Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2126 จักรพรรดิผีค้างคาวเงิน

เมื่อได้คำตอบที่ต้องการ กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินกำราบต้นสำริดเฒ่าเข้าไปในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดใหม่อีกครั้ง

ยามเสาะหารากปฐมจิตวิญญาณของไม้เทพคุนอู๋ ต้นสำริดเฒ่านี้ยังมีคุณค่าอยู่บ้าง ยังไม่ใช่เวลาที่จะฆ่าทิ้ง

ห่างไปไม่ไกล ร่างต้นของหลินสวินสงบจิตทำสมาธิ

การห้ำหั่นและต่อสู้เต็มกำลังก่อนหน้านี้ทำให้พลังยุทธ์ของเขาได้รับการขัดเกลาอย่างหาได้ยาก รวมถึงการควบคุมกฎเกณฑ์มหามรรคก็หมดจดและเชี่ยวชาญยิ่งกว่าเดิม

หลินสวินมีลางสังหรณ์อย่างหนึ่ง หากบุกไปถึงนรกอำพรางชั้นที่เก้าเช่นนี้ได้ตลอด การฝึกยุทธ์และพลังมหามรรคของตน ก็เป็นไปได้สูงว่าจะบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์สูงสุด!

ถึงตอนนั้น บางทีอาจได้เตรียมตัวแจ้งมรรคในระดับจักรพรรดิแล้ว…

วันต่อมา

หลินสวินผุดลุกจากการนั่งสมาธิ ออกจากอุโมงค์ใต้ดินนี้ไป

ฟ้าดินสีเลือดยังคงมืดมนและกดดันเหมือนที่ผ่านมา สายลมเยียบเย็นส่งเสียงหวีดหวิว

หลินสวินเดินอยู่กลางฟ้าดินเพียงลำพัง ไม่ทันไรก็หา ‘คู่ต่อสู้’ พบ

ชายชราผอมบางที่ร่างทรุดโทรม สวมชุดคลุมสีเลือดคนหนึ่งซุ่มซ่อนอยู่ใต้ยอดเขาลูกหนึ่ง กำลังกลืนกินและดูดซับพลังของวิญญาณร้ายกลุ่มหนึ่ง

ตูม!

หลินสวินก้าวไปในอากาศแล้วเหยียบลงมาเบาๆ ยอดเขาลูกนั้นทรุดถล่มสนั่นหวั่นไหว นัยน์ตาของชายชราซูบผอมที่กำลังหลอมปราณอยู่ใต้ยอดเขาฉายแววดุดันชวนประหวั่น

“ใคร!”

ชายชราซูบผอมพุ่งกระโจนออกมา สีหน้าถมึงทึงเกรี้ยวโกรธ แต่เมื่อเห็นร่างหลินสวินที่อยู่ไกลออกไป เขาตกตะลึงทันที วิญญาณเกือบหลุดออกจากร่างด้วยความตกใจ

เขาเริ่มหนีเอาตัวรอดโดยไม่ลังเล

หลินสวินอึ้งไป วิญญาณร้ายที่มีอานุภาพระดับจักรพรรดิเปลี่ยนเป็นใจเสาะเช่นนี้เมื่อไหร่กัน

ระหว่างที่คิดอยู่เขาก็ไล่ตามไปนานแล้ว

“เจ้าหนุ่ม ด้วยพลังต่อสู้ของเจ้าล้วนท่องไปถึงชั้นเจ็ดได้ ทำไมเจ้ายังอยู่ชั้นหกไม่ยอมไปเสียที”

เห็นหลินสวินไล่ตามมา ชายชราซูบผอมนั้นลนลานทันที แผดเสียงคำราม

นี่ทำให้หลินสวินผิดคาดยิ่งกว่าเดิม วิญญาณร้ายเปลี่ยนเป็นหวังดีเช่นนี้เมื่อไหร่กัน ถึงขั้นเริ่มเตือนตนว่าได้เวลาจากไปแล้ว…

เมื่อหลินสวินเพิ่งเตรียมจะเอ่ยปาก ก็เห็นชายชราซูบผอมนั้นเผ่นสุดชีวิต หนีไปเร็วยิ่งกว่าเดิม ไม่ทันไรก็ไม่เห็นร่องรอยแล้ว

หลินสวินคิดไปคิดมา สุดท้ายก็ละทิ้งความคิดที่จะไล่ตามต่อ

เห็นได้ชัดว่าเจ้าเฒ่านี่ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ต่อให้ตามไปก็ไม่มีทางทำให้ตน ‘ประหลาดใจ’ ในการต่อสู้เท่าไรนัก

หลังจากนั้นหลินสวินออกเดินทางตามหาคู่ต่อสู้อีกครั้ง

แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงคือ ในเวลาต่อมายามเขาเพิ่งเจอเป้าหมาย ฝ่ายหลังจะสาวเท้าหนีไปเหมือนกระต่ายที่ถูกทำให้ตกใจ ไม่ปล่อยโอกาสให้หลินสวินลงมืออย่างสิ้นเชิง

สถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดแค่ครั้งเดียว ไม่ว่ากลิ่นอายของคู่ต่อสู้ที่เขาเจอจะป่าเถื่อนระดับใด หลังจากเจอเขาแล้วจะหนีเอาตัวรอดกันหมด

“รีบหนีเร็ว เจ้าบ้านั่นบุกสังหารมาอีกแล้ว!”

“น่าชังนัก! นี่เขาคิดจะฆ่าพวกเราให้เกลี้ยงหรือ”

“ฮือๆๆ อุตส่าห์ควบรวมสติปัญญาออกมาได้ ไม่คิดเลยว่าจะเจอตัวอันตรายเช่นนี้ สวรรค์ไม่ยุติธรรมอะไรปานนี้…”

“หน้าตาของวิญญาณร้ายอย่างข้าล้วนไม่เหลือแล้ว!”

“หนีเร็ว! หนีเร็ว!”

เสียงคำรามและตะโกนอย่างตื่นตระหนกเช่นนี้ดังขึ้นในนรกอำพรางชั้นที่หกอย่างต่อเนื่อง ทุกหนแห่งที่หลินสวินไปถึง เหมือนเทพแห่งโรคระบาดมาเยือน ทำให้วิญญาณร้ายพวกนั้นตกใจจนหนีเตลิดเปิดเปิง

ในที่สุดหลินสวินก็จับวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิที่หนีไม่สำเร็จได้ตนหนึ่ง

แต่ยังไม่รอให้เขาดีใจ วิญญาณร้ายที่รูปร่างคล้ายสิงห์พยัคฆ์ตัวนั้นกลับพังทลายทันที ร่ำไห้โอดครวญพลางคุกเข่าลงกับพื้น อ้อนวอนขอชีวิต

จิตต่อสู้ฮึกเหิมของหลินสวินถูกทำลายไปจนเกลี้ยงทันที

เขามานรกอำพรางครานี้ เดิมทีก็เพื่อฝึกประสบการณ์ แต่ตอนนี้วิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิในชั้นหกนี่กลับคุกเข่าตรงๆ ยังพูดถึงการฝึกอะไรได้

‘ดูท่าว่าควรไปแล้วจริงๆ…’

หลินสวินถอนใจยาว เขาเข้าใจโดยคร่าวแล้ว หลังผ่านศึกนองเลือดเมื่อวาน วิญญาณร้ายในนรกอำพรางชั้นหกนี้ล้วนถูกทำให้ตกใจกลัว ไม่มีใครกล้าปะทะกับตนอีก

“เจ้าลุกขึ้นเถอะ” หลินสวินหันหลังเดินจากไป

วิญญาณร้ายที่คุกเข่ากับพื้นนั้นอึ้งไปครู่ใหญ่ ถึงกับดีใจจนน้ำตาไหล “เจ้าคนเหี้ยมโหดนี่ละเว้นข้า… เขาไว้ชีวิตข้าจริงๆ…”

วันนี้หลินสวินออกจากนรกอำพรางชั้นที่หก มุ่งหน้าสู่ชั้นที่เจ็ด

และวันนี้เอง วิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิที่กระจายอยู่ในชั้นหกพวกนั้น ไม่มีใครไม่ยกภูเขาออกจากอก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม โห่ร้องยินดีไม่หยุด

ความรู้สึกนั้นก็เหมือนส่งเทพแห่งโรคระบาดให้จากไป

หากผู้ฝึกปราณพวกนั้นเห็นเหตุการณ์นี้ ต้องตกตะลึงอ้าปากค้างแน่นอน ถึงอย่างไรพวกวิญญาณร้ายนี่เดิมทีก็เป็นสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่งที่เหี้ยมโหดที่สุดบนโลก วิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิยิ่งน่ากลัวจนไม่อาจจินตนาการ

แต่ตอนนี้วิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิในชั้นหกนั้น กลับถูกหลินสวินขู่จนกลัวแล้ว…

กระทั่งผ่านกาลเวลานับไม่ถ้วนหลังจากนั้น วิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิในชั้นหกนี้ ยังคงไม่อาจลืมชายหนุ่มที่นำพาความหวาดกลัวและสั่นสะท้านไร้สิ้นสุดมาสู่พวกเขาคนนั้นได้

นรกอำพรางชั้นที่เจ็ด

ฟ้าดินมืดมนไปทั้งแถบ แรงกดดันน่าหวาดกลัวที่เต็มแน่นในอากาศ เพียงพอจะบดขยี้ผู้ฝึกปราณที่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิทุกคนในพริบตา

แต่เห็นได้ชัดว่าหลินสวินคือสิ่งไม่คาดฝัน

หลังจากมาถึงที่นี่ ทุกครั้งที่เขาก้าวย่าง ล้วนไม่อาจไม่โคจรพลังปราณของตนเต็มกำลัง ถ้าอยากรุดหน้าไปให้เร็วขึ้น ถึงขั้นไม่อาจไม่ลงมือซัดพลังกดดันที่ดำรงอยู่ทุกแห่งหนนั้นให้ทลาย

สำหรับเรื่องนี้หลินสวินไม่ตระหนกกลับยินดี สำหรับเขายิ่งเป็นสถานที่เช่นนี้ กลับเป็นว่ามีประโยชน์ที่ไม่อาจประเมินได้ต่อการเคี่ยวกรำมรรควิถีแห่งตน

‘ก็ไม่รู้ว่าจักรพรรดิผีค้างคาวเงินนั่นอยู่ที่ไหน…’

หลินสวินเดินไปข้างหน้าพลางใคร่ครวญ ตอนอยู่ในนรกอำพรางชั้นที่สี่ ชายชุดเขียวเคยบอกหลินสวินว่าอีกครึ่งหนึ่งของทวนมหามรรคไร้สวรรค์ อยู่ในมือวิญญาณร้ายตนหนึ่งที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น ‘จักรพรรดิผีค้างคาวเงิน’ ในชั้นที่เจ็ดนี้

แน่นอนว่าหลินสวินต้องไม่ยอมพลาด

เวลาเคลื่อนไปทีละน้อย ผ่านไปสองชั่วยามโดยไม่รู้ตัว

สิ่งที่ทำให้หลินสวินรู้สึกผิดคาดคือ ในสองชั่วยามนี้ความเร็วในการเดินของเขาแม้จะเปลี่ยนเป็นช้าลงไม่น้อย แต่ก็มุ่งหน้าไปได้เกือบหมื่นลี้แล้ว ตลอดทางนี้อย่าว่าแต่วิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิเลย แม้แต่วิญญาณร้ายทั่วไปสักตนก็ไม่เจอ!

กลางฟ้าดินกว้างใหญ่นี้ราวกับเหลือแค่เขาคนเดียว เงียบสงัดและวังเวง กดดันและอึดอัด

หลินสวินยังไม่ตัดใจ มุ่งหน้าต่อไป

กระทั่งผ่านไปนาน แค่ต้านพลังกดดันที่อยู่กลางฟ้าดินนี้ ก็ทำให้หลินสวินใช้พลังกายไปเกือบหนึ่งในสามแล้ว

แต่ยังไม่พบร่องรอยของวิญญาณร้ายใดๆ!

นี่มันเรื่องอะไรกัน

ขณะที่หลินสวินฉงนใจ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าทวนมหามรรคไร้สวรรค์ในมือสั่นเล็กน้อย คล้ายว่าเกิดการเชื่อมต่อที่น่าอัศจรรย์กับสถานที่บางแห่งซึ่งห่างไกลออกไป

นัยน์ตาหลินสวินเป็นประกาย หยิบทวนไร้สวรรค์ออกมาโดยไม่ลังเล สงบจิตสัมผัส

หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาหันหลังกลับ ทอดมองไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งของทวนไร้สวรรค์อยู่ที่นั่นหรือ

หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ ควบคุมแรงขับเคลื่อนในใจไว้ ไม่ได้เคลื่อนไหวทันที

เขายืนอยู่จุดเดิม พินิจพิเคราะห์เล็กน้อยแล้วเริ่มลงมือ

ฟุ่บๆๆ!

ร่างแยกมหามรรคทั้งห้าปรากฏตัวพร้อมกัน ต่างคนต่างนำเจตวัตถุส่วนหนึ่งออกมา เริ่มหลอมธงกระบวนด้วยกัน บ้างหลอมเจตวัตถุ บ้างสลักกระบวนค่ายกลลายมรรค ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเร็วก็ว่องไวหาใดเปรียบ

ไม่นานธงกระบวนผืนแล้วผืนเล่าถูกหลอมออกมา โดยร่างต้นของหลินสวินลงมือนำไปปักในพื้นที่ต่างๆ ด้วยตัวเอง

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง

ในบริเวณใกล้เคียงมีธงกระบวนกระจายอยู่เก้าสิบเก้าผืน ธงพลิ้วไหว กระบวนค่ายกลลายมรรคแน่นขนัดที่สลักอยู่บนนั้นแผ่แสงประหลาดและลึกลับ

จากนั้นหลินสวินก็นำผลึกมรรคนับไม่ถ้วนในตัวออกมาอีก กองพะเนินเป็นภูเขาผลึกมรรคหลายลูก ปกคลุมอยู่ตรงตาค่ายกล

ผลึกมรรคพวกนี้จะกลายเป็นแหล่งกำเนิดกระบวนค่ายกล!

เมื่อทำทุกอย่างนี้เสร็จสิ้น พลังกายของหลินสวินก็ผลาญไปกว่าครึ่งแล้ว หน้าผากมีเม็ดเหงื่อซึมออกมาอยู่รางๆ สิ่งสำคัญอยู่ที่ตอนหลอมธงกระบวนพวกนั้น ผลาญพลังมากเกินไปอยู่บ้าง

เขานั่งขัดสมาธิกับพื้นทันทีโดยไม่รอช้า นำผลึกต้นกำเนิดมหามรรคที่คุณลักษณะเลิศล้ำสองก้อนออกมาเริ่มเสริมพลังกาย

กระทั่งพลังกายของหลินสวินฟื้นคืนกลับมาแปดส่วน ตรงขอบฟ้าไกลโพ้นพลันมีคลื่นเสียงดุจเสียงจากธรรมชาติดังขึ้น ประหนึ่งเสียงสวดแผ่วเบาลอยล่อง ทั้งเหมือนสัทครรลองมหามรรคสะท้อนก้อง

ฟ้าดินแถบนี้ล้วนเปลี่ยนเป็นศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา ในความรางเลือนมีลักษณ์ประหลาดอย่างบุปผาสวรรค์โปรยปราย ปทุมทองพรั่งพรู มังกรฟ้าเหินทะยาน กระพรวนทองก้องกังวานทยอยปรากฏ

มีอริยบุคคลคลอนศีรษะท่องคัมภีร์ มีเทพยิ้มถกมรรคพูดคุยนัยเร้นลับ มีกวางเขียวเคี้ยวหญ้าเดินเล่น มีวานรวิญญาณถือท้อกระโดดโลดโผน…

ยิ่งมีต้นไม้เก่าแก่สูงเสียดฟ้า ไผ่เขียวเป็นผืนป่า ธารน้ำใสไหลเอื่อย แสงมงคลวิเศษลอยล่องซ้อนสลับ ดูประหนึ่งภาพฝันลวงตา

ท่ามกลางความเลือนราง ที่นี่ราวกับไม่ใช่นรกมืดมนนองเลือดที่กดอัดใจคนนั้นอีก หากแต่เป็นแดนพิสุทธิ์ยอดสุขาวดี ประหนึ่งที่พำนักของทวยเทพ

เมื่อหลินสวินที่กำลังนั่งสมาธิลืมตาขึ้น พอเห็นภาพนี้ก็อึ้งงันอยู่ตรงนั้นอย่างอดไม่ได้

นี่คือ?

เมื่อความคิดหนึ่งเพิ่งผุดขึ้นในหัวหลินสวิน กลางฟ้าดินที่ศักดิ์สิทธิ์แถบนี้ก็มีเสียงอ่อนโยนราวเสียดลึกถึงก้นบึ้งหัวใจดังขึ้น

“นี่คือสถานที่แจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิของสหายน้อย”

“แจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิ?” หลินสวินเอ่ยเบาๆ กวาดสายตามองโดยรอบ ทุกอย่างดูสงบสุขราวกับอยู่ในแดนเซียน

“ใช่ ทุกอย่างที่เจ้าเห็นตอนนี้ก็คือสัญญาณว่าจุดเปลี่ยนแจ้งมรรคจะมาเยือน ดูเหมือนภาพหลอน ความจริงแล้วเป็นมงคลแห่งการแจ้งมรรค”

เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง

“แล้วเจ้าเป็นใคร” หลินสวินถาม

“ข้าก็คือเสียงหัวใจของเจ้า”

เสียงนั้นล่องลอย “เสียงหัวใจคือสิ่งที่มองไม่เห็น มีเพียงตัวเจ้าที่ได้ยิน สิ่งที่สะท้อนออกมาทั้งหมดคือความยึดติดตั้งต้นในใจเจ้า”

“รีบลงมือเถอะ หากพลาดจุดเปลี่ยนครั้งนี้ไป คิดจะรอครั้งต่อไปก็ไม่รู้ว่าต้องรอถึงเมื่อไหร่ บางทีอาจเป็นร้อยพันปี บางทีอาจถึงหลายหมื่นปี บางที… ชีวิตนี้อาจยากจะได้เจออีก…”

ฟังถึงตรงนี้หลินสวินอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ นัยน์ตาดำล้ำลึก แผ่แสงลึกซึ้งเกินคาดเดา

ภายใต้พลังของเปิดตาทิพย์ ทุกอย่างที่เห็นตรงหน้านี้ล้วนว่างเปล่า เหมือนบุปผาในคันฉ่องจันทราในวารี ฟ้าดินยังเป็นฟ้าดินที่มืดมนนองเลือดนั้น

แต่ด้วยเสียงนั้นดังขึ้น จึงเกิดภาพมายาที่สะท้อนในสภาวะจิตและจิตวิญญาณโดยตรงเช่นนี้ได้!

สิ่งที่ทำให้หลินสวินตกตะลึงก็อยู่ตรงนี้ หากไม่ใช่ว่าใช้ตาทิพย์ได้ เขาคงยากจะพบว่าสภาวะจิตและจิตวิญญาณของตนได้รับอิทธิพลจากเสียงนั้นไปนานแล้ว

เจ้าของเสียงนี้ไม่ธรรมดาอย่างไม่ต้องสงสัย!

“เสียงหัวใจหรือ… ข้าว่าเจ้าน่าจะชื่อจักรพรรดิผีค้างคาวเงินถึงจะถูก”

หลินสวินพูดพลางหยัดร่างขึ้นจากพื้น

นัยน์ตาดำของเขาดุจอสนี ฉีกกระชากการอำพรางทุกสิ่ง จ้องไปยังใต้เวิ้งฟ้าสีเลือดซึ่งห่างออกไป

ที่นั่นมีค้างคาวสีเงินที่ไม่สะดุดตาอยู่ตัวหนึ่ง!

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset