ระหว่างที่เด็กหนุ่มชุดเงินตกตะลึง ร่างต้นและร่างแยกของหลินสวินก็พุ่งโจมตีเข้ามาพร้อมกันแล้ว
ตูม!
ทันทีที่ลงมือก็โจมตีเหมือนอสนีบาตสะท้านปฐพี ศาสตราจักรพรรดินานัปการสำแดงอานุภาพที่ต่างกันออกไป ทำให้ฟ้าดินแถบนี้ตกอยู่ในความปั่นป่วน แสงศักดิ์สิทธิ์ส่องประกายทั่วฟ้า
ส่วนร่างต้นของหลินสวินก็โคจรวิชาแห่งตนถึงขั้นสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นพลังหมัด ประทับฝ่ามือ พลังดรรชนี… หรือวิชาลับนานัปการอื่นๆ ล้วนแผ่อานุภาพไร้ขอบเขตออกมา คล้ายเหวลึกแต่ไม่ใช่เหวลึก เหมือนเตาหลอมแต่ไม่ใช่เตาหลอม ประหนึ่งแดนแรกกำเนิด
เด็กหนุ่มชุดเงินถึงกับถูกโจมตีจนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะอยู่บ้าง รับมืออย่างเหนื่อยล้า
แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิขั้นสาม หลายปีนี้ได้กลืนกินและหลอมวิญญาณร้ายทั้งหมดในชั้นเจ็ดนี้เพื่อยกระดับพลังของตนไปนานแล้ว แม้ว่าตอนนี้จะบาดเจ็บสาหัส คนทั่วไปก็ไม่อาจเทียบได้
ไม่นานเขาก็ควบคุมสถานการณ์ได้ เริ่มโจมตีกลับ
ตูม!
ร่างกายเขามีเพลิงเทพสีเงินเวียนวน กฎเกณฑ์สอดประสาน เสียงคำรามที่เปล่งออกมายิ่งสะท้านจิตวิญญาณ เสียดลึกถึงสภาวะจิต โจมตีอย่างบ้าคลั่ง รวดเร็วรุนแรงเผด็จการ
ต่อให้เป็นศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุนก็ไม่อาจกำราบเขาได้!
“เจ้าสวะเหลือขอ ด้วยพลังของเจ้าล้วนสามารถฆ่าระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่งได้ แม้แต่ข้าก็ไม่อาจไม่ยอมรับว่าเจ้าเป็นบุคคลเย้ยฟ้าที่ยากพบเห็นในหมื่นกาลคนหนึ่ง น่าเสียดายที่ข้าไม่ใช่ระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่ง!”
เด็กหนุ่มชุดเงินส่งเสียงคำรามอย่างอาฆาตเหี้ยมเกรียม ในดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความดุร้าย
เขาโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ยามเคลื่อนไหวจะสาดอานุภาพมรรคจักรพรรดิที่น่าหวาดกลัวหาใดเปรียบ มีชัยเหนือการโจมตีของหลินสวินอย่างต่อเนื่อง กระเทือนจนร่างต้นและร่างแยกทั้งหมดของหลินสวินเลือดลมตีกลับ หน้าพลันเผือดสี
หากไม่ใช่ว่ามีศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุนสกัดกั้น เกรงว่าหลินสวินคงยืนหยัดไม่อยู่ไปนานแล้ว
ตูม!
เด็กหนุ่มชุดเงินออกหมัด แสงโลหิตไหลวน ซัดร่างต้นของหลินสวินกระเด็นไปอย่างง่ายดาย เมื่อเขาก้าวย่าง การโจมตีของร่างแยกทั้งห้าก็ถูกอานุภาพรอบตัวเขากระเทือนจนแตกซ่าน
เขาในตอนนี้ร้ายกาจประหนึ่งเทพ ท่าทางกำแหง แหงนมองฟ้าหัวเราะร่า “หากข้าดูไม่ผิด ของพวกนี้ล้วนเป็นศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุน เจ้านี่มีโชควาสนามากนัก ทำให้ข้าอิจฉาตาลุก ทว่า…”
“ตั้งแต่วันนี้ไป ทุกอย่างที่เจ้าครอบครองจะเป็นของข้าแล้ว!”
ท่ามกลางเสียงคำราม เด็กหนุ่มชุดเงินพลันเอื้อมมือออกไปคว้าดังฟึ่บ แขนขวาของกายมรรคไม้เขียวถูกฉีกกระชาก เลือดสดสาดกระเซ็น
หลินสวินร้องเสียงอู้อี้อย่างเจ็บปวด ร่างแยกถูกโจมตีอย่างหนัก ทำให้ร่างต้นของเขาทรมานอย่างที่สุดเช่นกัน
แต่สีหน้าของเขายังเหมือนก่อน จิตต่อสู้ฮึกเหิมยิ่งกว่าเดิม
ในเมื่อเป็นการฝึก มีหรือจะไม่ได้รับบาดเจ็บ
ความทรมานอย่างโชกโชน ความยากแค้นที่อันตรายและทำลายล้าง จึงจะเคี่ยวกรำการเปลี่ยนแปลงถึงขีดสุดได้!
“ฆ่า!”
เขาต่อสู้เต็มกำลัง สัมผัสได้ถึงความจดจ่อและเยือกเย็นที่ไม่เคยมีมาก่อน มรรคและวิชาทั้งหมดที่ครอบครองไหลพุ่งออกมาดั่งกระแสน้ำ
ระหว่างนี้ร่างต้นและร่างแยกทั้งห้าของเขาบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง ถูกกำราบจนแทบไม่อาจเงยหน้าขึ้น
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นเขาก็ยังยืนหยัด ไม่อ่อนข้อแม้แต่น้อย
นานเข้า…
เขาต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง จมอยู่ในสภาพต่อสู้ถึงขีดสุด ลืมสิ้นโลกภายนอก ลืมมรรคและวิชาทั้งหมดของตน
ในใจมีแค่ความคิดเดียว
สู้!
มองจากไกลๆ ร่างต้นและร่างแยกนั้นของเขาราวกับลุกโชน ต่อให้บาดเจ็บสะสมเลือดอาบไปทั้งตัว ก็ยังมีท่าทางหยิ่งผยองไม่ยอมล้ม อานุภาพแห่งการต่อสู้สะเทือนฟ้า
สู้!
สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณทั้งภายในและภายนอกร่างกายหลินสวินล้วนพลุ่งพล่านถึงที่สุด ปลดปล่อยเต็มกำลังเป็นประวัติการณ์ เงาร่างท่องไปทั่ว มีอานุภาพโจมตีเก้าสวรรค์ พุ่งทะลวงเมฆา
ท่ามกลางความพร่าเลือนเหมือนจักรพรรดิยุทธ์ปรากฏตัวอีกครั้ง กวาดขวางฟาดฟันทั่วหล้า!
สาเหตุอยู่ที่อานุภาพแห่งการต่อสู้ของหลินสวินในตอนนี้กระตุ้นด้วยวิชาอริยะยุทธ์ ปลุกมรรควิถีและรากฐานทั้งตัวเขาให้ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ นี่ทำให้พลังต่อสู้ที่หลินสวินระเบิดออกมาในตอนนี้เหนือกว่าในอดีต!
ต้องรู้ว่าวิชาอริยะยุทธ์เป็นการสะท้อนให้เห็นมรรควิถีทั้งชีวิตของจักรพรรดิยุทธ์แห่งคีรีดวงกมล เป็นยอดคัมภีร์มรรคที่อธิบายถึงมรรคแห่งการต่อสู้โดยเฉพาะเล่มหนึ่ง
ชีวิตนี้ของจักรพรรดิยุทธ์ไร้พ่ายทุกสมรภูมิ โจมตีไม่เคยพลาด แม้แต่จอมจักรพรรดิไร้นามคนก่อนยังถูกเขาเอาชนะ อานุภาพไร้เทียมทานระดับใด
มรดกที่เขาเหลือไว้ แน่นอนว่าไม่ธรรมดา
ในอดีตที่ผ่านมา การหยั่งรู้และควบคุมวิชาอริยะยุทธ์ของหลินสวินจำกัดอยู่แค่การห้ำหั่นและการต่อสู้เท่านั้น ทุกครั้งล้วนมีการหยั่งรู้ที่แตกต่างกันออกไป
จนถึงตอนนี้ พลังปราณของเขาถึงระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิสามชั้นฟ้าขั้นสมบูรณ์แล้ว ความเข้าใจที่มีต่อวิชาอริยะยุทธ์ก็ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม ทุกครั้งที่ใช้ล้วนทำให้เขารู้สึกอัศจรรย์ใจอย่างมาก
นัยสำคัญของวิชานี้ก็คือคำว่า ‘สู้’
สู้กับฟ้า สู้กับดิน สู้กับทวยเทพทั่วหล้า สู้กับศัตรูทั้งปวงตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ฆ่าฟันไม่หยุด กรำศึกไร้พ่าย!
นี่คือวิชาที่นำพลังทั้งหมดของตนไปหลอมรวมกับการต่อสู้อย่างเต็มกำลัง เจตจำนง สภาวะจิต ความกล้า ล้วนเปลี่ยนเป็นอานุภาพแห่งการต่อสู้
ในใจเหลือเพียงความคิดที่จะต่อสู้ ใต้หล้าเบื้องหน้า ใครกล้าเรียกตนว่าไร้คู่ต่อกร
ต่อให้ต้องตายก็จะปิดฉากในการต่อสู้!
ตูม!
ฟ้าดินอลหม่าน เสียงมรรคดังกัมปนาท
ในที่สุดเด็กหนุ่มชุดเงินก็หน้าเปลี่ยนสี รู้สึกประหลาดใจ ถึงขั้นใจสั่นสะท้าน
คู่ต่อสู้บาดเจ็บสะสมแล้วชัดๆ เลือดอาบไปทั้งตัว ถูกกำราบจนไม่อาจเงยหน้าขึ้น แต่ทุกครั้งกลับยืนหยัดได้ใหม่อย่างน่าอัศจรรย์ ต่อให้เขาโจมตีหลายต่อหลายครั้งก็ไม่อาจสมดังปรารถนา
ที่น่ากลัวที่สุดคืออีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัส แต่อานุภาพกลับเหมือนเพลิงโหมเติมเชื้อไฟ แข็งแกร่งและกำแหงขึ้นเรื่อยๆ เจตจำนงแห่งการต่อสู้ที่บริสุทธิ์และอหังการนั้น ทำให้เขาถึงขั้นยากจะจินตนาการว่านี่เป็นสิ่งที่มกุฎกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งครอบครองได้!
“ฆ่า!”
เด็กหนุ่มชุดเงินส่งเสียงคำรามยาวออกมา ไอสังหารลุกโชนยิ่งกว่าเดิม ครั้งนี้หากให้มกุฎกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งรอดไปได้ สำหรับเขานั่นต้องเป็นความอัปยศที่ยากจะลบล้างชั่วชีวิตแน่
ผ่านไปชั่วขณะ
ตูม!
ร่างต้นของหลินสวินถูกจู่โจมจนบาดเจ็บอีกครั้ง ร่างกายล้วนขาดวิ่น เลือดแดงสดไหลพุ่งราวน้ำตก สีหน้าซีดเผือดโปร่งแสง มีเพียงไฟต่อสู้ในดวงตาที่พลุ่งพล่านยิ่งกว่าเดิม
สายตาที่ไม่หวาดกลัวไม่วิตกและหยิ่งผยองกำแหงนั้นของเขา เด็กหนุ่มชุดเงินเห็นแล้วรู้สึกไม่ชอบใจ มาถึงตอนนี้แล้ว เจ้าหมอนี่ไม่รู้สึกหวาดหวั่นและขวัญกระเจิงเลยหรือ
บนโลกนี้มีคนที่ไม่กลัวตายอย่างเขาจริงหรือ
“เจ้าหนุ่ม เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังอันเด็ดขาด การดิ้นรนทั้งหมดก็เป็นแค่ตั๊กแตนขวางรถ เอาไข่ไปกระทบหิน ไม่คู่ควรให้พูดถึง”
สีหน้าของเด็กหนุ่มผมเงินเหี้ยมเกรียมอำมหิต ลงมืออย่างดุดันยิ่งกว่าเดิม
พร้อมกันนี้ริมฝีปากหลินสวินเอ่ยเสียงทุ้มต่ำหนึ่งออกมา
“เดรัจฉาน ควรจบได้แล้ว…”
ตูม!
ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดในหน้าอกเขาแผ่แสงประหลาด ปลดปล่อยพลังหยุดเวลาออกมา
ชั่วพริบตาฟ้าดินราวกับหยุดนิ่ง สรรพสิ่งหยุดตรึง
เด็กหนุ่มผมเงินที่พุ่งโจมตีเข้ามา เหมือนหนอนตัวหนึ่งที่หยุดนิ่งอยู่ในภาพวาด ส่วนหลินสวินก็บุกโจมตีเข้าไปในพริบตานี้นานแล้ว
ขวดไร้ขอบเขตที่ขาวกระจ่างเหมือนทำจากหยกมันแพะปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือเขา ปากขวดล้ำลึกปะทุปราณกระบี่เจิดจรัสถึงขีดสุดสายหนึ่งออกมา
ไปไร้หวน!
กระบี่ที่ควบรวมจากมรรควิถีทั้งชีวิตของจักรพรรดิสงครามอู๋ยาง
ฉัวะ!
ศีรษะของเด็กหนุ่มผมเงินถูกตัด ปราณกระบี่ไร้ใดเปรียบโหมทำลาย สลายร่างกายของเขาจนสิ้น ถูกบดขยี้กลางอากาศ กลายเป็นฝนโลหิตสาดกระเซ็น เลือดอาบท้องนภา
กระบี่เดียว เสริมด้วยอานุภาพของอภินิหารหยุดเวลาและขวดไร้ขอบเขต สังหารจักรพรรดิผีค้างคาวเงินที่อยู่ในระดับจักรพรรดิขั้นสาม!
หากภาพนั้นถูกผู้ฝึกปราณคนอื่นในใต้หล้าเห็นเข้า ต้องสั่นสะท้านจนเปิดฉากความปั่นป่วนโกลาหลแน่ ระดับจักรพรรดิก็ต้องตื่นตระหนก
ถึงอย่างไรการที่มกุฎกึ่งจักรพรรดิฆ่าระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่งได้ก็น่ากลัวพอแล้ว ตอนนี้แม้แต่ระดับจักรพรรดิขั้นสามยังถูกสังหาร นั่นก็เหมือนฟ้าถล่มดินทลาย
กลางฟ้าดินฝุ่นควันจางหาย กลิ่นคาวเลือดเข้มข้น
เงาร่างหลินสวินลอยล่องลงสู่พื้น ลมหายใจหนักหน่วง สีหน้าซีดเผือดโปร่งแสง พลังเกือบแห้งเหือด
อาการบาดเจ็บครั้งนี้รุนแรงมากจริงๆ แต่ในดวงตาเขากลับเต็มไปด้วยความภูมิใจและฮึกเหิม
การต่อสู้นี้เรียกได้ว่าเป็นศึกอันตรายและยากเข็ญที่สุดที่พบเจอ หลังจากเขาเข้ามาในนรกอำพราง
เขาไม่ได้พึ่งพาพลังของเย่จื่อ อู้เชวียและวิญญาณของดาบหัก อาศัยมรรควิถีและสมบัติที่ตนมีก็ฆ่าระดับจักรพรรดิขั้นสามคนหนึ่งได้!
สิ่งนี้นำพาการเคี่ยวกรำและหยั่งรู้ที่คาดไม่ถึงมาสู่เขาเช่นกัน
หลินสวินสงบสติอารมณ์ เริ่มจัดการกับทรัพย์หลังศึก
สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงคือ ทรัพย์สินของจักรพรรดิผีค้างคาวเงินตัวนี้ถึงกับมากมายหาใดเปรียบ แค่สมบัติมรดกจากดึกดำบรรพ์ก็มีสิบสามชิ้นแล้ว
คุณลักษณะของแต่ละชิ้นแทบจะสมบูรณ์ไร้ความเสียหาย มีกระบี่มรรค มีดาบบิน มีระฆังสำริด เจดีย์หยก บาตรพระ แส้หางม้า… เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีผลึกต้นกำเนิดมหามรรคขนาดเท่ากำปั้นที่แผ่ไอขุ่นมัวเม็ดหนึ่ง สิ่งที่สะกดไว้ภายในก็คือกฎเกณฑ์มรรคจักรพรรดิอันสมบูรณ์ ไม่ใช่แค่เศษเสี้ยว!
นี่น่าตะลึงเกินไปแล้ว!
ตั้งแต่หลินสวินบุกตะลุยจากชั้นหนึ่งมาถึงชั้นเจ็ดนี้ ก็รวบรวมผลึกต้นกำเนิดมหามรรคมาไม่น้อย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับผลึกต้นกำเนิดมหามรรคที่มีคุณลักษณะเช่นนี้
เมื่อเก็บทรัพย์หลังศึกทั้งหมดนี้ลงไป สายตาหลินสวินมองไปยังฟ้าดินที่เงียบสงัดไร้ขอบเขตนี้พลางกล่าวกับตัวเอง “ก่อนหน้านี้เจ้าถามข้าว่าเหตุใดชั้นเจ็ดนี้จึงมีวิญญาณร้ายอย่างเจ้าแค่ตนเดียว คำตอบนี้คาดเดาได้ง่ายเกินไปแล้ว วิญญาณร้ายตนอื่นย่อมถูกเจ้าฆ่าตายไปหมดแล้ว…”
“เจ้ายังบอกว่าจากอดีตเรื่อยมาจนปัจจุบันมีแค่สองคนที่ไม่กลัวพลังแห่งศาสตร์ดนตรีของเจ้า คนแรกนั้น… แน่นอนว่าเป็นศิษย์พี่รองของข้า…”
หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ หันหลังจากไป
เขาต้องการเวลาพักฟื้นช่วงหนึ่ง และต้องการดูดซับและหลอมการหยั่งรู้ยามต่อสู้ที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ให้สมบูรณ์ด้วย
…
แดนอำพราง
หลังจากหลินสวินเข้าไปในนรกอำพรางก็ผ่านมาห้าวันแล้ว
“อะไรนะ นี่เพิ่งผ่านไปห้าวันเท่านั้น เจ้าหนุ่มนั่นบุกไปถึงชั้นเจ็ดแล้วหรือ” ต้าหวงที่กำลังร่ำสุราตกใจจนหูตั้งขึ้นมา
เดิมทีมันหยิ่งผยองอย่างยิ่ง หมอบอยู่หน้าโต๊ะสำรับ ร่ำสุราทั้งกาคนเดียว ท่าทางดูสันโดษอิสระ แต่เวลานี้กลับตกตะลึงตาค้าง
เพิ่งห้าวันเองนะ!
บุกไปถึงชั้นเจ็ดแล้วหรือ!?
ปีนั้นเจ้านายของมัน เจ้าหอวิหคทองแดงยังไม่ทรงพลังเช่นนี้เลย!
“เรื่องจริงหรือ” เนิ่นนานกว่าต้าหวงจะหันกลับมามองชายผีสุราที่เพิ่งนำข่าวนี้มาบอก บนหน้าสุนัขเต็มไปด้วยความสงสัย
ผีสุราสีหน้าซับซ้อน กล่าวอย่างทอดถอนใจ “ข่าวที่ชิงอิงส่งมาไม่มีทางเป็นเท็จ…”
ในใจเขาก็ไม่สงบอย่างมาก ด้วยจำได้ดีว่าปีนั้นนายท่านบุกตะลุยจากชั้นหนึ่งไปชั้นเจ็ด ยังใช้เวลาถึงสิบวัน
แต่ ‘ศิษย์น้องเล็ก’ คนนี้ของนายท่าน… เห็นได้ชัดว่าทรงพลังกว่า!
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เขาทำลายสถิติในปีนั้นของนายท่านไปแล้ว!
“ไป พวกเราไปดูด้วยกัน ข้าไม่เชื่อว่าบนโลกนี้ยังมีคนที่เย่อหยิ่งกว่า… ไม่สิ ห้าวหาญยิ่งกว่านายท่าน!”
ต้าหวงผุดลุกขึ้นสะบัดหาง สี่เท้าวิ่งเหยาะพุ่งออกจากเรือนใหญ่ไป
ผีสุราคิดดูครู่หนึ่งแล้วหยิบม้วนหยกส่งสารออกมา บันทึกข่าวที่เพิ่งได้รับลงไป จากนั้นก็สะบัดมือลวกๆ โยนออกไปให้ผู้คุ้มกันคนหนึ่งที่รักษาการณ์อยู่นอกเรือนใหญ่
“ไป นำม้วนหยกไปมอบให้นายท่าน”