ด้วยการปรากฏตัวของผีสุรา ต้าหวงและชายชุดขาว ทำให้เขตต้องห้ามอสนีผืนนี้ตกอยู่ในบรรยากาศกดดันหาที่เปรียบไม่ได้
ใครก็คิดไม่ถึงว่ายามนี้ ประโยคที่ชายชุดขาวถามออกมา กลับดูเหมือนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลยสักนิด กะทันหันอย่างมาก
ไท่เสวียนเป็นอะไรกับเจ้า
หลินสวินอึ้ง เพิ่งตระหนักอะไรได้ เอ่ยว่า “ผู้อาวุโสพี่ไท่เสวียนมีบุญคุณถ่ายทอดวิชาให้ข้า”
“มิน่า”
เสียงของชายชุดขาวนิ่งสงบมาก เหมือนพื้นผิวทะเลสาบที่ไร้คลื่น ทำให้คนไม่สามารถแยกแยะได้ว่าในใจเขามีความคิดอะไร ลึกล้ำไม่อาจคาดเดายิ่งนัก
“ผู้อาวุโส…” บุตรนรกลนลานขึ้นมาแล้ว ก่อนหน้านี้เขาถูกซัดรุนแรง เสียหน้าจนสิ้น สั่งสมความเคียดแค้นไว้เต็มอก ชั่วขณะนี้เขาอยากยืมมือชายชุดขาวสังหารหลินสวินโดยด่วน
ทว่าไม่รอเขาพูดจบชายชุดขาวก็เอ่ยปาก “หากข้าสู้เต็มกำลังย่อมสามารถแก้แค้นให้เจ้าได้ สังหารเจ้าหนุ่มนี่ แต่กลับไม่สามารถรับรองว่าเจ้าจะสามารถรอดออกจากที่นี่ได้หรือไม่”
“กลับกัน หากข้าพยายามพาเจ้าจากไป พวกเขาย่อมไม่สามารถขวางได้”
“ตอนนี้เจ้าตัดสินใจเถอะ”
คำพูดนี้ชัดแจ้งตรงไปตรงมา
สีหน้าของบุตรนรกอึมครึมไม่สามารถสงบได้ เขาอยากจะหั่นหลินสวินเป็นพันหมื่นชิ้นเสียเดี๋ยวนี้ แต่กลับไม่อยากเอาชีวิตของตนไปเสี่ยงเพราะหลินสวินคนเดียว
ทว่าจากไปเช่นนี้ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่จำยอม!
“สหายยุทธ์ สถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนเจ้าจะไม่อาจเป็นผู้ตัดสินใจ” ผีสุราพูดขึ้น สายตาวาบวาวและคมกริบ
“หากเขาสู้สุดชีวิตก็เป็นไปได้จริงๆ” เสียงของต้าหวงต่ำลึก พูดเนิบๆ “แต่หากเจ้ากับข้าสู้สุดชีวิตเช่นกัน นั่นย่อมแตกต่าง”
“ก็ถูก” ผีสุราพยักหน้า
บรรยากาศของฟ้าดินแห่งนี้ยิ่งกดดันขึ้น ทำให้คนแทบหายใจไม่ออก ราวกับจะมีเคราะห์สังหารที่ไม่สามารถคาดเดาได้ปะทุขึ้นตลอดเวลา
“ผู้อาวุโสทั้งสอง ให้เขาไปเถอะ ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ได้เสียเปรียบ”
ยามนี้หลินสวินสูดหายใจลึกคราหนึ่ง พูดพร้อมรอยยิ้ม เขาไม่สามารถทนเห็นผีสุราและต้าหวงสู้สุดชีวิตเพื่อตนได้
สำหรับความเป็นความตายของบุตรนรก ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปแล้ว ศัตรูที่ถูกกำหนดให้ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของตน มีค่าให้พูดถึงเสียที่ไหน
บุตรนรกโมโหจัดอีกระลอกหนึ่ง อะไรที่เรียกว่าไม่ได้เสียเปรียบ หลินสวิน เจ้าได้เปรียบเต็มที่ไม่ใช่หรือ
ทวนยอดทมิฬพินาศ น้ำเต้าวิญญาณต้นกำเนิด ภาพหมื่นลักษณ์ฟ้าดารา พัดเพลิงเทพทักษิณ ประทับแท้สามลักษณ์ กระบี่สามสิบหกทำลายล้าง…
ชิ้นใดบ้างที่ไม่ใช่สมบัติล้ำค่าในศาสตราจักรพรรดิ
ทว่าตอนนี้…
ถูกเจ้าคนแซ่หลินชิงไปหมดแล้ว!!
คิดถึงตรงนี้เบื้องหน้าสายตาบุตรนรกมืดมนไปแถบหนึ่ง โกรธจนหน้าอกแทบระเบิด
สมบัติเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขารวบรวมมาอย่างยากลำบากในหลายปีมานี้ เดิมคิดว่าหลังจากบรรลุจักรพรรดิจะใช้กำราบทั่วหล้า!
“หากเจ้าไม่จำยอม เช่นนั้นก็สู้ให้ถึงที่สุด”
ชายชุดขาวถอนหายใจเบาๆ ท่าทีของเขาที่มีต่อบุตรนรกให้ความรู้สึกส่งเสริมให้ท้าย ถึงขั้นไม่เสียดายหากต้องสู้สุดชีวิต การปกป้องเช่นนี้ก็เป็นการยืนยันแล้วว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับบุตรนรกไม่ธรรมดา
“ข้า…”
บุตรนรกสีหน้ายุ่งเหยิง ในใจกระสับกระส่าย
เขาอยากฆ่าหลินสวินตอนนี้มากจริงๆ แต่… เขาสนใจชีวิตของตนมากกว่า!
“ข้า…”
บุตรนรกอ้ำๆ อึ้งๆ ลังเลอยู่นาน กลับพูดประโยคที่สมบูรณ์ไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว
ท่าทางเช่นนี้ผีสุราและต้าหวงเห็นแล้วล้วนดูถูก แต่พวกเขากลับต้องยอมรับว่า เจ้าบุตรนรกนี่มีคุณสมบัติที่สามารถทำให้คนทั่วหล้าอิจฉาตาร้อน
ความแข็งแกร่งของรากฐานพลัง ทั้งยังมีวาสนาและสมบัตินับไม่ถ้วน ต่อให้พบเจออันตราย ก็ยังมีบุคคลชั้นเลิศอย่างชายชุดขาวคุ้มครอง แม้เป็นแค่คนไร้ประโยชน์คนหนึ่ง ก็ทำให้ผู้อื่น… ทำได้เพียงอิจฉา!
“สภาวะจิตเช่นนี้ เมื่อไหร่จะสามารถยืนหยัดเพียงลำพังได้ ใต้เท้าจักรพรรดินรกเอ็นดูเจ้าเกินไปแล้ว”
ชายชุดขาวถอนหายใจยาวอีกที
หากมีเพียงแค่บุตรนรก คุณสมบัติและพรสวรรค์ของเขาก็ถือว่าพอใช้ได้ แต่ตอนที่ยืนอยู่ใต้ฟ้าเดียวกับหลินสวิน กลับดูไม่เอาไหนขึ้นมาทันที
ชีวิตนี้ชายชุดขาวเดินทางไปทั่วหล้า เห็นผู้กล้าทั่วโลกจนชินตา หลินสวินเป็นคนรุ่นหลังคนแรกที่เขามองไม่ออก
ยิ่งเทียบกันยิ่งทำให้บุตรนรกดูธรรมดา
“ผู้อาวุโส บิดาข้าเคยบอกว่าจิตใจของข้าเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน ข้ายึดติดในวาสนาและสมบัติ นั่นย่อมเป็นมหามรรคที่ข้าแสวง ก็เหมือนมรรคกระบี่ของผู้อาวุโส ต่างวิธีแต่ผลลัพธ์เหมือนกัน ไม่ได้แตกต่าง”
ชั่วขณะนี้บุตรนรกดูเหมือนจะสงบลงแล้ว พูดอย่างจริงจัง “ข้าเป็นบุตรของจักรพรรดินรก มีศุภโชคชั้นเลิศแต่แรก ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่บิดาข้าทิ้งเอาไว้ มหามรรคของข้า แน่นอนว่าไม่มีทางแยกออกจากสิ่งเหล่านี้ได้”
“ไม่ถึงกับชุบมือเปิบ แต่ข้ากำลังเดินตามมหามรรคที่บิดาของข้าเตรียมไว้ให้ นี่… ผิดหรือ”
“หรือว่าบุตรของจักรพรรดินรก ก็ต้องทิ้งของภายนอกและการปกป้องทั้งหมดไปฝึกปราณเพียงลำพังหรือ หากข้าทำเช่นนี้จริง ก็เป็นการละทิ้งรากฐานไม่ใช่หรือ เช่นนั้นก็โง่เขลาเกินไปแล้ว!”
พูดถึงตรงนี้หว่างคิ้วของบุตรนรกปรากฏความหนักแน่น “ข้าเชื่อว่านี่ก็เป็นสิ่งที่บิดาข้าอยากเห็น”
ทุกคนฟังแล้วอึ้งไป
เถียงคำไม่ตกฟากหรือ
ก็ไม่เหมือน
พูดได้เพียงว่า มหามรรคที่บุตรนรกแสวงแตกต่างเกินไป มีการตื่นรู้ของการ ‘เกาะบรรพบุรุษกิน ใช้ทุกอย่างให้คุ้มค่า’
แม้แต่หลินสวินยังอดมองบุตรนรกใหม่ไม่ได้ มหามรรคของเจ้าหมอนี่ ถึงกับข้องเกี่ยวกับวาสนาและสมบัติ ช่างเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นไม่เหมือนใคร
บุตรนรกยิ่งพูดยิ่งมั่นใจ ผงาดกร้าวและหยิ่งผยอง “ยิ่งไปกว่านั้น สภาวะจิตของข้าไม่เคยถูกของภายนอกทำให้ลุ่มหลง เพราะวาสนาและสมบัติที่ข้าเคยเจอมากเกินไป เคยเห็นคนงามทั่วหล้า จึงรู้ว่าสิ่งใดเรียกว่าไร้ที่ติ ลิ้มลองสุรารสเลิศทั่วโลก จึงรู้ว่าอะไรคือเหล้าชั้นดี”
“เห็นมามากแล้ว สมบัติและวาสนาอะไรยังจะสามารถส่งผลกระทบต่อจิตมรรคของข้าได้อีก”
“ผ่านเรื่องราวมามาก จิตมรรคคงเดิม”
พูดถึงตอนสุดท้าย บุตรนรกแผ่อานุภาพที่เต็มไปด้วยความอิสระและเย่อหยิ่งไปทั่วตัว
“เช่นนั้นเจ้าให้กาหลอมจิตนี้กับข้าเป็นอย่างไร”
หลินสวินเอ่ยปาก ประโยคเดียวทำเอาบุตรนรกสีหน้าค้างแข็ง ความเคียดแค้นที่เดิมกำลังจะถูกกดลงพลุ่งพล่านขึ้นอีกครั้ง แทบจะสกัดกั้นไม่ไหว ขนาดนี้แล้ว เจ้าหมอนั่นยังจะคิดถึงกาหลอมจิตของตน!
“ฝันไปเถอะ!”
บุตรนรกหน้าคล้ำเขียว จากนั้นกล่าวกับชายชุดขาวว่า “ผู้อาวุโส เราไปกันเถอะ”
ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้แล้ว บนโลกนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตของตน ถ้ามี… เขาก็จะไม่เอาชีวิตไปแลก!
“ทั้งสองยังจะขวางอีกหรือ”
สายตาของชายชุดขาวมองไปยังผีสุราและต้าหวง เสียงนิ่งสงบ
“เหตุใดจึงขวางไม่ได้”
ใบหน้าสุนัขของต้าหวงอึมครึม “อยากมาก็มา อยากไปก็ไป จูคง คิดว่าไม่มีใครสามารถกำราบเจ้าได้จริงๆ หรือ”
”เช่นนั้นก็ต่อสู้”
คำตอบของชายชุดขาวไม่ลังเลสักนิด ในความราบเรียบแฝงความแข็งกร้าวอันหาที่เปรียบไม่ได้
“ต่อสู้? เจ้าแน่ใจหรือ”
ก็ตอนนี้เอง เสียงที่แฝงความเย่อหยิ่งและมาดมั่นอย่างที่สุดดังขึ้นในชั้นเก้าของนรกอำพราง
แค่คำง่ายๆ ประโยคเดียวเท่านั้น
ความรู้สึกที่มอบให้ผู้คน กลับมีความหยิ่งทระนงปานนายเหนือหัวเหลือบมองสรรพชีวิต
ชั่วขณะนี้ฟ้าดินล้วนเงียบเชียบ สายฟ้าที่กระจายอยู่ในเขตต้องห้ามอสนีแห่งนี้หยุดไป แม้แต่ห้วงอากาศและกระแสอากาศยังเงียบงัน ราวกับสยบให้
จากนั้นเงาร่างตระหง่านปานยอดเขาสูงชันปรากฏในที่นั้น สวมชุดคลุมดำแขนกว้าง ผมยาวสยาย กรอบหน้าชัดเจน หล่อเหลาจนถึงขั้นไม่สามารถจับผิดได้
ดวงตาทั้งคู่ลึกล้ำ เรียบเฉยและนิ่งสงบ หางตามีร่องรอยแห่งกาลเวลาอยู่รางๆ
ไม่มีใครรู้ว่าเขามาอย่างไร แต่ตอนที่เขาปรากฏตัวในที่นั้น กลับประหนึ่งนายเหนือหัวของฟ้าดินแห่งนี้ คำพูดชี้ขาด ครองอำนาจทั่วหล้า
ต้นทองแดงเฒ่าที่เดิมตัวสั่นระริกอยู่กับพื้นหมดสติไปตรงๆ ทันที
ผีสุราก้าวไปเบื้องหน้า ประสานมือคำนับ “คารวะนายท่าน”
ท่าทางเคารพนอบน้อม
ต้าหวงส่งเสียงเห่าอย่างดีใจ พันอ้อมขาของชายชุดดำพลางส่ายหางไม่หยุด ทั้งยังถูไถศีรษะเป็นระยะๆ ใกล้ชิด สอพลอ และเชื่องเชื่อ ไม่เห็นความเย่อหยิ่งสักนิด
บุตรนรกสั่นไปทั้งตัว สีหน้าขาวซีด แทบจะล้มนั่งกับพื้น ชายชุดดำคนนี้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกไร้กำลังต้านทาน เหมือนสมัยเด็กๆ ยามเขาเผชิญหน้ากับบิดาที่ก้าวสู่ระดับจักรพรรดิชั้นสูงมาเนิ่นนานไม่มีผิดเพี้ยน!
นี่เป็นการกำราบโดยสมบูรณ์ของสภาวะจิต จิตวิญญาณ มรรควิถี และระดับปราณอย่างหนึ่ง เป็นอานุภาพยิ่งใหญ่ไร้รูปอย่างหนึ่ง ราวกับกวางและกระต่ายที่กลัวสิงห์พยัคฆ์แต่กำเนิด!
และบุตรนรกก็รู้ว่าตนเทียบกวางกระต่ายไม่ได้สักนิด อย่างมากก็แค่มด และอีกฝ่ายก็ใช่ว่าสิงห์พยัคฆ์จะเทียบได้ ไม่สามารถเปรียบเทียบได้ด้วยซ้ำ
ฝ่ามือของชายชุดขาวกดบนตัวบุตรนรก ถึงทำให้สภาวะจิตของเขาไม่ถึงกับพังทลาย ฟื้นจากความสิ้นหวังที่แทบจะหยุดหายใจเช่นนั้น
ตอนที่มองไปยังชายชุดดำอีกครั้ง ในสายตาของบุตรนรกแฝงความระแวงและหวาดกลัว เจ้าหมอนี่เป็นใคร เหตุใดจึงน่ากลัวเช่นนี้
ในเวลาเดียวกันหลินสวินก็เดาฐานะของอีกฝ่ายออกแล้ว ในใจตื่นเต้นขึ้นมาเช่นกัน
ก่อนที่จะมาโลกมืด เขาก็สงสัยมาตลอดว่า ‘ศิษย์พี่รอง’ ที่ศิษย์พี่รั่วซู่เอ่ยถึงอย่างเลื่อมใสนับถือเป็นคนอย่างไรกันแน่
หลังจากมาเยือนโลกมืด เขาถึงค่อยๆ รู้ว่า ที่แท้ศิษย์พี่รองของเขาก็คือเจ้าหอวิหคทองแดง ยักษ์ใหญ่ในตำนานที่หยิ่งทระนงยิ่งยวด เย่อหยิ่งจนไม่เห็นใครในสายตา!
ในสายตาคนบนโลก เขาก็คือคนที่หยิ่งทระนงที่สุดทั่วหล้า ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
น้ำหนักแห่งมหามรรค กดทับความหยิ่งทระนงของเขาไม่ได้ เป็นศัตรูกับคนทั้งโลกได้ แต่ไม่สูญเสียความเย่อหยิ่ง!
เขายังเป็นยักษ์ใหญ่คนเดียวของโลกมือที่ปฏิเสธการเข้าพบจักรพรรดิสวรรค์ดำรง!
สิ่งที่รู้มาทั้งหมดนี้ ทำให้หลินสวินเกิดความเคารพและเลื่อมใสต่อศิษย์พี่รองนานแล้ว
คำว่าสูงส่งเกรียงไกรก็เป็นเช่นนี้
เพียงแต่หลินสวินก็คิดไม่ถึง ว่าจะได้เจอกับศิษย์พี่รองที่ชั้นเก้าของนรกอำพรางแห่งนี้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้
ชั่วขณะหนึ่งแม้แต่เขายังอดอึ้งงันไม่ได้
ชายชุดดำที่อยู่ตรงหน้าแตกต่างจากศิษย์พี่คนอื่นๆ ของคีรีดวงกมลอย่างสิ้นเชิง ดูเหมือนราบเรียบ แต่ทุกอิริยาบถกระทั่งสายตาและท่าทีของเขา ล้วนมีอานุภาพแห่งความหยิ่งทระนงอย่างหนึ่ง!
และให้ความรู้สึกมาดมั่นและแข็งแกร่งยิ่งยวด
ราวกับสุริยันจันทราดาราล้วนอับแสงเบื้องหน้าเขา ภูผาธาราทั่วหล้าล้วนหมอบคลานใต้ฝ่าเท้า มหามรรคทั้งอดีตและปัจจุบัน ล้วนทำได้เพียงก้มหัวภายใต้ความหยิ่งทระนงของเขา!
นี่ก็คือผู้สืบทอดลำดับสองของคีรีดวงกมล จ้งชิว!
ชายที่หยิ่งทระนงมาตลอดชีวิต
…………………….