Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1162 กวาดล้างให้สิ้นซาก

ระหว่างหอมกุฎและเจดีย์มกุฎคั่นกลางด้วยถนนสายหนึ่ง
บริเวณกึ่งกลางของถนนคือตำหนักโบราณมีความสูงร้อยจั้ง
เมื่อมองจากกลางตำหนัก ฝั่งตะวันออกก็คือหอมกุฎ ฝั่งตะวันตกคือเจดีย์มกุฎ ปรากฏให้เห็นเด่นชัด
เดิมทีที่แห่งนี้เป็นถิ่นที่พักของลัทธิบูชาจันทร์ เพียงแต่บัดนี้หลินสวินได้ทำการยึดครองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ยามที่ภายในเมืองยังปั่นป่วนอยู่ หลินสวินและเสี่ยวอิ๋นก็มาเจอกันในตำหนักแห่งนี้
“เสี่ยวอิ๋น เจ้าลองดูว่ามีสมบัติที่เจ้าหมายปองหรือไม่” หลินสวินเอ่ย
เบื้องหน้าของเขาสมบัติกองเป็นภูเขา วัตถุดิบวิญญาณเอย ลูกกลอนโอสถเอย สมบัติธรรม ม้วนหยก… สมบัติละลานตาจนนับไม่ถ้วน
แสงสมบัติไหลเวียนวน ส่องประกายทั่วโถง
นี่คือทรัพย์หลังศึกที่ได้รับหลังจากการนองเลือดของขุมอำนาจใหญ่แต่ละแห่งในครานี้
แค่เพียงโอสถราชันก็มีมากกว่าสามสิบต้น!
นอกจากนี้ยังมีของมีค่าและวัตถุดิบเทพที่หายากจำนวนหนึ่ง ต่างมีความอัศจรรย์พันลึกแตกต่างกันออกไป โลกภายนอกแทบจะไม่เคยปรากฏให้เห็น
สมบัติกองพะเนินละลานตา ความล้ำค่าของมันไม่อาจประเมินออกมาได้
ไม่ต้องพูดถึงผู้ฝึกปราณภายในเมือง แม้แต่อริยะมาพบเห็น ก็เกรงว่าจะเป็นลมล้มพับไปด้วยความอิจฉาตาร้อน!
เห็นได้ว่าในช่วงนี้หลังจากบรรดาขุมอำนาจใหญ่ทั้งหลายครองเมืองโบราณเผาเซียนแล้ว ได้สืบค้นและรีดไถสมบัติไปมากเท่าไร
และไม่แปลกที่ยามแดนมกุฎปรากฏขึ้นมา ขุมอำนาจใหญ่ทั้งหลายในใต้หล้าต่างเคลื่อนกำลังอย่างไม่เสียดายเข้ามาในแดนมกุฎนี้
ศุภโชคและวาสนาในนี้มีมากเกินไปจริงๆ มากเสียจนโลกภายนอกไม่อาจทัดเทียมได้!
ทว่า ยามนี้สมบัติพวกนี้ล้วนตกเป็นของหลินสวิน
หากให้พวกขุมอำนาจใหญ่อย่างเผ่าอีกาทอง เขาวิญญาณหมื่นอสูรล่วงรู้ คงจะโกรธเกรี้ยวเสียจนแทบคลั่ง
ไม่พูดถึงถิ่นที่พักถูกขุดรากถอนโคนออกไป แม้แต่สมบัติที่เก็บรวบรวมมาอย่างยากลำบากก็ถูกชิงไปด้วย การโจมตีครั้งนี้หนักหนาเกินไปแล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินสวิน เสี่ยวอิ๋นก็ไม่เกรงใจ เก็บรวบรวมสมบัติสิบกว่าอย่างด้วยความรวดเร็ว ทั้งหมดล้วนแต่สามารถช่วยยกระดับเส้นทางการวิวัฒน์ของเขา
“หมดแล้วหรือ”
หลินสวินอึ้งไป สมบัติตั้งมากมายขนาดนี้ เสี่ยวอิ๋นกลับเลือกไปเพียงนิดเดียว สร้างความประหลาดใจให้แก่เขาอยู่บ้าง
“หากมีดอกสยบวิญญาณก็คงจะดี”
เสี่ยวอิ๋นอัดอั้นเล็กๆ เช่นกัน เส้นทางที่เขาเดินอยู่คือมรรคาวิวัฒน์จิตวิญญาณ ทว่าสมบัติในใต้หล้านี้ที่เกี่ยวกับการพัฒนาจิตวิญญาณมีน้อยเกินไปและพบเจอได้ยาก
หลินสวินพยักหน้า “ให้ข้าจัดการเถอะ”
เขาเตรียมนำสมบัติที่ไม่มีประโยชน์ต่อตนเอง ออกไปแลกเปลี่ยนเป็นสมบัติที่เกี่ยวกับการฝึกจิตวิญญาณกับผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ
“นายท่าน ท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ การสละชีวิตยอมตายเพื่อท่านเป็นหน้าที่ของข้า ไม่ใช่ทำเพราะคิดให้ท่านมาตอบแทนบุญคุณ!” เสี่ยวอิ๋นเงยหน้า สีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง
“ข้ารู้” หลินสวินยิ้ม
แต่ก็เพราะเหตุนี้ถึงได้มุ่งมั่นช่วยเหลือเสี่ยวอิ๋นยิ่งขึ้น!
ต่อมาหลินสวินนำสมบัติภายในตำหนักออกมาเรียงและจัดแจง เก็บเฉพาะสิ่งที่ตนต้องการ ส่วนที่เหลือวางแผนเอาไปแลกเปลี่ยนทั้งหมด
ด้านเสี่ยวอิ๋นก็กลับเข้าไปในห้วงนิมิตของหลินสวินเพื่อเริ่มฝึกฝนแล้ว
การเข้าสู่แดนมกุฎครั้งนี้ เสี่ยวอิ๋นก็วางแผนทะลวงระดับราชันด้วยเช่นกัน!
“พวกเขา… บางทีคงเข้าใจว่าการนองเลือดคงเจ็บสิ้นแล้วกระมัง”
หลินสวินเอ่ยกับตัวเอง ภายในดวงตาประกายแสงเยียบเย็นไหวเคลื่อน หันหลังออกจากตำหนัก

ภายในเรือนพักหลังหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองหลายคนรวมตัวกัน
พวกเขาต่างโชคดีหนีรอดจากความวุ่นวายมาได้ จึงมารวมตัวกันในเวลานี้
“ข้าถูกเรียกตัวจากศิษย์พี่อูหยวนเจิ้น เขาสั่งให้พวกเราออกจากแดนเผาเซียน มีเพียงทำเช่นนี้ถึงจะสามารถพลิกสถานการณ์”
ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าวด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง เขามีนามว่าอูฮว่าเตี่ยน เป็นบุคคลขอบเขตมกุฎที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง
“จากไปหรือ หรือไม่คิดแก้แค้นแล้ว”
ผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวออกมาด้วยความโมโห
ชายหนุ่มตอบกลับเสียงเย็น “เหล่าราชันไม่สามารถเข้าเมืองได้ เจ้าคิดว่าพวกเราคนไหนสามารถเป็นคู่ประมือกับเทพมารหลินนั่นกัน พวกเรามีชีวิดรอดมาได้ก็ถือว่าโชคดีแล้ว!”
“เช่นนั้นก็ทำตามนั้น ครั้งนี้ในเผ่าของเรานอกจากองค์ชายเจ็ดแล้ว ยังมีองค์ชายเก้า องค์ชายสิบสามที่เข้ามาในแดนมกุฎด้วย”
“แค่ว่าต่างจากพวกเรา องค์ชายเก้าและองค์ชายสิบสามเข้าแดนมกุฎจากสถานที่นำทางอื่น สิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือรีบไปรวมตัวกับพวกเขา นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองโบราณเผาเซียนไปบอกแก่พวกเขา”
“หลังจากนั้นจึงจะเป็นเวลาคิดล้างแค้น!”
อีกคนหนึ่งสูดหายใจลึก เอ่ยพูดเสียงกระจ่างชัด
ดังนั้นพวกเขาจึงลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง และจากเรือนพักหลังนี้ไป
ภายในเมืองโบราณเผาเซียนล้วนฮือฮาไปทุกแห่ง กำลังกระจายข่าวการเคลื่อนไหวอันนองเลือดของหลินสวินครั้งนี้ ตามถนนตรอกซอยล้วนแต่เกิดการวิพากษ์วิจารณ์
“หึๆ เผ่าอีกาทองนั่นช่างไม่รู้จักหลาบจำ ช่วงก่อนหน้านี้ถูกเทพมารหลินจัดการไปหยกๆ มาครานี้ยังกล้าเข้าร่วมการเคลื่อนไหวที่หมายหัวหลินสวิน นี่ไม่ใช่รนหาที่ตายหรอกหรือ”
“ดูสิ พวกอีกาทองเหล่านั้นที่หนีได้ก็หนี ที่ตายก็ตาย ในอดีตพวกเขาโอหังขนาดไหน มาตอนนี้แม้แต่เมืองยังไม่กล้าเข้า”
บนท้องถนนการวิพากษ์วิจารณ์ที่เกี่ยวข้องกับเผ่าอีกาทองก็เกิดขึ้นเป็นระยะ
พวกอูฮว่าเตี่ยนต่างเก็บงำกลิ่นอาย เกรงว่าจะถูกคนอื่นมองฐานะของตนออก เพียงแต่ยามได้ยินคำวิจารณ์เหล่านี้ ก็พาให้พวกเขาโกรธจนกัดฟันกรอด
เมื่อก่อนในเมืองโบราณเผาเซียนมีใครกล้าวิจารณ์พวกเขาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้
ทว่าบัดนี้…
แม้แต่คนทั่วไปไม่สลักสำคัญยังกล้าวิจารณ์พวกเขาตามอำเภอใจ ซ้ำในน้ำเสียงยังแฝงความเย้ยหยัน น่าโมโหเสียจริง
“อดทนไว้ก่อน ต่อไปไม่ช้าก็เร็วพวกเราจะต้องกลับมาทวงคืนอีกครั้ง”
อูฮว่าเตี่ยนสูดหายใจลึก น้ำเสียงต่ำลึก
ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงเบื้องหน้าเจดีย์มกุฎ
เจดีย์แห่งนี้สูงตระหง่านตัวเจดีย์เป็นทรงกลม กินอาณาเขตกว้างยิ่ง
เมื่อเข้าไปในเจดีย์ เพียงแค่เซ่นโอสถราชันหนึ่งต้นก็สามารถเคลื่อนย้ายไปยังแดนอื่นๆ ได้ อัศจรรย์อย่างยิ่ง
ทั้งยังแตกต่างจากค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ เพียงแค่รู้ชื่อแดนนั้นก็สามารถถูกส่งไปถึงที่หมายได้อย่างแม่นยำ
ขณะที่พวกอูฮว่าเตี่ยนมาถึง กลับต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าเจดีย์มกุฎที่แสนคึกคักเมื่อวันวาน มาบัดนี้ว่างเปล่าเงียบเหงาอย่างที่สุด มีเพียงเงาร่างสองสามร่างกระจัดกระจายอยู่หรอมแหรม
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้”
อูฮว่าเตี่ยนหรี่ตาลง สังเกตได้ถึงความผิดปกติบางอย่างรางๆ
“สถานการณ์ดูแปลกชอบกล หนีออกจากที่นี่ก่อน!”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเบา ตัดสินใจอย่างฉับไวหมายล่าถอยจากที่แห่งนี้
ทว่าในเวลานี้หน้าประตูทางของเจดีย์มกุฎปรากฏเงาร่างหนึ่งขึ้นมาทันใด ราวกับว่ารอคอยอยู่ตรงนั้นมานานแล้ว!
คนผู้นี้ย่อมเป็นหลินสวิน เพียงแต่ก่อนหน้านี้สำแดงไอซวนหนี ทำให้กลิ่นอายและร่องรอยของตัวเขาเลือนหายไป
“แย่แล้ว!”
พวกอูฮว่าเตี่ยนหน้าเปลี่ยนสีทันที ไหนเลยจะคิดว่าหลังจากเทพมารหลินสำแดงการชำระเลือดไปครั้งหนึ่งแล้วจะยังไม่ยอมรามือ คอยเฝ้าตอรอกระต่าย!
นี่เขาคิดจะกวาดล้างให้สิ้นซากหรือ
“กลุ่มที่สิบหกแล้ว ดูท่าเศษเดนขุมอำนาจใหญ่อย่างพวกเจ้ายังมีอีกมากสินะ”
หลินสวินเอ่ยปาก น้ำเสียงราบเรียบ ทว่าความหมายในคำพูดนั้นกลับทำให้พวกอูฮว่าเตี่ยนตัวสั่นในทันใด
เห็นชัดว่าก่อนหน้านี้มีผู้สืบทอดขุมอำนาจใหญ่อีกสิบห้ากลุ่มหมายใช้เจดีย์มกุฎจากไปเหมือนพวกเขา แต่กลับถูกหลินสวินขวางไว้ที่นี่!
“หนี!”
พวกอูฮว่าเตี่ยนเลือกหนีโดยแทบไม่มีลังเลใดๆ
แต่น่าเสียดายที่ย่อมไม่เป็นผล นั่นเพราะหลินสวินหมายมั่นจะกำจัดศัตรูทั้งหมดให้สิ้นซาก มีหรือจะปล่อยให้พวกเขาจากไป
ตูม!
ณ ที่นั้นแสงศักดิ์สิทธิ์อบอวล การต่อสู้ระเบิดขึ้น
ไม่มีเหตุพลิกผันใดๆ พวกอูฮว่าเตี่ยนล้วนถูกสยบสังหาร ไร้คนรอดชีวิต
และเมื่อจัดการทั้งหมดนี้เรียบร้อยแล้ว หลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่งก็ขจัดร่องรอยการต่อสู้ในนั้นได้ และสำแดงไอซวนหนีอำพรางกายอีกครั้ง เฝ้ารออยู่ตรงนั้น
ผู้ฝึกปราณที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเห็นดังนี้ในใจก็สั่นไหวไม่หยุด
ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ อีกทั้งพวกเขายังถูกหลินสวินข่มขู่ไว้ก่อนหน้า ว่าผู้ใดกล้าเปิดเผยให้ศัตรูเหล่านั้นล่วงรู้ ย่อมต้องรับผลที่ก่อไว้!
นี่จึงเป็นสาเหตุ ว่าทำไมตอนที่พวกอูฮว่าเตี่ยนมาถึงบริเวณเจดีย์มกุฎจึงเงียบเชียบนัก
ด้วยพลานุภาพของหลินสวิน ใครจะกล้าเข้าไปทำลายการเฝ้ารอของเขา
เป็นเวลาสามวันเต็ม
ที่หลินสวินดักรออยู่ที่นั่นตลอด รวมแล้วมีผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจใหญ่สิบกว่ากลุ่มกระจัดกระจายกันมา หลังจากนั้นก็ถูกสังหารกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า
นี่พาให้คนหวาดหวั่นจนขนลุกซู่ไปทั้งตัว สังเกตได้ว่าในครั้งนี้เทพมารหลินหมายกวาดล้างให้สิ้นซากแน่นอน ทำลายพวกเศษเดนจากขุมอำนาจใหญ่ทุกคนที่อยู่ตรงประตูเมือง!
ที่น่าเสียดายคือข่าวยังคงรั่วไหลออกไป ในวันที่สาม หลินสวินรออยู่นานก็ไม่มีร่องรอยของศัตรูมาอีก
ทว่านี่ก็อยู่ในการคาดการณ์ของหลินสวิน
จากนั้นเขาประกาศข่าวออกไปสองฉบับในเมือง
หนึ่งคือประกาศรางวัลนำจับ ขอเพียงให้เบาะแสศัตรูได้ แค่เบาะแสนั้นมีความน่าเชื่อถือ ก็มารับโอสถราชันหนึ่งต้นเป็นรางวัลได้เลย!
เมื่อประกาศนำจับแพร่กระจายออกไป ทั่วทั้งเมืองโบราณเผาเซียนก็เกิดความวุ่นวายขึ้น
พวกเศษเดนศัตรูที่หลบซ่อนอยู่ภายในเมืองเหล่านั้น แต่ละคนต่างสะท้านไปทั้งตัว พากันหนีออกจากเมืองไม่กล้ารั้งอยู่อีก!
“เทพมารหลินช่างร้ายกาจจริงๆ ใช้แค่โอสถราชันหนึ่งต้นเป็นรางวัล ก็ทำให้ผู้ฝึกปราณมากมายในเมืองต่างวิ่งเต้นทำงานให้เขามือเป็นระวิง”
คนมากมายทอดถอนใจ “เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้สืบทอดขุมอำนาจใหญ่หน้าไหนยังกล้าเล่นลูกไม้อีก”
ประกาศฉบับที่สองคือรับซื้อสมบัติที่เกี่ยวกับการฝึกจิตวิญญาณ หลินสวินยินดีซื้อในราคาสูง ยิ่งมากยิ่งดี!
นี่ทำให้ผู้ฝึกปราณในเมืองจำนวนไม่น้อยใจเต้น
ยามนี้ทุกคนรู้ชัดว่าหลังจากการฆ่าล้างเลือดขุมอำนาจใหญ่ หลินสวินได้รับทรัพย์สินมหาศาลจนไม่อาจประเมินได้
หากสามารถแลกเปลี่ยนได้ แน่นอนว่าต้องแลกได้สมบัติที่ไม่อาจหาซื้อตามท้องตลาด!
ชั่วขณะเดียวหน้าตำหนักที่หลินสวินพักอาศัยถึงขั้นเรียกได้ว่าหัวกระไดไม่แห้ง ทุกวันมีผู้ฝึกปราณมากมายเดินทางมา ใช้สมบัติในมือทำการแลกเปลี่ยนกับหลินสวิน
เมื่อผู้ฝึกปราณแต่ละคนกลับออกไปล้วนมีสีหน้าพอใจ ด้วยเพราะราคาที่หลินสวินให้ดีจนไม่มีที่ติ
เมื่อเป็นเช่นนี้ กลับทำให้หลินสวินมีชื่อเสียงดีขึ้นมาพอตัว
ผู้ฝึกปราณบางส่วนที่เดิมทียังลังเล กังวลว่ายามแลกเปลี่ยนจะโดนหลินสวินกดราคา พลันหมดความลังเล นำสมบัติก้นกรุออกมา
ส่วนด้านนอกเมือง เหล่าขุมอำนาจใหญ่ที่มีความแค้นกับหลินสวินล้วนเดือดดาลจนแทบกระอักเลือด
ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องประกาศนำจับผู้สืบทอดขุมอำนาจของพวกเขา ยังมีหน้าเอาทรัพย์สมบัติของพวกเขาไปแลกเปลี่ยนกับผู้ฝึกปราณทั้งเมืองอีก สมควรถูกพันมีดหมื่นแล่ยิ่งนัก!
คลื่นลมครั้งนี้คงอยู่ในเมืองโบราณเผาเซียนต่อเนื่องครึ่งเดือนกว่า ถึงค่อยสงบลง กลับสู่สภาวะปกติ
ผู้ฝึกปราณล้วนสัมผัสได้อย่างชัดแจ้งว่า เมืองโบราณเผาเซียนเปลี่ยนไปแล้ว ต่างจากอดีตโดยสิ้นเชิง
มีหลินสวินคอยควบคุมดูแล ต่อให้ขุมอำนาจใหญ่ที่ไม่มีความแค้นใดๆ กับหลินสวิน ก็ยังต้องลดความเย่อหยิ่งทะนงตน รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว
สำหรับผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ แล้วย่อมเป็นเรื่องดีอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้พวกเขาไม่ต้องพบเจอแรงกดดันที่หนักหนาเกินไป
เพียงแต่เรื่องยุ่งยากหนึ่งเดียวก็คือ ตรงประตูเมืองถูกกลุ่มราชันคุมอยู่ตลอด การเข้าออกแต่ละครั้งล้วนทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน
ผู้ฝึกปราณมากมายถึงขั้นหวังให้หลินสวินเลื่อนระดับเป็นราชันโดยไว จากนั้นให้เขาลงมือชำระเลือดครั้งใหม่กับพวกราชันที่อยู่นอกเมืองเหล่านั้น!

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset