บ่ออสนีปั่นป่วน กาหลอมจิตบรรทุกร่างของบุตรนรกลอยอยู่บนนั้นประหนึ่งนาวาน้อย
“คิดถึงข้าหรือ”
หลินสวินเผยสีหน้าพิกล ยิ้มน้อยๆ เอ่ยว่า “หรือเจ้าจะรวบรวมของดีอะไรมา อยากจะมอบให้ข้าอีก”
บุตรนรกพลันนึกถึงความทรงจำน่าอนาถที่ทนหันกลับไปมองไม่ได้บางอย่าง โกรธจนเส้นเอ็นขมับปูดโปน
เขากัดฟันเค้นเขี้ยว “ความตายมาถึงตัวยังปากคอเราะราย สวะอย่างเจ้ายังเหิมเกริมเหมือนตอนนั้นเลยนะ”
ตูม!
เขายกมือขึ้นตบ แสงเทพปั่นป่วนควบรวมเป็นประทับฝ่ามือใหญ่ประหนึ่งคีรีเทพบังฟ้าลูกหนึ่ง เข้ากำราบหลินสวินกลางอากาศ
หลินสวินยืนไม่ไหวติง ประทับฝ่ามืออันพร่างพราวน่ากลัวกลับพังทลายดังสนั่น กลายเป็นละอองแสงปลิวว่อนเต็มฟ้า
“ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว แต่เจ้ายิ่งทำให้ข้าผิดหวัง”
หลินสวินหัวเราะ ในสายตาปรากฏแววดูแคลน ความเยาะหยันในน้ำเสียงกระตุ้นให้บุตรนรกสีหน้าสับเปลี่ยนไปมาอยู่ครู่หนึ่ง
“เจ้าก็มาเพราะต้นไม้เทพคุนอู๋หรือ” เขาเอ่ยถามขึ้นกะทันหัน
หลินสวินพยักหน้า “ไม่ผิด”
“เสียดายเจ้ามาช้าไปก้าวหนึ่ง รากปฐมจิตวิญญาณของต้นไม้เทพคุนอู๋ถูกข้าหลอมไปแล้ว”
บุตรนรกสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เก็บกลั้นโทสะและไอสังหารในใจ สีหน้าเย็นชา “ส่วนเจ้าก็โชคร้าย วันนี้ต้องมาตายที่นี่!”
“ต้นไม้เทพคุนอู๋ถูกเจ้าหลอมไปแล้ว ข้าชิงมาอีกก็พอ ส่วนที่เจ้าพูดว่าจะฆ่าข้า… เหอะๆ ถ้าข้าจำไม่ผิด พวกเราพบกันทีไร เจ้าเหมือนจะโวยวายแบบนี้ทุกที”
หลินสวินยิ้มน้อยๆ “แต่สุดท้ายดูเหมือนคนที่ถูกทรมานจะเป็นเจ้าทุกครั้งนะ”
“ข้าสาบาน คราวนี้เจ้าต้องตาย!”
บุตรนรกสีหน้าอึมครึม ทุกถ้อยคำของหลินสวินล้วนทำให้เขานึกถึงภาพในอดีตอย่างไม่อาจควบคุมได้ ทั้งเจ็บทั้งแค้นอย่างกับมีดเล็กๆ แทงเข้าที่หัวใจ
หลินสวินยิ่งยิ้มกว้าง ชี้กาหลอมจิตใต้เท้าบุตรนรก “อย่าลืมล่ะ ก่อนหน้านี้ที่เจ้าโชคดีเอาชีวิตรอดได้ครั้งแล้วครั้งเล่าก็เพราะสมบัติชิ้นนี้ ถ้าไม่มีมัน เจ้าก็… ไม่มีน้ำยา”
“พอแล้ว! ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!”
บุตรแห่งนรกโกรธควันออกหู ดวงตาแดงฉาน ไอสังหารโหดเหี้ยมคับฟ้าถาโถมไปทั้งร่าง เขาโมโหมากแล้วจริงๆ ความแค้นทั้งเก่าใหม่เจือกับความอัปยศต่างๆ นานาแผ่พุ่งอยู่ในใจราวกับภูเขาไฟปะทุ
ตูม!
บ่ออสนีพลิกม้วน บุตรนรกขี่กาหลอมจิตพุ่งเข้ามา เมื่อยกมือทวนใหญ่สีเงินยาวหนึ่งจั้งสองฉื่อเล่มหนึ่งก็ปรากฏ ยามโบกสะบัดม้วนพัดแสงมรรคไร้สิ้นสุด
แสงมรรคนั้นขาวสว่างดุจหิมะ แหลมคมหาใดเทียบ ประหนึ่งน้ำตกสีเงินที่ฉายส่องเวิ้งฟ้าได้ ม้วนตลบมาจากบนท้องฟ้า
ความรู้สึกแรกของหลินสวินก็คือ สมบัติที่อยู่ในตัวเจ้าเด็กแจกทรัพย์นี่เป็นสมบัติล้ำค่าพบเห็นได้ยากทั้งนั้นจริงๆ!
หลินสวินคิดไปพลางสะบัดมือกดออกไป นิ้วมือบีบความว่างเปล่า ราวกับคว้าจับสุริยันจันทรา
ครืน!
เสียงครั่นครืนสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น ทวนใหญ่สีเงินถูกขวางไว้ แสงเจิดจ้าปะทุออก ส่งเสียงสั่นสะเทือนดังหึ่งๆ
เลือดลมทั้งตัวบุตรนรกปั่นป่วนไปครู่หนึ่ง ดวงตามีแววประหลาดไหววูบ
แต่การเคลื่อนไหวของเขาก็ไม่ได้ชักช้า เมื่อเกิดเสียงทะลวงอากาศระลอกหนึ่ง ภาพดวงดาวมหัศจรรย์ก็อุบัติขึ้นบนตัวเขา
เมื่อภาพนี้หมุนวน ก็เปรียบดั่งดวงดาราโคจรอยู่ในนั้น ดวงดาวนับไม่ถ้วนเปล่งแสงดาราประหนึ่งกระแสธาร แปลงเป็นวังน้ำวนเข้าปกคลุมหลินสวิน
ภาพหมื่นลักษณ์ฟ้าดารา!
พลังกลืนกินบดขยี้อันน่ากลัวเหมือนหลุมดำฟ้าดารา ทำให้ห้วงอากาศแถบนี้บิดเบี้ยวพังทลายไปหมด อานุภาพอันน่าครั่นคร้ามนั้นสามารถทำลายสรรพสิ่งได้
ต้นทองแดงเฒ่าก็ถือเป็นวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิตนหนึ่ง แต่เมื่อได้เห็นภาพนี้ยังหวาดผวาอย่างห้ามไม่อยู่ นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นสมบัติมรดกดึกดำบรรพ์ที่แข็งแกร่งยิ่งยวดชิ้นหนึ่ง!
ชั่วพริบตาเดียวหลินสวินเผชิญแรงกดกำราบเข้าผนึก ราวกับเมล็ดธัญพืชที่อยู่ในเครื่องโม่ เสมือนจะถูกบดขยี้เมื่อไรก็ได้
ทว่าเมื่อเขาโคจรพลังทั้งร่าง ชั่วสะบัดแขนเสื้อก็สลัดพันธนาการ ทำลายการกดข่มไปได้
เขายื่นแขนออกมาคว้าภาพหมื่นลักษณ์ฟ้าดาราที่ปกคลุมอยู่นั้นทันที
สมบัตินี้มหัศจรรย์ยิ่งกว่าทวนใหญ่สีเงินเล่มนั้น คุณลักษณะก็พิเศษถึงที่สุด ทำให้หลินสวินยังใจเต้นอย่างห้ามไม่อยู่
“ความตายมาถึงตัวยังคิดจะชิงสมบัติหรือ”
บุตรนรกหัวเราะเพราะโกรธเกรี้ยว นี่มันเวลาไหนแล้ว เจ้าหลินสวินนี่ดันยังมองเขาเป็น ‘เด็กแจกทรัพย์’ อีกหรือ
ช่างสติฟั่นเฟือน!
แสงเทพไหวเคลื่อนไปทั้งร่างเขา ก่อรูปเป็นวงแสงลายพร้อย ประหนึ่งวงล้อเทพพร่างพราวเข้าโอบล้อมเงาร่างเขาเอาไว้
ตูม!
ฟ้าถล่มดินทลาย ขณะที่กระตุ้นทวนใหญ่สีเงินกับภาพหมื่นลักษณ์ฟ้าดารา บุตรนรกก็เรียกน้ำเต้าหยกเขียวที่อบอวลด้วยไอแรกกำเนิดใบหนึ่งออกมา
ก็เห็นว่าแสงเทพลายพร้อยเจิดจรัสหลั่งรินออกมาจากปากน้ำเต้า ปกฟ้าคลุมดินราวกับธารยาวมหานที แปลงเป็นสรรพวิญญาณ มีแต่เงาร่างไปทั้งฟ้า
ขณะนี้ไม่เพียงแต่หลินสวิน ต้นทองแดงเฒ่ายังสูดหายใจสะท้าน เผยสีหน้าตกตะลึง ภาพเช่นนั้นน่าหวั่นไหวไปแล้ว
วิญญาณนับหมื่นพันกลบฟ้าบังตะวัน ล้วนมีอยู่ทุกที่
มีนกจาบทองคำกระพือปีกในห้วงอากาศ แหงนหน้าร้องเสียงใส มีนกปีศาจเหมือนเมฆดำ วาดเงาดำปกคลุมพื้นดิน ดวงตาทั้งสองใหญ่โตและแดงฉานราวกับทะเลสาบ มีงูปาเสอที่รูปร่างคล้ายมังกร ร่างกายม้วนขดอยู่กลางอากาศ ใหญ่โตไม่มีที่สิ้นสุด กำลังจะกลืนกินสุริยันจันทรา มีช้างยักษ์สีเขียวที่ใหญ่เท่าภูเขายักษ์ ทรงพลังหาใดเทียบ คำรามแหวกอากาศ ทั้งยังมีนกเผิงสีทองอันน่ากลัว ปีกทั้งสองเหมือนเมฆบังเวหา ทะยานขึ้นพรวดพราดจะไปพิชิตมหาดารา!
ชั่วอึดใจเหมือนย้อนกลับไปยังต้นยุคดึกดำบรรพ์ หมื่นวิญญาณร่วมอุบัติ ห้ำหั่นเหนือโลกหล้า
เงาร่างเหล่านั้นแน่นขนัดทั้งยังใหญ่โตไร้ขอบเขต ด้วยเหตุนี้ดูๆ ไปก็เหมือนกลบผืนพสุธา บดยังฟ้าดาราอันไร้สิ้นสุด ต่างเป็นสิ่งมีชีวิตซึ่งแกร่งกล้าถึงที่สุดทั้งนั้น
ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นสิ่งที่แปลงมาจากแสงเทพที่พ่นออกมาจากปากน้ำเต้าหยกเขียวใบนั้น หนึ่งน้ำเต้าแปลงหมื่นวิญญาณ มหัศจรรย์หาใดเทียบ
สมบัติดี! สมบัติชั้นเลิศ!
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในสมองของหลินสวินกับต้นทองแดงเฒ่าโดยมิได้นัดหมาย ขอเพียงไม่ใช่คนโง่ ต่างดูออกว่าน้ำเต้าหยกเขียวนั้นน่าตะลึงเพียงไหน
ตูม!
ฟ้าดินปั่นป่วน สรรพชีวิตพากันโจมตีมาทางหลินสวินประหนึ่งเหล่าเทพเคลื่อนทัพ
“หลินสวิน ดูซิว่าเจ้าจะเอาอะไรมาสู้กับข้า!”
แววเย็นชาเหี้ยมเกรียมฉายวาบในดวงตาของบุตรนรก
สิ่งนี้คือ ‘น้ำเต้าวิญญาณต้นกำเนิด’ ภายในมีไอขุ่นมัวแรกกำเนิด แค่สายเดียวสามารถแปลงเป็นหมื่นชีวิตได้ ช่วงต้นยุคดึกดำบรรพ์ สมบัตินี้อยู่ในอันดับที่หกสิบสามของศาตราจักรพรรดิทั่วหล้า หากบรรพจารย์จักรพรรดิใช้ น้ำเต้าใบเดียวก็สามารถกำราบฟ้าดาราแห่งหนึ่ง บดขยี้โลกใหญ่แห่งหนึ่งได้!
เรียกได้ว่าบุตรนรกมั่นใจในสมบัติชิ้นนี้อย่างหาใดเทียบ
ณ ที่นั้นปั่นป่วน เงาร่างของหลินสวินกำลังจะถูกกลบมิดอยู่รอมร่อ เงามายาของวิญญาณน่าสะพรึงคับฟ้าสายแล้วสายเล่าพุ่งจู่โจม ปลดปล่อยอานุภาพดุร้ายไร้สิ้นสุด
ต้นทองแดงเฒ่าอัดอั้นคับข้อง ในใจเศร้าสลด คนหนุ่มสมัยนี้ร้ายกาจเช่นนี้กันหมดเลยหรือ
หลินสวินคนเดียวก็มีพลังต่อสู้เย้ยฟ้า สามารถข้ามปราการสวรรค์สังหารจักรพรรดิได้
ส่วนบุตรนรกคนนี้ก็ยังไม่บรรลุจักรพรรดิ แต่กลับครอบครองสมบัติจักรพรรดิขบถฟ้า อานุภาพแกร่งกล้าขนาดทำให้ระดับจักรพรรดิยังสิ้นหวัง…
นี่ช่างน่าหงุดหงิดเป็นบ้า!
“เจ้าเฒ่า เจ้ากับเจ้าคนแซ่หลินนั่นอยู่ด้วยกัน ดูท่าก็ไม่ใช่ของดีอะไร! ตายไปซะ!”
จู่ๆ บุตรนรกก็มองมาที่ต้นทองแดงเฒ่า ไอสังหารพลุ่งพล่าน ขณะพูดก็สะบัดแขนเสื้อ กระบี่บินงดงามหาใดเทียบแถบหนึ่งก็ทะยานออกมา
มีสามสิบหกเล่ม ทุกเล่มยาวสี่ชุ่นกว้างสองนิ้ว โปร่งแสงเปล่งปลั่ง ประทับด้วยลายสมบัติมรรคจักรพรรดิ เป็นกระบี่บินสมบัติจักรพรรดิกลุ่มหนึ่ง!
ต้นทองแดงเฒ่าตกใจจนสั่นไปทั้งตัว สาวเท้าวิ่งเปิดเปิง ในใจผรุสวาทคำโต คนอื่นเขารักใครก็รักคนรอบข้างไปด้วย แต่เจ้าหมอนี่กลับกันเสียแล้ว!
แต่ว่า… กระบี่บินกลุ่มนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ นะ…
ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ จู่ๆ ความคิดแบบนี้ก็ผุดขึ้นมา ทำเอาต้นทองแดงเฒ่ายังรู้สึกละอายใจเช่นกัน แต่ความรู้สึกอิจฉาริษยาเช่นนี้ก็โผล่ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
ช่วยไม่ได้ ใครให้สมบัติพวกนั้นน่าเย้ายวนยิ่งกันเล่า
ต้นทองแดงเฒ่ากล้าสาบานว่าหากเปลี่ยนเป็นระดับจักรพรรดิคนอื่นอยู่ที่นี่ ก็ต้องเกิดความคิดเช่นเดียวกับเขา และต้องหมายใจจะกลืนกินบุตรนรกนั่นดื้อๆ ดูว่าจะตักตวงสมบัติไปจากตัวเขาได้มากเพียงไหนกันแน่
ฟุ่บๆๆ!
กระบี่บินไหลหลั่ง รวมตัวกันเป็นกระบวนค่ายกลกระบี่สังหาร อานุภาพจักรพรรดิประหนึ่งกระแสธาร เพียงพริบตาก็ฟันกิ่งก้านแน่นขนัดของต้นทองแดงเฒ่านั้นให้สะบั้นลงไม่รู้กี่ท่อน เจ็บปวดจนเขาร้องครวญ ทั้งตะลึงทั้งหวาดกลัว
เขาเป็นถึงวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิ!
แต่ยามเผชิญหน้ากับการโจมตีของกระบี่จักรพรรดิกลุ่มหนึ่ง กลับไม่มีแม้แต่แรงจะต้านทาน
“เจ้าเฒ่า เจ้าอย่าหนีนะ!”
บุตรนรกยิ้มหยัน เห็นต้นทองแดงเฒ่าวิ่งหนีวุ่นในที่นั้นก็สุขใจอยู่ครู่หนึ่ง ความเคียดแค้นนี้สั่งสมอยู่ในใจเขามานานปี ในที่สุดก็มีโอกาสได้ระบาย ความรู้สึกนี้มีเพียงคำเดียวที่บรรยายได้…
สะใจ!
ครั้นเห็นต้นทองแดงเฒ่าถูกโจมตีจนแทบไร้แรงรับมือ จู่ๆ เสียงของหลินสวินก็ดังขึ้นในที่นั้น
“สมบัติพวกนี้ดีจริงๆ”
เปรียบได้กับคำชมจากใจลูกค้าคนหนึ่งที่มีต่อฝีมือพ่อครัว เปี่ยมด้วยความกระตือรือร้น ทั้งยังเหมือนการประเมินค่าอันใจกว้างที่นักประเมินสมบัติคนหนึ่งมีให้แก่สมบัติ
แต่นัยของคำพูดนี้กลับทำให้บุตรนรกสะดุดกึกในใจ
แย่แล้ว!
ไม่ทันรอให้เขาตอบโต้ ก็เห็นว่าในสนามรบที่หมื่นวิญญาณเข้าห้ำหั่นนั้นมีเจดีย์สมบัติหลังหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ มีอานุภาพกำราบนิรันดร์กาล แล่นไปหาน้ำเต้าวิญญาณต้นกำเนิดกลางอากาศ
เจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด!
ในขณะเดียวกัน เชือกสีทองเจิดจ้าเส้นหนึ่งม้วนตลบโอบล้อมภาพหมื่นลักษณ์ฟ้าดารานั้นอย่างรวดเร็ว ราวกับสายฟ้าฟาดสายหนึ่ง
เชือกทองคล้องสมบัติ!
นี่ยังไม่ถือว่าจบ เงาร่างของหลินสวินยังพุ่งออกไป ชนเงามายาสรรพวิญญาณให้กระจุยในทุกที่ที่ผ่าน ยื่นมือคว้าทวนใหญ่สีเงินในมือบุตรนรก
การเคลื่อนไหวต่อเนื่องแทบจะเสร็จสิ้นในชั่วอึดใจ หมายตาสมบัติที่บุตรนรกเรียกออกมาสามอย่างพร้อมๆ กัน!
ภาพนี้ทำให้บุตรนรกยังรู้สึกไม่ทันตั้งตัว พลันคำรามเดือดดาลว่า “เจ้าคนแซ่หลิน เจ้ามันโลภมากไม่รู้จักพอ!”
โลภมากไม่รู้จักพอหรือ
คำนี้ใช้แล้วดูชอบกลนัก
คล้ายกำลังตำหนิว่าเจ้าชิงสมบัติไปชิ้นเดียวก็ช่างเถอะ แต่เจ้ากลับจะชิงไปสามชิ้นในคราวเดียว ไม่กลัวว่าตนจะท้องอืดตายหรือ
ตูม!
เสียงระเบิดลั่นดังขึ้นเป็นระลอก สะเทือนอยู่ในเขตต้องห้ามอสนีแห่งนี้ ประกายสมบัติน่ากลัวแผ่กระจาย เผยภาพราวกับโลกวินาศ
ภาพหมื่นลักษณ์ฟ้าดาราต้านไม่อยู่เป็นอย่างแรก ถูกเชือกทองคล้องสมบัติพันไว้แน่นเหมือนเหยื่อที่ถูกงูเหลือมรัดตัวไว้ ตกลงมาจากห้วงอากาศ
จากนั้นเสียงปะทะรุนแรงหาใดเทียบระลอกหนึ่งดังตามมาติดๆ ทวนใหญ่สีเงินในมือบุตรนรกเล่มนั้นถูกหลินสวินคว้าไว้แล้วชิงมาดื้อๆ
บุตรนรกถูกซัดจนเลือดลมปั่นป่วน กระอักเลือดออกปาก แต่เขาจะสนใจเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร ใช้พลังทั้งหมดควบคุมน้ำเต้าวิญญาณต้นกำเนิดเข้าต้านทานเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด
สมบัตินี้ล้ำค่ายิ่ง เป็นสิ่งที่เขาได้มาไว้ในมืออย่างยากลำบากเมื่อไม่นานมานี้ ถ้าถูกชิงไป เช่นนั้นความเสียหายก็ใหญ่ยิ่งนัก!
“ไป! ไสหัวไปให้ข้า!” นัยน์ตาเขาแดงฉาน ส่งเสียงคำราม กลิ่นอายทั้งร่างแผ่กระจายเหมือนภูผาถล่มสมุทรทลาย แทบจะใช้พลังทั้งหมดที่มี
แต่บุตรนรกก็ค่อยๆ สิ้นหวังแล้ว บัดนี้ยอดสมบัติล้ำค่าอย่างน้ำเต้าวิญญาณต้นกำเนิดกลับถูกกำราบไว้มั่น ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็เปล่าประโยชน์…
ชั่วพริบตานี้เขาเจ็บปวดใจไปหมด เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้