Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1073 ดุจภาพภูผาธารา ดับดาราทะลวง

จิตต่อสู้น่าทึ่งมาก!
แม้เป็นบุคคลระดับเซี่ยวชางเทียน ในใจยังสั่นสะเทือนอย่างควบคุมไม่อยู่
หลินสวินในตอนนี้ประหนึ่งเทพมารแห่งการต่อสู้ เพียงแค่จิตต่อสู้ก็ราวกับควันสงครามที่พุ่งทะลวงฟ้า กวาดล้างลมเมฆแหลกสลาย เขย่านภสินธุ์!
แค่มองเงาร่างของเขาจากระยะไกล ยังยังทำให้คนรู้สึกหนังหัวชาวาบ จิตใจได้รับผลกระทบ
พูดอย่างไม่เกินจริงสักนิด ยามนี้แม้เหล่ายอดมกุฎรุ่นเยาว์ขึ้นไป ยังไม่ทันลงมือก็จะถูกจิตต่อสู้ในตัวหลินสวินกดข่มจนจิตใจสับสนวุ่นวาย!
จิตต่อสู้นี้ก็คือ ‘อานุภาพ’ ของวิชาอริยะยุทธ์
หลังจากหลอมรวมนัยเร้นลับของโทสะหยาจื้อเข้าไป ทำให้มรดกวิชาที่มาจากคีรีเทพดวงกมลแห่งแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์วิชานี้ ปลดปล่อยอานุภาพคับฟ้าที่ยากจะจินตนาการ!
และนัยเร้นลับชั้นยอดของการต่อสู้ ก็สั่งสมอยู่ภายใน
“เข้ามาเลย!”
เยี่ยเฉินเองก็รู้สึกกดดันแล้ว แต่นี่กลับกระตุ้นปณิธานต่อสู้ของเขา
ตูม!
ในมือเขากระบี่ไม่พันผูกราวกับมังกรยักษ์สีม่วง ทะลุอากาศขึ้นมา แสงมรรคไร้จำกัด
ฉัวะ!
ดาบหักวาบแสงเย็นเยียบ ระเบิดพุ่งออกมา
กระบวนเฉือนนภาสงัด
ทันใดนั้นฟ้าดินกลับคืนสู่ความเงียบ ทุกอย่างหยุดชะงัก
มีเพียงคมดาบสายหนึ่งพุ่งขึ้นมาแล้วฟาดฟันลงไป
“นี่…” ห่างออกไป สีหน้าของพวกหลี่ชิงผิง โก่วเหยียนเจิน ปี้ตงหลิ่วต่างเปลี่ยนไป
ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยประลองกับหลินสวิน รู้ความน่ากลัวของกระบวนท่านี้เป็นอย่างดี เพียงแต่เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ การโจมตีนี้กลับน่ากลัวกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย!
พวกหลี่ชิงผิงกล้ายืนยันว่าหากตอนนั้นหลินสวินโจมตีเช่นนี้ แม้พวกเขาจะสกัดได้ แต่ไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัส!
และในตอนนี้ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจความแตกต่างของตนกับหลินสวินแล้ว ในใจเกิดความรู้สึกพ่ายแพ้และไม่จำยอมอย่างรุนแรง
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
ในสนามประลองหลินสวินกับเยี่ยเฉินโจมตีต่อสู้กันอย่างดุเดือดอีกครั้ง
รุนแรงและดุร้ายกว่าก่อนหน้านี้ แสงดาบเงากระบี่เต็มไปด้วยไอสังหารอันเด็ดเดี่ยวไร้กำจัด ผู้ชมแต่ละคนเห็นแล้วต่างขนพองสยองเกล้า
จิตต่อสู้ของหลินสวินแข็งแกร่งขึ้นอีก แต่เยี่ยเฉินเองก็กำลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ทำให้ตอนที่ทั้งสองประมือกันนั้น แม้ต่างสู้อย่างสุดฝีมือแล้วแต่ยังคงไม่สามารถตัดสินผลแพ้ชนะได้ในชั่วขณะ
บาดแผลบนร่างกายของทั้งสองหนักขึ้นเรื่อยๆ
แต่ตอนนี้ กลับยิ่งดุดันและรุนแรง
“ครั้งนี้คงไม่ได้เสมออีกนะ”
มีคนพูดเสียงสั่น
ไม่ว่าเป็นใคร ต่อให้เป็นคนรุ่นอาวุโสเหล่านั้น ก็ไม่สามารถดูออกว่าใครกันแน่ที่ได้เปรียบ
นี่เป็นการบ่งบอกว่าพลังต่อสู้ของทั้งสองน่าจะอยู่ในระดับเดียวกัน จึงสามารถตีเสมอ ฝีมือไล่เลี่ยกันอย่างไม่ต้องสงสัย
“ไม่ ไม่ได้ยินหรือ เทพมารหลินยังมีไพ่ใบเอกที่ยังไม่ได้ใช้!”
“เจ้าคิดว่าเยี่ยเฉินไม่มีไพ่ใบเอกหรือ”
เสียงถกเถียงดังขึ้นในบริเวณที่แตกต่างกัน แต่ไม่นานก็ตกอยู่ท่ามกลางความเงียบ
เพราะเมื่อเทียบกับการถกเถียง พวกเขาสนใจการประลองครั้งนี้มากกว่า ไม่ยอมพลาดทุกรายละเอียดเพราะการถกเถียง
ตูม!
หลังจากการปะทะกันอีกครั้ง เงาร่างของเยี่ยเฉินทะลวงฟ้า จู่ๆ กระบี่ทั้งเก้าเล่มก็หยุดชะงักกลางอากาศ ลอยอยู่รอบตัวเขาเงียบๆ
ในเวลาเดียวกัน ไอดุร้ายที่น่ากลัวถึงขีดสุดแผ่ออกจากร่างกายของเยี่ยเฉินอย่างกะทันหัน
ทุกคนรู้สึกเพียงว่าภาพตรงหน้ามืดมนลง ราวกับเมฆดำบดบังแสงจากฟากฟ้า
แต่นี่เป็นเพียงแค่การคิดไปเอง เหตุผลอยู่ที่ตัวเยี่ยเฉิน
ตอนนี้เขายืนอยู่กลางอากาศอย่างเย่อหยิ่ง เงาร่างแผ่เจตกระบี่ดุร้าย อานุภาพของคนคนหนึ่งก็ทำให้แสงจากฟากฟ้ามืดสลัวลง!
“กระบี่นี้ ข้าต้องการตัดสินแพ้ชนะ เจ้ายังไม่คิดจะใช้ไพ่ตายอีกหรือ” เสียงของเยี่ยเฉินดังก้อง สะเทือนสี่ทิศ
เขาบาดเจ็บสาหัสแล้วแท้ๆ ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด แต่ตอนนี้กลับยังคงดูแข็งแกร่งมาก ราวกับภูเขาสันโดษสูงตระหง่านที่ไม่อาจสะเทือนได้
“ข้ากังวลว่าเจ้าจะต้านไม่ไหว” หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ เสียงแหบพร่าเล็กน้อย
เขาเองก็บาดเจ็บสาหัส แต่นัยน์ตาสีดำทั้งคู่เจิดจ้ามากเป็นพิเศษ จิตต่อสู้ที่ลุกโหมอยู่ในดวงตา สามารถทำให้เทพผีอกสั่นขวัญแขวน
“ช่าง… บ้าคลั่งจริงๆ!” เยี่ยเฉินยิ้ม ในสายตาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
ชิ้ง!
กระบี่เล่มหนึ่งกโฉบออกมา อานุภาพราวกับเก้าสวรรค์ร่วงลงในธารดารา แสงสีเงินรุ่งโรจน์
ไม่รอให้หยุดหายใจ เสียงชิ้งดังขึ้น กระบี่ที่สองโฉบตามออกมา อานุภาพราวกับไฟลามทุ่ง เพลิงสีแดงแผ่กว้างราวกับมหาสมุทร
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
จากนั้นกระบี่เล่มแล้วเล่มเล่าโฉบพุ่งออกมา บ้างประหนึ่งรุ้งเขียวทะยานป่าลึก บ้างราวกับสุริยันก้าวข้ามสมุทรคราม บ้างสูงตระหง่านราวกับภูเขา…
ทุกกระบี่ล้วนประทับนัยเร้นลับมหามรรค
ทุกนัยเร้นลับแห่งมหามรรค ล้วนแสดงอานุภาพที่แตกต่างกัน
ทะยานออกมาอย่างต่อเนื่องในยามนี้ สะท้อนใต้หล้าฟ้าดิน
ภูผาธาราราวภาพวาด กระบี่ก็ประหนึ่งภาพวาด!
กระบี่ที่บรรจุนัยเร้นลับมหามรรคเก้าอย่างนี้ มีนามว่า ‘ดุจภาพภูผาธารา’!
ทุกคนในที่นั้นต่างตะลึง ไม่สามารถเปรียบเทียบอานุภาพของการโจมตีนี้ได้ พลังมหามรรคเก้าชนิดหลอมรวมเข้าไปในเจตกระบี่ สำแดงออกมาราวกับภาพวาดภูผาธารา!
นี่เป็นการโจมตีที่เพียงพอจะทำให้ฟ้าดินตะลึง เทพผีร่ำไห้อย่างแน่นอน!
“น่าชังนัก!”
มีเพียงเซี่ยวชางเทียนที่สีหน้าเคร่มขรึมขึ้นมา สำหรับเขา ก่อนหน้านี้หากไม่ใช่เพราะข้ารับใช้วิญญาณหยุดการประลองระหว่างเขากับเยี่ยเฉิน ก็ย่อมสามารถเผชิญหน้ากับอานุภาพของการโจมตีนี้ได้
‘เจ้าหมอนี่วิปริตตามคาด ถึงกับครอบครองนัยเร้นลับแห่งมหามรรคเก้าชนิด…’ แม้แต่หลินสวินยังตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าไพ่ตายของเยี่ยเฉินจะน่าทึ่งเพียงนี้
ด้วยอายุที่ยังไม่ถึงสามสิบปี พลังปราณเพียงระดับกระบวนแปรจุติ กลับครอบครองพลังมหามรรคเก้าอย่าง นี่ดูน่ากลัวมากอย่างไม่ต้องสงสัย ทอดสายตามองไปทั่วทั้งดินแดนรกร้างโบราณ กลัวว่าคงหาคนที่สามารถเทียบเคียงได้ไม่กี่คน
แม้จะเป็นหลินสวิน ในด้านจำนวนการหยั่งถึงมหามรรคก็ยังด้อยกว่าไม่น้อย
ทว่าจำนวนก็ส่วนจำนวน ไม่ได้หมายความถึงอานุภาพที่แท้จริง ต้องดูที่การหยั่งรู้ในพลังมหามรรค!
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ การโจมตีนี้ของเยี่ยเฉินก็เพียงพอที่จะตะลึงโลก
พูดแล้วเหมือนช้าแต่ความจริงรวดเร็วนัก การเคลื่อนไหวทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วดีดนิ้ว หลินสวินเผชิญหน้าการโจมตีนี้ก็ไม่กล้าประมาท ถึงขั้นที่ทำได้เพียงสู้อย่างสุดความสามารถ!
ตูม!
แสงใสพวยพุ่งรอบตัวเขา ปรากฏอักษรเคราะห์เก้าตัวที่ราวกับภาพมายาป้องกันรอบกาย
และในเวลาเดียวกัน วิชาอริยะยุทธ์และโทสะหยาจื้อเองก็ถูกเขากระตุ้นจนถึงขีดสุด ส่วนดาบหักก็พุ่งพรวดออกมาในตอนนี้
กระบวนเฉือนเกิดดับ!
การเฉือนนี้ปรากฏการเกิดดับในชั่วพริบตา เป็นการโจมตีซึ่งมีพลังทำลายล้างมากที่สุดและดุร้ายที่สุดที่หลินสวินครอบครองในตอนนี้
ก่อนหน้านี้ตอนที่ประลองกับหลี่ชิงผิง หลินสวินยังออมมือ แต่กลับผ่าอีกฝ่ายเป็นสองท่อนอย่างง่ายดายด้วยกระบวนเฉือนเกิดดับ
แต่ตอนนี้อานุภาพของกระบวนเฉือนเกิดดับได้เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงแล้ว!
แต่เหนือความคาดหมายของหลินสวิน ไม่รอให้กระบวนเฉือนเกิดดับเข้าใกล้ จู่ๆ กระบี่วิญญาณล้อมด้วยนัยเร้นลับแห่งมหามรรคที่แตกต่างกันก็รวมตัวกันกะทันหัน แปรเปลี่ยนเป็นค่ายกลกระบี่กระบวนหนึ่ง ปิดกั้นดาบหักไว้อย่างหนาแน่น เกิดเสียงปะทะเสียดสีแสบแก้วหู แสงศักดิ์สิทธิ์พลุ่งพล่าน
สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าค่ายกลกระบี่นั่นราวกับหินโม่ หมุนเวียนด้วยนัยเร้นลับแห่งมหามรรคเก้าชนิด ลบล้างและสลายพลังโจมตีของดาบหักอย่างต่อเนื่อง
ปังๆๆ!
เสียงปะทะที่ราวกับฟ้าร้องดังก้อง ดาบหักกำลังคำราม ไม่สามารถสลายค่ายกลกระบี่นี้ได้
หืม?
ดวงตาดำขลับของหลินสวินหดรัดลง
“หลินสวิน การโจมตีนี้ไม่มีผลต่อข้า!” มุมปากของเยี่ยเฉินแฝงรอยยิ้ม เย่อหยิ่งราวกับองค์เทพ
ก่อนหน้านี้ตอนที่ชมการต่อสู้ เขาก็สังเกตเห็นความน่ากลัวของกระบวนเฉือนเกิดดับแล้ว และคิดวิธีรับมือไว้แล้ว ตอนนี้ก็ได้ผลจริงๆ
“เปิด!”
ไม่รอให้หลินสวินตอบสนอง เยี่ยเฉินพลันคำรามออกมาคำหนึ่ง
เสียงครืนโครมดังสนั่น ค่ายกลกระบี่หมุนเวียนสาดแสงกระบี่งดงามสดใส สะเทือนดาบหักจนปลิวออกไป ก่อนจะพุ่งกำราบไปทางหลินสวิน
กระบี่เก้าเล่ม นัยเร้นลับแห่งมหามรรคเก้าอย่างที่แตกต่างกัน ตอนนี้ได้รวมตัวเป็นกระบวนค่ายกล ปลดปล่อยแสงเทียมฟ้าคลุมสวรรค์ปกคลุมลงมา
ภาพเช่นนั้นทำให้ทุกคนต่างรู้สึกสิ้นหวังไม่อาจหลบหนี ทำได้เพียงนั่งรอความตาย!
ครืนโครม!
ค่ายกลกดข่มเข้ามาอย่างว่องไวรวดเร็ว ชนเข้ากับอักษร ‘เคราะห์’ เก้าตัวที่ลอยอยู่รอบตัวหลินสวินก่อนเป็นอันดับแรก
ระหว่างทั้งสองปะทุแสงสว่างไหว ท่วมท้นหลินสวินไปทั้งตัว หลายคนต่างแสบตา จิตวิญญาณราวกับถูกกรีดตัด ไม่สามารถเห็นความจริงเท็จได้ชัดเจน
แต่ผู้แข็งแกร่งรุ่นอาวุโสและยอดมกุฎรุ่นเยาว์ต่างมองเห็นอย่างชัดแจ้ง ภายใต้การกดข่มของค่ายกลกระบี่ พลังของอักษรเคราะห์ที่อยู่รอบตัวหลินสวินกำลังถูกทำลายอย่างรวดเร็ว ใกล้จะยืนหยัดไม่อยู่แล้ว!
“น่ากลัว!”
“ดุจภาพภูผาธารา การโจมตีนี้เพียงพอสร้างชื่อสะเทือนใต้หล้า!”
“ต่อไปตระกูลเยี่ยแห่งเขาจื่อเวยจะต้องมียอดผู้กล้าเพิ่มมาอีกคนแน่!”
หลายคนใจสะเทือนไหวยากจะสงบ
การประลองครั้งนี้ดำเนินมาถึงตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งถ้วยชาแล้ว เห็นชัดว่าค่อนข้างเนิ่นนาน แต่ทุกช่วงเวลาล้วนให้ความรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ตื่นเต้นระทึก จิตวิญญาณสั่นสะเทือน น่าทึ่งเกินไปแล้ว
ตอนนี้เห็นเยี่ยเฉินกำลังจะกำราบหลินสวินและได้รับชัยชนะในครั้งนี้ ทุกคนอดทอดถอนใจไม่ได้
แต่เพิ่งจะเริ่มทอดถอนใจก็ต้องหยุดชะงักโดยพลัน!
ชั่วขณะนี้ทุกคนรับรู้ได้ถึงพลังอันน่าหวั่นหวาดและคลุมเครือสายหนึ่ง ปรากฏขึ้นบนตัวหลินสวินเงียบๆ
ประหนึ่งหุบเหวกลางนภา ราวกับสามารถกลืนกินสรรพสิ่ง!
“หืม?”
“นี่คือ?”
“ในที่สุดก็ใช้แล้วหรือ”
จิตรับรู้และสายตาน่ากลัวมากมายต่างจับจ้องอย่างใกล้ชิดพร้อมกัน พวกเขารู้ว่าหากหลินสวินจะพลิกสถานการณ์ สิ่งที่สำแดงออกมาตอนนี้ จะต้องเป็น ‘ไพ่ใบเอก’ ของเขาแน่!
ครืน!
กลิ่นอายของหลินสวินเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ผมดำแผ่สยาย ร่างกายราวกับหุบเหวนิรันดร์ แผ่ระลอกคลื่นน่ากลัวที่คลุมเครือและชวนใจสั่น
ดวงดาวมากมายนับไม่ถ้วนส่องกะพริบ จากนั้นดับสลายรอบตัวเขา ราวกับฟ้าดาราโดยรอบล้วนก้มหัวข้างกายเขาคนเดียวเท่านั้น!
ปรากฏการณ์ประหลาดที่น่าสะพรึงและหาได้ยากเช่นนี้ ทำให้ทั้งลานเงียบกริบ รู้สึกถึงความหวาดกลัว!
“ดับ!”
จู่ๆ ร่างกายของหลินสวินก็แผ่พุ่ง อักษรเคราะห์เก้าตัวที่กำลังจะถูกผลาญเผา พลันประหนึ่งแปรเปลี่ยนเป็นหลุมดำ พาดขวางเข้าไปในส่วนลึกของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว และหมุนเวียนอย่างเงียบๆ
ครึ่ก! ครึ่ก!
เสียงระเบิดแตกเป็นระลอกๆ ดังขึ้น ค่ายกลกระบี่ที่ก่อตัวจากนัยเร้นลับแห่งเก้ามหามรรคเริ่มยุบทลาย เจตกระบี่แตกหัก ละอองแสงสาดกระจาย!
จากนั้นอานุภาพนี้ก็ถูกกลืนกินจนหมด!
พูดแล้วเหมือนช้า ทว่าความจริงแล้วการเคลื่อนไหวทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตา จบในรวดเดียว เร็วจนถึงขีดสุด ทำให้ดูแทบไม่ทัน
พรวด!
กลางอากาศที่อยู่ห่างออกไป เงาร่างของเยี่ยเฉินส่ายไหวคราหนึ่ง สีหน้าซีดเซียวขึ้นมากะทันหัน ชั่วขณะที่ค่ายกลกระบี่ถูกสลาย ทำให้เขาถูกพลังสะท้อนกลับ กระอักเลือดออกมาอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป
มองด้วยตาเปล่าก็สามารถเห็นได้ชัดว่า กลิ่นอายที่ดุร้ายจนถึงขีดสุดรอบตัวเยี่ยเฉินราวกับกระแสน้ำที่ถดถอย ไม่นานก็อ่อนแออย่างที่สุดแล้ว
ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้เขาก็ได้บาดเจ็บหนักแล้ว ตอนนี้ใช้แรงทั้งหมดในการสำแดง ‘ดุจภาพภูผาธารา’ แต่กลับถูกสลายอย่างแข็งกร้าวเช่นนี้ ชั่วขณะจึงเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซ้อน ทำให้เขายืนหยัดไม่ไหว
ฟุ่บ ตึง!
เงาร่างของเขาส่ายไปมา สุดท้ายก็ยืนหยัดไม่ไหว ร่วงหล่นจากกลางอากาศลงมายังสนามประลอง
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังคงทรงตัวได้อย่างมั่นคง ไม่ได้ล้มลงพื้น ร่างกายราวกับทวนยาวที่ตั้งตรง แม้ตายก็ไม่ยอมล้ม
ทั้งลานล้วนสั่นไหว ตะลึงจนเงียบกริบไปทั้งแถบ
ส่วนหลินสวินในตอนนี้ได้เก็บกลิ่นอายรอบตัวลงไปแล้ว
——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset