Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1081 ลมพายุกำลังจะมาเยือน

หนึ่งปีแล้วหรือ
ตอนที่หลินสวินเดินออกจากแดนลับไร้มรณะ นึกถึงประสบการณ์ปิดด่านก่อนหน้านี้แล้วอดงุนงงไม่ได้
ตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่รู้ฤดูกาล
สำหรับผู้ฝึกปราณนั้น ช่วงเวลาที่ฝึกปราณแจ้งมรรคมักราวกับลำแสงที่วิ่งผ่านอย่างรวดเร็ว รู้ตัวอีกทีก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกหน้าพลิกหลังแล้ว
โชคดีที่ช่วงเวลาหนึ่งปีที่ฝึกอยู่ในแดนลับไร้มรณะนั่น โลกภายนอกผ่านไปเพียงหนึ่งวันเท่านั้น
“พ่อหนุ่ม บนตัวเจ้ามีผลกรรมและมารผจญไม่น้อย ตอนนี้มหายุคกำลังจะมาเยือน หวังว่าเจ้าจะมีความยึดมั่น อย่าได้ลืมความตั้งใจแรกในการบำเพ็ญ”
ข้ารับใช้วิญญาณเอ่ยปากพูด
“ขอบคุณอาวุโสที่สั่งสอน”
หลินสวินคารวะอย่างจริงจัง
“ไปเถอะ มหายุคใกล้มาเยือน ก็หมายถึงความวุ่นวายที่กำลังจะปะทุขึ้นเช่นกัน ประทับการต่อสู้ของเจ้ากับคนอื่นๆ อีกสามคนได้สลักในสมรภูมิเก้าดินแดนนี้แล้ว ในอนาคตหากมีโอกาส มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่จะเข้าร่วมการชิงชัยเก้าดินแดน”
ข้ารับใช้วิญญาณสะบัดแขนเสื้อ
ทันใดนั้นหลินสวินรู้สึกเพียงว่าร่างกายของเขาถูกพัดขึ้นกลางอากาศอย่างควบคุมไม่อยู่ เคลื่อนออกจากภูเขาเทพไร้มรณะและผ่านเขตหวงห้ามไร้มรณะไปในพริบตา
จนกระทั่งเข้าสู่ทะเลหมากดารา ร่างกายจึงร่อนลงกับพื้น
“เบื้องหน้ามีเคราะห์สังหารรออยู่ จะผ่านไปได้หรือไม่นั้น ก็จะต้องดูความสามารถของเจ้าแล้ว!“
ห่างออกไป เสียงเตือนของข้ารับใช้วิญญาณดังขึ้น
หลินสวินหัวใจสะท้าน พอหันกลับไป เขตหวงห้ามไร้มรณะก็หายวับไปนานแล้ว
“ขอบคุณผู้อาวุโส” หลินสวินก็ยังโค้งคำนับครั้งหนึ่ง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมองเห็นหรือไม่ เขาเพียงอยากแสดงคำขอบคุณจากใจจริงเท่านั้น
แม้ว่าข้ารับใช้วิญญาณจะแปลงมาจากเจตจำนงกฎระเบียบของภูเขาเทพไร้มรณะ ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก แต่กลับมีบุคลิกที่โดดเด่นเหนือธรรมดา ก่อนและหลังปิดด่าน ทั้งเตือนและชี้แนะหลินสวิน นี่ก็ทำให้เขาประทับใจมากเช่นกัน
เมื่อเทียบกันแล้ว ใบหน้าที่ได้ชื่อว่าเป็นของสำนักโบราณในยุคปัจจุบันเหล่านั้น ดูน่าเกลียดขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างเคราะห์สังหารที่ขวางอยู่บนฝั่งทะเลหมากดาราตอนนี้ หลินสวินไม่ต้องคิดก็รู้ว่าใครกันแน่ที่อยากเล่นงานตน
ปีนั้นตอนออกจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ก็เป็นเช่นนี้
ยามเทศกาลโคมกถามรรคจบลง ก็เป็นเช่นนี้
ประสบการณ์แบบนี้ หลินสวินชินชามานานแล้ว
ทว่าตอนที่เดินออกจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีวานรเฒ่าชุดเขียวคอยช่วย ตอนที่ออกจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีโอสถราชันโสมขาวที่วิเศษอัศจรรย์อย่างที่สุดต้นหนึ่งช่วยเหลือ
ครั้งนี้ ทำได้แค่พึ่งตัวเองแล้ว
‘ลมพายุกำลังจะมาเยือนหรือ น่าเสียดาย ภายในทะเลหมากดารานี้ แม้ว่าอริยะมาแล้วก็ไม่สามารถทำอะไรข้าได้ ในเมื่อพวกเจ้าดึงดัน เช่นนั้นข้าจะสู้กับพวกเจ้าสักหน่อย!’
หลินสวินหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ดวงตาทอดมองไปยังส่วนลึกของทะเลหมากดารา ในสายตาแฝงไอสังหารที่เย็นเยียบอย่างที่สุด
‘เด็กนี่ทำให้คนอ่านไม่ออกจริงๆ เดิมคิดว่าเขาคือผู้สืบทอดข้ามยุคของ ‘จักรพรรดิสงครามดับดารา’ ใครจะคิดว่าบนร่างเขายังมีผู้สูงส่งพลิกฟ้าคอยคุ้มครองอยู่ เหนือความคาดหมาย…’
บนภูเขาเทพไร้มรณะนั้น ข้ารับใช้วิญญาณใคร่ครวญเงียบๆ
‘น่าเสียดายที่ข้าเป็นเพียงเจตจำนงเสี้ยวหนึ่ง มิอาจจำเรื่องราวในยุคบรรพกาลได้แม่นยำนัก ไม่เช่นนั้นย่อมสามารถรู้ได้ว่า ผู้สูงส่งพลิกฟ้าที่ช่วยเด็กนี่ไขว่คว้านัยเร้นลับไร้มรณะเป็นใครกันแน่…’
เขายืนอยู่อย่างนั้น จมสู่ห้วงความคิดราวกับเจอโจทย์อันยากยิ่ง
ครู่ใหญ่จึงผละสายตาออก ทอดสายตามองไปทางทะเลหมากดาราพร้อมพึมพำว่า ‘ตอนนั้นจักรพรรดิสงครามดับดาราได้หลอมที่แห่งนี้เป็นท้องฟ้าหมื่นดารา วางกระบวนค่ายกลต้องห้ามเพื่อต่อสู้กับพลังพิฆาตมรรค หวังเพียงว่าเด็กนี่จะไม่เดินตามเส้นทางสังหารของจักรพรรดิสงครามดับดารา มิเช่นนั้นเกรงว่าคง… เฮ้อ ช่างเถอะ เมื่อมหายุคมาเยือน บางทีทุกอย่างอาจไม่เหมือนที่ผ่านมา ใครผิดใครถูกไม่มีใครตัดสินได้
พูดถึงตรงนี้เขาพลันส่ายหน้า ถอนหายใจคราหนึ่ง เงาร่างแปรเปลี่ยนเป็นละอองแสงกฎระเบียบเต็มท้องฟ้าโดยพลัน ก่อนจะหายไปในพริบตา
กลางอากาศมีเพียงเสียงถอนหายใจของเขาที่ยังคงก้องสะท้อน
……
บนชายฝั่งทะเลหมากดารา บรรยากาศกดดันอย่างที่สุด
บนชายฝั่งทะเลที่แคบยาวราวกับเข็มขัดหยก มีผู้ฝึกปราณมากมายรออยู่ที่นั่น
สำนักกระบี่เทียมฟ้า แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ แดนพิสุทธิ์อมตะ สำนักยุทธ์สมุทรคราม เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ…
ขุมอำนาจเหล่านี้กระจายอยู่ในบริเวณต่างๆ ปิดกั้นแนวชายฝั่งทะเลหมากดาราจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านเข้าไปไม่ได้
ทุกขุมอำนาจล้วนมีสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันควบคุม อย่างน้อยสองสามคน อย่างมากก็สี่ห้าคน รวมกันแล้วมีมากกว่ายี่สิบคน!
นี่เป็นกองกำลังที่เพียงพอจะทำให้โลกสั่นสะเทือนอย่างไม่ต้องสงสัย หากอริยะไม่ปรากฏตัว ล้วนสามารถกวาดล้างโลกแห่งหนึ่ง สยบแปดทิศ
แต่ตอนนี้พวกเขาต่างมารออยู่ที่นี่ เพียงเพื่อเล่นงานคนรุ่นเยาว์คนหนึ่งเท่านั้น!
ทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็กหรือ
ระดมกำลังหรือ
ไม่มีใครคิดเช่นนี้หรอก!
ตั้งแต่ที่หลินสวินผงาดขึ้นในแดนฐิติประจิมจนถึงตอนนี้ จำนวนของสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันและกึ่งราชันที่ตายและบาดเจ็บในมือเขา สิบนิ้วก็ไม่พอนับ!
ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางชะล่าใจ
แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นขุมอำนาจใดก็ล้วนรู้ดีว่า ที่หลินสวินแผลงฤทธิ์ตามอำเภอใจเช่นนี้ได้ สิ่งที่พึ่งพิงคือสองอย่าง
หนึ่งคือสมบัติอริยะ
สองคือกระบวนผนึกมรรคราชัน
หากไม่มีสองสิ่งนี้ป้องกันตัว ราชันทุกคนในที่นี้กล้ารับประกันว่า สามารถสยบหลินสวินจนตายได้ด้วยนิ้วเดียว!
ถึงอย่างไรระดับกระบวนแปรจุติก็คือระดับกระบวนแปรจุติ ถูกจัดอยู่ในห้าระดับใหญ่ ส่วนราชันนั้นยืนอยู่เหนือระดับทั้งห้า ทั้งสองเดิมทีก็ไม่ได้ดำรงอยู่ในระดับเดียวกัน
บรรยากาศอันตราย ฟ้าดินแถบนี้ล้วนปกคลุมด้วยไอสังหารรุนแรงชวนกดดันชั้นหนึ่ง ทำให้ลมเมฆหยุดนิ่ง จักรวาลกลับคืนสู่ความเงียบงัน
กองกำลังขุมอำนาจทั้งหมดล้วนกำลังรออย่างใจเย็น
เวลาเพียงวันเดียวเท่านั้น ดีดนิ้วก็ผ่านไปแล้ว
……
“อาจารย์ลุงหม่า ความกดดันของการประชันครั้งนี้ใหญ่มาก ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ต้องชิงฆ่าหลินสวินนั่นให้ได้ กระบี่แสงราตรีของศิษย์พี่อวิ๋นชิ่งไป๋ยังอยู่ในมือเจ้าหมอนั่น”
หว่างคิ้วของข่งหลิงเต็มไปด้วยความเยียบเย็น นางเชื่อมั่นว่าคราวนี้หลินสวินต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ความกังวลเดียวคือ ขุมอำนาจใดจะสามารถสังหารเจ้าหมอนั่นได้ก่อน
“ไม่ต้องเป็นห่วง ครั้งนี้เพื่อเล่นงานเขา ข้าได้นำกระบี่เทียมฟ้าสมบัติอริยะของสำนักมาด้วย เพียงพอจะทำให้เขาไร้ทางรอด!”
หม่าหยวนชิงมั่นใจมาก
……
“จะให้เจ้านี่ผงาดขึ้นมาไม่ได้เด็ดขาด เขามีความแค้นเก่ากับข้า หากไม่กำจัดเสีย ต่อไปต้องเป็นปัญหาใหญ่แน่”
อวี่หลิงคงสีหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงเย็นยะเยือก
ครั้งแรกเขาแพ้ในมือหลินสวินในเทศกาลโคมกถามรรค หากไม่ใช่เพราะตำหนักอมตะ เขาคงจบชีวิตไปแล้ว
ครั้งที่สองคือในการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์คราวนี้ แม้แต่คุณสมบัติประลองกับหลินสวินเขายังไม่มี นี่เป็นความอับอายครั้งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่ว่าจะเพื่อแก้แค้นหรือเพื่อล้างความอับอาย อวี่หลิงคงไม่มีทางทนให้หลินสวินมีชีวิตต่อไปได้
“เด็กคนนี้ได้กลายเป็นมารในใจเจ้าแล้ว ช่างเถอะ ครั้งนี้ข้าจะช่วยเจ้าตัดมารในใจนี้ หวังว่าผ่านการเคี่ยวกรำคราวนี้ เจ้าจะสามารถผงาดขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่าให้ผู้อาวุโสทุกท่านในแดนพิสุทธิ์อมตะผิดหวัง”
ผู้หญิงชุดขาวคนหนึ่งพูดเรียบๆ เรือนร่างของนางสูงเพรียว สง่างามเพียบพร้อม ตอนยังเยาว์จะต้องเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งอย่างแน่นอน
คำพูดของนางราบเรียบมาก แต่ระหว่างที่พูดกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกสูงส่ง
หญิงชุดขาวคนนี้นามว่าซั่งเหวินจิ่น เป็นบุคคลน่ากลัวที่บรรลุสู่อมตะเคราะห์ขั้นสาม
ข้างๆ นาง เหล่าผู้ฝึกคนปราณระดับราชันคนอื่นๆ ที่มาจากแดนพิสุทธิ์อมตะต่างพยักหน้า เห็นด้วยกับคำพูดของซั่งเหวินจิ่น
อวี่หลิงคงเห็นเช่นนี้ก็มั่นใจมาก
……
“น้องชายข้าถูกเขาฆ่า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องแก้แค้น”
หลี่ชิงผิงสีหน้าอึมครึม “อีกอย่างตอนที่อยู่บนภูเขาเทพไร้มรณะ เจ้านี่เคยใช้วิธีน่ารังเกียจ ทำให้ข้าประสบเคราะห์ร้ายแรงจนเสียโอกาสเข้าสู่สิบอันดับแรก ความแค้นนี้ ไม่ชำระไม่ได้เช่นกัน!”
“เช่นนั้นก็ฆ่าเขาซะ!”
ข้างๆ เขา ชายชราที่ศีรษะสวมเกี้ยวขนนก รูปร่างซูบผอมพูดเสียงเย็น ไอสังหารพุ่งทะลวง
เขาเป็นราชันที่เหยียบย่างระดับอมตะคนหนึ่งของสำนักยุทธ์สมุทรคราม ฉายาธรรม ‘เหยียนอวิ๋นจื่อ’
……
“น่าชังนัก! คงไม่ใช่ว่าเจ้าหมอนั่นจะรับรู้ได้ถึงอันตราย เลยจงใจไม่ออกมาหรอกนะ”
ในบริเวณที่ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬอยู่ โก่วเหยียนเจินคำราม สีหน้าดุร้ายและเหี้ยมโหด เขาอยากกำจัดหลินสวินจนแทบรอไม่ไหวแล้ว
ครั้งนี้มีเพียงเขาที่ระเบิดพลีชีพแล้วถูกคัดออก อย่าว่าแต่อันดับเลย แม้แต่โชควาสนามหามรรคที่ควรจะได้ในตอนแรกก็ถูกแย่งไปด้วย หลินสวินได้ไปครองง่ายๆ
นี่ทำให้โก่วเหยียนเจินแค้นจนแทบจะคลั่งแล้ว
“ไม่ต้องกังวล เจ้าหนูนั่นฆ่าคนเผ่าเราที่แดนฐิติประจิมมากขนาดนั้น หากให้เขามีชีวิตอยู่ต่อ เผ่าเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
ชายชราชุดคลุมดำคนหนึ่งพูดอย่างเนิบช้า สีผิวของเขาขาวซีด ริมฝีปากแดงก่ำ เบ้าตายุบโหล แผ่กลิ่นอายเย็นเยียบและคาวเลือดไปทั้งตัว อานุภาพน่ากลัวอย่างที่สุด ราวกับมารร้ายที่เดินออกจากนรก
เขานามว่าโก่วหยางซิว ราชันระดับอมตะที่เรียกได้ว่าดุร้ายที่สุดคนหนึ่ง เคยฆ่าคนหลายแสนของเมืองหนึ่งเพื่อระบายความโกรธ ชื่อเสียงดุดันสะเทือนทั่วหล้า
……
นอกจากนี้ในสำนักโบราณอย่างพวกแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณเองก็กำลังเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกัน
‘สายไปแล้วจริงๆ หรือ’ จ้าวจิ่งเซวียนจนปัญญา ใบหน้างามซีดเซียว
นางคิดไว้ว่าจะมีคนทำร้ายหลินสวิน แต่คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะรุนแรงถึงขั้นนี้
“ศิษย์น้องจิ่งเซวียน รอดูให้สบายใจเถอะ” เยี่ยนจั่นชิวยกมือขึ้น หมายจะตบไหล่จ้าวจิ่งเซวียนเป็นการปลอบใจ แต่กลับถูกอีกฝ่ายหลบ
นี่ทำให้หว่างคิ้วของเยี่ยนจั่นชิวเผยความหงุดหงิดเสี้ยวหนึ่งอย่างยากสังเกตเห็น จากนั้นถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่งก่อนจะพูดว่า “แม้พวกเราไม่ลงมือ เจ้าคิดว่าขุมอำนาจอื่นจะปล่อยเขาไว้หรือ”
หยุดไปครู่หนึ่ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นนิ่งสงบและเด็ดเดี่ยวขึ้นมา “เมื่อเทียบกับให้คนอื่นได้ประโยชน์ไป สู้ให้เจ้าหมอนั่นตายในมือพวกเรายังดีเสียกว่า!”
ใบหน้ากระจ่างบริสุทธิ์และงดงามไร้ที่ติของจ้าวจิ่งเซวียนซีดเซียวลงอีกทันที
นางกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับรู้สึกเจ็บลำคอขึ้นมา ภาพตรงหน้ามืดสลัว หมดสติไป
“อาจารย์ลุงเซียว ท่านทำอะไร” เยี่ยนจั่นชิวเดือดดาล
ด้านข้าง ชายชราชุดคลุมขาวคนหนึ่งพูดอย่างเรียบเฉย “อย่าให้ยายหนูนี่เห็นเหตุการณ์เข่นฆ่าที่กำลังจะเกิดขึ้นจะดีที่สุด จะได้ไม่ทำเสียเรื่อง”
ชายชราคนนี้มีนามว่าเซียวจิงหง เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่อาวุโสอย่างมากคนหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ
เห็นเช่นนี้สีหน้าของเยี่ยนจั่นชิวอึมครึมสับสน สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรมาก
คลื่นลมที่มีเป้าหมายเป็นหลินสวิน เตรียมโจมตีตลอดเวลาแล้ว รอแค่เวลาที่จะปะทุ!
ทะเลหมากดารากว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขต ด้านบนเต็มไปด้วยแสงดาวสีเงินยวง เกาะมากมายที่ราวกับหมากกระดานปรากฏภายในอย่างเลือนราง
หลินสวินมาถึงแล้ว ยืนเงียบอยู่บนเกาะแห่งหนึ่ง มองเหตุการณ์บนชายฝั่งทั้งหมดอย่างไม่คลาดสายตา
ถึงขั้นที่สามารถรับรู้เสียงสนทนาซึ่งไม่คิดปกปิดของขุมอำนาจเหล่านั้น!
ในดวงตาดำของเขาเย็นเยียบกว่าเดิม ภายในส่วนลึกของจิตใจมีไอสังหารที่ไม่อาจข่มกลั้นได้พวยพุ่งออกมาราวกับหินหนืดไหลร้อน
ตั้งแต่เข้าสู่ดินแดนรกร้างโบราณ เขาก็อยู่ในสถานการณ์ที่ถูกตามฆ่ามาโดยตลอด ไม่เคยเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง!
ตอนนี้ขุมอำนาจเหล่านี้ยิ่งล้อมอยู่หน้าทะเลหมากดารา ต้องการกำจัดเขา
ถึงขั้นที่ยังทำท่าทางเหมือนต้องการชิงฆ่าตนเป็นคนแรก พวกเขา… เห็นตนเป็นอะไร
………………….

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset