Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1118 รังเกียจที่คู่ต่อสู้อ่อนแอเกินไป

อาภรณ์สีเลือด ผมสีทอง นัยน์ตามรกต!
กอปรกับผิวสีขาวซีดอย่างประหลาดนั้น ทำให้ชายหนุ่มผู้นี้แผ่กลิ่นอายพิสดารและน่าหวาดผวา
เขาแข็งแกร่งนัก!
ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้นมา ทำให้บรรยากาศฟ้าดินบริเวณนี้ถูกกดอัด เมฆลมปั่นป่วน ประหนึ่งมังกรใหญ่ออกมาจากหุบเหว สะท้านสะเทือนโลก
ผู้ฝึกปราณในงานชุมนุมไม่น้อยต่างรู้สึกหายใจลำบาก ในใจตกตะลึงอย่างเลี่ยงไม่ได้ สีหน้าที่มองไปยังชายหนุ่มชุดสีเลือดผู้นั้นต่างเปลี่ยนไปแล้ว
‘นี่ก็คือจินเซี่ยวหมิง สัตว์ประหลาดยุคโบราณจากเผ่างูราชันทองคำ ตั้งแต่ปรากฏตัวอย่างโดดเด่น ได้กำราบบุคคลขอบเขตมกุฎยุคปัจจุบันไปแล้วสิบกว่าคน ไม่มีสถิติแพ้เลย’
ฉีชงโต้วสีหน้าคร่ำเคร่ง รีบสื่อจิตบอกให้หลินสวินรู้ถึงตื้นลึกหนาบางของคนผู้นี้
หลินสวินพยักหน้า สีหน้าสงบนิ่ง เขาสังเกตเห็นเช่นกันว่าอานุภาพของจินเซี่ยวหมิงไม่ธรรมดายิ่งนัก มีลักษณะของยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎอันเป็นเอกลักษณ์
……
การปรากฏตัวของจินเซี่ยวหมิงทำให้บรรยากาศในที่นั้นกดดันและตึงเครียด เงียบสงัดไปหมด
ผู้ฝึกปราณหลายคนต่างหวั่นกลัวหาใดเทียบ
ควรรู้ว่าพลรบชุดแดงแปดคนนั้น แต่ละคนต่างแกร่งกล้าอย่างที่สุด สามารถกำราบบุคคลขอบเขตมกุฎที่อยู่ในกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ได้ ทรงพลังกว่าผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่ในงานนี้
แต่ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ กลับถูกจินเซี่ยวหมิงฆ่าทิ้งได้ง่ายๆ มองพวกเขาเป็นพวกเลี้ยงเสียข้าวสุก!
วิธีการที่นองเลือดและอำมหิตนี้ สั่นสะท้านจิตใจคนเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย
“ในที่สุดก็มีคู่ต่อสู้น่าสนใจโผล่มาสักคนเสียที”
อาหลู่ดวงตาเปล่งประกาย จิตต่อสู้อันโชติช่วงพลุ่งพล่านขึ้นในใจ
“เจ้าหมอนี่เป็นของข้า เจ้าอย่ามาแย่งข้า!”
เจ้าคางคกร้องเสียงดัง สีหน้าฮึกเหิม
“หึ! ไม่รู้จักฟ้าสูงดินต่ำ”
เห็นเช่นนี้จินเซี่ยวหมิงก็ส่งเสียงหึหยัน สีหน้าเฉยชาเหี้ยมเกรียม “พวกเจ้าสองคนไม่ต้องโวยวาย ข้าจะส่งพวกเจ้าไปตายทีละคน”
จากนั้นเขาก็ทอดสายตาไปมองหลินสวินแล้วพูดว่า “เจ้าก็คือเทพมารหลินหรือ”
วาจากังวานเจือไอสังหาร
ทุกคนล้วนใจสั่น เพียงได้ยินเสียงก็ทำให้พวกเขารู้สึกถึงความกดดันและไอสังหารไร้สิ่งใดเทียบเทียมได้!
“ใช่แล้ว” หลินสวินพยักหน้า
จินเซี่ยวหมิงชี้ไปที่เจ้าคางคกกับอาหลู่แล้วถามอีกว่า “พวกนี้เป็นพลรบของเจ้าหรือ”
ทันใดนั้นเจ้าคางคกกับอาหลู่ก็ไม่พอใจแล้ว ร้องว่า “เจ้าพูดบ้าอะไรกัน พวกเราเป็นพี่น้องกัน!”
จินเซี่ยวหมิงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ไม่ต่างอะไร อย่างไรก็ต้องตาย เพียงแต่พวกเจ้าสองคนยังไม่มีคุณสมบัติมากพอจะประลองกับข้า”
พูดถึงตรงนี้นัยน์ตามรกตของเขาก็มองไปที่หลินสวินอีกครั้ง เอ่ยว่า “ให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง ยอมรับข้าเป็นนาย ขอเพียงซื่อสัตย์จงรักภักดี ข้าอาจจะพิจารณาพาเจ้าไปชิงศุภโชคใหญ่ที่แดนมกุฎด้วยกัน”
เมื่อพูดเช่นนี้ออกมา บรรยากาศทั้งงานก็ยิ่งกดดันและเงียบเชียบ
ทุกคนสูดหายใจเย็นเยียบ แม้จินเซี่ยวหมิงมาคนเดียว แต่กลับเมินเหล่าผู้กล้า ขนาดเจ้าคางคกกับอาหลู่ยังไม่อยู่ในสายตา
หนำซ้ำ เขายังพูดตรงๆ ว่าต้องการรับเทพมารหลินเป็นข้ารับใช้!
ระห่ำเกินไปแล้ว!
เช่นเดียวกัน นี่เป็นการเหยียดหยามเทพมารหลินอย่างไม่ปิดบังโดยไร้ข้อกังขา
ควรรู้ว่าเทพมารหลินเป็นผู้ที่ได้อันดับหนึ่งของกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ยุคปัจจุบัน เป็นผู้มีอิทธิพลในขอบเขตมกุฎซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั้งใต้หล้า ถ้าเขากลายเป็นข้ารับใช้ เมื่อเรื่องนี้แพร่ออกไปผู้คนในใต้หล้าจะมองอย่างไร
แต่จินเซี่ยวหมิงพูดอย่างสมเหตุสมผลนัก นี่ไม่ใช่แค่จองหองธรรมดาๆ แล้ว!
เจ้าคางคกกับอาหลู่ก็ตาเบิกกว้าง เหมือนไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง เคยเห็นคนบ้าระห่ำมาก่อน แต่ไม่เคยเห็นคนบ้าระห่ำได้ขนาดนี้!
ใครมอบความกล้าให้เจ้านี่กัน
คิดจริงหรือว่าเป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณก็ไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใดแล้ว
“ให้ตายสิ ข้าเพิ่งเคยเห็นคนบ้าระห่ำกว่าข้าเป็นครั้งแรก!” เจ้าคางคกสีหน้าเหยเก คิดว่าเจ้าหมอนี่ข่มความโดดเด่นของตน นี่ทำให้เขาไม่สบอารมณ์ถึงที่สุด
“ไม่ใช่โอหัง แต่ไม่มีใครสั่งสอน” อาหลู่พูดเสียงอู้อี้ “พี่ใหญ่ ข้าจะช่วยให้ไอ้ตาเขียวผมทองนี่สำนึกผิดกับท่านเอง!”
“ทำเช่นนี้ได้ที่ไหน”
ยามหลินสวินพูดก็ทะยานเข้าไปอย่างรวดเร็ว ขวางหน้าอาหลู่แล้ว เขาพูดว่า “ให้ข้าไปสู้เถอะ”
ท่าทีกำเริบเสิบสานของจินเซี่ยวหมิงทำให้หลินสวินทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว
แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ เขาอยากลองดูว่าสัตว์ประหลาดยุคโบราณนี้มีดีอะไรกันแน่ เหตุใดถึงอวดดีได้ขนาดนี้!
“เฮ้อ พวกเจ้าอย่าแย่งกันเลย ให้ข้าไปเถอะ ต่อกรกับคนพรรค์นี้ ข้าถนัดที่สุด” เจ้าคางคกพูดพลางจะกระโจนออกไป
สุดท้ายกลับถูกหลินสวินจับไว้แล้วต่อว่า “เจ้าอยู่นิ่งๆ ทำตัวดีๆ ให้ข้า”
“เจ้าก็ให้ข้าลงมือสิ!” อาหลู่ร้องเสียงดัง สีหน้าฮึกเหิม
หลินสวินยื่นมือไปคว้าแขนเสื้อของอาหลู่ไว้แล้วพูดว่า “เจ้าก็หลบไป กว่าจะจับสัตว์ประหลาดยุคโบราณได้สักคน ต้องให้ข้าศึกษาก่อนเสียหน่อย”
พวกเขาสามคนโต้เถียงกันจนผู้ฝึกปราณผู้อื่นล้วนอึ้งงัน ในสมองงุนงง นะนี่… นี่มองจินเซี่ยวหมิงเป็น ‘คนเนื้อหอม’ ที่ต้องแย่งชิงกันแล้วหรือ
จินเซี่ยวหมิงสีหน้าเรียบเฉย เพียงแต่ใครก็ดูออกว่าไอสังหารที่หว่างคิ้วของเขายิ่งเข้มข้นขึ้นแล้ว ดวงตาประหนึ่งเปลวเพลิงสีเขียวแผดเผาอยู่
เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าอีกฝ่ายถึงกับกล้าปฏิบัติกับตนเช่นนี้ ถึงขั้นไม่สนใจเขาเลย!
ตั้งแต่ปรากฏตัวมา เขาแผลงฤทธิ์ทั่วโลกหล้า ใครเล่าจะกล้าดูเบาเขา
แม้แต่บุคคลขอบเขตมกุฎยุคปัจจุบันที่เขากำราบไปก็ไม่มีสักคนที่รับได้เกินสิบกระบวนท่า!
“ไม่ต้องแย่งกันแล้ว วันนี้พวกเจ้าต้องตายทุกคน!”
จินเซี่ยวหมิงแผดเสียงดังราวสายฟ้า ยื่นแขนคว้าออกไป รอยแยกในห้วงอากาศน่าครั่นคร้ามรอยหนึ่งปรากฏขึ้น แผ่ขยายไปหาหลินสวินอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ
เขาหมายจะสังหารหลินสวิน มอบบทเรียนนองเลือดครั้งหนึ่งแก่ทุกคน!
ตึง!
ในขณะเดียวกันเขาก็ก้าวไปเบื้องหน้าประหนึ่งย่อผืนดินให้เล็กลงเพียงชุ่น นิ้วมือทั้งห้าตวัดออกไปราวกระบี่ หมายจะแทงศีรษะหลินสวินให้ทะลุ
ทุกคนร้องตื่นตระหนก รวดเร็วเกินไปแล้ว!
เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นห้วงอากาศตรงนั้นก็ถูกแสงสีเขียวโชติช่วงปกคลุม เสียงมรรคสะเทือนเลือนลั่น เขาวิญญาณพันกระแสทั้งลูกสั่นไหวอย่างรุนแรง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจินเซี่ยวหมิงน่ากลัวมาก
ทันทีที่ลงมือก็เผยพลังต่อสู้ที่แกร่งกล้ายิ่งกว่าพลรบสีเลือดเหล่านั้นมาก
เห็นเช่นนี้หลินสวินไม่ถอยกลับรุก ประกายเยียบเย็นวูบผ่านในดวงตาดำ มือกำหมัดขึ้นไปรับการโจมตี
นี่ทำให้เจ้าคางคกกับอาหลู่โมโหจนกระทืบเท้า แต่ก็ไม่ต้องการใช้คนมากรังแกคนน้อย จึงทำได้เพียงหลบไป ให้หลินสวินกับจินเซี่ยวหมิงประจัญบานกัน
ตูม!
หมัดและฝ่ามือตัดสลับกัน แสงเทพระเบิดออก คลื่นพลังน่ากลัวแผ่กระจาย ทำให้ผู้ฝึกปราณที่อยู่ใกล้เคียงบางคนจิตใจสะท้านไหวจนแทบกระอักเลือด ล้วนตกตะลึงพากันถอยหนีไม่หยุด
“พลังถือว่าไม่เลว” จินเซี่ยวหมิงนัยน์ตาหดรัด เผยแววประหลาด ยังมีความเร้าใจอยู่ด้วย รู้ว่าได้เจอคู่ต่อสู้ที่อึดพอจะสู้ได้คนหนึ่ง
“น่าเสียดาย เจ้ายังอ่อนแอเกินไป” หลินสวินตอบกลับ ดวงตาล้ำลึกสงบนิ่งราวหุบเหว เพียงแค่การโจมตีเดียวก็ทำให้เขารู้ว่านี่เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง
“ฮ่าๆ เจ้าเป็นคนแรกที่กล้าพูดเช่นนี้กับข้า! ก่อนฆ่าเจ้าตาย ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้ใคร่ครวญเรื่องเป็นข้ารับใช้อีกครั้งหนึ่ง!”
จินเซี่ยวหมิงหัวเราะร่า ผมทองทั้งศีรษะปลิวสยาย ก้าวย่างมาข้างหน้าพลางเปิดฉากสังหารเด็ดขาด
นี่เป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณที่ไอสังหารหนักแน่นผู้หนึ่ง ฝีมือก็แข็งกร้าวอหังการ
ตูม!
เป็นการโจมตีอีกครั้ง ทั้งสองแยกออกจากกัน แต่ห้วงอากาศบริเวณนี้กลับระเบิดแหลก ผืนพสุธาสั่นสะเทือนรุนแรง หินทรายปลิวว่อน
“หึ ถ้ากล้าก็เข้ามาสู้สักตั้งสิ!” ทันใดนั้นจินเซี่ยวหมิงโผขึ้นไปในห้วงอากาศไปอยู่ใต้เวิ้งฟ้า ก่อนหน้านี้อยู่ที่เขาวิญญาณพันกระแส ทำให้เขาสำแดงวิชาไม่ออก
“ทำไมจะไม่กล้า”
หลินสวินทะยานขึ้นไปในเวิ้งฟ้า เงาร่างราวเทพมารมาเยือนโลก สำแดงนัยเร้นลับแห่งเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ บดขยี้ชั้นเมฆบริเวณใกล้เคียง ห้วงอากาศระเบิดออก
ส่วนความสามารถของจินเซี่ยวหมิงก็ดุร้ายหาใดเทียบเช่นกัน ยามยกมือวาดเท้าแสงสีเขียวเทียมฟ้า เสียงมรรคดังลั่น สั่นสะเทือนจักรวาล
ชั่วพริบตาเหนือเวิ้งฟ้านั้นเต็มไปด้วยแสงเทพโชติช่วง ทำให้ห้วงอากาศบิดเบี้ยว ประหนึ่งเทพสององค์โรมรัน รูปการณ์น่าตื่นตะลึง
ไม่เพียงทุกคนบนเขาวิญญาณพันกระแสที่จับจ้องอยู่ ที่ตีนเขาเวลานี้ก็มีผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนตระหนกตกใจ พากันทอดสายตามองไปยังเวิ้งฟ้า
“น่าพรั่นพรึง!”
“เป็นเทพมารหลินจริงๆ ด้วย ผ่านไปสองเดือนในที่สุดเขาก็ปรากฏตัว!”
“คู่ต่อสู้ของเขาเป็นใครกัน ทำไมถึงน่ากลัวขนาดนี้”
“จินเซี่ยวหมิงจากเผ่างูราชันทองคำ!”
“อะไรนะ สัตว์ประหลาดยุคโบราณผู้หนึ่งหรือนี่”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่ขาดสายอื้ออึงขึ้นโดยสมบูรณ์
เหนือเวิ้งฟ้าทั้งสองคนห้ำหั่นประจัญบานกันกลางอากาศ แสงประกายแผ่พุ่งประหนึ่งภูเขาไฟลูกแล้วลูกเล่าปะทุบนเวิ้งฟ้า ทัศนียภาพลุกโชนรุนแรงเช่นนั้นน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก
นอกจากนี้ยังมีแสงเทพหลากสีสาดกระเซ็นราวฝนดาวตก แผดเผาห้วงอากาศ ยิ่งใหญ่เกรียงไกรนัก
นี่เป็นการช่วงชิงความเป็นหนึ่งของยอดมกุฎ!
เป็นการประลองใหญ่แห่งยุคของบุคคลขอบเขตมกุฎในปัจจุบัน!
“ที่ผ่านมาสัตว์ประหลาดยุคโบราณกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวอย่างโดดเด่น ยากนักที่จะมีคนแพ้ กดข่มจนเหล่าผู้กล้ายุคปัจจุบันแทบเชิดหน้าขึ้นมาไม่ได้ คราวนี้เทพมารหลินจะสามารถทำลายทุกอย่างนี้ แล้วเอาชนะศึกนี้ได้หรือไม่”
“ข้าหวังให้เขาชนะ!”
“แต่ว่า… พูดยากจริงๆ นะ”
การต่อสู้นี้ไม่นานก็ดึงดูดสายตานับหมื่น ต่างจับจ้องอย่างใกล้ชิด
โครม!
แสงเทพสายหนึ่งกระเซ็นลงมาที่พื้น เผาทำลายผืนดิน ทำให้พื้นที่ในรัศมีร้อยจั้งแปรสภาพเป็นเถ้าธุลี จินตนาการได้เลยว่าพลังที่สำแดงออกมาในการต่อสู้นี้จะน่ากลัวปานไหน
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าอายุเท่านี้จะเหยียบย่างมกุฎมรรคาในระดับบรรลุสูงสุดแล้ว ทำให้ข้าประหลาดใจจริงๆ”
เหนือเวิ้งฟ้า จินเซี่ยวหมิงออกจะอัศจรรย์ใจ ในใจหวาดหวั่น
“เรื่องที่เจ้าคิดไม่ถึงยังมีอีกเยอะ อย่าคิดว่าเก็บตัวเงียบมาช่วงเวลาหนึ่งก็ดูเบาผู้คนในใต้หล้าได้ วันนี้หากทำให้ข้าพอใจไม่ได้ก็รอถูกสังหารเถอะ!”
หลินสวินกลับไม่พอใจอยู่บ้าง กำลังนิ่วหน้า จินเซี่ยวหมิงผู้นี้เป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณคนหนึ่งชัดๆ แต่หลังจากหยั่งเชิงกลับพบว่าไม่ได้น่ากลัวมากเหมือนที่ตนคาดไว้
“รนหาที่ตายหรือ ข้าจะสงเคราะห์ให้!”
ไอชั่วร้ายน่าตกตะลึงแผ่พุ่งออกมาจากตัวจินเซี่ยวหมิง โคจรมรรคและวิชาในตัว เงาร่างราวสายฟ้า กวาดล้างสิ้นซาก แข็งกร้าวถึงที่สุด
ความจริงแล้วในใจเขายังตกใจนัก
ก่อนหน้านี้เขาก็เคยได้ยินกิตติศัพท์และผลงานการต่อสู้ของหลินสวินมาก่อน เดิมคิดว่าเป็นเพียงคนหนุ่มที่ได้อันดับหนึ่งในกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ผู้หนึ่ง ยังไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎ ไม่ได้มีอำนาจคุกคามอะไรมากนัก
ใครจะคิดว่าพลังต่อสู้ที่หลินสวินระเบิดออกมากลับเหนือความคาดหมายของเขาไปโดยสิ้นเชิง!
โครม!
เหนือเวิ้งฟ้า สถานการณ์การต่อสู้ยิ่งน่าตกใจ ที่นั่นพายุสายฟ้าปั่นป่วน ปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นถี่รัว เผยการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่ดุเดือดหาใดเทียบ
แสงเทพและแสงมรรคไร้สิ้นสุดปะทะกันในนั้น พลังต่อสู้ที่เรียกได้ว่าไร้เทียมทานทุกขนานถูกสำแดงออกมา ทำให้ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนตะลึงพรึงเพริดเพราะพวกเขา
แม้แต่เหล่าผู้ฝึกปราณบนภูเขาล้วนอึ้งงันอยู่เช่นนั้น
พวกเขาก็ถือว่าเป็นผู้มีความสามารถโดดเด่นในหมู่คนรุ่นเดียวกัน แต่เมื่อเทียบกับสองคนที่ต่อสู้ดุเดือดเหนือเวิ้งฟ้า กลับต่างกันราวฟ้ากับเหว!
ปัง!
ไม่นานนักหลินสวินพลันปล่อยพลังหมัดออกไป แสงประกายโชติช่วง ชั่วพริบตาก็ซัดจินเซี่ยวหมิงที่พุ่งจู่โจมเข้ามาให้กระเด็นออกไป ร่างเขาโซซัดโซเซ เจ็บปวดจนแทบกระอักเลือด
ในขณะเดียวกันหลินสวินก็พูดอย่างไม่ชอบใจว่า “เจ้ามีความสามารถเท่านี้หรือ ยังเป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณหรือไม่!?”
เมื่อได้ยินวาจานี้ทุกคนก็ตื่นตระหนกจนแทบกัดลิ้นตนเอง นี่เทพมารหลินกำลังแสดงความไม่พอใจ รังเกียจที่คู่ต่อสู้อ่อนแอเกินไปหรือ
——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset