Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1194 ตกปลาบนฟ้าดารา

มกุฎราชันเจ็ดคนถูกสังหารต่อเนื่องสามคนในการต่อสู้ดุเดือด
สี่คนที่เหลือหนีโดยไม่สู้!
บนเขาฝนดาวตก ผู้แข็งแกร่งแต่ละขุมอำนาจที่กระจายอยู่ต่างบริเวณเห็นดังนี้ก็ตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก หวีดร้องหนีกระเจิดกระเจิง
แม้แต่มกุฎราชันยังไม่ใช่คู่ต่อสู้หลินสวิน ใครยังกล้าอยู่ต่ออีกเล่า
เวลานี้ในสายตาทุกคนหลินสวินประหนึ่งไม่อาจเอาชนะ ห้าวหาญไร้ซึ่งคู่ต่อกร สามารถทำให้ใครๆ ต่างหนาวเยือกในใจ
“ตาย!”
เสียงหลินสวินเย็นเยียบ จู่ๆ เงาร่างก็วาบหายไปปรากฏอยู่หลังมกุฎราชันที่กำลังหนีคนหนึ่ง ปล่อยหมัดทะลวงราวกับไม่มีสิ่งใดทำลายไม่ได้
มกุฎราชันนั้นคือเด็กหนุ่มที่สง่างามไม่ธรรมดาคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้อวดตนเหลือประมาณ เวลานี้กลับเผยสีหน้าสิ้นหวัง ใช้พลังทั้งหมดต้านทานราวสัตว์ถูกต้อนจนมุม
แต่เพียงพริบตาก็ถูกหลินสวินสังหาร ปล่อยหมัดครอบคลุมลงมาทำให้ทั่วร่างเขาระเบิดกระจุย ฝนโลหิตสาดกระจาย
“เผ่นโว้ย!”
บนเขาฝนดาวตกวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม ทุกหนแห่งคือภาพวิปโยคสับสนอลหม่าน
ก่อนหน้านี้ที่พึ่งสำคัญของพวกเขาก็คือมกุฎราชันซึ่งนั่งบัญชาที่นี่เจ็ดคนนั่น แต่เมื่อเหล่ามกุฎราชันทยอยถูกสังหารก็ทำให้ผู้แข็งแกร่งบนเขาพวกนี้ล้วนพังทลาย
ไม่มีทางตอบโต้สิ้นเชิง!
แม้เทพมารหลินจะตัวคนเดียว แต่กลับมีอานุภาพซัดกวาดมวลชน ใครเล่าจะต่อกรได้
ถึงขั้นที่พวกเขายังสงสัยว่า ต่อให้องค์ชายเก้าอูหลิงเฟิงกลับมาก็คงกำราบความหยิ่งทะนงของเทพมารหลินนี้ได้ยาก
“ตาย!”
เสียงเยียบเย็นของหลินสวินดังขึ้นอีกครั้ง นิ้วมือเขาเหยียดกางเผยธารดาราลุกโชนสายหนึ่งกลางอากาศ
ดวงดาวแต่ละดวงแตกระเบิดลุกโชนอยู่ภายใน สิ่งที่แฝงไว้คือพลังกฎเกณฑ์ธาตุไฟที่แท้จริง อานุภาพต่างจากแต่ก่อนสิ้นเชิง
ครืน!
ในจุดที่ห่างออกไปมกุฎราชันคนหนึ่งที่โฉบขึ้นฟ้าหนีลนลานไปแล้ว ยังไม่ทันได้ออกจากรัศมีเขาฝนดาวตก ทั้งตัวก็ถูกธารดาราแดงเพลิงผืนหนึ่งปกคลุม
ในธารดารานั้นหมื่นดาราลุกโชนระเบิดดังสนั่น ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างไม่อาจแบกรับทันที ร่วงลงมาท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนไม่ยินยอม ผิวหนังกระดูกล้วนถูกแผดเผา จิตสิ้นวิญญาณสลาย!
“หืม?”
เดิมหลินสวินกำลังคิดไล่ตามมกุฎราชันที่หนีไปทางอื่น แต่เมื่อสังเกตเห็นร่องรอยของชายชุดคลุมเพลิงนั่นก็เปลี่ยนใจทันที
ฟุ่บ!
พริบตาต่อมาเขาก็หายไปจากจุดเดิม
ชายชุดคลุมเพลิงคือคนแรกที่เลือกหนี ทว่าทิศทางที่เขาหลบหนีไม่ใช่นอกภูเขา แต่เป็นยอดเขา
เวลานี้เขามาถึงหน้าน้ำตกแร่วิญญาณแห่งหนึ่งข้างยอดเขาแล้ว
ด้านล่างน้ำตกคือสระน้ำแห่งหนึ่ง บัวเทพสองลักษณ์สามต้นพลิ้วไหวอยู่ภายใน ไอหยินหยางศักดิ์สิทธิ์ราวภาพฝันไหลวน
ทันทีที่มาถึงชายชุดคลุมเพลิงสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง หมอกเทพผืนหนึ่งม้วนแผ่คลุมไปยังบัวเทพสองลักษณ์กลางสระนั่น
แต่เกือบเวลาเดียวกัน รอบสระน้ำพลันแผ่พลังกระบวนผนึกชวนประหวั่นชั้นหนึ่งออกมาทันที
ครืน!
หมอกเทพระเบิดออก พลังผนึกต้องห้ามนั่นปลดปล่อยอานุภาพเต็มกำลัง หากไม่ใช่ว่าชายชุดคลุมเพลิงหลบทันก็คงถูกโจมตีไปแล้ว
“เจ้าอูหลิงเฟิงบัดซบ ยังวางกระบวนผนึกไว้ที่นี่อีก!”
ชายชุดคลุมเพลิงสีหน้าขรึมลงทันที โกรธจนเสียอาการ ตระหนักได้ว่าต่อให้อูหลิงเฟิงจากไป ตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่เคยเชื่อใจพวกเขาเหล่าขุมอำนาจที่ยอมสวามิภักดิ์!
“บัวเทพสองลักษณ์?”
หลินสวินปรากฏตัวแล้ว ในนัยน์ตาดำฉายวาบประกาย ในใจเลี่ยงไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน นี่เป็นถึงโอสถเทพที่สาบสูญไปนานแล้วในโลกภายนอก เทียบเคียงตำนาน
แต่ตอนนี้กลางสระน้ำนี่กลับมีบัวเทพสองลักษณ์อยู่ตั้งสามต้น!
ก็ไม่แปลกที่เขาฝนดาวตกจะถูกมองเป็น ‘แดนมงคลใหญ่’ เป็นสถานที่ที่ควบรวมพลังวิญญาณแห่งฟ้าดิน กำเนิดศุภโชคตามธรรมชาติ
สวบ!
ชายชุดคลุมเพลิงหนีโดยไม่ลังเล
เดิมถูกหลินสวินฆ่าจนกระเจิดกระเจิงไม่เป็นขบวนก็ทำให้เขาไม่อาจยอมรับอยู่แล้ว
ตอนนี้แม้แต่จะชิงบัวเทพสองลักษณ์ก็ถูกขัดจนหน้าหงาย เสียโอกาสหนีที่ดีที่สุดไป ทำเอาเขาโกรธจนแทบกระอักเลือด
ดังคาด หลินสวินคาดเดาได้จึงพุ่งเข้าโจมตีสังหารในทันที
ชายชุดคลุมเพลิงถูกสังหารโดยไม่ต้องสงสัย กระทั่งใกล้ตายแล้วยังจ้องมองบัวเทพสองลักษณ์สามต้นในสระนั้นอย่างไม่ยินยอม ความคั่งแค้นที่สุดในใจกลับไปตกอยู่ที่อูหลิงเฟิงแทน…
เพราะจากมุมมองชายชุดคลุมเพลิง หากไม่ใช่เจ้าหมอนี่ลอบวางกระบวนผนึกขวางหนทางแย่งชิงบัวเทพสองลักษณ์ของตน ตนคงมีโอกาสหนีรอดไปแล้ว!
น่าเสียดาย นึกเสียใจไปก็ไร้ประโยชน์
เมื่อชายชุดเพลิงถูกสังหาร สุดท้ายมกุฎราชันเจ็ดคนก็มีแค่คนเดียวที่หนีรอด
หลินสวินคร้านจะไล่ล่า เหลือบสายตามองไปยังบัวเทพสองลักษณ์ที่อยู่กลางสระนั่น
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง
ผนึกต้องห้ามรอบสระถูกหลินสวินทำลายอย่างง่ายดาย และบัวเทพสองลักษณ์สามต้นนั้นก็ตกอยู่ในมือหลินสวินอย่างราบรื่น
‘มีโอสถเทพนี้ ก็เพียงพอให้ข้าครอบครองมหามรรคเทียมฟ้าได้อีกอย่าง!’
นัยน์ตาดำหลินสวินเป็นประกาย
มหามรรคบนโลกแบ่งเป็นเก้าระดับ แต่เหนือเก้าระดับนี้ยังมีมหามรรคเทียมฟ้าอีกเก้าสิบเก้าสาย!
และในบัวเทพสองลักษณ์ก็ประทับมหามรรคระดับหนึ่งอย่างหยินและหยางไว้ หากหลอมรวมมหามรรคหยินหยางเข้าด้วยกัน ก็จะสามารถเปลี่ยนเป็นมหามรรคเทียมฟ้าสายหนึ่ง…
ยอดเอกอุ!
ในสมัยบรรพกาลมรรคานี้ถูกมองเป็นหนทางเชื่อมตรงสู่ต้นกำเนิดฟ้าดินอยู่ก่อนแล้ว มีความอัศจรรย์เกินคาดเดา
หลังจากนั้นหลินสวินไม่ชักช้า เริ่มปฏิบัติการเก็บกวาดเขาฝนดาวตก!
สำหรับหนึ่งใน ‘แดนมงคลใหญ่’ ที่มีจำนวนนับนิ้วได้ของแดนอัคคีทักษิณ ศุภโชคและวาสนาที่เขาฝนดาวตกให้กำเนิดขึ้นมาอยู่เหนือความคาดหมายของหลินสวินโดยสิ้นเชิง
ในป่าสนริมผามีสนเจดีย์สมบัติทองคำอยู่ต้นหนึ่ง ด้านบนควบรวมลูกสนทองอร่ามส่งกลิ่นหอมบางเบา เป็นโอสถเทพอย่างหนึ่งเช่นกัน
ริมลำธารในหุบเขามีสวนโอสถแห่งหนึ่ง ภายในสาดแสงสว่างไสว กลิ่นโอสถแผ่กระจายกลายเป็นหมอกวิญญาณซ้อนสลับหอมกรุ่น
แค่โอสถราชันก็มีสิบกว่าต้น!
นอกจากนี้ยังมีหินแร่ที่แฝงวัตถุดิบวิญญาณหายาก บ่อแร่วิญญาณที่ไหลโกรก…
สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกหลินสวินกวาดเรียบ
ผู้แข็งแกร่งแต่ละขุมอำนาจบนภูเขาต่างลุกลนหลบหนีราวสุนัขไร้เจ้าของ บางคนคิดฉวยโอกาสช่วงชุลมุนหาประโยชน์ส่วนหนึ่งค่อยจากไป
แต่ด้วยความโลภครอบงำกลับเป็นว่าเสียโอกาสหลบหนี ถูกหลินสวินสังหารอย่างหมดจด กล้ำกลืนความแค้นตายคาที่
กระทั่งต่อมาหลินสวินมาถึงยอดเขา ที่นี่ตำหนักเรียงรายตั้งตระหง่าน เดิมเป็นของขุมอำนาจต่างกันไป
เมื่อหลินสวินมาถึง ตำหนักเหล่านี้ก็ว่างเปล่าไร้ผู้คน สภาพเละเทะเกลื่อนกลาดทั่วแล้ว แม้เหลือสมบัติกระจายอยู่ไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่ล้วนไม่เข้าตาหลินสวิน
ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ยังทำให้หลินสวินกอบโกยผลประโยชน์ได้ค่อนข้างมาก มีวัตถุดิบวิญญาณหลายหลากที่ใช้หลอมสมบัติ และมีลูกกลอนโอสถและสมบัติหลากชนิดที่หลอมไว้แล้ว
แม้ส่วนใหญ่หลินสวินจะใช้ไม่ได้ แต่มูลค่าก็น่าตื่นตาตื่นใจ
“หืม?”
ขณะหลินสวินกำลังเตรียมออกจากตำหนักที่ว่างเปล่าของเผ่าอีกาทอง ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นภาพโบราณหนึ่งแขวนอยู่บนผนัง
ม้วนภาพยาวสี่ฉื่อกว้างหนึ่งฉื่อ ดูอยู่มานานมากจนเผยคราบเหลืองคร่ำคร่า เก่าแก่กระดำกระด่าง
บนภาพวาดร่างผอมบางร่างหนึ่งนั่งอยู่บนฟ้าดารา ท่าทางผ่อนคลาย มีกลิ่นอายลอยชายอิสระเสรี
ในมือเขากุมคันเบ็ด ด้านล่างคือธารดารากว้างใหญ่ไพศาลหมู่ดาวระยิบระยับ
ตกปลาบนฟ้าดารา!
ภาพวาดธรรมดายิ่ง ถึงขั้นพร่ามัวผุพังอยู่บ้าง แต่บรรยากาศในภาพกลับเรียกได้ว่าสะเทือนใต้หล้า ทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน
กวาดสายตามองตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ใครเล่าจะนั่งบนฟ้าดารา ตกปลาอยู่หน้าธารดาราสายหนึ่ง
ท่าทางเสรี หลุดพ้น อิสระนั้น ต้องบรรลุถึงระดับใดจึงจะสามารถมีได้
ดวงตาหลินสวินพลันถูกดึงดูด จิตใจถูกกระเทือน
เพียงแต่ยามพินิจดูโดยละเอียดกลับพบว่าร่างผอมบางนั้นเผยให้เห็นโครงหน้าแค่ด้านเดียว ทั้งยังเลือนรางยิ่งนัก
เช่นเดียวกัน ในมือเขามีคันเบ็ดแต่ไร้สาย
หรือนัยของภาพนี้คือผู้สมัครใจเชิญขึ้นเบ็ด?
หลินสวินใจกระตุก อาศัยจิตรับรู้ทำการรับสัมผัส
แต่กลับไม่ได้ผลแม้แต่น้อย ราวกับว่านี่คือภาพโบราณทั่วไป
หลินสวินขมวดคิ้วมุ่น ในใจแอบกล่าวว่า ภาพนี้ถูกแขวนไว้ที่นี่ราวสิ่งไร้ค่า แสดงว่าเผ่าอีกาทองก็ไม่เคยหยั่งรู้ความลับอะไรจากภาพนี้
แต่ทำไมตนถึงรู้สึกผิดแปลกอยู่บ้าง
สายตาหลินสวินมองไปยังร่างผอมบางที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนฟ้าดารานั่น จ้องมองและสังเกตโดยละเอียด
ท่ามกลางความเลือนรางในใจเขาเกิดความรู้สึกคุ้นเคยเสี้ยวหนึ่ง
เป็นเขา!
ทันใดนั้นในสมองหลินสวินวาบประกาย พลิกฝ่ามือปรากฏก้อนทองแดงหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
ก้อนทองแดงสนิมเขรอะกระดำกระด่าง ด้านบนสลักภาพชายชราชุดนักพรตคนหนึ่งนั่งอยู่บนหลังวัวเขียว กำลังแหงนมองฟ้าด้วยท่าทางผ่อนคลาย
ภาพดูเรียบง่าย ผ่านการกัดกร่อนของกาลเวลาจนพร่ามัวและเลือนรางอยู่บ้าง แต่บนนั้นกลับเปี่ยมอานุภาพกดดันยิ่งใหญ่ถาโถมเข้าใส่!
พลังกดดันนั้นแผ่ไพศาลไร้จำกัด ล้ำลึกไร้สิ้นสุด ราวกับชายชราชุดนักพรตนั่นสามารถฟื้นคืนชีพได้ตลอดเวลา
แค่แววตานั้นของเขาก็ทำเอาผู้คนใจสั่น ล้ำลึกและแผ่กว้าง สะท้อนลักษณ์แห่งปริศนาแห่งสุริยันจันทราเคลื่อนคล้อย กาลเวลาสับเปลี่ยนหมุนเวียน มหามรรคปวงสวรรค์ ที่ราวกับซ่อนอยู่ในส่วนลึกของนัยน์ตา!
นี่ก็คือ ‘ภาพนักพรตขี่วัว’!
ตอนนั้นหลินสวินถูกเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬตามล่าที่แดนฐิติประจิม ไม่อาจไม่หนีเอาตัวรอดไปอยู่ในป่าเขา
ในระหว่างนี้เขาแค่มีจิตเอื้ออาทร ไว้ชีวิตเสือดาวโลหิตตัวหนึ่ง ใครจะคิดว่าเสือดาวโลหิตรู้จักทดแทนบุญคุณ มอบก้อนทองแดงที่สลัก ‘ภาพนักพรตขี่วัว’ นี้แก่เขา
หลินสวินยังจำได้ ผ่านการสืบค้นเขาจึงได้รู้ว่าก้อนทองแดงนี้มาจากมือผู้ฝึกปราณที่หมดลมในท่านั่งสมาธิคนหนึ่ง
คนผู้นี้หมายเลียนแบบเหล่าอริยะ ก้าวผ่านฟากฝั่งฟ้าดารา มุ่งสู่ ‘แหล่งสถานอัศจรรย์’ หนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาล
แต่ค้นหาอย่างยากลำบากมาสี่หมื่นแปดพันปีก็ไม่สมหวังดั่งปรารถนา ท้ายที่สุดจึงตายไปด้วยความเสียดาย!
และก้อนทองแดงนี้ก็ถูกผู้ฝึกปราณคนนั้นมองเป็น ‘วัตถุต่างหน้าเมธี’ ด้วยมีวาสนาจึงถูกเสือดาวโลหิตนั้นได้มา ภายหลังจึงตกสู่มือตน
ด้วยประการฉะนี้จึงทำให้หลินสวินคาดเดาว่า ‘ภาพนักพรตขี่วัว’ นี้น่าจะเกี่ยวข้องกับ ‘แหล่งสถานอัศจรรย์’ หนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาล!
ตอนนี้หลินสวินนำก้อนทองแดงออกมาเปรียบเทียบเล็กน้อย แล้วพลันพบว่าชายชราชุดนักพรตขี่วัวเขียวบนก้อนทองแดงนั่น ก็คือคนเดียวกันกับชายร่างผอมบางบนภาพ ‘ตกปลาบนฟ้าดารา’ อย่างเห็นได้ชัด!
ภาพนี้ความเป็นมาไม่ธรรมดาดังคาด!
ในใจหลินสวินไหวสะท้าน
ทันใดนั้นกลางฝ่ามือเขาร้อนระอุ ก็เห็นก้อนทองแดงสนิมเขรอะกระดำกระด่างนั่น ยามนี้มีกลิ่นอายอัศจรรย์หมุนวนโถมเข้าสู่ภาพตกปลาบนฟ้าดารานั่น
ภาพน่าอัศจรรย์ปรากฏขึ้นทันใด ม้วนภาพที่เดิมเก่าคร่ำคร่าเวลานี้ราวหวนคืนชีวิต เกิดประกายแสงศักดิ์สิทธิ์
เงาร่างที่นั่งอยู่บนฟ้าดาราในภาพพลันส่งเสียงหัวเราะเบิกบานใจ “น่าสนใจ เฝ้ารอมาเนิ่นนาน ในที่สุดผู้มีวาสนาก็มาแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็เชิญผู้สมัครใจขึ้นเบ็ด”
เขาพูดพลางสะบัดคันเบ็ดในมือเบาๆ ก็เห็นดาวเจิดจรัสดวงหนึ่งในธารดารากว้างใหญ่ไร้สิ้นสุดนั้นถูกตกขึ้นมา!
……………………….

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset