผนึกลายมรรคบนโลกนี้มีหรือจะวางได้ตามสะดวก นอกจากต้องมีธงกระบวน จานกระบวน ฐานค่ายกล หินกระบวนแล้ว… ยังต้องมีแหล่งกำเนิดพลังที่สามารถรักษาการโคจรกระบวนค่ายกลใหญ่ด้วย!

ชายชุดเขียวไม่เข้าใจจริงๆ ว่าการวางกระบวนค่ายกลในเวลานี้ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย

แต่แม้ว่าจะมองความลับในนี้ไม่ออก ชายชุดเขียวก็ยังคงตัดสินใจรุกโจมตีและทำลายล้างอยู่ดี

เขาถ่ายทอดความคิดพิสดารน่าสะพรึงออกมา หอบม้วนทั้งที่นั้นราวกับลมพายุคลั่ง

“โจมตีเต็มกำลัง ทำลายการเคลื่อนไหวทั้งหมดของเขา!”

วิญญาณร้ายสีเลือดมากมายราวกระแสน้ำเชี่ยวประหนึ่งได้รับบัญชาจากสวรรค์ ทั้งหมดล้วนพุ่งเข้าใส่หลินสวินอย่างบ้าคลั่ง

ตูมโครม!

ฟ้าดินแถบนี้ล้วนปั่นป่วน ถูกถมด้วยเงาร่างสีเลือดนับไม่ถ้วน พลังประหนึ่งทำลายล้างหอบม้วนเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน จนแทบจะท่วมทับเงาร่างของหลินสวิน

ภาพนี้น่าสยดสยองเกินไป เมื่อคิดดูว่ามกุฎกึ่งจักรพรรดิเป็นร้อยพันลงมือพร้อมกัน ขบวนทัพและอานุภาพระดับนั้นจะน่ากลัวปานใด

และการโจมตีทั้งหมดนี้ล้วนชี้ไปทางหลินสวินคนเดียว!

เมิ่งซิงจื่อเผ่นหนีไปไกลลิ่วก่อนที่การต่อสู้จะปะทุขึ้นนานแล้ว ไม่กล้าลังเลใดๆ สักนิด

เดิมเขาคิดว่าหลินสวินเองก็ต้องเลือกถอยหนีเหมือนกับเขา ทว่าใครเลยจะคาดคิด หลินสวินไม่ได้มีความคิดจะหลบหลีกใดๆ สักนิด!

ขณะที่เมิ่งซิงจื่อมองไปในที่นั้น เงาร่างของหลินสวินก็ถูกท่วมมิดไปนานแล้ว ฟ้าดินปั่นปวน แสงโลหิตม้วนตลบ มองเห็นไม่ชัดเลยสักนิด

นี่ทำให้ในใจเมิ่งซิงจื่อเย็นวาบ ในใจเหลือเพียงความคิดเดียว

จะไป หรือจะอยู่

……

วิญญาณร้ายมากมายพุ่งกรูเข้ามาราวทะเลเดือดคลื่นคลั่ง ครอบคลุมฟ้าดินแถบนั้น กระแสปั่นป่วนไร้เทียมทานหอบม้วนแผ่กว้าง บดขยี้ห้วงอากาศจนแหลกสลาย

พลังกระบวนผนึกที่แผ่คลุมอยู่ทั่วบนล่างภูเขาใหญ่สีเลือดถูกโคจร ค่อยๆ สลายพลังทำลายล้างนั้นไป

คราวนี้ชายชุดเขียวที่ยืนเด่นอยู่บนยอดเขาเริ่มสงบใจลงน้อยๆ

เขาเอามือไพล่หลัง นัยน์ตาทอประกายวาววับแปลกประหลาด จ้องเขม็งไปยังสนามรบที่อยู่ไกลออกไป อาภรณ์สีเขียวทั้งชุดโบกพลิ้ว ดั่งจอมราชันที่ทอดมองดินแดนของตนจากเบื้องบน

“ดันยังไม่ตาย… เจ้านี่ร้ายกาจกว่าที่ข้าคาดไว้หน่อยจริงๆ…”

เขาพึมพำเบาๆ

เขามองออกแล้วว่าหลินสวินยังคงดิ้นรนอยู่ ต่อให้ถูกล้อมโจมตีก็ยังไม่มีวี่แววจะร่วงหล่นในทันทีทันใด

แต่เขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนก

“ทะยาน!”

“ทะยาน!”

“ทะยาน!”

เงาร่างหลินสวินไหววูบ ประหนึ่งแสงพริบไหวสายหนึ่งกลางเงาเลือดนับไม่ถ้วน ไหววูบไม่หยุด

แม้ถูกปิดล้อมจนแทบไม่เหลือช่องโหว่ใดๆ ทว่าพร้อมกับการโคจรปราณของเขา ก็สามารถบดขยี้การขัดขวางของคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย

ศัตรูมีมากเกินไปจริงๆ แออัดยัดเยียดราวกับไม่มีสิ้นสุด แต่ว่ากันถึงพลังต่อสู้ ไม่มีสักตนที่เข้าตาหลินสวินได้

กอปรกับวิญญาณร้ายพวกนี้อาศัยเพียงสัญชาตญาณในการต่อสู้ แต่ไร้สติปัญญาและความนึกคิด ลำพังแค่จุดนี้ก็ไม่สามารถเทียบกับระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิที่แท้จริงได้แล้ว

“ทะยาน!”

จนกระทั่งหลังจากทำมุทราสุดท้าย เงาร่างหลินสวินก็พริบไหวคราหนึ่ง ฝ่าวงล้อมลงมายังใต้เวิ้งฟ้า

เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง นัยน์ตาดำอดเจือแววตั้งตาคอยเสี้ยวหนึ่งไม่ได้

จากนั้นเขาสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง

“โอม!”

เสียงมรรคคลุมเครือดั่งฟ้าคำรามสายหนึ่งดังขึ้นทั่วทั้งที่นั้น

“นี่คือ…”

ชายชุดเขียวที่อยู่บนยอดเขาสีเลือดไกลๆ ขมวดคิ้ว มองหลินสวินที่ยืนโอหังอยู่ใต้เวิ้งฟ้า จู่ๆ ในใจก็ผุดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา

ครู่ถัดมาเขาก็อึ้งงันอยู่ตรงนั้น ดวงตาเบิกโพลงโดยพลัน

ก็เห็นในสนามรบจู่ๆ ก็ปรากฏดอกบัวใหญ่สีเขียวส่ายไหวไปมามากมาย มากกว่าร้อยเกินกว่าพัน แผ่ครอบฟ้าดิน ทำให้ภูผาธาราต่างก็ย้อมอยู่กลางสีเขียวมรกตชั้นหนึ่ง

เสมือนใบบัวเชื่อมฟ้า เขียวมรกตไร้ขอบเขต!

ครั้นมองอย่างละเอียด ดอกบัวสีเขียวแต่ละดอกล้วนขนาดใหญ่เท่าหินโม่ ไหวเอนกลางห้วงอากาศ ใบบัวทุกใบต่างก็ร่างขึ้นมาจากลายมรรคเนื่องแน่นนับไม่ถ้วน หลั่งรินละอองแสงงดงามขมุกขมัวออกมามหาศาล

และดอกบัวที่เบ่งบานอยู่กลางใบบัว แต่ละดอกมีสามสิบหกกลีบ เกสรวาวเจิดจ้าดุจหยกเขียว ท่ามกลางความเลือนรางราวมีเงามายาเทพศักดิ์สิทธิ์นั่งประทับอยู่ในนั้น ปากท่องสวดธรรมคัมภีร์ กึกก้องไปทั่วหล้า!

พริบตาเดียวเท่านั้น สนามรบปั่นป่วนที่อึมครึมคาวเลือดนี้ ก็คล้ายแปรสภาพเป็นโลกทวยเทพอันศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง เกิดความสงบ ประทับดอกบัวใหญ่!

ชายชุดเขียวอึ้งค้างอยู่ตรงนั้น จิตใจสั่นสะท้าน เอ่อท้นไปด้วยความหนาวเหน็บที่ไม่อาจควบคุม ลำพังแค่มองอยู่ไกลๆ ก็ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายยิ่งยวดที่ปะทะเข้ามาแล้ว

“กระบวนแปลงจิตเทพ มรรคแปรอานุภาพไร้ชีพ!”

เสียงเรียบเรื่อยของหลินสวินดังก้องขึ้น ประหนึ่งสัทครรลองมหามรรค

ก็เห็นว่า…

ในบัวเขียวนับพันหมื่น เงามายาทวยเทพพรั่งพรู ประกายศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทานแผ่พุ่ง ฟ้าดินแถบนั้นก็ประหนึ่งลุกไหม้ สรรพสิ่งกลายเป็นเถ้าธุลี ห้วงอากาศดับสลาย

ทั้งยังมีเสียงมรรคไร้สิ้นสุดก้องกระหึ่ม หอบม้วนแผ่ขยาย สะเทือนทั้งบนล่างทั่วหล้า!

วิญญาณร้ายสีเลือดดุจกระแสน้ำเชี่ยวนั่นประหนึ่งกระดาษเปื่อย เงาร่างสลายกลายเป็นเถ้าถ่านปลิวว่อนกลางแสงและเสียงมรรคไร้สิ้นสุด

ชั่วอึดใจฟ้าดินเสมือนถูกชำระล้าง ไม่มีเงาร่างของวิญญาณร้ายอีกสักตน ทั้งหมดเหมือนถูกกำจัด สลายหายเกลี้ยง

มีเพียงบัวเขียวดุจโลก ทวยเทพดั่งมายา ประกายเทพสีเขียวศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทานหลั่งริน ส่องสว่างภูผาธารา

ตูม!

ด้านบนของภูเขาใหญ่สีเลือดที่อยู่ไกลออกไป กระบวนผนึกลายมรรคเป็นชั้นๆ ที่ปิดครอบพังถล่ม ดับสลายประหนึ่งหิมะถล่ม ทั่วทั้งเขาสะเทือนรุนแรงและถล่มโครมคราม

ชายชุดเขียวที่แต่เดิมยืนอยู่บนยอดเขาก็ถูกลูกหลงเช่นกัน ร่างดั่งถูกพายุหมุนหอบม้วน ถูกซัดกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง สะบักสะบอมหาใดเปรียบ

“กระบวนค่ายกลใหญ่ร้ายกาจนัก! ฝีมือยอดเยี่ยมยิ่ง!” ริมฝีปากของเขากระอักเลือดไม่หยุด ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยแววแตกใจและหวาดหวั่น

วิญญาณร้ายนับไม่ถ้วนเหล่านั้นล้วนอยู่ใต้บัญชาของเขา แต่ละตนต่างมีอานุภาพระดับมุกุฎกึ่งจักรพรรดิ ทว่าภายใต้กระบวนค่ายกลใหญ่นั้นกลับย่อยยับจนหมด!

ทั้งหมดเพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น!

นี่ทำให้จิตใจของชายชุดเขียวยังประสบแรงโจมตีที่ไม่เคยมีมาก่อน สะท้านสะเทือนเพราะเหตุนี้ ความเชื่อมั่นและภาคภูมิทั้งหมดเสมือนพังถล่มลงในบัดนี้

ใต้เวิ้งฟ้า ในใจหลินสวินก็สะท้านขวัญอย่างบอกไม่ถูกเช่นกัน

กระบวนค่ายกลนี้นามว่า ‘กระบวนสังหารไร้ชีพ’ เป็นอันดับเก้าทั่วหล้า สร้างขึ้นด้วยมือท่านลู่ เคยเฉิดฉายอยู่ในศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิสมัยโบราณ สังหารห้าจักรพรรดิ ทำร้ายแปดจักรพรรดิบาดเจ็บสาหัส!

ด้วยกระบวนค่ายกลนี้ ทำให้ท่านลู่ซึ่งมีพลังปราณระดับกึ่งจักรพรรดิได้รับการขนานนามว่า ‘จักรพรรดิกระบวนลู่’!

เพียงแต่ที่หลินสวินวางในตอนนี้ เป็นเพียงแค่กระบวนสังหารไร้ชีพแบบหยาบๆ อย่างหนึ่งเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงและอานุภาพที่สำแดงออกมาก็มีจำกัด ห่างไกลจนไม่อาจเทียบกับกระบวนสังหารไร้ชีพที่สมบูรณ์แบบของจริง

แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ยามเมื่อโคจรกระบวนค่ายกลนี้ ยังคงกวาดสังหารวิญญาณร้ายในที่นั้นทั้งหมด ชะล้างไม่เหลือ!

‘หากวางกระบวนสังหารไร้ชีพที่สมบูรณ์แบบออกมา อานุภาพจะแข็งแกร่งอีกเท่าใดกัน’

หลินสวินอดตั้งตาคอยในใจไม่ได้

ชิงอิงมอบม้วนหยกที่ท่านลู่ทิ้งไว้ม้วนนั้นให้เขา ในม้วนหยกเป็นตำรามรรคที่ท่านลู่เขียนขึ้น และเกี่ยวข้องกับวิถีสลักวิญญาณทั้งสิ้น

ในนั้นไม่เพียงบันทึกกระบวนสังหารไร้ชีพเท่านั้น ยังมีนัยเร้นลับอื่นๆ มากมายที่เกี่ยวข้องกับรวิถีสลักวิญญาณ เรียกได้ว่ามากมายมหาศาล

เมื่อใช้ความเชี่ยวชาญด้านสลักวิญญาณในปัจจุบันของหลินสวินไปหยั่งรู้ ยังได้รับการชี้แนะอย่างลึกซึ้ง มักรู้สึกเหมือนได้เปิดโลกอยู่เนืองนิจ

เหมือนอย่างกระบวนสังหารไร้ชีพที่สำแดงออกมาก่อนหน้านี้ ก็คือนัยเร้นลับบางส่วนที่หลินสวินได้หยั่งรู้ในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่วันนี้ แม้เป็นเพียงการควบคุมผิวเผิน ทว่าอานุภาพก็ไม่อาจดูเบา

ฮูม…

ไม่นานดอกบัวสีเขียวเต็มฟ้านั่นก็แปรสภาพเป็นละอองแสงหายลับไป

ฟ้าดินเวิ้งว้าง หลินสวินมองชายชุดเขียวที่อยู่ไกลออกไปแล้วกล่าวขึ้น “ตอนนี้ยังรู้สึกเบื่ออยู่หรือไม่”

ชายชุดเขียวสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เช็ดคราบเลือดตรงมุมปากแล้วถอนหายใจกล่าว “ฝีมือของสหายยุทธ์ยอดเยี่ยมยิ่งยวด กล่าวได้ว่าพลิกมือเรียกลมกลับมือเรียกฝนได้แล้ว ข้ามีหรือจะกล้าหุนหันอีก”

ขณะกล่าวเขายังคงเอ่ยถามคล้ายไม่ค่อยพอใจ “ข้าแปลกใจยิ่งนัก หากไร้พลังกระบวนค่ายกลใหญ่อย่างเมื่อครู่นั่น สหายยุทธ์จะทลายการล้อมโจมตีได้หรือไม่”

หลินสวินกล่าวเรียบๆ “ก่อนหน้านี้ข้าก็พูดไปแล้ว แค่เพราะเบื่อหน่ายเท่านั่นจึงคิดจะทดสอบอานุภาพของกระบวนค่ายกลใหญ่นั่น หากข้าลงมือจริงๆ เจ้าคงเป็นคนแรกที่ประสบเคราะห์”

ชายชุดเขียวตะลึงงัน อดหัวเราะร่วนไม่ได้ “ในสายตาสหายยุทธ์ ข้าย่ำแย่ขนาดนี้เชียวรึ”

สวบ!

หลินสวินย่างเท้าออกไปก้าวหนึ่งก็มาถึงเบื้องหน้าชายชุดเขียว กดฝ่ามือหนึ่งลงไปอย่างง่ายดาย

ฝ่ายหลังนัยน์ตาวาบประกายเย็นเยียบวูบหนึ่ง สิ่งที่เขารอก็คือโอกาสนี้!

เพียงแต่ยามเมื่อเข้าต้องเผชิญหน้ากับฝ่ามือนี้ของหลินสวินจริงๆ จู่ๆ กลับพบว่าตนเหมือนตกเข้าไปอยู่ในกรงขัง สี่ทิศแปดทางถูกปกคลุมไปด้วยผนึก จะหนีก็ไม่ได้ จะหลบก็ไม่พ้น

ได้แต่เข้าปะทะจังๆ!

แทบจะเป็นไปตามสัญชาติญาณการต่อสู้อย่างหนึ่ง ทำให้ชายชุดเขียวรวบรวมพลังแห่งตนทั้งหมดปลดปล่อยออกมาสุดขีด

เขาไม่เชื่อว่าหากปะทะกันซึ่งหน้า ระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิสามชั้นฟ้าผู้หนึ่งจะเป็นคู่ต่อสู้ของตนได้

ตูม!

เลือดลมทั่วร่างเขาสะท้านสะเทือน ดุจภูเขาไฟนับแสนลูกระเบิดปะทุ กฎเกณฑ์บ้าคลั่งไร้ทัดเทียมพุ่งทะลัก ทั้งหมดล้วนถูกเขารวบเอาไว้ในประทับฝ่ามือสายหนึ่ง

นี่เป็นการโจมตีสุดกำลังครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เขาตื่นรู้ ประทับฝ่ามือเดียวนี้ สิ่งที่สั่งสมอยู่คือมรรควิถีตลอดชีวิตของเขา!

ห้วงอากาศปั่นป่วน ประกายศักดิ์สิทธิ์แผ่พุ่ง เมื่อเสียงระเบิดกึกก้องดังขึ้น ประทับฝ่ามือของชายชุดเขียวก็ระเบิดออก เห็นได้ชัดว่ารับการโจมตีนั้นไม่ไหว

ส่วนทั้งตัวเขาก็ถูกฟาดกระเด็นออกไปตรงๆ ร่วงกระแทกลงพื้นดินที่ห่างออกไปหลายร้อยจั้งอย่างแรง ฝุ่นควันคลุ้งตลบเต็มฟ้า

——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset