Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1187 ขุดแร่ดีๆ

อย่างเจ้า ก็คู่ควรเรียกว่ามกุฎด้วยหรือ
ประโยคเดียวเนิบนาบเหมือนวารี กลับดังชัดในโสตประสาทของทุกคน
เมื่อช้อนตามองไป เหนือฟ้าสูงเงาร่างนั้นสันโดษราวเมฆคล้อย ไร้มลทินและยากจับต้อง มีความสง่างามโดดเด่นหลุดพ้น
ส่วนบนพื้น เงาร่างเวินเอ้าไห่กระตุกเกร็งกลางหลุมใหญ่เหมือนเป็นลมบ้าหมู เงยหน้าขึ้นมาอย่างยากเย็น ใบหน้าบวมเป่งจมูกเขียวคล้ำ เปื้อนฝุ่นควันไปหมดแล้ว
สายตาเขาเคียดแค้น พูดเสียงแหบแห้งว่า “เทพมารหลิน เจ้ากล้ารอข้าครอบครองพลังระเบียบมรรคแล้วมาสู้กันอีกครั้งไหม!”
เห็นได้ชัดว่าหลังจากถูกสยบแล้วเขายังคงไม่ยินยอม ไม่อาจรับได้!
สิ่งนี้ ถ้อยคำเช่นนี้ เดิมทีก็ดูน่าขันมากอยู่แล้ว
“แพ้แล้วก็แพ้สิ ถ้าเจ้ายอมรับ ข้าอาจจะยังมองเจ้าดีสักครั้ง น่าเสียดาย ขนาดความกล้าที่จะยอมรับความพ่ายแพ้เจ้ายังไม่มี ด้วยจิตใจเช่นนี้ หากไม่ใช่โชคดีได้มหาศุภโชคไป ชาตินี้ย่อมไม่อาจบรรลุเป็นมกุฎราชันได้!”
หลินสวินพูดอย่างเรื่อยเฉื่อย ทว่าแต่ละคำเหมือนดาบแทงเข้าไปในใจของเวินเอ้าไห่อย่างแรง ทำให้ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวดุร้ายขึ้นมา
เพียงแต่ทันใดนั้นเขาก็พูดอย่างท้อใจว่า “ข้ายอมแพ้”
หลินสวินกล่าวอย่างเฉยชาว่า “สายไปแล้ว”
เวินเอ้าไห่หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ รีบร้อนร้องขึ้นว่า “ขอเพียงปล่อยข้าไปครั้งหนึ่ง ข้าจะตอบแทนให้เจ้าอย่างเต็มที่!”
มดยังรักตัวกลัวตาย นับประสาอะไรกับเวินเอ้าไห่ที่เพิ่งบรรลุเป็นระดับมกุฎราชัน มีอนาคตอันดีงามนัก จะยอมจำนนต่อโชคชะตาเช่นนี้หรือ
บนเขาดาราราย พวกเมิ่งอิงหวาหน้าถอดสี สะเทือนใจโดยสมบูรณ์แล้ว ความพ่ายแพ้หมดรูปของเวินเอ้าไห่ย่อมดับความหวังทั้งหมดของพวกเขาไปอย่างไม่ต้องสงสัย
สายตาหลินสวินเจือไปด้วยความเวทนา เอ่ยว่า “เจ้าตายแล้ว ของที่อยู่กับตัวก็ย่อมเป็นทรัพย์หลังศึกของข้า ข้าจะไปอยากได้ของตอบแทนอีกทำไม”
เวินเอ้าไห่พูดอย่างร้อนรนว่า “ที่ตัวข้ายังมีมหาศุภโชคเย้ยฟ้าชิ้นหนึ่ง หากปล่อยข้าไปสักครั้งไม่แน่ว่าข้าอาจจะบอกความลับนี้กับเจ้าได้!”
หลินสวินร้องอ้อแล้วพูดว่า “พูดให้ฟังซิ”
“ในเขตต้องห้ามแม่น้ำนรกมีทางน้ำแห้งขอดที่ผ่านไปใต้ดินสายหนึ่ง ใต้ทางน้ำมีโบราณสถานที่ผนึกมาเนิ่นนานฝังอยู่”
เพื่อรักษาชีวิตเวินเอ้าไห่ไม่กล้าปิดบังสักนิด บอกออกมาอย่างหมดเปลือกไม่หมกเม็ด
“ตามข้อมูลที่เชื่อถือได้ โบราณสถานนี้เหมือนจะเกี่ยวข้องกับ ‘แหล่งกำเนิดแม่น้ำนรก’ มีศุภโชคเย้ยฟ้าซ่อนอยู่ภายใน!”
เขาหยุดไปแล้วพูดต่อว่า “หนึ่งเดือนต่อจากนี้ พลังต้องห้ามที่ผนึกโบราณสถานก็จะอ่อนแอลงถึงที่สุด ข้าตอบรับอูหลิงเฟิงองค์ชายเก้าเผ่าอีกาทองไปแล้วว่าจะไปเสาะหาวาสนาด้วยกัน”
แววประหลาดไหวเคลื่อนในดวงตาของหลินสวิน เขานึกถึงตอนที่เพิ่งเข้ามายังแดนอัคคีทักษิณ ก็ถูกส่งไปในเขตต้องห้ามแม่น้ำนรกที่อันตรายหาใดเทียบแห่งนั้น
ทว่ากลับคิดไม่ถึง ว่าสถานที่เฮงซวยน่าปวดหัวแบบนั้นยังมีศุภโชคเย้ยฟ้าซ่อนอยู่เสียได้!
อีกทั้งด้วยการอธิบายของเวินเอ้าไห่ หลินสวินจึงเข้าใจว่าการเคลื่อนไหวคราวนี้เป็นการเรียกรวมตัวของอูหลิงเฟิง องค์ชายเก้าเผ่าอีกาทอง คนที่เข้าร่วมการเคลื่อนไหวนี้ล้วนเป็นระดับมกุฎราชัน
เดิมทีหลินสวินไม่ได้สนใจอะไรกับเรื่องนี้เลย เขารู้ดีว่าเขตต้องห้ามแม่น้ำนรกนั่นเป็นสถานที่ที่น่ากลัวเพียงไหน
แต่เมื่อได้รู้ว่าในหมู่มกุฎราชันที่เข้าร่วมการเคลื่อนไหวนี้ มีผู้สืบทอดของเหล่าขุมอำนาจอย่างเผ่าวิญญาณสมุทร สำนักยุทธ์นครนิล ลัทธิบูชาจันทร์อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย หลินสวินก็ใจเต้นทันที
เขายังไม่ลืมความแค้นกับขุมอำนาจเหล่านี้ตอนอยู่ในแดนเผาเซียน!
ต่อมาหลินสวินก็ถามคำถามอีกบางส่วน เวินเอ้าไห่ตอบออกมาตั้งแต่ต้นจนจบ ให้ความร่วมมือยิ่ง
“หากเจ้าปล่อยข้าไปคราวนี้ ข้าสามารถออกหน้าพาเจ้าเข้าร่วมการเคลื่อนไหวคราวนี้ด้วยกันได้!”
ใบหน้าเวินเอ้าไห่เจือแววมีหวัง หว่างคิ้วมีแต่การร้องขอ
ก็ในตอนนี้เองหลินสวินยิ้มแล้ว ดวงตาดำลุ่มลึก จับจ้องเวินเอ้าไห่พลางพูดว่า “เจ้าว่าข้าจะเชื่อเจ้าไหม”
ไม่ทันรอให้เวินเอ้าไห่เอ่ยปาก เขาก็พูดต่อว่า “ถ้าข้าเดาไม่ผิด ที่เจ้าทำแบบนี้อาจจะเพื่อรักษาชีวิต แต่ไหนเลยจะไม่มีความคิดยืมมีดฆ่าคน ถึงตอนนั้นเจ้าจะลอบร่วมมือกับพวกอูหลิงเฝิงมาต่อกรข้าด้วยกันได้เต็มที่”
“หรือแบบที่ง่ายหน่อยก็คือเปิดเผยฐานะของข้าไปเลย พวกอูหลิงเฟิงย่อมต้องจ่อปลายทวนมาที่ข้าอย่างไม่ลังเล อย่างไรเสียคนโง่ยังรู้เลยว่าคนที่พวกเขาอยากฆ่าที่สุดก็คือหลินสวิน”
เวินเอ้าไห่ตัวแข็งทื่อ พูดอย่างลุกลี้ลุกลนว่า “ข้าสาบานต่อฟ้าได้เลยว่าไม่มีความคิดนี้เด็ดขาด!”
หลินสวินยิ้มเย็นชาพูดว่า “ตอนนี้ไม่มีความคิดแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่าภายหน้าจะไม่มี”
ปึง!
เสียงพูดยังไม่ทันเงียบลง เขาพลันก้าวเท้าออกไปเหยียบมือซ้ายที่กำแน่นนั้นของเวินเอ้าไห่ เลือดเนื้อเละเทะ กระดูกล้วนแตกออกเป็นผุยผง
เวินเอ้าไห่ส่งเสียงร้องโหยหวนเจ็บปวดออกมา
ในขณะเดียวกันหลินสวินก็เงื้อมือขึ้นคว้ากระบี่ที่อยู่ในมือซ้ายแหลกละเอียดของเวินเอ้าไห่
กระบี่วิญญาณเรียวเล็กเหมือนเส้นขน เล็กจ้อยถึงที่สุด เปล่งปลั่งโปร่งใสไปทั้งเล่ม
แต่เมื่อมองดูโดยละเอียด บนกระบี่เล็กนี้กลับมีพลังต้องห้ามหนาแน่นอย่างน้อยแปดร้อยชั้นประทับอยู่ น่าหวาดหวั่นถึงที่สุด
“สิ่งนี้คืออะไร” หลินสวินประเมินอย่างสนใจใคร่รู้ รู้สึกได้อย่างแจ่มชัดว่าภายในกระบี่นี้เต็มไปด้วยพลังมืดหม่นราวถูกทำลายล้าง
เวินเอ้าไห่หน้าถอดสีหาใดเทียบในทันใด ดวงตาทั้งสองเหม่อลอย เหมือนคิดไม่ถึงเลยว่าท่าไม้ตายที่ปิดบังไว้จะถูกหลินสวินพบเข้าก่อนเสียได้
“นะ… นี่คือสมบัติที่ข้าน้อยพกติดตัว ไม่ได้สูงค่าอะไร หากสหายยุทธ์สนใจก็ขอให้รับไว้ด้วย”
เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เอ่ยปากเสียงสั่นเครือ
“ช่างเถอะ สุภาพชนไม่ชิงของรักของผู้อื่น กระบี่นี้… ก็คืนให้เจ้าแล้วกัน!”
ยามพูดจาหลินสวินสะบัดข้อมือ กระบี่นี้พลันยิงพุ่งออกมาเหมือนแสงเรียวเล็ก แทงเข้าไปในห้วงนิมิตของเวินเอ้าไห่
ชั่วพริบตานั้นเวินเอ้าไห่คำรามอย่างเคียดแค้นเหมือนคลุ้มคลั่ง “เทพมารหลิน เจ้าต้องไม่ตายดี!”
ครู่ต่อมาเขาก็แข็งทื่อไปทั้งตัว โกรธจนชีพวาย จากนั้นทั้งร่างก็เน่าเปื่อยแปรสภาพเป็นน้ำพิษสีดำสนิทเต็มพื้น
บนพื้นบริเวณใกล้เคียงล้วนถูกย้อมให้เป็นสีดำในชั่วพริบตา กลิ่นเหม็นเน่าเตะจมูกลองออกมา
เพียงดมครั้งเดียวก็ทำให้หลินสวินรู้สึกอัดอั้นและขยะแขยงในทรวงอกครู่หนึ่ง สั่นไหวในใจอย่างอดไม่ได้ พลังอำมหิตนัก!
ระดับมกุฎราชันผู้หนึ่งถูกกำจัดอย่างง่ายดายเช่นนี้ แค่คิดก็รู้ว่าพลังที่เก็บกักอยู่ในกระบี่นี้น่ากริ่งเกรงปานไหน
หากเมื่อครู่เวินเอ้าไห่ลอบโจมตีทีเผลอ เช่นนั้นผลลัพธ์ก็พูดได้ยากจริงๆ!
บนเขาดาราราย พวกเมิ่งอิงหวางุนงงอยู่ตรงนั้นโดยสมบูรณ์ จิตใจทดท้อ ความหวังมากมายแหลกสลาย
หลายวันก่อนหน้านี้พวกเขากล้ำกลืนสวามิภักดิ์ ความหวังเพียงอย่างเดียวในใจก็ฝากไว้กับเวินเอ้าไห่
แต่ตอนนี้ ความหวังเพียงหนึ่งเดียวถูกทำลายไปพร้อมกับการตายของเวินเอ้าไห่แล้ว!
เทพมารหลินเขา…
จะจัดการพวกเขาอย่างไร
ยิ่งคิดในใจพวกเขาก็ยิ่งหวั่นกลัวและไร้กำลัง
“นิ่งอยู่หาอะไร ยังไม่ไปขุดแร่อีกหรือ”
ไกลออกไปเสียงตำหนิของหลินสวินดังขึ้น
แต่สำหรับพวกเมิ่งอิงหวาแล้ว การด่าทอนี้กลับไพเราะกว่าเสียงเซียน ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกทำใจเชื่อได้ยาก
จะปล่อยพวกเขาไปแบบนี้แล้วหรือ
กระทั่งเงาร่างของหลินสวินหายลับเข้าไปในบ้านหินบนยอดเขา พวกเมิ่งอิงหวาถึงกล้าเชื่อได้ในที่สุดว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง!
เทพมารหลินไม่ได้ฆ่าพวกเขา!
“ไม่แน่บางที หลังจากเขากลายเป็นระดับมกุฎราชันก็คงไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตาอีกแล้วกระมัง”
พวกเมิ่งอิงหวาสีหน้าอ่านยาก ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยินดีหรือเศร้าสลดดี
คนเดินบนถนน หากเจอมดตัวหนึ่งท้าทายระหว่างทาง เจ้าจะสนใจไหม
ตอนนี้ การกระทำของหลินสวินก็ทำให้พวกเมิ่งอิงหวารู้สึกทำนองเดียวกัน
เพียงแต่ว่า มดก็คือพวกเขา…
“ภายหน้าแม้พวกเราจะยังมีชีวิตอยู่ แต่ในแดนเก้าบนที่มีอันตรายรอบด้าน มีการประหัตประหารไปทุกหนแห่งแห่งนี้ เกรงว่า…”
รุ่ยม่านหรงเสียงท้อแท้
“เกรงว่าอะไร” มีคนถามอย่างอดไม่ได้
“เกรงว่าจะเอาชีวิตรอดได้ยาก!” เสียงรุ่ยม่านหรงยิ่งหมดกำลังใจ สีหน้าหม่นหมอง
ทุกคนสั่นสะท้านในใจ และรับรู้ได้ว่าเมื่อเวินเอ้าไห่ตาย พวกเขาก็ไม่มีที่พึ่งอีกต่อไปด้วย
ในแดนอัคคีทักษิณแห่งนี้ คิดจะเอาชีวิตรอด หากไม่เลือกสวามิภักดิ์ยอมเป็นบริวารของขุมอำนาจอื่น ก็ต้องมีระดับมกุฎราชันเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคนในหมู่พวกเขา!
แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ระดับมกุฎราชันไม่ใช่ว่าใครจะบรรลุได้ง่ายๆ
“ที่จริงสวามิภักดิ์กับเทพมารหลินก็ไม่เลว อย่างน้อยหากมีอันตรายมากล้ำกราย คนที่ออกหน้ารับเป็นคนแรกก็คือเขา” มีคนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดเสียงเบา
คำพูดนี้แทงใจดำยิ่งนัก!
เวินเอ้าไห่เพิ่งตายไป ก็เริ่มคิดเอียงเอนหาหลินสวินโดยสมบูรณ์แล้ว นี่จะต่างอะไรกับทรยศกัน
แต่ตอนนี้ทุกคนต่างสนอกสนใจอยู่บ้าง
ในแดนเก้าบน การกลืนกันระหว่างขุมอำนาจใหญ่เกิดขึ้นอยู่ทุกวี่วัน เพื่อเอาชีวิตรอด เพียงแค่ฝืนรอมชอมกับความอดสูไปก่อนเท่านั้น ไม่มีอะไรที่รับไม่ได้!
“ทุกคน…”
เมิ่งอิงหวาเอ่ยปากแล้ว สายตาทุกคนล้วนรวมไปที่เขา อยากดูว่าเขาจะชี้ทางสว่างเช่นไรให้ทุกคนกันแน่
อัดอั้นอยู่นานในที่สุดเขาก็ฝืนพูดออกมาว่า “ขุดแร่ดีๆ!”
ทุกคนอึ้งไป บรรยากาศเงียบเชียบพิกล
ทันใดนั้นต่างก็ถอนหายใจยาวออกมาราวกับยกภูเขาออกจากอก ใช่แล้ว ขุดแร่ดีๆ มีเพียงทำเช่นนี้ถึงอาจจะทำให้เทพมารหลินนั่นเห็นคุณค่าของพวกเขากระมัง
พวกเขาลงมือทันทีโดยไม่มีร่ำไรเลย
หากถูกเหล่าคนใหญ่คนโตของเขาวิญญาณหมื่นอสูรรู้เรื่องทั้งหมดนี้เข้า เกรงว่าต้องโมโหจนกระอักเลือดแน่
เข้ามาในแดนเก้าบนได้ เดิมทีก็พิสูจน์ได้แล้วว่าพวกเมิ่งอิงหวาแข็งแกร่งและไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้…
กลับตกต่ำถึงขั้นทำได้เพียงพึ่งการขุดแร่เพื่อแสดงคุณค่าของตน!
นี่น่าเศร้าใจเพียงใด อาภัพปานไหน!?
หลินสวินไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้
หลายวันก่อนช่องทางจากสามพันแดนมายังแดนเก้าบนได้หายไปแล้ว แต่กระทั่งตอนนี้เจ้าคางคกกลับยังไม่ปรากฏตัวเสียที
ด้วยนิสัยหลงตัวเองและยโสโอหังของเจ้าหมอนี่ หากเข้าแดนเก้าบนมาเกรงว่าคงก่อคลื่นลมไม่น้อยไปนานแล้ว
แต่กระทั่งตอนนี้หลินสวินยังไม่ได้ยินข่าวคราวที่เกี่ยวกับเจ้าคางคกแต่อย่างใด
‘หรือเจ้าหมอนี่จะถูกส่งมายังเขตต้องห้ามแม่น้ำนรก แล้วติดอยู่ในนั้นเหมือนกับข้า’
หลินสวินนิ่วหน้า
ไหนจะอาหลู่ ก็ทำให้หลินสวินออกจะเป็นห่วงเช่นกัน
นอกบ้านหิน ยังไม่ถึงครึ่งเดือนดอกตูมหิมะน้ำแข็งบนต้นดารารายดอกนั้นก็เริ่มออกผลแล้ว
หลินสวินตัดสินใจแล้วว่ารอเมื่อโอสถเทพชิ้นนี้สุก ก็จะออกจากเขาดารารายไปท่องในบริเวณอื่นของแดนอัคคีทักษิณสักรอบ
ข้อแรกเพื่อไปสืบหาข้อมูลบางอย่าง ข้อสองเพื่อถือโอกาสถอนรากถอนโคนคู่แค้นเก่าบางคน เช่นเผ่าอีกาทอง เผ่าวิญญาณสมุทร ลัทธิบูชาจันทร์เป็นต้น
‘สิ่งที่ต้องทำเร่งด่วนคือต้องรีบทำให้พลังมหามรรคบรรลุระดับระเบียบมรรคให้เร็วที่สุด!’
หลินสวินสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง นั่งขัดสมาธิอยู่บนศิลาต้นกำเนิด เริ่มสงบใจหยั่งรู้
ด้วยการประลองกับเวินเอ้าไห่ ทำให้หลินสวินรับรู้ได้ว่ามีเพียงพลังระเบียบมรรคเท่านั้นถึงใช้ประโยชน์จากพลังของระดับราชันได้อย่างสมบูรณ์
ระดับราชัน ที่โคจรก็คือกฎเกณฑ์มรรคราชัน!
——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset