Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1238 กู่ฝอจื่อ

กาหลอมจิตจักรพรรดินรก!
ทันทีที่ของสิ่งนี้ปรากฏขึ้น บุตรนรกพลันเผยไอสังหารที่เย็นเยียบและเย่อหยิ่งออกมา ดูย่ามใจและมั่นใจอย่างที่สุด
ในเวลาเดียวกันหลินสวินชะงักฝีเท้ากะทันหัน
เขาสัมผัสได้ถึงไอสังหารที่อันตรายถึงชีวิตอย่างหนึ่ง รู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างมาก
“กานี้ปรากฏบนโลกมาหมื่นสมัยแล้ว ชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของมันจนปัจจุบันใครจะยังจำได้ มัน… โดดเดี่ยวมานานเกินไปแล้ว… น่าเสียดายที่การปรากฏตัวครั้งนี้ คนที่สังหารกลับเป็นหนอนตัวเล็กเช่นนี้…”
บุตรนรกถอนหายใจเบาๆ
ท่าทางเย็นชาและเย่อหยิ่งเช่นนี้ทำให้หลายคนสูดหายใจหนาวเยือก
แต่พริบตาต่อมาก็เห็นนกทมิฬตัวใหญ่หิ้วกระทะดำขึ้นมา เสียงเคร้งดังลั่น เก็บกาหลอมจิตที่ลอยอยู่กลางอากาศนั่นทันใด
“ฮ่าๆๆ แม่งเวลาไหนแล้วยังจะเสแสร้ง ของสิ่งนี้นายท่านนกของเจ้าจะเก็บรักษาให้เอง!”
นกทมิฬหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง พึงพอใจยิ่ง
บุตรนรกงงเป็นไก่ตาแตก ราวกับถูกฟ้าผ่า ปากคอสั่น โกรธจนแทบจะกระอักเลือด
ทุกคนเองก็ผิดคาด จะคิดได้อย่างไรว่ากาหลอมจิตที่ถูกบุตรนรกมองว่าเป็นไพ่ไม้ตาย ยังไม่ทันได้แผลงฤทธิ์ก็ถูกนกทมิฬตัวหนึ่งช่วงชิงไปโดยตรง!
หลินสวินก็อดสูดหายใจไม่ได้ กระทะดำในมือของนกหัวขโมยตัวนี้เป็นสมบัติอะไรกันแน่ แม้แต่กาหลอมจิตใบนั้นยังไม่สามารถต้านทานได้
“เจ้ารนหาที่ตาย!”
บุตรนรกเดือดดาลอย่างสิ้นเชิงแล้ว แทบจะคลั่งแล้ว พุ่งสังหารไปทางนกทมิฬ
กาหลอมจิตนี่เป็นทุนที่ทำให้เขาสามารถผงาดขึ้นมาได้ ไม่เพียงแค่เป็นวัตถุเทพชิ้นหนึ่ง ภายในยังปิดผนึกศุภโชคใหญ่มากมาย!
หากเสียไป ยังจะผงาดขึ้นมาได้อย่างไร
“รีบไป!”
นกทมิฬกระพือปีก โฉบพุ่งห่างออกไปราวกับสายฟ้า
สวบ!
หลินสวินตามไปติดๆ!
เดิมทีตามแผนการของเขา คือจะฉวยโอกาสนี้กำราบบุตรนรกในทีเดียว แต่การหนีอย่างกะทันหันของนกทมิฬทำให้เขาได้กลิ่นผิดปกติ
“พวกเจ้าใครก็ไม่อาจหนีรอด!”
ในเสียงตะโกนอย่างเดือดดาลราวกับฟ้าร้อง เงาร่างของบุตรนรกเปล่งแสงสว่างไสว จู่ๆ ก็ถึงกับแปรเปลี่ยนเป็นเงาร่างสีเลือดนับร้อยนับพันร่าง
แยกร่างหมื่นพัน!
ดุงดั่งรุ้งเทพสีเลือดที่ปิดคลุมฟ้าดิน ปกคลุมห้วงนภา พุ่งมาด้วยความเร็วอย่างที่สุด
ทุกคนเห็นเช่นนี้ต่างตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกนัก ได้แต่มองบุตรนรกตามฆ่าหลินสวินกับนกทมิฬตัวนั้นตาปริบๆ
จวบจนกระทั่งตอนที่มีปฏิกิริยาคืนมา ในที่นั้นก็ไร้ซึ่งร่องรอยของพวกหลินสวินนานแล้ว
……
นกทมิฬว่องไวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ราวกับแสงเคลื่อนอย่างไรอย่างนั้น
หลินสวินโคจรก้าวย่างชือน้ำแข็ง การเคลื่อนไหวก็ไม่ช้าเช่นกัน แต่กลับตามนกทมิฬไม่ทันเสียที นี่ทำให้เขาอดประหลาดใจอยู่บ้างไม่ได้
ด้านหลัง เงาเลือดมากมายมืดฟ้ามัวดินตามติดไม่ลดละ
“ข้าจะฆ่าพวกเจ้า ฆ่าพวกเจ้า…!”
เสียงคำรามของบุตรนรกดังกังวาน แฝงความชิงชังไร้สิ้นสุด
เดิมทีเขาวางหมากบนแท่นบูชานรกเทพ ย่ามใจอย่างที่สุด หมายจะรับลูกน้องที่แข็งแกร่งสักกลุ่มมาถวายชีวิตให้ตนเพื่อไปพิชิตทั่วใต้หล้า
ใครจะคิดว่าการปรากฏตัวของหลินสวินกับนกทมิฬ กลับทำลายแผนการของเขา!
สิ่งที่น่าชิงชังที่สุดคือ แม้แต่กาหลอมจิตของเขายังถูกชิงไปด้วย นี่ทำให้เขาแค้นจนคลั่งอย่างสิ้นเชิง
ห่างออกไปแม่น้ำนรกสีโลหิตหมุนวนพลุ่งพล่าน
มาถึงที่นี่ นกทมิฬกระพือปีกร้องว่า “เร็ว ขึ้นมา ข้าพาเจ้าไป!”
หลินสวินทะยานตัวขึ้น เหยียบบนหลังนกทมิฬตัวใหญ่
นี่ทำให้มันไม่พอใจ ตะโกนว่า “ข้าให้เจ้าขี่ ไม่ได้ให้เจ้าเหยียบข้า!”
หลินสวินกลอกตาใส่ “ข้าไม่สนใจจะขี่เจ้าหรอกนะ”
นกทมิฬ “…”
ไม่อาจคิดอะไรมากแล้ว นกทมิฬตัวโตกระพือปีก พุ่งขึ้นบนท้องฟ้าเหนือแม่น้ำนรก
ครืนโครม!
ทันใดนั้นแม่น้ำนรกเดือดพล่าน โครงกระดูกขาวน่าสยดสยองร่างแล้วร่างเล่าปรากฏขึ้นอย่างหนาแน่น ราวกับผีร้ายวิญญาณชั่วที่พุ่งออกจากนรก
พวกมันพุ่งสังหารมาทางนกทมิฬ!
หลินสวินสูดหายใจสะท้าน หนังหัวชาวาบ ไม่กล้าจินตนาการเลยว่าหากตอนนั้นไม่ได้นั่งเรือเล็กสีดำ เกรงว่าคงไม่สามารถข้ามแม่น้ำนรกที่เต็มไปด้วยความอัปมงคลนี้ได้
วู้ม
ในกรงเล็บของนกทมิฬ กระทะดำเปล่งแสงสว่างไสว แปรเปลี่ยนเป็นม่านแสงสายหนึ่ง สลายการเข่นฆ่ามากมายที่มาจากน้ำแม่นรกได้อย่างหวุดหวิด
‘ซากศพโครงกระดูกเหล่านี้ ที่อ่อนแอที่สุดยังมีพลังต่อสู้ระดับราชัน ยิ่งไม่ขาดพวกน่ากลัวระดับอริยะ แม้จะร่วงหล่นมาเนิ่นนานแล้ว แต่จิตต่อสู้ที่หลงเหลืออยู่ของพวกเขายังคงไม่เคยถูกทำลาย’
นกทมิฬสื่อจิตอย่างรวดเร็ว ในเสียงแฝงความได้ใจเสี้ยวหนึ่ง
‘หากไม่ใช่เพราะที่มาของกระทะดำของข้ายิ่งใหญ่มาก แม้อริยะมา ก็ยากจะสยบการโจมตีของพวกบ้านี่’
หลินสวินร้องอ้อคำหนึ่ง สายตาพินิจกระทะดำใบนั้นแล้วพูดว่า ‘ให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่’
นกทมิฬพูดอย่างระวัง ‘อย่าแม้แต่จะคิด!’
“พวกเจ้าหนีไม่รอดแล้ว!”
ห่างออกไปเสียงตะโกนคลั่งของบุตรนรกดังมา
“เจ้าหมอนี่หนวกหูจริงๆ”
นกทมิฬพึมพำคำหนึ่ง จากนั้นหัวเราะฮ่าๆ ออกมา “เฮ้อ จะว่าไปกาหลอมจิตนี่เป็นสมบัติที่สุดยอดชิ้นหนึ่งเชียวนะ ที่มาน่าตกใจมาก มีมันแล้ว ต่อไปยามเข้าสู่ทางเดินโบราณฟ้าดารา ข้าก็สามารถทำทุกอย่างได้ตามอำเภอใจแล้ว!”
หลินสวินหันไปมองแวบหนึ่ง พลันเห็นเงาร่างนับร้อยพันของบุตรนรกยังคงตามมา ท่าทางไม่ตายไม่ยอดลดละ
ทว่ายากจะตามทันได้ในชั่วขณะ
เพราะนกทมิฬว่องไวมาก ราวกับเคลื่อนไหวชั่วพริบตา อย่างน้อยๆ ด้านความสามารถในการหนี แม้แต่หลินสวินยังรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้
ฮู่ว
เห็นว่ากำลังจะถึงอีกฝั่งของแม่น้ำนรกแล้ว หลินสวินลอบถอนหายใจทีหนึ่ง
แต่ตอนนี้เอง จู่ๆ เงาร่างของนกทมิฬก็เซราวกับถูกโจมตี พลันส่งเสียงร้องแหลม “เจ้าหนู เจ้ารีบหนี!”
ในเสียงเผยความหวาดกลัวอย่างที่สุด
ตูม!
เพียงแต่การเตือนของนกทมิฬเห็นได้ชัดว่าช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว พลันเห็นลูกประคำสีดำเส้นหนึ่งปรากฏกลางอากาศ ทุกเม็ดล้วนเบ่งบานออกมาเป็นอักษรธรรมหนาแน่นเร้นลับ
อักษรธรรมนั่น แปรเปลี่ยนเป็นเงามายาของมุนินทร์มากมาย!
เงามายามุนินทร์รวมทั้งสิ้นยี่สิบสี่องค์ แต่ละองค์ล้วนสูงใหญ่ไร้ขอบเขต เบียดตัวเต็มฟ้าดิน ท่าทางเคร่งขรึม แพร่กระจายแสงธรรม
“นะโม!”
“นะโม!”
“นะโม!”
ในเวลาเดียวกันเสียงสวดมากมายดังก้องขึ้น ราวกับเสียงแห่งทำลายมารดับล้างเทพ แผ่กลิ่นอายเวทนาและเคร่งขรึมจริงจัง
ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นไวเกินไป!
ราวกับรออยู่ตรงนี้นานแล้ว ส่วนนกทมิฬและหลินสวินกลับเหมือนส่งตัวเองไปติดตาข่าย!
พริบตานั้นกายใจของหลินสวินล้วนถูกไอเย็นยะเยือกไร้สิ้นสุดปกคลุม ขนลุกซู่ สัมผัสได้ถึงจิตสังหารคุกคามที่ร้ายแรงถึงชีวิต
ตูม!
พลันเห็นรอบด้านประทับฝ่ามือที่ควบรวมจากแสงธรรมสีดำมากมายลงมาเยือนจากฟากฟ้า ปกคลุมถ้วนทั่ว มีอานุภาพกำราบสรรพสิ่ง ไม่อาจต้านทานได้
นี่คือวิธีของอารามกษิติครรภ์!
และยังน่ากลัวอย่างที่สุด!
หลินสวินเคยสังหารสิบแปดศิษย์อารามกษิติครรภ์ในด่านอสนีเคราะห์แห่งยุค แน่นอนว่าต้องรู้ดีว่า กลิ่นอายของการต่อสู้เช่นนี้ เป็นกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของผู้สืบทอดอารามกษิติครรภ์
“เฉือน!”
ในช่วงชี้เป็นชี้ตายนี้ หลินสวินแทบจะรีดเร้นศักยภาพแฝงทั่วร่าง กระตุ้นเร้าพลังในตัวจนถึงขีดสุด
กระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้ระเบิดสังหารออกมา
ตูม!
เสียงปะทะสะเทือนฟ้าดินดังขึ้น
หลินสวินรู้สึกเพียงเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งตัว ร่างกายถูกประทับธรรมสายแล้วสายเล่าตบโดน ภาพตรงหน้ามืดสลัวลง เกือบจะหมดสติไป บาดเจ็บสาหัสในพริบตา
ทว่าอานุภาพของกระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้ก็สำแดงออกมา กำจัดเงามายามุนินทร์องค์ออกไปทั้งอย่างนั้น!
เสียงฉัวะดังลั่น หลินสวินคว้าโอกาสพุ่งตัวออกไปจากรอยร้าวที่แตกออก
“เจ้านอกรีต เจ้าหนีไม่พ้นหรอก ข้ารอเจ้ามานานแล้ว”
แต่ไม่รอให้หลินสวินพักหายใจ เสียงที่เฉยชาและราบเรียบเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น
นั่นเป็นภิกษุในชุดดำ หน้าผากใสเกลี้ยง รูปลักษณ์หล่อเหลาอย่างมาก ตรงหว่างคิ้วประทับสัญลักษณ์อักษรธรรมสีดำที่แปลกประหลาดตัวหนึ่ง ปรากฏเป็นรูปดอกบัว
เขายืนอยู่ตรงนั้นง่ายๆ แสงธรรมสีดำแปรเปลี่ยนเป็นแสงเงาดวงหนึ่งลอยอยู่ตรงท้ายทอยของเขา ให้ความรู้สึกบริสุทธ์ไร้มลทินและหมื่นวิชาไม่อาจรุกราน
กู่ฝอจื่อ!
ไม่ต้องเดาด้วยซ้ำ หลินสวินก็รู้ฐานะอีกฝ่ายแล้ว
“สยบ!”
ไม่ให้โอกาสหลินสวินพักหายใจแม้เพียงเสี้ยว ตอนที่พูดเหนือศีรษะของกู่ฝอจื่อปรากฏบาตรสีดำสนิทใบหนึ่ง ปกคลุมเข้ามา
ทันใดนั้นจิตวิญญาณของหลินสวินสั่นสะท้านขึ้นมาระลอกหนึ่ง ราวกับจะหลุดออกจากร่าง
“รีบหนี!”
เสียงร้องแหลมของนกทมิฬดังขึ้น เผยความร้อนรนอย่างที่สุด
หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกคราหนึ่ง เลือกจะถอยหนี
ใครจะคิดว่าตอนที่เขาจะหนี วัชระด้ามหนึ่งโฉบพุ่งมาจากห้วงอากาศอีกด้าน เกิดเสียงดังปัง กระแทกห้วงอากาศจนพังทลาย
แม้หลินสวินจะสกัดการโจมตีนี้ได้ แต่ร่างกลับถูกสะเทือนจนตกลงไปอย่างแรง
ตูม!
และตอนนี้เอง ในแม่น้ำเลือดมือใหญ่ขาวซีดข้างหนึ่งพุ่งออกมา จับข้อเท้าหลินสวินแน่น ดึงเขาลงไปในแม่น้ำนรกทั้งตัว
คลื่นเลือดพลิกตลบ ไม่เห็นร่องรอยของหลินสวินอีก
สีหน้าของกู่ฝอจื่อนิ่งสงบ ตั้งแต่เริ่มโจมตีเขาก็รู้แล้วว่า เหนือแม่น้ำนรกแห่งนี้ ตนเพียงกักตัวหลินสวินเอาไว้อีกฝ่ายก็จะต้องประสบเคราะห์แน่!
ฟึ่บ!
วัชระกับบาตรสีดำบินกลับมาอยู่ในมือกู่ฝอจื่อ เงามายามุนินทร์มากมายที่อยู่กลางอากาศก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“วิธีของเจ้าช่างน่ารังเกียจ ทั้งยี่สิบสี่ลักษณ์ธรรม บาตรพิสุทธิ์สงบ วัชระไร้กลัวเกรง ผนึกธรรมดับสิ้น… ล้วนถูกเจ้าใช้ลอบโจมตี ไม่อายหรือ”
นกทมิฬทะลวงอากาศเข้ามา น้ำเสียงเย็นชาเผยความเดือดดาลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
หลินสวินประสบเคราะห์ ถูกโจมตีตกแม่น้ำนรกภายใต้สายตามัน นี่จะไม่ให้มันไม่โกรธได้อย่างไร
กู่ฝอจื่อสีหน้าเรียบเฉย พนมมือพูด “อาจารย์อาเล็ก คนผู้นี้นอกรีต เก็บไว้ไม่ได้ แม้วิธีจะน่ารังเกียจ หากสามารถกำจัดเขาได้ก็เป็นบุญอย่างไม่มีที่สิ้นสุด”
“ใครแม่งเป็นอาจารย์อาของเจ้า คิดเองเออเองให้น้อยๆ หน่อย! เจ้าคอยดูเถอะ สักวันข้าจะกวาดล้างอารามกษิติครรภ์ทั้งหมด!”
นกทมิฬแค้นจนตาแดง กระพือปีกหันหัวบินจากไป
กู่ฝอจื่อสีหน้าราบเรียบ มองนกทมิฬจากไปจนลับสายตา จากนั้นหันมองแม่น้ำนรกสีโลหิตขุ่นนั่นอีกครั้งค่อยเคลื่อนตัวจากไป
วันนี้เขาวางหมากไว้ที่นี่ ทุ่มเทความพยายามใช้ทุกวิถีทาง เพียงเพื่อสังหารหลินสวิน!
ตอนนี้สำเร็จแล้ว สามารถสะบัดแขนเสื้อจากไปได้แล้ว
สำหรับความชิงชังของนกทมิฬ กู่ฝอจื่อไม่ได้สนใจ
ดังคำพูดที่ว่า ข้าไม่ลงนรก ผู้ใดเล่าจะตกนรก ไม่กำจัดพวกนอกรีต อารามกษิติครรภ์ไม่มีวันสงบสุข!
ตูม!
แทบจะเป็นตอนที่กู่ฝอจื่อเพิ่งจะจากไป บุตรนรกก็พุ่งปราดเข้ามา ดวงตาสีแดงกวาดมองรอบๆ
ภาพที่หลินสวินประสบเคราะห์เมื่อครู่นี้เขาเองก็สังเกตเห็น
วิธีน่ากลัวที่กู่ฝอจื่อสำแดงออกมาทำให้เขาอดตกใจไม่ได้
“ไม่ว่าพวกเจ้าเป็นใคร ก็ต้องตาย!”
ในเสียงที่ต่ำลึกเย็นเยียบไร้ที่เปรียบ เงาร่างของบุตรนรกหายไปจากจุดเดิม
ใต้แม่น้ำนรก ระลอกคลื่นขุ่นสีเลือดพลิกม้วน เงาร่างของหลินสวินถูกมือขาวซีดจับเอาไว้ จมลงไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์
หลินสวินใจสั่นขึ้นมาระลอกหนึ่ง ในหัวปรากฏภาพภูเขาศพทะเลเลือด กองโครงกระดูกขาว… ปรากฏใบหน้าเฉยชาและนิ่งสงบของกู่ฝอจื่อ และเสียงร้องแหลมที่เต็มไปด้วยความรุ่มร้อนของนกทมิฬ…
…………..

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset