วิญญาณกระบี่สองฉื่อ ราวกับเด็กหนุ่มผมสีโลหิต
กลิ่นอายของมันน่ากลัวกว่าวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิมาก ทำให้หลินสวินสัมผัสได้ถึงความอันตรายเสียดกระดูกอยู่รางๆ
“เจ้ารู้ที่มาของกล่องกระบี่นี้หรือ” หลินสวินไม่ได้รีบลงมือ
เด็กหนุ่มผมสีโลหิตกล่าวด้วยเสียงเยียบเย็น “ยามเคราะห์จ่อมจมเกิดขึ้นครั้งแรก ข้าเคยเห็นกล่องกระบี่นี้มาก่อน เจ้าของมันคือไท่เสวียน จักรพรรดิกระบี่อันดับหนึ่งสมัยดึกดำบรรพ์…”
เพิ่งฟังถึงตรงนี้ในใจหลินสวินก็กระตุกวูบ
จักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียน!?
ในหัวหลินสวินปรากฏเงาร่างสูงใหญ่ เจิดจรัสประหนึ่งวิญญาณเทพขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เบื้องหลังโอบล้อมด้วยแสงมงคลนับหมื่นแสน ยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้นเหมือนนายเหนือหัวชั่วกัปกัลป์ มีอานุภาพครอบครองทั่วหล้า
ปีนั้นที่แดนมกุฎ หลินสวินก็เคยได้รับมรดกคัมภีร์กระบี่ไท่เสวียนที่จักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนเหลือทิ้งไว้!
ถึงตอนนี้หลินสวินยังจำคำพูดที่พลังเจตจำนงของจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนเคยกล่าวได้
‘เรื่องวสันตสารทนิรันดร์กาล บ่าเหล็กแบกมหามรรค แดนมกุฎเป็นเพียงจุดเริ่มต้นการเดินทางของท่านทั้งหลาย หวังว่าวันหน้าท่านทั้งหลายจะสามารถปีนสู่หนทางมกุฎอริยะ ห้อทะยานผงาดง้ำ ตั้งจิตเพื่อฟ้าดิน สร้างชีวิตเพื่อสรรพสัตว์ ร่ำเรียนเพื่อมุ่งหน้าสู่อริยะ สร้างสันติสุขเพื่อใต้หล้า!’
ท่าทางและจิตใจเช่นนั้น ทำให้หลินสวินเลื่อมใสเขามาถึงวันนี้
ต่อมาหลินสวินจึงรู้ว่าจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนเหมือนกับจักรพรรดิสงครามอู๋ยาง ล้วนเป็นบุคคลในสมัยดึกดำบรรพ์ แต่ละคนราวกับตำนานที่ไม่เสื่อมสูญ!
แต่หลินสวินกลับคิดไม่ถึง ว่ากล่องกระบี่ที่ได้มาจากคลังสมบัติของนักพรตเอ้อแห่งเมืองผีครอบงำในแคว้นหนาวเหน็บกล่องนี้ ถึงกับเป็นสมบัติมรดกของจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียน!
“ปีนั้นจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนเคยมาโลกมืดหรือ” หลินสวินอดถามไม่ได้
เด็กหนุ่มผมสีโลหิตขมวดคิ้ว คล้ายคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะเรื่องเยอะเช่นนี้ แต่สุดท้ายก็ยังกล่าวอย่างแข็งกร้าว “สมัยดึกดำบรรพ์ จักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนเคยมาที่นี่พร้อมสหายร่วมวิถีมากมาย ด้วยกังวลว่าเคราะห์จ่อมจมจะทำลายต้นกำเนิดของโลกนี้ จึงเก็บพลังต้นกำเนิดระเบียบวิถีสวรรค์ที่เดิมเป็นของโลกนี้ไปก่อนก้าวหนึ่ง”
เด็กหนุ่มผมสีโลหิตเว้นช่วงไป จ้องมองกล่องกระบี่ที่อยู่ด้านหลังหลินสวินพลางกล่าว “แต่ข้ากลับคิดไม่ถึงว่า ‘กล่องกระบี่เกิดใหม่’ ของจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนจะตกหล่นอยู่ที่นี่…”
ฟังถึงตรงนี้ ในที่สุดหลินสวินก็รู้ชื่อของกล่องกระบี่บนหลังกล่องนี้แล้ว
เกิดใหม่!
ชื่อที่เต็มไปด้วยปริศนาและความลี้ลับ
“แล้วเจ้าเป็นใคร ทำไมถึงรู้จักกล่องกระบี่นี้” หลินสวินกล่าว
เด็กหนุ่มผมสีโลหิตแววตาดุดัน “คำถามของเจ้ามากเกินไปแล้ว ข้าแค่ต้องการกล่องกระบี่นั่น ขอแค่เจ้าส่งมาก็จากไปได้ทันที”
หลินสวินเลิกคิ้ว “หากข้าไม่ให้ล่ะ”
“ตาย!”
เด็กหนุ่มผมสีโลหิตพูดคำหนึ่งออกจากริมฝีปากอย่างแผ่วเบา
เขาลงมือโดยไม่ลังเล เงาร่างสองฉื่อกลายเป็นกระบี่หักเปื้อนเลือดเล่มหนึ่ง ตัวกระบี่ปกคลุมด้วยคำสาปและความคั่งแค้นที่แปลกประหลาดชวนขนพองสยองเกล้า
ฟุ่บ!
กระบี่หักฟันออกมา ย้อมฟ้าดินจนกลายเป็นสีแดงก่ำ เจตกระบี่ที่ดุดันเหี้ยมเกรียมพุ่งยิงเก้าชั้นฟ้า เห็นได้ชัดว่าอานุภาพของกระบี่นี้แตกต่างจากเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง
หลินสวินขับเคลื่อนความคิด ในจุดชีพจรทั่วร่างแผ่ปราณกระบี่ไท่เสวียนที่เจิดจรัสนับไม่ถ้วนออกมาราวกระแสน้ำ ม้วนพัดออกไปอย่างมืดฟ้ามัวดิน
ปราณกระบี่นั้นเบียดเสียดคับฟ้าดิน เติมเต็มใต้หล้า ปกคลุมห้วงอากาศ
ดำรงอยู่ทุกแห่งหน
ด้วยเหตุนี้จึงเข้าถึงได้ทุกที่
ในความรางเลือนปราณกระบี่นับไม่ถ้วนนั้นกลายเป็นกระบวนค่ายกลกระบี่มากมาย บังฟ้าคลุมตะวัน สำแดงความอัศจรรย์ของมรรคกระบี่ที่ไร้สิ้นสุด เข้าถึงได้ทุกแห่งหนออกมา
นี่เป็นครั้งแรกที่หลินสวินสำแดงนัยเร้นลับมรรคกระบี่ในคัมภีร์กระบี่ไท่เสวียนที่เขาครอบครอง ให้ออกมาอย่างสมบูรณ์และเต็มกำลัง
พลันเห็นกระบี่หักสีเลือดที่พุ่งฟันเข้ามานั้นสั่นสะท้านทันที หยุดชะงักกลางอากาศ ขณะเดียวกันเสียงของเด็กหนุ่มผมสีโลหิตก็ดังขึ้น
“เกิดจากหนึ่ง หวนคืนสู่ความไร้สิ้นสุด สรรพสิ่งคือกระบี่ หมื่นวิญญาณแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่ มรรคกระบี่ไร้สิ้นสุด เปลี่ยนไปตามโอกาส แก่นจริงแท้ของกระบี่มากเหลือคณาดั่งเม็ดทราย…”
เสียงของเขาเลือนรางเหมือนรำพัน “มรรคกระบี่นี้ฟาดฟันเทพผี ทำลายหยินหยาง สลายปัญจธาตุ เบิกท้องนภา ตัดขวางนิรันดร์กาล… มรรคกระบี่นี้ นามว่าไท่เสวียน…”
นัยน์ตาหลินสวินดูแปลกไป เดิมทีนี่เป็นแค่การหยั่งเชิงของเขา ตอนนี้ดูท่าว่าวิญญาณของกระบี่หักนี่ เห็นได้ชัดว่ามีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียน!
“ข้านึกออกแล้ว…”
กระบี่หักสีเลือดนั้นกลายเป็นเด็กหนุ่มผมสีโลหิตอีกครั้ง ความดุดันในแววตาเขาหายไปแล้ว จ้องมองกล่องกระบี่ที่อยู่ด้านหลังหลินสวิน ดูตื่นเต้นหาใดเปรียบ แทบจะตะโกนออกมาอย่างคลุ้มคลั่ง “มัน… เป็นของข้า!”
เสียงสะท้านฟ้าดิน
หลินสวินอึ้งไป เด็กหนุ่มผมสีโลหิตนี่ ที่แท้ก็เป็นวิญญาณกระบี่ในกล่องกระบี่เกิดใหม่นี้หรือ
ถ้าเช่นนั้นไม่ใช่ว่าเขาเป็นวิญญาณกระบี่ที่อยู่ข้างกายจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนหรอกรึ
พร้อมกันนี้เด็กหนุ่มผมสีโลหิตพลันกุมศีรษะร้องโหยหวน สีหน้าเหยเกบิดเบี้ยว บนผิวปรากฏพลังคำสาปและไอเคียดแค้นที่แน่นหนาชั้นหนึ่ง ดำสนิทดุจสีหมึก แปลกประหลาดหาใดเปรียบ
“เร็วเข้า รีบให้ข้ากลับไป… กลับไป!!” เด็กหนุ่มผมสีโลหิตจ้องมองหลินสวิน น้ำเสียงเจือความเจ็บปวดและร้อนรนหาใดเปรียบ
ราวกับว่าครู่ต่อมาสติของเขาจะถูกสะบั้นแหลก ตกอยู่ในสภาพดุดันอย่างที่สุด
หลินสวินสูดหายใจลึก เปิดกล่องกระบี่เกิดใหม่ออกอย่างแผ่วเบา
สวบ!
เด็กหนุ่มผมสีโลหิตแปลงเป็นแสงสายหนึ่งพุ่งเข้าไปในกล่องกระบี่เกือบจะทันที
“ขอบคุณมาก…” นานพอควร เสียงอ่อนแอราวกับหลุดพ้นของเด็กหนุ่มผมสีโลหิตดังออกมาจากส่วนลึกของกล่องกระบี่ จากนั้นก็ตกอยู่ในความเงียบ
‘เย่จื่อ?’ หลินสวินใช้จิตรับรู้เรียกอย่างอดไม่ได้ ในกล่องกระบี่มี ‘โลกกระบี่’ แห่งหนึ่ง มีแค่วิญญาณอาวุธที่เข้าไปในนั้นได้ ตอนนี้เย่จื่อก็รักษาตัวอยู่ในนั้น
‘หลินสวิน ข้าเห็นเขาแล้ว บนตัวเขาถูกฝังกฎเกณฑ์มหามรรคที่เกี่ยวข้องกับคำสาป แปลกประหลาดและน่ากลัวที่สุด’
เสียงราบเรียบชวนสงบใจของเย่จื่อดังขึ้น ‘แต่เจ้าวางใจ ในโลกกระบี่นี้สามารถกดพลังในตัวเขาได้’
คราวนี้หลินสวินถึงได้โล่งอก กล่าวว่า ‘เจ้านายของเขามีบุญคุณที่ถ่ายทอดวิชามรรคให้ข้า ครั้งนี้รบกวนเจ้าช่วยข้าดูแลเขาด้วย’
‘ได้’
เย่จื่อตกปากรับคำอย่างยินดี
หลินสวินจึงปิดกล่องกระบี่พาดไว้ด้านหลังใหม่อีกครั้ง มองฟ้าดินที่มืดมนและนองเลือดนี้แล้วอดรู้สึกสงสัยขึ้นในใจไม่ได้
สมัยดึกดำบรรพ์ คนใหญ่คนโตที่ประสบเคราะห์ในเคราะห์จ่อมจมครั้งแรกเหล่านั้น ถูกฝังอยู่ที่นรกอำพรางนี้เท่าไหร่กันแน่
จักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนมีสมญาว่า ‘จักรพรรดิอันดับหนึ่งแห่งดึกดำบรรพ์’ ไร้เทียมทานและสูงส่งระดับใด แต่กล่องกระบี่ของเขากลับตกหล่นในโลกมือในเคราะห์จ่อมจมครั้งแรก วิญญาณกระบี่ของเขาก็ถูกฝังอยู่ในนรกอำพรางนี้!
จากจุดนี้ก็คาดเดาได้ว่า เคราะห์จ่อมจมครั้งแรกนั้นน่าหวาดกลัวระดับใด
นอกจากนั้น ในนรกอำพรางนี้ยังกำราบต้นสำริดเฒ่าที่วิวัฒน์มาจากรากของไม้เทพคุนอู๋ไว้ ทั้งมีทวนมหามรรคไร้สวรรค์ที่ไม่สมบูรณ์ด้วย!
แต่ละอย่างล้วนมีความเป็นมาน่าอัศจรรย์หาใดเปรียบ ยิ่งใคร่ครวญก็ยิ่งทำให้คนรู้ซึ้ง ว่าเคราะห์จ่อมจมครั้งแรกไม่ธรรมดาระดับใด
‘บางทีศิษย์พี่รองอาจรู้คำตอบทั้งหมดนี้แล้วกระมัง’
นัยน์ตาดำของหลินสวินไหววูบ นรกอำพรางตั้งอยู่ในถิ่นฐานของเรือนเร้นหมอก และเรือนเร้นหมอกก็เป็นของหอวิหคทองแดงที่ครอบครองโดยศิษย์พี่รองจ้งชิว
ทั้งเมื่อนานมาแล้ว ศิษย์พี่รองก็เคยเข้ามาในนรกอำพราง บุกไปถึงชั้นที่เก้า เขาต้องรู้ความจริงที่เกี่ยวข้องกับเคราะห์จ่อมจมครั้งแรกมากมายแน่!
หลินสวินตัดสินใจว่าภายหน้าหากได้เจอศิษย์พี่รอง ต้องถามเรื่องพวกนี้ดูหน่อย ไม่ใช่เรื่องอื่น แต่เป็นเรื่องวิญญาณอาวุธและกล่องกระบี่ที่จักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนเหลือทิ้งไว้
“วิญญาณของกระบี่หักที่รัดพันด้วยคำสาปและความแค้นนั่น… ดันไปพึ่งเจ้าหมอนั่นแล้ว?”
ในที่ลับวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิตนหนึ่งที่เห็นภาพต่างๆ นี้ลูกตาแทบถลน
ในสายตาวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิที่ครองอาณาเขตอยู่ในนรกอำพรางชั้นหกอย่างพวกเขา วิญญาณของกระบี่หักนั่นเป็นตัวตนที่ประหนึ่งนายเหนือหัว แข็งแกร่งและน่ากลัวอย่างที่สุด
หลายปีที่ผ่านมานี้ ขอเพียงหาเรื่องวิญญาณของกระบี่หักนี่ เกือบทั้งหมดล้วนถูกสังหารอย่างหมดจด ไม่มีใครโชคดีรอดมาได้
หากไม่ใช่ว่าวิญญาณของกระบี่หักไม่เคยหาเรื่องก่อน วิญญาณร้ายในชั้นหกนี้เกรงว่าคงถูกฆ่าจนเกลี้ยงไปนานแล้ว!
แต่ปัจจุบันตัวตนน่ากลัวเช่นนี้กลับไปพึ่งหลินสวิน นี่ดูน่าเหลือเชื่อเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย
“ดูพอหรือยัง”
เงาร่างหลินสวินไหววูบ ปรากฏอยู่ข้างกายวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิที่ซ่อนอยู่ในที่ลับนั่น ฝ่ายหลังพลันหน้าถอดสี กำลังจะหนีก็ถูกปราณดาบไร้ใดเปรียบสายหนึ่งขวางทางถอยไว้
ดาบไร้วิชา!
เพียงไม่กี่อึดใจ วิญญาณร้ายระดับจักรพรรดินี้ก็ถูกสังหาร
จากนั้นหลินสวินก็เรียกร่างแยกทั้งห้ากลับมา ทะยานไปยังที่ห่างไกล เขาคิดหาสถานที่ฟื้นฟูพลังกายสักหน่อย
…
หนึ่งถ้วยชาผ่านไป ในอุโมงค์ใต้ดินที่เพิ่งถูกขุดแห่งหนึ่ง ร่างต้นของหลินสวินนั่งสมาธิฝึกปราณ สองมือต่างกุมผลึกต้นกำเนิดมหามรรคที่เปล่งประกายเจิดจรัสไว้ข้างละก้อน
กายมรรคไม้เขียวกำลังตรวจสอบทรัพย์หลังศึก
ในการต่อสู้นี้มีวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิทั้งสิ้นยี่สิบหกตนถูกหลินสวินสังหาร ทำให้หลินสวินรวบรวมสมบัติมรดกจากสมัยดึกดำบรรพ์มาได้ทั้งสิ้นสามสิบสี่ชิ้น
คุณลักษณะล้วนไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง เทียบกับไม้เท้าไผ่อสนีม่วงสงัดที่ชิงมาจากมือของอสูรเฒ่าไม้ไผ่แล้วไม่ด้อยไปกว่ากันแม้แต่น้อย ของบางอย่างในนั้นถึงขั้นมีแววว่าจะเหนือกว่า
ที่น่าเสียดายคือ สมบัติมรดกจากดึกดำบรรพ์ที่ใช่ว่าสมบัติจักรพรรดิทั่วไปจะเทียบได้พวกนี้ เทียบกับศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุนแล้ว สุดท้ายก็ยังด้อยกว่าอยู่บ้าง ไม่ได้ทำให้หลินสวินหวั่นไหวอะไรมากนัก
ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเก็บสมบัติพวกนี้ไว้เป็นอาหารของอู้เชวียและดาบหัก
นอกจากผลประโยชน์พวกนี้แล้ว ยังทำให้หลินสวินได้ผลึกต้นกำเนิดมหามรรคมายี่สิบหกก้อน คุณลักษณะทั้งหมดล้วนเลิศล้ำ ภายในแฝงเศษเสี้ยวกฎเกณฑ์มรรคจักรพรรดิที่ต่างกันออกไป เพียงหลอมมันก็จะถูกหลินสวินยึดกุมได้ทันที!
เมื่อจัดระเบียบทรัพย์หลังศึกเสร็จ กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินหยิบเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด แล้วปล่อยต้นสำริดเฒ่าที่ถูกกำราบไว้ภายในออกมา
ต้นสำริดเฒ่าหายใจรวยรินอยู่ก่อนแล้ว บาดเจ็บหนักเจียนตาย หลินสวินไม่ได้เกรงใจใดๆ เริ่มถามเรื่องที่เกี่ยวข้องกับไม้เทพคุนอู๋ตรงๆ
ตอนแรกต้นสำริดเฒ่าไม่ให้ความร่วมมือ แต่ทนการกระหน่ำซ้อมของหลินสวินไม่ไหว ไม่ทันไรก็ยืนหยัดไม่อยู่ บอกความลับหนึ่งออกมา
หลังจากเคราะห์จ่อมจมครั้งแรกในสมัยดึกดำบรรพ์มาเยือน ไม้เทพคุนอู๋ที่เดิมทีเกิดในบ่อเกิดแรกกำเนิดของโลกมืดนี้ก็เจอด่านเคราะห์นี้เช่นกัน
ร่างเดิมของมันถูกซัดกระจาย รากถูกตัดขาด แม้แต่ ‘รากปฐมจิตวิญญาณ’ ที่สั่งสมต้นกำเนิดมรรควิถีทั้งร่างของมันยังถูกโจมตีอย่างหนัก ตกลงมาในส่วนลึกของนรกอำพรางนี้
ต้นสำริดเฒ่าก็วิวัฒน์มาจากรากท่อนหนึ่งของไม้เทพคุนอู๋ ผ่านการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาไร้สิ้นสุด ไม่ง่ายเลยกว่าจะควบรวมสติปัญญาบางส่วนออกมาได้
ถ้าจะกล่าวให้ชัดเจนขึ้น ต้นสำริดเฒ่าก็เป็นแค่พลังต้นกำเนิดสายหนึ่งที่วิวัฒน์มาจากไม้เทพคุนอู๋ ใช่ว่าจะเทียบกับไม้เทพคุนอู๋ที่แท้จริงได้
เขารู้แค่ว่ารากปฐมจิตวิญญาณที่หายไปของไม้เทพคุนอู๋ อยู่ในชั้นใดชั้นหนึ่งของนรกอำพรางนี้เท่านั้น
ส่วนจะอยู่ชั้นไหนนั้น ต้นสำริดเฒ่าก็พูดที่มาที่ไปออกมาไม่ได้
แต่สำหรับหลินสวิน สามารถยืนยันว่ารากปฐมจิตวิญญาณของไม้เทพคุนอู๋อยู่ในนรกอำพรางแห่งนี้ก็เพียงพอแล้ว!
……………………..