กลิ่นอายมหามรรคสายแล้วสายเล่าคละคลุ้งออกมาจากตัวชายหนุ่ม ถึงแม้จะนั่งขัดสมาธิแต่กลับเหมือนเซียนกระบี่แห่งยุค คมกริบสะเทือนผู้คน
เด็กชายตัวสั่นเทิ้มทั่วร่าง กล่าวว่า “ใต้เท้าไม่ต้องบันดาลโทสะขอรับ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่เจ้านั่นจะเป็นคู่ต่อสู้ของท่าน”
อย่าเห็นว่าเด็กชายรูปร่างหน้าตาอ่อนเยาว์ อันที่จริงเป็นปีศาจเฒ่าที่บำเพ็ญมานานนับพันปี เป็นผู้แข็งแกร่งเผ่าโห่วทอง มีปราณระดับกึ่งราชัน
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าชายหนุ่มกลับถือตนเป็นข้ารับใช้
เพราะชายหนุ่มคนนี้ก็คืออวิ๋นชิ่งไป๋!
เป็นบุคคลแห่งยุคที่มีชื่อเสียงตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน ว่าเป็นอันดับหนึ่งใต้ระดับราชันของดินแดนรกร้างโบราณ!
“เจ้ารู้รายละเอียดแท้จริงของหลินสวินนี่หรือไม่”
อวิ๋นชิ่งไป๋เก็บกลิ่นอายทั่วร่าง สีหน้ากลับสู่ความสงบ
“รู้เพียงว่าเด็กนั่นมาจากโลกชั้นล่าง ที่มาของเขาจนป่านนี้ยังคงเป็นปริศนา เดิมทีสำนักส่งคนไปโลกชั้นล่างหมายจะสืบข่าว แต่เพราะเหตุผลบางประการ เส้นทางที่สำนักใช้เชื่อมต่อไปยังโลกชั้นล่างขาดไป จนป่านนี้ก็ยังไม่ทราบที่มาแน่ชัดของเด็กนั่นเลยขอรับ”
เด็กชายกล่าวเป็นพัลวัน
“โลกชั้นล่าง?”
อวิ๋นชิ่งไป๋จมสู่ภวังค์
เขานึกถึงเรื่องเก่าในปีนั้น นึกถึงตระกูลแซ่หลินนั่น…
หรือว่า…
หัวคิ้วอวิ๋นชิ่งไป๋ขมวดขึ้นมาอย่างไม่เป็นที่จับสังเกต
และในเวลานี้เด็กชายกล่าวว่า “จากข่าวที่สำนักสืบมาได้ เด็กนั่นครองพลังมหามรรคน่าสะพรึงถึงขีดสุดอย่างหนึ่ง พลานุภาพของมันคล้ายคลึงกับพลังมหามรรคที่ใต้เท้าครอบครองอย่างมาก…”
ไม่รอให้พูดจบอวิ๋นชิ่งไป๋ก็กล่าวอย่างเฉียบขาด “เป็นไปไม่ได้!”
น้ำเสียงเจือแววเยียบเย็น ไอสังหารท่วมทะลักสี่ทิศ ทำเอาเด็กชายตกใจตัวสั่นเทิ้มทั้งร่าง เกือบเข่าทรุดกับพื้น
อวิ๋นชิ่งไป๋เห็นเช่นนี้ก็รู้ว่าเมื่อครู่ตนเสียอาการอยู่บ้าง อดหัวเราะเยาะตัวเองไม่ได้ นี่ตนเป็นอะไรไป หรือว่ายังฝังจิตฝังใจกับเรื่องในปีนั้นอยู่อีก
เขาสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง จิตมรรคพิสุทธิ์ดุจกระบี่ คมกล้าไพศาล ไม่ได้รับอิทธิพลวุ่นวายใดๆ อีก
“ได้ยินว่าครั้งนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งหนุนหลังหลินสวินนั่น มาเยือนประตูภูเขาตัวคนเดียว บีบให้สำนักมอบน้ำยาควบรวมจิตให้ขวดหนึ่งหรือ” อวิ๋นชิ่งไป๋เอ่ยถาม
“ขอรับ” เด็กชายก้มหน้า
“นางยังบอกอีกว่าหากเป็นการต่อสู้รุ่นเดียวกัน นางจะไม่ยื่นมือแทรกแซงเรื่องของหลินสวินนั่นเด็ดขาดหรือ”
“ขอรับ”
หลังจากยืนยันแล้วอวิ๋นชิ่งไป๋ก็ดีดตัวขึ้น ยืนตระหง่านใต้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่ ทอดสายตามองไปไกลๆ กล่าวว่า “มหายุคใกล้มาเยือน กระดานทองคำผู้กล้าก็จวนปรากฏ ไม่ว่าหลินสวินนี่จะเป็นใคร ข้าต้องปลิดชีพมันมาล้างความอัปยศที่สำนักต้องแบกรับให้จงได้!”
เด็กชายจิตใจไหวสะท้าน กล่าวอย่างฮึกเหิม “มีใต้เท้าออกโรง เทพมารหลินนี่ต้องตายอย่างไร้กังขา!”
“ปิดด่านจวนสิบปี ก็ไม่รู้คนทั่วหล้าลืมข้าอวิ๋นชิ่งไป๋แล้วหรือไม่ ข้าได้ยินว่าคนมากมายคิดว่าข้าเทียบเมื่อก่อนไม่ได้ มีศัตรูทั่วหล้า ถึงขั้นที่ไม่อาจเทียบกับสัตว์ประหลาดบรรพกาลส่วนหนึ่งด้วยซ้ำ ออกด่านครั้งนี้ข้าจะทำให้พวกเขาประหลาดใจสักหน่อย!”
เงาร่างอวิ๋นชิ่งไป๋สันโดษสูงโปร่ง อาภรณ์สีขาวยิ่งกว่าหิมะ สองมือไพล่หลัง ยืนสบายๆ อยู่ตรงนั้นก็มีอานุภาพแปลกแยกเหนือธรรมดา
“ใต้เท้ายิ่งใหญ่เกรียงไกร เปรียบได้กับบุตรเทพบรรพกาล สิบปีก่อนก็ไร้ศัตรูในคนรุ่นเดียวกันแล้ว ครั้งนี้ก็ย่อมกวาดล้างศัตรูทั้งปวงได้แน่ขอรับ!”
น้ำเสียงของเด็กชายเจือแววเคารพเลื่อมใสอย่างแรงกล้า
สีหน้าอวิ๋นชิ่งไป๋ราบเรียบ คล้ายกับไม่ได้ยินคำพูดนี้
มรรคของเขาเคี่ยวกรำถึงขั้นสมบูรณ์ที่สุดแล้ว ปิดด่านสิบปีมานี้ยิ่งเก็บงำลับคมเขี้ยว เติมเต็มจุดบกพร่องของตนทั้งหมด บ่มเพาะพลังจิตวิญญาณให้ไร้ทัดเทียมอย่างแท้จริง
ความแข็งแกร่งของเขา เดิมทีก็ไม่จำเป็นต้องให้ใครมายอมรับอยู่แล้ว!
“เจ้าช่วยข้ารวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพวกสัตว์ประหลาดบรรพกาลสักหน่อย คนในหล้าไม่น่าหวั่นเกรง มีแต่พวกสัตว์ประหลาดที่เก็บตัวผ่านกาลเวลา รอปรากฏตัวในช่วงมหายุคเท่านั้นถึงจะควรค่าให้จับตามอง”
อวิ๋นชิ่งไป๋กล่าวสั่งการอย่างสบายๆ
“ใต้เท้านี่ท่านต้องการจะ?” หัวใจเด็กชายไหวสะท้าน สังหรณ์ใจถึงอะไรบางอย่าง
นัยน์ตาอวิ๋นชิ่งไป๋มีแสงประกายดุจวังน้ำวนไหลเวียน “คนทั่วหล้าพากันคิดว่าข้าอวิ๋นชิ่งไป๋ไม่มีปัญญาเทียบชั้นกับสัตว์ประหลาดบรรพกาลบางส่วนได้ไม่ใช่เหรอ เมื่อมหายุคมาเยือน ตอนที่แข่งขันกระดานทองคำผู้กล้า ข้าจะเป็นฝ่ายชิงสังหารเจ้าพวกนี้ก่อนตั้งแต่แรก!”
เด็กชายทำหน้าเลื่อมใสและเคารพยกย่อง
เขาไม่ได้ประจบสอพลอ หากแต่รู้ดีว่าอวิ๋นชิ่งไป๋แข็งแกร่งมากจริงๆ ปิดด่านสิบปีมีแต่จะทำให้กร้าวแกร่งมากกว่าเมื่อก่อน!
“แน่นอน จำไว้ว่าต้องจับตามองหลินสวินนั่น”
อาจเป็นเพราะเหตุบางอย่าง อวิ๋นชิ่งไป๋นึกถึงเจ้าหนุ่มที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อนอีกครั้งอย่างน่าประหลาด เอ่ยคำสั่งตามจิตใต้สำนึก
เด็กชายพยักหน้า รับคำสั่งจากไป
…
หลายวันผ่านไป
ขณะที่คนทั่วหล้ายังพากันวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่หญิงลึกลับกดข่มอริยะหกคนไม่หยุดหย่อนอยู่นั้น หอฤทธิ์เทพแห่งแดนเร้นอริยะได้ประกาศข่าวสาร…
มหายุคกำลังจะมาถึงภายในสามเดือน!
ทันใดนั้นสี่แดนวิภูต่างเดือดพล่าน ทั่วทั้งดินแดนรกร้างโบราณเกิดระลอกคลื่นโกลาหลครั้งใหญ่
มหายุคครั้งนี้ถูกคาดการณ์เอาไว้นานแล้ว ท่ามกลางการเฝ้ารอนับไม่ถ้วนในที่สุดก็มาเสียที ข่าวนี้เป็นดั่งเรื่องตะลึงโลก กลายเป็นจุดสนใจของผู้ฝึกปราณทั่วหล้าภายในพริบตาเดียว
“การต่อสู้ช่วงชิงอำนาจระหว่างผู้กล้ามากมายก็จวนจะเปิดม่านแล้วเช่นกัน ก็ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะมีผู้โชคดีไขว่คว้าศุภโชคมหายุค สร้างเส้นทางแห่งมกุฎราชันในคราเดียวได้มากน้อยแค่ไหน!”
ผู้ฝึกปราณมากมายต่างฮึกเหิม
“ในที่สุดก็มาเสียที วาสนาครั้งนี้ไม่เคยมีมาก่อน ดังนั้นมันต้องพิเศษกว่าที่เคยมีมาแน่นอน จะต้องคว้ามาให้จงได้!”
สำนักโบราณมากมายต่างพากันเริ่มเตรียมพร้อมสำหรับการมาเยือนของมหายุค
“น่าเสียดาย มหายุคดันมาไวกว่ากำหนด นี่ไม่ได้หมายความว่า การประลองกระดานดาราสี่แดนวิภูไม่สามารถดำเนินการตามกำหนดได้หรอกหรือ”
และมีคนนึกเสียดาย
เดิมทีอีกครึ่งปี การประลองกระดานดาราสี่แดนวิภูก็จะเปิดฉากขึ้น ผู้กล้าชั้นยอดมากมายต่างพากันเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้ ตั้งความหวังว่าจะขึ้นเป็นยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎ
แต่เห็นได้ชัดว่านี่เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอน
การมาเยือนก่อนกำหนดของมหายุคครั้งนี้ปั่นป่วนแผนการทั้งหมด
“นี่ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่อะไร เมื่อเทียบกับการประลองกระดานดาราสี่แดนวิภู การเข่นฆ่าเพื่ออันดับบนกระดานทองคำผู้กล้าต่างหากที่ทำให้ผู้คนตั้งตาคอยมากที่สุด!”
“ถูกต้อง มีแต่ต้องไต่เต้าขึ้นกระดานทองคำผู้กล้าเท่านั้นถึงจะเรียกว่าเป็นผู้กล้าอย่างแท้จริง ส่วนผู้กล้าอื่นๆ ที่เรียกกันย่อมถูกคัดชื่อทิ้งอย่างแน่นอน!”
“ผู้กล้า… ผู้กล้าแห่งสวรรค์ สองคำนี้ใช่ว่าใครจะคู่ควรได้ครอบครองมั่วๆ”
การวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานาดังขึ้นตามพื้นที่ต่างๆ ในดินแดนรกร้างโบราณ เดือดพล่านปั่นป่วน
หนำซ้ำยังมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่เคลื่อนคล้อย!
นี่ก็คืออิทธิพลของมหายุค เกี่ยวโยงกับสถานการณ์และแนวโน้มทิศทางของทั่วทั้งดินแดนรกร้างโบราณ ไม่ว่าจะเป็นสำนักโบราณหรือผู้ฝึกปราณในหล้า ต่างล้วนได้รับผลกระทบจากมันอย่างแน่นอน
และใครสามารถผงาดง้ำท่ามกลางมหายุค ทั้งยังสามารถโดดเด่นในมหายุค ย่อมเป็นผู้ที่ผู้ฝึกปราณทุกคนให้ความสนใจมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย!
…
แดนมรณะประหัตมาร
หนึ่งในห้าเขตหวงห้ามของดินแดนรกร้างโบราณ
ในสนามรบนองเลือดหาใดเปรียบ อสูรมารอาละวาด วิญญาณอาฆาตโหมเคลื่อน น่าสยดสยองปานแดนผีก็ไม่ปาน
แต่ในพื้นที่แถบหนึ่งภายในนั้นกลับว่างเปล่าสะอาดหมดจด พื้นที่ในรัศมีพันลี้ ไม่ว่าสัตว์อสูรมาร วิญญาณอาฆาตใดๆ ต่างไม่กล้าก้าวล้ำกล้ำกรายแม้แต่ก้าวเดียว
ชายหนุ่มชุดดำคนหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิบนพื้น เส้นผมสีขาวปานน้ำค้างหิมะทั่วศีรษะลู่ลง เผยโครงหน้าหล่อเหลาคมชัด
สวบ!
ลำแสงสายหนึ่งพุ่งแหวกห้วงอากาศมาเยือน ชายหนุ่มชุดดำลืมตาขึ้น ลงมือดุจสายฟ้า คว้าลำแสงอยู่หมัด ยามที่แบมือออกก็มียันต์หยกหลากแสงสีเพิ่มขึ้นมาผืนหนึ่ง
เมื่อบดขยี้ยันต์หยก ภายในนั้นมีเสียงแก่ชราหาใดเปรียบสายหนึ่งดังออกมา “มหายุคจะมาเยือนภายในสามเดือน หมัวเฮอ กลับมาได้แล้ว”
มหายุค!
ชายหนุ่มชุดดำหยัดตัวเต็มความสูง รูปร่างสูงโปร่งกำยำพลันแผ่แสงเทพสีดำทะยานฟ้าออกมา ปกคลุมสนามรบแถบนี้ประหนึ่งราตรีนิรันดร์
อสูรมารและวิญญาณอาฆาตในที่นั้นต่างตกใจ พากันร้องโหยหวนขึ้นมา บ้างก็ตัวสั่นเทิ้ม บ้างก็หนีตาย
“ถึงกับมาก่อนกำหนด ยังดี หลายวันมานี้ที่เคี่ยวกรำในแดนมรณะประหัตมาร มรรคต้าหลัวคืนสัจจะของข้าบรรลุระดับแก่นมรรคนานแล้ว การช่วงชิงในมหายุคครั้งนี้ย่อมปราศจากความกลัว!”
สวบ!
ชายหนุ่มชุดดำเหยียบย่างห้วงอากาศออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด
วันนี้ เย่หมัวเฮอแห่งลัทธิเทพต้นกำเนิด บุคคลแห่งยุครุ่นก่อนที่อยูบนกระดานยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎ เดินทางออกจากแดนมรณะประหัตมาร
…
เส้นทางดาราวัฎจักร
หนึ่งในห้าเขตหวงห้ามของดินแดนรกร้างโบราณ
กลางห้วงอากาศเวิ้งว้าง หมู่ดาวเสมือนตัวหมากแน่นขนัดกระจัดกระจายไปทั่ว สว่างไสวลุกโชน แต่งแต้มเส้นทางดาราคดเคี้ยวไร้ที่สิ้นสุด
ที่นี่คือฟ้าดาราที่อยู่ในแดนลับแห่งหนึ่ง เป็นเขตหวงห้ามขนาดใหญ่ที่เลื่องชื่อลือชามาแต่โบราณ
เวลานี้มีชายหนุ่มชุดเทาคนหนึ่งกำลังเหยียบย่างอยู่บนนั้น อาภรณ์ของเขาขาดวิ่น บาดแผลเต็มเนื้อตัว ดูแล้วสะบักสะบอมและน่าสังเวชอย่างยิ่ง
แต่สีหน้าของเขากลับแน่วนิ่งดั่งหินผา ไม่ไหวหวั่นสักเสี้ยว
อานุภาพของเขาก็กร้าวแกร่งไร้เทียมทานมากเช่นกัน ราวกับคมกระบี่ที่หลอมตีมาเนิ่นนาน
วู้ม!
ทันใดนั้นสายลูกปัดบนข้อมือของเขาพลันสว่างขึ้น เสียงไพเราะอบอุ่นสายหนึ่งดังออกมา “เหิงเจิน มหายุคใกล้มาเยือนแล้ว ได้เวลากลับแล้ว”
ชายหนุ่มอึ้งงันไป จากนั้นก็ถอนหายใจเฮือกยาว กล่าวพึมพำ “จวนจะเริ่มแล้วหรือ ก็ดีเหมือนกัน ข้าเฝ้ารอมานานเกินไปแล้ว…”
พรึ่บ!
ตามเนื้อตัวของเขา บาดแผลมากมายสมานด้วยความเร็วน่าอัศจรรย์ จากนั้นชั้นผิวหนังที่ตายก็หลุดลอกออก เผยให้เห็นผิวผลัดใหม่ที่ใสวาวราวกับหยก
ชั่วอึดใจอานุภาพยิ่งใหญ่น่ายำเกรงดุจภูผาพลันแผ่ออกจากร่างของเขา สะเทือนทั่วฟ้าดาราแถบนี้
ในวันนี้ หมีเหิงเจินผู้สืบทอดตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทราได้เดินทางกลับจากเส้นทางดาราวัฎจักร
…
ในวันเดียวกัน ภายในสำนักต่างๆ ล้วนมีภาพเหตุการณ์คล้ายคลึงกันอุบัติขึ้น
บุคคลแห่งยุคที่บ้างก็จำศีล บ้างก็ปิดด่าน ไม่ก็กำลังเคี่ยวกรำ ต่างพากันวางธุระในมือ เริ่มเตรียมพร้อมสำหรับการมาเยือนของมหายุค!
สำนักเอกอุ หวังเสวียนอวี๋ที่ปิดด่านนานหลายปีปรากฏตัว
เขาสวมชุดคลุมสีดำ รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา แต่ตัวคนกลับเห็นได้ชัดว่าเกียจคร้านมาก ตอนที่เดินออกจากสถานที่ปิดด่านยังอ้าปากหาวหวอดเหมือนคนผ่านทางมา ไม่โดดเด่นแต่อย่างใด
แต่ตลอดทางที่เขาเดินผ่าน เหล่าศิษย์คนอื่นๆ ที่ได้พบเจอเขาต่างพากันหยุดการเคลื่อนไหวของตน ค้อมกายโค้งคำนับ สีหน้าเจือแววเคารพเลื่อมใสอย่างไร้ที่ติ
…
แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ เยี่ยนจั่นชิวยืนตระหง่านบนยอดเขาเพียงลำพัง ทอดสายตามองดูทะเลหมอก อาภรณ์โบกสะบัด พยับหมอกรายล้อมทั่วร่างประหนึ่งเทพเซียน
‘มหายุคมาเยือน ไม่ว่าศิษย์น้องจิ่งเซวียนจะตำหนิหรือไม่ ข้าก็จะกำจัดเจ้าเสีย มังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรย่อมไม่อาจตกไปอยู่ในมือคนนอกได้เป็นอันขาด!’
เขาพึมพำในใจ สีหน้าเฉยเมย
จี้ซิงเหยาจากเรือนกระบี่เร้นปุจฉา ลั่วเจียผู้สืบทอดอริยะกระบี่ตำหนักปรกอุดมแห่งแดนประมุขพิภพ ซุ่นไป๋เสวียนทายาทตระกูลอริยะ…
ในแต่ละพื้นที่ แต่ละสำนักขุมอำนาจในดินแดนรกร้างโบราณ ต่างเริ่มมีการเคลื่อนไหว
และนอกจากสำนักใหญ่ๆ แล้ว ในแดนเร้นอริยะที่ตัดขาดจากโลก แดนลึกลับที่ไม่เป็นที่รู้จักบางแห่งก็มีการเคลื่อนไหวแปลกๆ เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน
หนำซ้ำด้วยการมาเยือนของมหายุค แม้แต่สัตว์ประหลาดบรรพกาลส่วนหนึ่งที่เก็บตัวเงียบ จำศีลอยู่ในกาลเวลายาวนานมาจนบัดนี้ ก็เริ่มปรากฏตัวแล้วเช่นกัน!
——
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1104 มหายุคใกล้มาเยือน
Posted by ? Views, Released on October 10, 2021
, Battling Records of the Chosen One
Type: Web Novel Author: Xiao Jinyu, 萧瑾瑜
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…
In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history.
In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing.
Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned.
Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?
Recommended Series
Comment
Facebook Comment