หนึ่งเค่อหลังจากนั้น
หลินสวินที่ผ่านการฝึกมาหกเดือนเดินออกจากนรกอำพราง
“เอ๊ะ เจ้าหมอนั่นออกมาแล้ว!”
ข้างปากทางเข้านรกอำพราง ตอนที่เห็นเงาร่างของหลินสวินปรากฏขึ้น ผีสุรา ต้าหวง ชิงอิงที่รออยู่ตลอดต่างตกใจ
“เหตุใดจึงไม่ได้ทะลวงระดับบรรลุอริยะ”
ต้าหวงสังเกตหลินสวินแวบหนึ่ง อดเผยความผิดหวังไม่ได้ เดิมทีมันคิดว่าผ่านการฝึกหกเดือน หลินสวินควรจะสามารถทะลวงระดับขึ้นไปได้แล้ว
ก็เหมือนศิษย์พี่รองของเขาในตอนนั้น พุ่งสู่ชั้นเก้าในคราเดียว และบรรลุจักรพรรดิขอบเขตมกุฎในชั้นนั้น!
แต่เห็นได้ชัดว่าหลินสวินไม่ได้ทะลวงระดับ
“ไม่ใช่ว่าไม่อยาก แต่ไม่ยินยอม”
หลินสวินพูดสบายๆ เขาเห็นความผิดหวังของต้าหวงเต็มตา นี่ทำให้เขาอดรู้สึกตลกไม่ได้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ต้าหวงผู้เย่อหยิ่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เริ่มเป็นห่วงมรรควิถีของตน
ต้าหวงพูดอย่างไม่อภิรมย์ “ไม่ยินยอมอะไรกัน เห็นได้ชัดว่าทำไม่ได้ หากทำได้ คนโง่คนไหนจะอดทนไม่บรรลุจักรพรรดิ”
หลินสวินยิ้ม “ในบรรดาพวกเรา ก็มีแต่เจ้าต้าหวงที่มีความสามารถคุยโว คนอื่นทำไม่ได้หรอกนะ”
ประโยคเดียวทิ่มแทงจนต้าหวงใบหน้ามืดทะมึน ขณะกำลังคิดจะสั่งสอนคนรุ่นหลังที่ไม่รู้จักเคารพผู้ใหญ่รักสุนัขคนนี้สักหน่อย ก็ถูกผีสุราขวางเอาไว้
ผีสุราสายตาแปลกประหลาด ถอนหายใจพูด “ตอนนี้หลินสวินทะลวงระดับหรือไม่ ไม่สำคัญแล้ว อย่าลืมว่าแม้แต่จักรพรรดิผีค้างคาวเงินก็ถูกเขาฆ่าไปแล้ว”
หลินสวินที่อยู่ตรงหน้ากลิ่นอายราบเรียบว่างเปล่า เทียบกับเมื่อก่อนมีท่วงทำนองปานรุ่งเรืองถึงขีดสุดจึงเสื่อมโทรม มหามรรคคืนสู่ความจริง ทำให้เขาเองยังออกจะดูไม่ออก
นี่เหลือเชื่อมากอย่างไม่ต้องสงสัย
ควรรู้ว่าด้วยระดับของเขา แวบเดียวก็สามารถมองทะลุเบื้องลึกเบื้องหลังของมกุฎกึ่งจักรพรรดิทุกคนได้!
“ทุกท่าน คุณชายหลินกลับมาแล้ว พวกเรากลับแดนอำพรางก่อนเถอะ เจ้าหอวิหคทองแดงเคยเตือนว่า หลังจากคุณชายหลินกลับมาเขาจะมาพบในทันที”
ชิงอิงพูดขึ้น ประโยคเดียวทำให้ต้าหวงและผีสุราต่างไม่กล้าอยู่ต่อ
พลันนั้นคนทั้งกลุ่มก็หวนกลับแดนอำพราง
ระหว่างทางชิงอิงเล่าเรื่องฮือฮาที่เกิดขึ้นในโลกมืดในช่วงที่ผ่านมาให้หลินสวินฟังอย่างละเอียด
หลินสวินถึงรู้ว่า โลกมืดในตอนนี้กลายเป็นวังวนใหญ่แห่งหนึ่งแล้ว เป็นที่จับตามองของทั่วหล้า
เหตุผลก็เพราะ อีกไม่ถึงหนึ่งเดือนเคราะห์จ่อมจมครั้งที่สามก็จะมาเยือน!
เคราะห์ใหญ่ครั้งนี้เกี่ยวข้องกับแดนปรินิพพานและยอดหนทางสู่อมตะ เรียกได้ว่ากระทบใจขุมอำนาจใหญ่ทั่วหล้า
อย่างงานชุมนุมบัวเลิศที่เปิดม่านขึ้นในเมืองหมื่นดารา ก็จัดขึ้นเพื่อจุดประสงค์นี้
และพร้อมๆ กับเวลาที่ล่วงเลย แต่ละขุมอำนาจใหญ่ที่เดินทางจากฟ้าดาราทั่วหล้าสู่โลกมืดก็มากขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากขุมอำนาจใหญ่อย่างพวกหกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบใหญ่ เผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วกัน ยังมีตระกูล สำนักเก่าแก่จากฟ้าดาราอื่นทยอยมาเยือนด้วย
นี่ก็ทำให้โลกมืดในตอนนี้เปรียบได้กับวังวนใหญ่แห่งหนึ่ง อานุภาพยิ่งใหญ่ซับซ้อน เหล่าผู้กล้ารวมตัว แตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสมบูรณ์
ทั้งหมดล้วนเพื่อรอคอยการมาเยือนของแดนปรินิพพาน!
ได้รู้ข่าวพวกนี้หลินสวินเองก็อดจนคำพูดไม่ได้ วาสนาชั้นเลิศที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยอดหนทางสู่อมตะ ถึงขั้นดึงดูดสายตาทั้งบนล่างทั่วทั้งทางเดินโบราณฟ้าดารา ทำให้ขุมอำนาจใหญ่เก่าแก่และมหาสำนักไม่รู้เท่าไหร่รวมตัวกันมาเยือน
แค่คิดก็รู้ว่าการแย่งชิงในตอนนั้นจะดุเดือดขนาดไหน
“คุณชายจำความลับบางอย่างที่ข้าเคยบอกท่านได้หรือไม่” ชิงอิงถาม
หลินสวินพยักหน้า แน่นอนว่าเขาจำได้
ในแดนปรินิพพานแตกต่างจากโลกลึกลับอื่นๆ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะมีกฎเกณฑ์ ‘วัฏจักรกาลเวลา’ ผู้แข็งแกร่งที่เข้าไปจะเผชิญกับการทดสอบ และจะอันตรายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ทันทีที่เข้าสู่วัฏจักร มีผลลัพธ์เพียงสองอย่าง หากไม่จ่อมจมอยู่ภายในสูญเสียความเป็นตัวเอง
ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงถึงที่สุดจากในนั้น บรรลุมหานิพพานแห่งตน หลุดพ้นออกมา
นอกจากบททดสอบของวัฏจักร ในแดนปรินิพพานยังเต็มไปด้วยเคราะห์สังหารที่น่าสะพรึงยิ่งยวดมากมาย จะมีมารสวรรค์นอกฟ้าบุกรุกเข้ามา มีพวกน่ากลัวจากฟ้าดาราแดนอื่นเข้ามาโจมตี!
ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะยอดหนทางสู่อมตะน่ากลัวเกินไป ขอเพียงมีคนกลายเป็นหนึ่งดอกบัวที่เบ่งบานบนเส้นทางนี้ ก็จะมีรากฐานพลังน่ากลัวที่ ‘ไม่เสื่อมไม่ดับ เกรียงไกรเพียงข้า’!
เพียงแค่คำว่า ‘ไม่เสื่อมไม่ดับ เกรียงไกรเพียงข้า’ แปดคำนี้เย้ยฟ้าเกินไปแล้ว ทำให้คนอิจฉาตาร้อนและบ้าคลั่ง
แต่อยากจะครอบครองโอกาสและคุณสมบัติเข้าไปในยามที่แดนปรินิพพานมาเยือน จะต้องมีสองเงื่อนไข
เงื่อนไขแรกคือ เป็นผู้แข็งแกร่งที่ก้าวสู่มกุฎมรรคา ไม่ว่าพลังปราณจะสูงต่ำ ต่อให้เป็นผู้ฝึกปราณห้าระดับล่างก็มีคุณสมบัติเข้าไป
เงื่อนไขที่สองคือ เป็นบุคคลที่ก้าวสู่ระดับจักรพรรดิ ขอแค่ศักยภาพอยู่ในขอบเขตเก้าขั้นล้วนสามารถเข้าไปได้
“ช่วงนี้มีข่าวใหม่จากวงในแพร่มาอีก ว่ากันว่าหลังจากแดนปรินิพพานมาเยือน ผู้แข็งแกร่งที่เข้าไป พลังปราณยิ่งสูง อันตรายที่เจอก็ยิ่งน่ากลัว”
ชิงอิงพูด “สามารถมั่นใจได้ว่า ผู้แข็งแกร่งที่เหนือว่าจักรพรรดิขั้นหก ทันทีที่เข้าไปจะประสบเคราะห์สังหารที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต ถูกพวกน่ากลัวที่มาจากแดนอื่นโจมตีสังหารเต็มพลัง”
“อิงตามที่เจ้าหอวิหคทองแดงวิเคราะห์ ข่าววงในนี้น่าจะเชื่อถือได้”
“ดังนั้นพวกเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่อยู่เหนือระดับจักรพรรดิขั้นหก ส่วนใหญ่จะต้องถอยทัพแล้วอย่างแน่นอน ไม่กล้าเข้าร่วมอีกต่อไป”
พูดถึงตรงนี้สายตาของชิงอิงมองไปยังหลินสวิน “สำหรับคุณชาย นี่น่าจะเป็นข่าวดี ถึงอย่างไรด้วยพลังปราณในตอนนี้ของคุณชายก็ไม่เกรงกลัวระดับจักรพรรดิขั้นสามแล้ว หากสามารถบรรลุมกุฎจักรพรรดิในแดนปรินิพพานได้ แม้เจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า อย่างน้อยก็มีพลังในการป้องกันตัว”
หลินสวินโล่งอกจริงๆ
ก่อนหน้านี้เขารู้สึกกดดันมากอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ถึงอย่างไรหากมีพวกร้ายกาจระดับจักรพรรดิขั้นเก้าเข้าร่วมการชิงชัยในแดนปรินิพพานด้วย ใครยังจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้
และบนทางเดินโบราณฟ้าดารา เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่มีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นเก้าบางทีอาจมีน้อยมาก
แต่ตอนที่แดนปรินิพพานปรากฏ เฒ่าดึกดำบรรพ์พวกนี้จะปฏิเสธความยั่วยวนของ ‘ไม่เสื่อมไม่ดับ เกรียงไกรเพียงข้า’ ได้หรือ
ต่อให้ผู้แข็งแกร่งคนอื่นเข้าร่วม แล้วจะไปประชันด้วยได้อย่างไร
ไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย!
แต่ตอนนี้ข่าววงในที่ชิงอิงเปิดเผย ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายลงไม่น้อยอย่างไม่ต้องสงสัย
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้” หลินสวินถาม
ชิงอิงอธิบาย “ระดับจักรรพรรดิขั้นหกกล่าวได้ไร้กฎไร้ฟ้า และแดนปรินิพพานนั่นก็แปลงมาจากระเบียบมหามรรคต้นกำเนิด ระดับจักรพรรดิขั้นหกเข้าไป กลิ่นอายบนตัวพวกเขาก็เหมือนแสงไฟกลางหมอก ถูกพวกน่ากลัวที่มาจากแดนอื่นจับจ้องทันที”
ระดับจักรพรรดิขั้นหก!
ไร้กฎไร้ฟ้า!
ในที่สุดหลินสวินถึงเข้าใจ แต่ก็มีอีกความสงสัยหนึ่งพุ่งขึ้นในใจ “แม่นางชิงอิง พวกน่ากลัวจากแดนอื่นเหล่านั้นเป็นใครกัน”
ชิงอิงพูด “อันนี้ข้าก็ไม่รู้ รอเจอเจ้าหอวิหคทองแดงท่านค่อยถามเขาดีกว่า”
หลินสวินพยักหน้า
หนึ่งก้านธูปหลังจากนั้น
คนทั้งกลุ่มกลับสู่แดนอำพราง หลังจากมาถึงที่นี่ ผีสุราและต้าหวงจากไปก่อน เหลือเพียงชิงอิงอยู่กับหลินสวินคนเดียว
ทั้งสองนั่งอยู่ในโถงที่สงบและกว้างใหญ่ ดื่มชาพลางพูดคุย
“คุณชาย มีประโยคหนึ่งข้าไม่รู้ว่าควรพูดหรือไม่” ชิงอิงลังเลครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปาก
หลินสวินกล่าว “ว่ามาเถอะ”
ชิงอิงคิดๆ แล้ว สุดท้ายก็พูดขึ้น “ช่วงนี้ไม่ว่าจะเป็นสำนักโบราณจรัสเทพกับแดนกษิติครรภ์ของโลกมืด หรือสำนักโบราณของโลกฟ้าดาราอื่น ล้วนประกาศกร้าวว่าหากท่านกล้าไปแดนปรินิพพาน จะต้องฆ่าเท่านั้น”
หลินสวินอดยิ้มพูดไม่ได้ “นี่อยู่ในการคาดเดาของข้าแต่แรกแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลก”
หลายปีมานี้เขาถูกตามฆ่ามาไม่รู้กี่ครั้ง จะสนใจเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร
ชิงอิงเอ่ยเตือน “แต่คุณชายอย่าลืมว่า ตอนนี้ทุกคนบนโลกต่างรู้ว่าหอวิหคทองแดงคุ้มครองท่านอยู่”
ประโยคเดียวทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินสวินชะงักไปทันที ในที่สุดก็รับรู้ได้ว่าปัญหาอยู่ที่ไหน
หลินสวินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนสูดหายใจลึกเอ่ยว่า “เพื่อคุ้มครองข้า ศิษย์พี่รองของข้าคงเผชิญแรงกดดันยิ่งยวดกระมัง”
ชิงอิงพยักหน้า “ทั่วหล้าฟ้าดาราในตอนนี้ล้วนให้จักรพรรดิสวรรค์ดำรงเป็นผู้อยู่เหนือสุด ส่วนท่านกลับเป็นเป้าหมายที่จักรพรรดิสวรรค์ดำรงออกคำสั่งให้สังหาร เจ้าหอวิหคทองแดงทำเช่นนี้ ไม่ต่างกับการทำให้หอวิหคทองแดงตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายที่เป็นศัตรูกับทั้งโลก”
“หากไม่ใช่เพราะเกรงกลัวพลังและเบื้องลึกเบื้องหลังของหอวิหคทองแดง อีกทั้งจักรพรรดิสวรรค์ดำรงก็ยังไม่ปรากฏตัว เพียงแค่ในโลกมืดแห่งนี้ สำนักโบราณจรัสเทพกับแดนกษิติครรภ์ก็คงจะลงมือกับหอวิหคทองแดงไปนานแล้ว”
ดวงตาดำของหลินสวินวูบไหว ในใจหนักอึ้งขึ้นมาระลอกหนึ่ง เขาเพิ่งตระหนักได้ว่า เพื่อปกป้องตน สิ่งที่ศิษย์พี่รองต้องจ่ายไปยิ่งใหญ่เพียงใด!
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าวันที่จักรพรรดิสวรรค์ดำรงกลับจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จะต้องเป็นวันที่หอวิหคทองแดงประสบเคราะห์!
ถึงตอนนั้นสำนักโบราณจรัสเทพและแดนกษิติครรภ์ จะต้องเป็นเขี้ยวเล็บที่ซื่อสัตย์ที่สุดให้จักรพรรดิสวรรค์ดำรงแน่นอน ฉวยโอกาสลงมือ โจมตี และทำลายล้างหอวิหคทองแดง
เช่นเดียวกัน ศิษย์พี่รองจ้งชิวก็จะถูกจักรพรรดิสวรรค์ดำรงจับจ้อง มองเขาเป็นคนที่ต้องกำจัด
และทั้งหมดนี้ ล้วนเกิดขึ้นเพราะตน…
“ในเมื่อข้าทำเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมมีความมั่นใจและแผนการ” ตอนนี้เองเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นในโถง
ยังคงหยิ่งทระนงและมาดมั่นเช่นนั้น
ก็เห็นจ้งชิงในชุดดำแขนกว้างเดินเข้ามา
ชิงอิงเห็นเช่นนี้จึงลุกขึ้นทันที หลังจากโค้งคารวะก็ออกจากโถงไป
“ตั้งแต่จักรพรรดิกระบวนลู่ไปจากเรือนเร้นหมอก นางหนูนี่ก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน หลายปีมานี้อุปนิสัยเย็นชา พูดน้อยสันโดษ มีเพียงต่อหน้าเจ้าคนเดียวถึงพูดมากขนาดนี้”
จ้งชิวมองส่งเงาร่างของชิงอิงจากไป อดถอนหายใจไม่ได้
“ความจริงจนตอนนี้ข้าก็ยังไม่เข้าใจว่า ตอนนั้นเหตุใดจักรพรรดิกระบวนลู่จึงไม่ยอมรับชิงอิงเป็นลูกบุญธรรม พรสวรรค์ของนางหนูนี่สุดยอดมาก ครอบครอง ‘จิตมรรคปัญญา’ หากไม่ใช่เพราะนางหลงใหลมรรคแห่งรอยสลักวิญญาณ ด้วยรากฐานพลังของนาง ความสำเร็จด้านมหามรรคที่มีในตอนนี้คงไม่ด้อยกว่าเจ้า”
หลินสวินอดอึ้งไม่ได้ เขาเพิ่งได้รู้ว่า ตนเหมือนจะมองข้ามมรรควิถีและพลังปราณของชิงอิงมาโดยตลอด
เหตุผลเพราะตอนที่นางปฏิบัติกับตน วางตัวต่ำมากมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นกิริยาวาจา ล้วนเผยความสนิทสนมที่พาให้เชื่อถือ
ราวกับลมยามฤดูใบไม้ผลิ ให้ความชุ่มชื้นแก่สรรพสิ่งอย่างเงียบๆ
จ้งชิวเหลือบมองหลินสวินคราหนึ่ง เอ่ยราวกับขบคิด “ข้าดูออกว่าในใจนางมองเจ้าเป็นคนที่จักรพรรดิกระบวนลู่เลี้ยงมา เห็นเจ้าเป็นน้องชาย”