Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2122 วิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิ

ครืนๆ!

ไอสังหารราวกระแสน้ำ ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี ห้วงอากาศพลันปั่นป่วน บรรยากาศที่เดิมทีก็พาให้คนเกือบหายใจไม่ออก เวลานี้เคร่งครัดถึงขีดสุด

หลินสวินขมวดคิ้ว ผิวของเขารู้สึกปวดแสบอยู่รางๆ การต่อสู้ที่เคี่ยวกรำมาหลายปี ทำให้เขารับรู้ได้ในพริบตาว่าเคราะห์สังหารใกล้มาเยือนแล้ว

แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จิตต่อสู้ที่เงียบสงบในใจเขามานานในที่สุดก็มีสัญญาณว่าจะถูกจุดชนวน พลังขับเคลื่อนพลังและโลหิตที่ไหลเวียนรอบกายล้วนเริ่มพลุ่งพล่านอยู่รางๆ

ตั้งแต่เข้ามาในนรกอำพราง นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดัน สัมผัสได้ถึงความมุ่งหวังที่อยากต่อสู้ซึ่งไม่ได้สัมผัสมานาน

เมื่อฝึกปราณถึงขั้นเดียวกับเขา ไม่อาจพูดได้ว่าเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย แต่พวกธรรมดาทั่วไปล้วนไม่อาจทำให้เขาสนใจได้จริงๆ

อย่างเมิ่งซิงจื่อ ชายชุดเขียว จระเข้ยักษ์ดึกดำบรรพ์ก่อนหน้านี้… ก็ใช่ว่าไม่แข็งแกร่ง แต่สำหรับเขาหลินสวิน สามารถใช้คำว่าเล็กน้อยไร้กังวลมาบรรยายได้จริงๆ

แต่ตอนนี้ในที่สุดก็ต่างออกไปแล้ว!

เขามานรกอำพราง เดิมทีก็เพื่อเคี่ยวกรำตนเอง หาโอกาสแจ้งมรรคในขอบเขตมกุฎ ก้าวสู่มรรคาแห่งจักรพรรดิ!

หากไม่มีแรงกดดันและภัยคุกคาม กลับจะพาให้คนเบื่อหน่ายเกินไป

เส้นทางด้านหลังหลินสวิน มุกโลหิตแดงก่ำหยดหนึ่งรวมตัวกลางอากาศอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง มุกโลหิตไหวกระเพื่อม ลืมตาสีเขียวข้างหนึ่งมองไปยังเงาหลังของหลินสวิน

ฟุ่บ!

แสงสีเทาถูกยิงออกมาจากนัยน์ตา ทุกจุดที่เคลื่อนผ่าน ห้วงอากาศถูกกัดกร่อนเป็นรอยดำตรงดิ่งโดยไร้สุ้มเสียง

ราวกับถูกเผาไหม้เป็นเถ้าถ่าน

ความเร็วไวเกินไปแล้ว เพียงพริบตาก็จู่โจมเข้ามา

ฟุ่บ!

เสียงทึบหนักคราหนึ่ง ร่างของหลินสวินถูกโจมตี

นัยน์ตาสีเขียวที่ลืมขึ้นในมุกโลหิตนั้นเผยความยินดีเสี้ยวหนึ่ง แสงเทานี้มีนามว่า ‘แสงเหินกลืนกิน’ สามารถกัดกร่อนสรรพสิ่ง แปดเปื้อนพลังชีวิต พวกต่ำกว่าระดับจักรพรรดิล้วนไม่อาจต้านทาน!

ด้วยแสงเหินกลืนกินนี้ เดิมทีก็เป็นพลังชั่วร้ายซึ่งมีแค่พลังระดับจักรพรรดิที่ควบคุมได้

แต่ครู่ต่อมาความยินดีในดวงตาสีเขียวเสี้ยวนั้นพลันชะงักค้าง

เห็นเพียงเงาร่างนั้นของหลินสวินหายไปดั่งฟองสบู่

แย่แล้ว!

มุกโลหิตหยดนี้ตระหนักว่าท่าไม่ดี หมายจะหลบหลีก ประทับที่แผ่แสงสำริดหนึ่งก็กระแทกมาอย่างหนักหน่วงแล้ว

ประทับมหามรรคไร้ชีพ!

ปึง!

มุกโลหิตรวมถึงดวงตาสีเขียวในตัวมันถูกซัดเป็นฝุ่นผงสีเลือดในพริบตา

ในความมืดที่ห่างออกไปมีเสียงร้องแหลมสูงที่ตัดทำลายท้องนภาดังขึ้น ไม่ทันไรก็หยุดชะงักลง

เงาร่างหลินสวินปรากฏขึ้นกลางอากาศ เก็บประทับไร้ชีพลงไป

ด้วยพลังต่อสู้ยกระดับ หลายปีนี้เขาจึงสำแดงอานุภาพแท้จริงของศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุนพวกนั้นออกมาได้แล้ว ยามเรียกใช้จึงแคล่วคล่องดังใจนึก ควบคุมได้ตามประสงค์

นี่ทำให้หลินสวินตระหนักถึงความแข็งแกร่งของศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุนได้อย่างลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิมเช่นกัน สมบัติแต่ละชนิดล้วนมีความอัศจรรย์ต่างกันออกไป อานุภาพมหัศจรรย์โดดเด่น เหนือกว่าสมบัติจักรพรรดิทั่วไปมาก

อย่างประทับไร้ชีพ หากใช้กฎเกณฑ์ระดับจักรพรรดิแท้มาควบคุม อานุภาพของมันจะถึงขั้นซัดธารดารากระจาย บดทลายท้องนภาได้ มีอานุภาพทำลายล้างกำราบสังหารที่ไร้ขอบเขต

หรืออย่างดาบไร้วิชาที่มองข้ามทุกวิชาทั่วหล้า ต่อให้ปะทะกับวิชามรรคระดับจักรพรรดิก็เป็นแบบเดียวกัน

การมองข้ามเช่นนี้ไม่ใช่การต้านทานและไม่ใช่การสลาย หากแต่มองหมื่นวิชาราวสิ่งไร้ค่า ไม่อาจแปดเปื้อน!

ด้วยพลังของหลินสวินในตอนนี้ สามารถใช้ศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุนได้อย่างง่ายดายแล้ว แต่ถ้าอยากปลดปล่อยอานุภาพสุดขีดของศาสตราจักรพรรดิพวกนี้ออกมา กลับไม่อาจทำได้

นอกเสียจากว่าเขาจะแจ้งมรรคเป็นระดับจักรพรรดิที่แท้จริง!

หลินสวินไม่ได้คิดมากความ มุ่งหน้าต่อไป

ฟ้าดินมืดมนเงียบเหงา คลื่นใต้น้ำพลุ่งพล่าน กลิ่นคาวเลือดไร้ขอบเขตเหมือนพายุที่ม้วนพัด โหมกระหน่ำอยู่กลางอากาศ ส่งเสียงอึงอลราวกับเสียงร่ำไห้ของผีสาง

เสียงกระซิบกระซาบที่ปรากฏเป็นระยะนั้นดังขึ้นอีกครั้ง

“เจ้าหมอนี่ยากจัดการ…”

“ในความทรงจำแรกเริ่มของข้าคล้ายจะรู้จักสมบัติในมือเขาเป็นอย่างดี แค่มองจากไกลๆ ก็ทำให้ในใจข้าตื่นตระหนกสั่นสะท้านขึ้นมา”

“เจ้าหมอนี่ไม่พอให้เป็นกังวล มีเพียงสมบัติในมือเขาที่เต็มไปด้วยภัยคุกคาม!”

“หึๆ ภัยคุกคามรึ ข้าว่าเป็นวาสนาอย่างหนึ่งถึงจะถูก ใครชิงสมบัติในมือเจ้าหมอนี่มาได้ บางที… ก็อาจได้เป็นใหญ่ในโลกนี้”

…บทสนทนาพวกนี้ไม่มีอำพราง ถูกหลินสวินได้ยินทั้งหมด ในใจเขาตัดสินได้ในพริบตา

ในนรกอำพรางชั้นที่หกนี้ มีวิญญาณร้ายที่มีสติปัญญากระจายอยู่มากมาย ทั้งน่าจะมีพลังในระดับจักรพรรดิทั้งหมดแล้ว

ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่กล้าดูหมิ่นดูแคลนมกุฎกึ่งจักรพรรดิสามชั้นฟ้าอย่างตนเช่นนี้แน่!

อีกทั้งวิญญาณร้ายที่มีสติปัญญา รู้จักวิเคราะห์ผลได้ผลเสีย วางแผนตัดสินใจได้เช่นนี้ ยิ่งน่ากลัวและยากจัดการที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

หากเปลี่ยนเป็นวิญญาณร้ายที่ไม่มีปัญญาพวกนั้น เมื่อเห็นตนปรากฏตัว เกรงว่าคงพุ่งสังหารเข้ามายกฝูงนานแล้ว

วู้ม!

ทันใดนั้นห้วงอากาศที่ห่างออกไปพลันม้วนซัด เงาร่างหนึ่งควบรวมออกมา กลายเป็นชายชราถือไม้เท้าไผ่ม่วง ดูแก่ชราไม่กระฉับกระเฉง หลังค่อมสันหลังโก่งคนหนึ่ง

ผมเขาบางประปราย บนผิวประทับรอยแผลเหมือนเกล็ดปลา ในดวงตามีแสงแดงประหลาดไหลวน ราวกับผีเฒ่าที่ตะกายออกมาจากนรกตนหนึ่ง ท่าทางชวนขนพองสยองเกล้า

“มอบสมบัติในมือมา แล้วข้าจะให้เจ้าจากไป ไม่อย่างนั้นสหายร่วมวิถีสามสิบเก้าคนที่นี่ต้องแบ่งศพเจ้ามากินแน่”

ชายชรากล่าวด้วยเสียงแหบพร่าเหมือนอสรพิษแลบลิ้น พาให้คนขนพองสยองเกล้า

สายตาหลินสวินเหลือบมองไม้เท้าไผ่ม่วงในมือชายชราเล็กน้อยพลางกล่าว “ทิ้งของสิ่งนี้ไว้ แล้วข้าจะให้เจ้าตายดีหน่อย”

ไผ่ม่วงนี้ยาวเจ็ดฉื่อ หนาราวแขนเด็ก แวววาวตลอดด้าม บนนั้นเจือกลิ่นอายเร้นลับคลุมเครือหลายสาย น่าจะเป็นสมบัติมรดกจากดึกดำบรรพ์ชิ้นหนึ่ง ทั้งคุณลักษณะยังเกือบจะสมบูรณ์ ล้ำค่าและหาได้ยากเป็นอย่างยิ่ง

ชายชราอึ้งไป คล้ายคิดไม่ถึงว่าคนหนุ่มอย่างหลินสวินจะกระทำการได้แข็งกร้าวและเผด็จการยิ่งกว่าเขา

สัตว์ร้ายที่ลอบติดตามทุกอย่างนี้ล้วนส่งเสียงกระซิบกระซาบอย่างอดไม่ได้เช่นกัน ต่างผิดคาดและประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่รู้ว่าความมั่นใจของหลินสวินนั้นได้มาจากไหน

“ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว…”

นัยน์ตาของชายชราแผ่แสงประหลาด กระแทกไม้เท้าไผ่ม่วงในมือกับพื้นเบาๆ

ตูม!

อสนีบาตสีม่วงที่แน่นขนัดดุดันแถบหนึ่งฟาดผ่าลงมาจากห้วงอากาศ ราวกับงูเหลือมนับหมื่นพันระบำคลั่ง แผ่กลิ่นอายของกฎเกณฑ์ระดับจักรพรรดิที่ดุดันหาใดเปรียบ พุ่งสังหารไปทางหลินสวิน

หลินสวินไม่หลบไม่หลีก พุ่งขึ้นไปรับ

ร่างกายเขาส่องประกาย วิวัฒน์เป็นหุบเหวลึก แสงมรรคเหลือคณาหมุนวนลอยล่องอยู่ภายใน อานุภาพทั้งตัวทะยานถึงขีดสุดในชั่วขณะเดียว

ตูม!

ประทับไร้ชีพทะยานออกมา สาดแสงสำริด เคลื่อนขวางเข้ามาอย่างแน่วนิ่งดั่งคีรีเทพ ป่นห้วงอากาศกลายเป็นจุณ ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือนไร้ระเบียบ บดขยี้อสนีบาตสีม่วงโหมกระหน่ำนั้นจนสลายไปเช่นกัน

ส่วนหลินสวินก็ออกหมัดพุ่งสังหารไปนานแล้ว พลังหมัดประหนึ่งเหวลึก ม้วนกลืนฟ้าดิน ฝีมือเยี่ยมยอด

ชายชราแค่นเสียงเย็นชา เข้าปะทะหนักหน่วง

แต่เพียงชั่วขณะก็ถูกพลังหมัดของหลินสวินบีบกดจนไม่อาจเงยหน้า เลือดลมทั่วร่างพลันตีกลับ ทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสี

ต่อให้เขาโบกสะบัดไม้เท้าไผ่ม่วง ก็ถูกประทับไร้ชีพกำราบอย่างหนักหน่วง ซัดจนไม้เท้าไผ่ม่วงส่งเสียงครวญคร่ำต่อเนื่อง แทบจะควบคุมไม่อยู่ กระเด็นหลุดจากมือไป

“ตาย!”

ท่ามกลางเสียงราบเรียบ ตรงหน้าหลินสวินมีเตามรรคเตาหนึ่งควบรวมออกมา แสงลึกลับของวิชามรรคมากมายนับหมื่นแสนไหลวน แฝงอานุภาพกำราบอดีตปัจจุบัน

“เปิด!”

ชายชราแผดเสียงคำราม ดวงตาแดงก่ำหลั่งเลือด ร่างกายเดือดพล่าน เส้นเลือดเขียวปูดโปน แสงโลหิตดุดันชวนประหวั่นพุ่งขึ้นมาจากร่างของเขาดุจเขาถล่มสมุทรคำราม บุกจู่โจมไปทางเตามรรค

แต่เพียงพริบตา การต้านทานทั้งหมดของเขาล้วนถูกเตามรรคนั้นซัดทลายลง ศีรษะ คอ และร่างกายของเขาล้วนพังทลายตามไปทีละน้อย เลือดสีสดสาดกระเซ็น

มองจากไกลๆ ทั้งตัวชายชราถึงกับถูกพิฆาตบดขยี้ทั้งเป็น!

นี่เป็นถึงวิญญาณร้ายที่ควบรวมสติปัญญาออกมา มีมรรควิถีที่ไม่ด้อยไปกว่าระดับจักรพรรดิตนหนึ่ง ทั้งยังยึดกุมสมบัติมรดกจากดึกดำบรรพ์ แต่ในการปะทะซึ่งหน้า กลับถูกหลินสวินกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งกำราบอย่างสมบูรณ์!

ตูม…

เลือดสีสดสาดกระเซ็น สภาพอากาศแปรปรวนม้วนกลืนจนไม่อาจต้าน ชายชราวิญญาณจิตสิ้นวิญญาณสลาย

“อสูรเฒ่าไม้ไผ่ตายง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ”

“เจ้าหมอนี่… ทำไมถึงเย้ยฟ้าเช่นนี้”

ในที่ลับมีเสียงตกตะลึงดังขึ้น แผ่วพลิ้วยู่กลางฟ้าดิน เห็นได้ชัดว่าสัตว์ร้ายพวกนั้นถูกทำให้ตกใจแล้ว

สำหรับเรื่องทุกอย่างนี้หลินสวินไม่ได้ใส่ใจ เขาหยิบไม้เท้าหยกม่วงนั้นขึ้นมาดูคร่าวๆ ในใจอดตะลึงไม่ได้ นี่เป็นสมบัติมรดกจากดึกดำบรรพ์ชิ้นหนึ่งจริงๆ มีนามว่า ‘ไม้เท้าไผ่อสนีม่วงสงัด’ คุณลักษณะอัศจรรย์ ภายในแฝงกฎเกณฑ์ต้นกำเนิดมรรคอสนีที่น่าหวาดกลัวไว้

หลินสวินเก็บลงไปโดยไม่ลังเล ต่อให้ตนนำไปใช้ไม่ได้ ก็นำไปเป็นมื้อพิเศษให้อู้เชวียและวิญญาณของดาบหักได้

หลังจากชายชรานั่นสิ้นชีพ ยังทิ้งผลึกต้นกำเนิดมหามรรคที่ลักษณะคล้ายกระบี่บินก้อนหนึ่งไว้ด้วย ละอองแสงสีม่วงอ่อนลอยล่องออกมา เปล่งประกายเรืองรอง แม้จะมีขนาดเท่าไข่ไก่ แต่ระดับคุณภาพกลับน่าอัศจรรย์หาใดเปรียบ

หลินสวินหยิบมาพิจารณาในมือคร่าวๆ แล้วพบว่า ในผลึกต้นกำเนิดมหามรรคนี้มีเศษกฎเกณฑ์อสนีมรรคจักรพรรดิควบรวมอยู่ บริสุทธิ์เปล่งประกาย!

‘สมบัติชั้นดี’

หลินสวินเก็บมันลงไป สมบัติเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องหยั่งรู้ ขอแค่หลอมมัน กฎเกณฑ์อสนีนั้นก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของมรรควิถีแห่งตน!

เมื่อเก็บของสิ่งนี้ลงไป หลินสวินก็สุ่มเลือกผลึกต้นกำเนิดมหามรรคที่คุณลักษณะธรรมดาออกมา มุ่งหน้าต่อไปพลางดูดซับพลัง เสริมพลังกายที่ผลาญไปทั้งหมด

แม้ว่าพลังกายในตอนนี้ของเขาจะไม่สึกหรอเท่าไหร่ แต่บนหนทางต่อจากนี้ต้องเต็มไปด้วยเคราะห์สังหารแน่ เกรงว่าจะไม่มีเวลาเสริมพลังกายเท่าไรนัก

และเมื่อเห็นภาพนี้ สัตว์ร้ายในที่ลับแต่ละตัวนั้นก็คึกคักขึ้นมา เจ้าหมอนี่กำลังเสริมพลังกาย นี่หมายความว่าแม้พลังต่อสู้ของเขาจะเย้ยฟ้า แต่ไม่อาจยืนหยัดได้นานใช่หรือไม่

เพียงชั่วขณะกลางฟ้าดินก็โอบล้อมไปด้วยไอสังหาร มีท่าทีกระเหี้ยนกระหือรือ

หลินสวินเห็นทุกอย่างนี้อยู่ในสายตา สีหน้าราบเรียบ มุ่งหน้าต่อไป

เขาในตอนนี้เหมือนใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ กำลังดึงดูดคู่ต่อสู้ให้กระโดดออกมาจากที่ลับ การทำเช่นนี้อันตรายมากอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็เป็นวิธีที่ประหยัดพลังกายที่สุด

ถ้าไปไล่ล่าและเสาะหาด้วยตนเองทีละตน ไม่แน่ว่าอาจตกอยู่ในกับดักที่อีกฝ่ายเตรียมไว้

ถึงอย่างไรเขาก็เป็นแค่คนนอก สัตว์ร้ายพวกนั้นต่างหากที่เป็นเจ้าถิ่นของนรกอำพรางชั้นหกนี้ และพวกมันก็คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของที่นี่ที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นฝ่ายได้เปรียบในด้านพื้นที่อย่างมาก

ฟุ่บ!

ทันใดนั้นกลางอากาศเบื้องหน้าปรากฏต้นไม้เก่าแก่ที่หล่อจากสำริดต้นหนึ่ง แตกกิ่งก้านเสียดฟ้า คมกริบน่าสะพรึงราวกับดาบกระบี่ บนลำต้นมีนัยน์ตาเยียบเย็นคู่หนึ่งลืมตาขึ้น

เมื่อต้นสำริดเก่าแก่นี้พลิ้วไหว บนกิ่งก้านที่แน่นขนัดนั้นพลันมีแสงโลหิตดุดันพวยพุ่งทะลุเมฆ สะเทือนฟ้าดินแถบนี้ ทำให้สรรพสิ่งสั่นสะท้าน

ไม่รอให้หลินสวินตอบสนอง ในทิศทางอื่นมีสัตว์ร้ายลักษณะคล้ายกิเลน มีเขากวางแต่กำเนิด นัยน์ตาวูบไหวเหมือนน้ำวนตัวหนึ่งก้าวออกมา ยามก้าวเดินไอสังหารไร้ใดเปรียบแผ่กระจายราวกระแสน้ำ

“คิดไม่ถึงว่าต้นสำริดเฒ่าจะลงมือพร้อมกับจักรพรรดิอสูรมารกิเลน! ดูท่าว่าการตายของอสูรเฒ่าไม้ไผ่ จะทำให้พวกบ้าระห่ำอย่างพวกเขาสองคนเปลี่ยนเป็นระวังตัวขึ้นมาแล้ว…”

ในที่ลับมีเสียงประหลาดใจดังขึ้น

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset