Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1087 เหยียบทะเลมาเยือน

งุนงง!
มีเพียงคำนี้ที่สามารถบรรยายความรู้สึกของเหล่าราชันอย่างพวกโก่วหยางเจี่ย
หลังผ่านความสั่นสะเทือน ผ่านความเกินคาดหมาย ต่อให้จิตมรรคพวกเขาแข็งแกร่ง ก็ไม่อาจเลี่ยงไม่ให้ถูกเหตุการณ์ต่างๆ ก่อนหน้าจู่โจมจนจิตปั่นป่วน
คนหนุ่มระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งหลังพึ่งพาพลังต้องห้ามทะเลหมากดารา กลับประหนึ่งมดปลวกที่แปรเปลี่ยนเป็นมังกรฟ้า สังหารราชันดั่งฉีกทึ้งภาพวาดอย่างไม่อาจทัดเทียม ใครจะกล้าเชื่อ
ที่น่ากลัวที่สุดคือ แม้แต่สมบัติอริยะยังถูกกำราบ!
หลินสวินในตอนนี้ทั่วร่างอาบไล้ประกายดาราประหนึ่งเทพมาร กลายเป็นจอมราชันเพียงหนึ่งเดียวกลางฟ้าดิน พลานุภาพน่าหวาดกลัวไร้ขอบเขต
ใครเล่าจะกล้าเชื่อ ว่านี่เป็นเพียงผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติ
หนี!
พวกโก่วหยางเจี่ยตัดสินใจโดยไม่ลังเล
โม่เจินตายแล้ว จงเหวินหย่วนก็ด้วย หากไม่หนีอีกต้องประสบเคราะห์แน่!
เป็นถึงราชันทั้งยังครองยอดอาวุธสังหารอย่างสมบัติอริยะ แต่บัดนี้กลับจำต้องหนีหัวซุกหัวซุน นี่คือความอัปยศอย่างไม่มีอะไรยิ่งใหญ่เท่าโดยไม่ต้องสงสัย
แต่ตอนนี้เพื่อรักษาชีวิต ใครจะมาใส่ใจเรื่องพวกนี้
“หนีรึ หนทางที่เหลือไว้ให้พวกเจ้ามีแค่ฝังร่างลงที่นี่!”
หลินสวินบุกโจมตีท่ามกลางเสียงเฉยชาเยียบเย็น
ตูม!
เขาใช้ประทับปี้อั้นที่ล้อมด้วยอานุภาพผนึกต้องห้าม กดอัดลงมาจากเวิ้งฟ้าดั่งผนึกสวรรค์
โก่วหยางเจี่ยกำลังหนีอย่างบ้าคลั่ง ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นอันตรายถึงชีวิต แผดเสียงคำรามเรียกประทับนรกโลหิตออกมาต้านรับทันที
แต่กลับเปล่าประโยชน์ ตัวเขาถูกประทับปี้อั้นบดขยี้ทีละน้อยไม่หยุด แม้แต่ประทับนรกโลหิตยังถูกสั่นคลอน ไหวสั่นรุนแรงกลางอากาศอยู่ครู่ใหญ่
สุดท้ายประทับนรกโลหิตก็ต้านไม่อยู่ ถูกบีบกดเข้าสู่ส่วนลึกของทะเลดังตู้ม
และเวลานี้หลินสวินได้พุ่งสังหารราชันอีกคนแล้ว
ในอาณาเขตทะเลสามพันลี้นี้ หลินสวินที่ครองพลังต้องห้ามที่นี่ก็คือนายเหนือหัวเพียงหนึ่งเดียว ไม่อาจโต้แย้ง
คิดหนีก็ต้องดูว่าเขาตกปากรับคำหรือไม่!
ไม่เช่นนั้นต่อให้เป็นอริยะก็ยากจะรอดพ้น
นี่ไม่ใช่การกล่าวเกินจริง ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเคยมีอริยะที่แท้จริงหลงทางในทะเลหมากดารา หาหนทางกลับไม่เจอ เป็นไปได้สูงว่าประสบเคราะห์ไปแล้ว
ขณะนี้แม้พลังที่หลินสวินสามารถยืมใช้ไม่ถึงหนึ่งในพันส่วนของค่ายกลใหญ่วัฏจักรดารา แต่แค่จัดการกับระดับราชันไม่กี่คนก็เพียงพอเหลือเฟือ
หากไม่ใช่เพราะสมบัติอริยะพวกนั้นขัดขวาง การต่อสู้คงสิ้นสุดไปนานแล้ว!

ตึง!
ประกายดาราสายหนึ่งทิ้งตัวทุ่มลงบนร่มรุ้งสมบัติม่วง ส่งเสียงราวตีกลองยักษ์
ราชันของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณสั่นไปทั้งตัว ร่างกายเจ็บปวดสาหัสไร้สิ้นสุดดั่งถูกกองกำลังพันหมื่นเหยียบย่ำ ทำให้เขาส่งเสียงอึดอัดอย่างกลั้นไม่อยู่
แต่เมื่อเขาเตรียมหลบหลีก หลินสวินก็ได้โจมตีเข้ามาแล้ว
โพละ!
เพียงหมัดเดียวร่างราชันผู้นี้ก็ระเบิดออก แม้แต่พลังจิตยังไม่ทันได้หลบหนีก็ตายไปอย่างคับแค้น

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
ตำราหยกทองเล่มหนึ่งโรมรันกับคลื่นผนึกต้องห้ามที่หลั่งมาจากทั่วทิศ ส่งเสียงปะทะเหมือนตีเหล็กดังไม่หยุด แสงศักดิ์สิทธิ์ซ่านกระเซ็น
หลังจากนั้นครู่หนึ่งตำราหยกสีทองถูกกำราบลงทะเล
ขณะเดียวกันราชันของสำนักยุทธ์สมุทรครามอ้อนวอนเสียงสั่น ลุกลี้ลุกลนดั่งสุนัขไร้เจ้าของ แต่สุดท้ายก็ถูกหลินสวินสังหารโดยไม่ลังเล จิตสิ้นวิญญาณสลาย

เหลือแค่ราชันของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์แล้ว กำแพงที่สร้างจากประกายดาวตั้งขวางหนทางข้างหน้า เขากำลังใช้บรรทัดสยบฟ้าบุกโจมตี
ทว่าสมบัติอริยะที่เรียกว่าสามารถสยบนภาเล่มนี้ เวลานี้กลับทำลายไม่ได้แม้แต่ส่วนเสี้ยวของกำแพงที่สร้างจากผนึกต้องห้ามไร้รูปนี้
นี่ทำให้คนสิ้นหวัง!
ใช่ว่าบรรทัดสยบฟ้าไม่แข็งแกร่ง แต่อาศัยพลังของราชันผู้นี้ล้วนยากจะสำแดงอานุภาพมันออกมา
สุดท้ายเขาก็ถูกสังหาร กระทั่งตายไปยังเจือความไม่พอใจไร้สิ้นสุด

น้ำทะเลที่ม้วนซัดโหมกระหน่ำ เวิ้งฟ้าปั่นป่วนทรุดตัว ประกายดาวคลั่งระบำกลางฟ้าดิน…
ยามทุกอย่างหวนคืนความสงบ ในที่นั้นเหลือเพียงเงาร่างหลินสวิน
เขายืนบนเกาะสันโดษ อาภรณ์ขาวพระจันทร์ส่งเสียงสะบัด ผมดำทั้งศีรษะพลิ้วไหวกลางสายลม นัยน์ตาดำล้ำลึกกำลังกวาดมองส่วนลึกของทะเลเบื้องหน้า
รอบแรกสังหารราชันไปแล้วแปดคน
รอบที่สองยังกำจัดราชันอีกหกคน!
นี่คือผลงานเกริกก้องที่สามารถสั่นสะเทือนใต้หล้าแล้ว พร่างพรายเจิดจ้าถึงขีดสุด
แต่หลินสวินกลับไร้ความยินดีและหยิ่งทะนงใดๆ
เพราะเขารู้ดีว่านี่ก็แค่พิสูจน์ความทรงพลังและน่ากลัวของค่ายกลใหญ่วัฏจักรดารา ไม่เกี่ยวข้องกับตนเท่าไรนัก
อย่างมากเขาก็แค่ ‘ยืมพลังสะท้อนพลัง’ เท่านั้น
แต่สามารถสังหารราชันกลุ่มหนึ่งได้ก็ทำให้ในใจหลินสวินรู้สึกสะใจยิ่ง ความแค้นและไฟโทสะที่สั่งสมในใจได้รับการระบายระดับหนึ่ง
“น่าเสียดาย…”
หลินสวินใคร่ครวญ ไม่นานก็คาดเดาออกมาได้อย่างหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นกระบี่เทียมฟ้า ตำหนักอมตะ ประทับนรกโลหิต หรือร่มรุ้งสมบัติม่วง บรรทัดสยบฟ้า ตำราหยกทอง ต่อให้ถูกกำราบลงก้นทะเลแต่ล้วนไม่อาจถูกหลอมละลาย
ก้นทะเลคือเขตหวงห้ามหลักของค่ายกลใหญ่วัฏจักรดารา ภายในแฝงปริศนาชั้นยอดที่เร้นลับและซับซ้อน พลังที่เปี่ยมล้นก็น่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุด
แม้หลินสวินได้รับมรดก ‘แผนภาพวัฏจักรดารา’ ทว่าด้วยพลังของเขาตอนนี้ก็ไม่กล้าเข้าไปในก้นทะเลนี้อย่างสิ้นเชิง
ปัจจุบันสมบัติอริยะหกชิ้นล้วนถูกขังอยู่ภายใน พุ่งกระทบกันไปมาไม่หยุด พยายามดิ้นรนหาทางออก
น่าเสียดาย นี่ก็เหมือนปลาติดอวน นอกเสียจากกระชากอวนออกมาได้ มิฉะนั้นคงยากจะหลบหนี!
ที่ทำให้หลินสวินเสียดายก็อยู่ตรงนี้ เดิมคิดว่าอาศัยโอกาสนี้จะสามารถหลอมเก็บสมบัติอริยะได้ส่วนหนึ่ง แต่เห็นชัดว่านี่คือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว
‘แต่เป็นเช่นนี้ก็ดี อย่างน้อยทุกครั้งที่สูญเสียสมบัติอริยะพิทักษ์สำนักชิ้นหนึ่ง ก็เป็นการโจมตีอย่างหนักหน่วงแก่สำนักโบราณเหล่านั้นแล้ว’
หลินสวินใคร่ครวญ
จากนั้นเขานั่งขัดสมาธิกับพื้น เริ่มนั่งสมาธิสงบใจ ฟื้นฟูพลังที่ผลาญไปก่อนหน้า

ชายฝั่งทะเลหมากดารา
ตามเวลาที่ล่วงเลย ผู้แข็งแกร่งแต่ละขุมอำนาจที่เดิมเปี่ยมความมั่นใจรอฟังข่าวดี เวลานี้กลับหมดความอดทนอยู่บ้าง
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ไม่มีข่าวคราวอีกแล้วรึ”
ความอดทนของโก่วเหยียนเจินหมดสิ้นลง คำรามกราดเกรี้ยว “อย่าบอกนะว่าใช้สมบัติอริยะแล้ว ยังฆ่าเจ้าสวะระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งไม่ได้!”
ขุมอำนาจอื่นต่างมุ่นคิ้วเช่นกัน รู้สึกงุนงงกับเรื่องนี้
กองกำลังแรกเคลื่อนพลราชันแปดคน ผลคือไม่ได้ข่าวคราวอยู่นาน
กองกำลังที่สองมีราชันอีกหกคนเคลื่อนผล ทั้งยังพกสมบัติอริยะติดตัวไปทุกคน ผลคือเฝ้ารอจนป่านนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวออกมา
นี่จะให้ใครสงบใจได้อย่างไร
“อาจารย์ลุงหม่า คงไม่ได้เกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรขึ้นใช่ไหม”
ข่งหลิงมุ่นคิ้วเอ่ยถาม
“หุบปาก!”
หม่าหยวนชิงที่มั่นใจมาตลอดขณะนี้กลับสีหน้าขรึมลงอย่างยากจะได้พบเห็น อารมณ์ดูเหมือนย่ำแย่นัก
เห็นชัดว่าการไม่ได้ข่าวเนิ่นนาน ในใจหม่าหยวนชิงจึงแปลกใจอยู่บ้าง ไม่อาจนิ่งสงบเหมือนก่อนหน้าอีก
ไม่เพียงแต่สำนักกระบี่เทียมฟ้า ขุมอำนาจอื่นก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ล้วนรู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้ ในใจปกคลุมด้วยเงามืดชั้นหนึ่ง
แต่ไหนแต่ไรทะเลหมากดาราถูกมองเป็นเขตหวงห้าม ภายในแฝงความน่ากลัวมหาศาล ทำให้แม้แต่อริยะก็ไม่กล้าล่วงล้ำเพียงก้าว
บัดนี้คลื่นผนึกต้องห้ามบนทะเลนั้นต่างถดถอย น่าจะเรียกว่าไร้ภัยคุกคามถึงจะถูก แต่ผู้ดำรงในระดับราชันที่มุ่งหน้าไปในนั้น จนป่านนี้ยังไม่มีสักคนหวนกลับมา!
“คงเกิดเหตุไม่คาดฝันแน่แล้ว ไม่อย่างนั้นต่อให้หาเจ้าเด็กหลินสวินไม่พบก็ควรมีข่าวส่งกลับมา”
มีคนพึมพำ สีหน้าจริงจัง
“ผ่านไปเกือบสามชั่วยามแล้ว พวกเราต้องรอต่อไปอย่างนี้หรือ”
บ้างรู้สึกหมดความอดทน ไม่อาจทนรับสถานการณ์ที่ต้องเป็นฝ่ายเฝ้ารอเช่นนี้
“น่าชังนัก! แค่สังหารหลินสวินคนเดียว แต่จนป่านนี้กลับไม่อาจทำสำเร็จ เด็กนี่เป็นพวกฆ่าไม่ตายหรือไร”
มีคนเคียดแค้นชิงชัง โกรธจนกัดฟันกรอดแทบแหลก
ชั่วพริบตาบนชายฝั่งเต็มไปด้วยเสียงจอแจหลายหลากดังกระหึ่ม
อย่าว่าแต่พวกคนรุ่นเยาว์อย่างโก่วเหยียนเจิน อวี่หลิงคง หลี่ชิงผิง ข่งหลิงเลย แม้แต่สีหน้าสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันพวกนั้นก็เปลี่ยนเป็นไม่น่าดู
ส่วนลึกทะเลหมากดารานั่นเกิดอะไรขึ้นกันแน่
สัตว์ประหลาดเฒ่าไม่น้อยเหลือบสายตามองไปยังทะเลหมากดารา แม้สัมผัสกลิ่นอายคลื่นผนึกต้องห้ามไม่ได้เพียงเสี้ยว แต่ยิ่งสภาพการณ์นิ่งสงบเช่นนี้กลับยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกกดดันจนพูดไม่ออกทันที
หืม?
ทันใดนั้นนัยน์ตาของสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชัน เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬโก่วหยางซิวพลันหดรัด “หลินสวิน? เจ้าเด็กนี่ทำไมยังรอดมาได้”
คนอื่นๆ ก็มองเห็น บนผืนทะเลที่ห่างไกลนั่นมีเงาร่างสันโดษร่างหนึ่งเหยียบคลื่นทะเลมาเยือน อาภรณ์พลิ้วสะบัด สง่างามหลุดพ้น
“เป็นมันจริงๆ !”
โก่วเหยียนเจินแผดเสียงคำราม แค้นจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ต่อให้หลินสวินกลายเป็นเถ้าถ่านเขาก็ได้กลิ่นน่าชังหาใดเปรียบนั่นจากตัวเจ้าหมอนี่
“ราชันคนอื่นยังไม่กลับมา ทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงปรากฏตัวก่อน นี่เป็นไปได้อย่างไร”
บางคนไหวหวั่นประหลาดใจไม่หยุด
ราชันทั้งกลุ่มที่เข้าสู่ทะเลหมากดาราก่อนหน้านี้ ไม่มีสักคนเจอเจ้าเด็กนี่เลยหรือ
นี่เห็นได้ว่าน่าเหลือเชื่อนัก
แต่ไม่ช้าเมื่อเห็นหลินสวินเข้าใกล้ชายฝั่งแถบนี้ ความปั่นป่วนทั้งหมดต่างเปลี่ยนเป็นไอสังหารไม่อาจระงับ
เพื่อสังหารหลินสวิน พวกเขาต่างรอคอยมานานเกินไปแล้ว!
ตั้งแต่เมื่อวานตลอดจนตอนนี้ ได้ทำให้ความอดทนของพวกเขามลายสิ้น กระทั่งเพลิงโทสะอัดอั้นอยู่ทั่วท้องด้วยเหตุนี้
“เจ้าเด็กสวะ เจ้ายังกล้าปรากฏตัวอีก สวรรค์มีทางเจ้าไม่ไป นรกไร้ประตูเจ้ากลับแส่เข้ามาจริงๆ!”
โก่วเหยียนเจินแผดเสียงคำราม สีหน้าเหี้ยมเกรียมน่ากลัว
“หลินสวิน เจ้านี่ช่างใจกล้าซะจริง ยังกล้าปรากฏตัวที่นี่ ข้ายังคิดว่าชั่วชีวิตนี้เจ้าจะหลบเข้ากระดองในทะเลนี่ ไม่กล้าโผล่หัวออกมาแล้วเสียอีก”
อวี่หลิงคงสีหน้าราบเรียบกล่าวเยียบเย็น
“อาจารย์ลุงหม่า รีบลงมือฆ่าเจ้านี่เลย!”
ข่งหลิงยิ่งอดรนทนไม่ไหว แทบอยากกระชากหลินสวินทั้งเป็นทันที
ไกลออกไปหลินสวินยืนอยู่บนสถานที่ห่างจากชายฝั่งพันจั้ง แววตาเย็นชา
เขากวาดมองทุกคนบนชายฝั่งพลางกล่าว “พวกเจ้ายังรออยู่ที่นี่ก็นับว่ากล้าหาญชาญชัย อีกเดี๋ยวหวังว่าพวกเจ้าจะสามารถรอต่อไปได้”
ทันทีที่วาจานี้กล่าวออกมา เหล่าราชันไม่น้อยต่างมุ่นคิ้ว สังเกตเห็นชัดเจนว่าความหมายในคำพูดหลินสวินมีนัยแฝงอยู่บ้าง
“โอหัง! หลังจากฆ่าเจ้าแล้ว ทำไมพวกข้าต้องรอต่อไปด้วย”
โก่วเหยียนเจินตวาดเสียงขรึม
“หนวกหู”
ริมฝีปากหลินสวินขยับพูดสองคำ สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่งโดยไม่แม้แต่จะมอง
รุ้งดาราเจิดจรัสหาใดเปรียบสายหนึ่งตกลงมาจากฟากฟ้า ดั่งดาบตัดมหามรรคที่จู่ๆ ก็ปรากฏออกมา
โพละ!
โก่วเหยียนเจินยังหัวเราะเหี้ยมเกรียมโดยไม่ทันได้ตอบสนอง ร่างกายก็พลันระเบิดกระจาย จิตสิ้นวิญญาณสลาย กระทั่งตายไปแล้วก็ยังไม่ได้เตรียมตัวแม้แต่น้อย
กะทันหันเกินไปแล้ว!
ชั่วพริบตา ณ ที่นั้นเงียบสนิทไร้สุ้มเสียง ทุกคนนัยน์ตาเบิกกว้าง ภายใต้สายตาที่จับจ้อง พวกเขาส่วนใหญ่ยังไม่ทันได้ตอบสนอง โก่วเหยียนเจินก็ถูกสังหารแล้ว!
ที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงที่สุดคือ พลังที่หลินสวินสำแดง ไม่เหมือนสิ่งที่ผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งสามารถครอบครองโดยสิ้นเชิง!
…………………….

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset