Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1247 สยบทั่วลาน

บนเวิ้งฟ้าการต่อสู้ปะทุขึ้นอย่างสมบูรณ์
ทอดมองจากไกลๆ ก็เหมือนเจินหลงสองตัวกำลังตวัดรัดฟัดเหวี่ยงกัน อานุภาพมังกรอันน่าสะพรึงประหนึ่งภูเขาถล่มคลื่นยักษ์โหมซัด แผ่กว้างออกไปยังสี่ทิศแปดทาง
เสียงมังกรคำรามสะท้อนก้อง สนั่นหวั่นไหวทั่วโลกหล้า
ใกล้ๆ รัศมีพันลี้ ป่าไม้ หินผา เถาวัลย์เก่าแก่ล้วนได้รับผลกระทบ แตกระเบิดพังถล่มลงมากลายเป็นฝุ่นฟุ้งกำจาย
แม้แต่ชั้นเมฆบนเวิ้งฟ้าก็ยังแตกเป็นเสี่ยงราวกับปุยเมล็ดหลิว ห้วงอากาศปั่นป่วนอลหม่าน เสียงระเบิดดังก้องหูไม่หยุด
“ฆ่า!”
ผมยาวของเยี่ยนจั่นชิวปลิวสะบัด ท่าทางราวกับมารคลั่งสำแดงมรรคและวิชา ทุกท่วงท่าล้วนเปี่ยมอานุภาพทำลายล้าง
ถึงอย่างไรก็เป็นมกุฎราชันที่เหยียบย่างอมตะเคราะห์ด่านสาม ทั้งพรสวรรค์ยังโดดเด่น พลังต่อสู้ทั้งตัวเรียกได้ว่าสะท้านโลกชวนสยอง
เขาสามารถยืนเทียมบ่าเทียมไหล่กับพวกหวังเสวียนอวี๋ เย่หมัวเฮอ หมีเหิงเจินได้ ถูกยกให้เป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ที่แกร่งที่สุดในหมู่คนรุ่นเยาว์ยุคปัจจุบัน ย่อมไม่ใช่ชื่อเสียงลอยๆ ไร้มูลเหตุอย่างแน่นอน
ก็เห็นทั่วร่างของเขาเปล่งแสง เจินหลงตัวแล้วตัวเล่าพุ่งทะยาน หวีดร้องคับจักรวาล อานุภาพเช่นนั้นน่าตื่นตาไร้ทัดเทียมจริงๆ
พวกเซียวหรันถึงแม้จะดูจนจิตใจไหวหวั่น สั่นสะเทือนไม่หาย แต่กลับไม่เบิกบานใจเลย
เหตุผลนั้นง่ายยิ่ง ถึงแม้เยี่ยนจั่นชิวจะแข็งแกร่งผิดมนุษย์มนา แต่ในการต่อสู้ก็ถูกเทพมารหลินกำราบเอาไว้อย่างดิ้นไม่หลุดมาตั้งแต่ต้น!
จวบจนตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น!
มองไปไกลๆ เงาร่างหลินสวินราวกับภาพฝันมายา แผ่อานุภาพมังกรอันท่วมท้นไพศาล ระหว่างเงื้อมือย่างเท้าประดุจเจินหลงตัวหนึ่งกำลังทะลวงผ่านชั้นเมฆ ไร้สิ่งขวางกั้น ทะลวงทุกกระบวนท่า
ภายใต้การโจมตีของเขา การบุกจู่โจมใดๆ ของเยี่ยนจั่นชิวล้วนเปราะบางเหมือนกระดาษเปื่อย!
ปัง!
ทันใดนั้นเยี่ยนจั่นชิวถูกหางมังกรซัดกวาด ร่างถูกฟาดจนลอยคว้างออกไปสิบกว่าจั้ง เสื้อผ้าขาดวิ่น บนผิวหนังที่เผยออกมาทิ้งรอยแผลสีเลือดน่าสยดสยองเอาไว้สายหนึ่ง
“เป็นไปไม่ได้ เจ้าควบคุมนัยเร้นลับแปลงมังกรได้อย่างไรกัน!?”
เยี่ยนจั่นชิวใจสะท้าน ดวงตาแทบถลนออกมา
ก่อนหน้านี้เขาผงาดกร้าว มีท่วงท่าห้าวหาญไม่มีใครเทียมรางๆ บุคลิกสง่าสะท้านผู้คน
แต่ยามนี้กลับเห็นได้ชัดว่าเดือดดาลและลนลาน มีอาการไม่อยากจะเชื่อ
“เรื่องที่เจ้าไม่รู้ยังมีอีกมาก สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น รังแต่จะทำขายหน้าตัวเอง”
ในน้ำเสียงราบเรียบ หลินสวินได้พุ่งเข้าไปแล้ว เงาร่างดั่งมังกร ตัวคนดุจมังกร มีความน่าเกรงขามแห่งมังกรที่ประหนึ่งเป็นนายเหนือหัวแห่งภูผาธารา ผงาดหยองหยิ่งทระนงในฟ้าดินก็ไม่ปาน
ถูกขังอยู่ใต้แม่น้ำนรกสี่ปี หลังจากนั้นยังข้ามเคราะห์สามด่านที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติกาล ทำให้พลังต่อสู้ของหลินสวินเป็นคนละเรื่องกับที่ผ่านมาตั้งนานแล้ว
ส่วนมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร เขาเคยรู้จากที่จ้าวจิ่งเซวียนเล่าให้ฟัง ว่ามรดกวิชานี้เป็นสิ่งที่ท่านลู่เหลือทิ้งไว้ ผนึกไว้ในเก้าศิลาประตูมังกร
นับตั้งแต่ฝึกวิชานี้เป็นต้นมา หลินสวินก็ไม่เคยประสบปัญหาใดๆ ดังนั้นจึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดเยี่ยนจั่นชิวถึงมีท่าทีรุนแรงอย่างเห็นได้ชัดเช่นนี้!
แต่หากเยี่ยนจั่นชิวมองเขาด้วยสายตาแบบเดียวกับเมื่อสี่ปีที่แล้ว เช่นนั้นก็คิดผิดมหันต์!
“ฆ่า!”
เยี่ยนจั่นชิวคำรามเดือดดาล สำแดงวิชาที่ได้ร่ำเรียนมาตลอดชีวิต
หลายปีก่อนในการประลองกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ เขาในฐานะผู้ชมข้างสนาม ยามที่เผชิญหน้ากับหลินสวินก็ยังวางท่าเหยียดหยันอยู่
แม้ว่าจะรู้สึกตกตะลึงกับศักยภาพแฝงที่หลินสวินสำแดงออกมาในตอนนั้น แต่ภายในใจก็ยังไม่เห็นหลินสวินเป็นคู่ต่อสู้ที่คู่ควร
แต่นี่เวลาเพิ่งจะไม่กี่ปีสั้นๆ เท่านั้น ชายหนุ่มที่ในอดีตเขาไม่เคยเก็บมาใส่ใจคนนี้ กลับเติบใหญ่จนถึงขั้นนี้แล้ว สิ่งนี้ทำให้เขาไม่อยากเชื่ออยู่บ้าง ไม่อาจยอมรับได้!
ปึง!
ผ่านไปครู่หนึ่งหลินสวินสำแดงประทับปี้อั้น กระแทกเยี่ยนจั่นชิวร่วงหล่นจากเวิ้งฟ้าตรงๆ ล้มลงบนพื้นเต็มแรง หมดสภาพไม่น่าดู
“นี่เป็นไปได้อย่างไร!?”
พวกเซียวหรันร้องเสียงหลง หัวใจหดรัดไปหมด
“สมควรตาย!”
ในเสียงคำราม เยี่ยนจั่นชิวผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ยันตัวลุกพรวดพุ่งสังหารต่อไป
เพียงแต่ใบหน้าหล่อเหลาของเขานั้นเริ่มดุดันขึ้นมา ตาแทบถลน ทั้งตัวแผ่กลิ่นอายเหี้ยมเกรียมหาใดเปรียบ
ปัง!
แต่ไม่ทันไรเขาก็ถูกซัดปลิวอีกครั้ง กระดูกแขนขวาแตกหัก ทั้งตัวร่วงตุบราวกับกระสอบทรายก็ไม่ปาน
พวกเซียวหรันสีหน้าย่ำแย่อย่างที่สุด
ก่อนหน้านี้ในใจพวกเขาล้วนหยิ่งผยอง คิดว่าสี่ปีมานี้ความแข็งแกร่งของพวกเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าสะเทือนดิน ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวหลินสวินแล้ว
แต่ตอนนี้พวกเขาเพิ่งตระหนักว่า สี่ปีที่หายตัวไปนี้ พลังต่อสู้ของหลินสวินเองก็เกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน แข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อสี่ปีก่อนไม่รู้กี่เท่า!
ก็เหมือนกับยามนี้ แม้แต่เยี่ยนจั่นชิวยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!
“อ๊าก…!”
ผมยาวของเยี่ยนจั่นชิวสยายอย่างบ้าคลั่ง ควันออกเจ็ดทวาร ในใจมีความอับอายอย่างบอกไม่ถูก
ชายหนุ่มที่เคยถูกเขาเหยียดหยันมาก่อน ยามนี้กลับมีพลังต่อสู้ที่เล่นงานเขาจนบาดเจ็บ เรื่องนี้มีหรือเขาจะเชื่อได้
ตูม!
เขาเรียกสมบัติออกมาโหมสังหารต่อไป
ทั้งตัวราวกับมารคลั่งอย่างสิ้นเชิง!
“เร็วเขา ลงมือพร้อมกัน!”
เซียวหรันตะโกน พุ่งโจมตีก่อนเป็นคนแรก เพราะเขามองออกแล้วว่า หลินสวินในยามนี้ไม่ใช่คนที่เยี่ยนจั่นชิวคนเดียวจะต้านทานได้ หากไม่ลงมือพร้อมกัน ผลที่ตามมาคงน่าเป็นห่วง
“ฆ่า!”
พวกอวิ๋นเช่อ เหวินเสียง ซูซิงเฟิงต่างลงมืออย่างไม่ลังเลสักนิด
ชั่วขณะนั้นแสงสมบัติและวิชามรรคตัดสลับไปมาทั่วบริเวณ ประกายแสงพร่างพราว หอบม้วนเข้าใส่หลินสวินจากสี่ทิศแปดทาง
นัยน์ตาดำของหลินสวินเย็นเยียบ เรียบเฉยไม่กลัวเกรง กล่าวว่า “โจมตีหมู่อีกแล้ว พวกเจ้าไม่กระดากใจกันบ้างหรือ หรือจะบอกว่านี่คือธรรมเนียมของผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณของพวกเจ้า”
ประโยคเดียวทำเอาพวกเซียวหรันสีหน้ามืดทะมึน ถูกแดกดันเช่นนี้ในใจพวกเขามีหรือจะไม่เคืองขุ่นอับอาย
เพียงแต่พวกเขารู้ดียิ่งกว่าว่ายามนี้หากไม่ยอมลงมือเพราะห่วงหน้า รอให้ถึงตอนที่เยี่ยนจั่นชิวพ่ายแพ้ก็ถึงคราวพวกเขาแล้ว!
แต่ที่น่าเสียดายคือ พวกเขาไม่ได้ประเมินความห่างชั้นระหว่างตนเองกับหลินสวินให้ชัดเจนเลยสักนิด
ตูม!
ทันใดนั้นรอบตัวหลินสวินเปล่งแสง เสียงมังกรคำรามสายหนึ่งกึกก้องสนั่นฟ้าดังขึ้นทั่วร่าง เงามายาเจินหลงเก้าตัวเต็มๆ พุ่งปราดอยู่กลางฟ้าดิน
เก้ามังกรปรากฏ จักรวาลผันแปร!
ชั่วขณะนั้นการโจมตีทั้งหมดที่ปิดล้อมหลินสวินต่างพังครืนสนั่นหวั่นไหว
และตัวเยี่ยนจั่นชิวก็ถูกเก้ามังกรกดร่างกระแทกกับพื้นอย่างจัง เลือดทะลักออกปากจมูก ไม่ว่าขัดขืนอย่างไรล้วนไม่อาจหยัดตัวลุกขึ้นได้
แม้แต่หัวยังยกไม่ขึ้น!
พวกเซียวหรันแข็งทื่อไปทั้งตัว ในใจถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัวมหาศาล
คราวนี้พวกเขาเพิ่งตระหนักว่าในการต่อสู้กับเยี่ยนจั่นชิวเมื่อครู่นั้น หลินสวินเก็บงำพลังต่อสู้มาโดยตลอด นี่ เห็นชัดว่าน่าสะท้านขวัญอย่างไม่ต้องสงสัย!
“ตาพวกเจ้าแล้ว!”
นัยน์ตาเย็นเยียบของหลินสวินสะท้อนประกายสายฟ้า กลิ่นอายทั้งตัวเปลี่ยนไป ใช้กฎเกณฑ์ธาตุน้ำแทนที่กฎเกณฑ์เจินหลง สำแดงเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์
ชั่วขณะนั้นพลังหมัดพร่างพราวไร้ใดเปรียบหวีดก้องกลางห้วงอากาศ แฝงพลังที่ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้
ก็เห็นทุกที่ที่พลังหมัดนั้นเคลื่อนผ่าน ห้วงอากาศถูกฉีกทึ้งเป็นรอยแยกสายแล้วสายเล่า เสียงระเบิดดุจสายฟ้าทำเอาแก้วหูผู้คนแทบแตกเป็นเสี่ยง
พวกเซียวหรันเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน การเยียบย่างบนระดับมกุฎราชันได้ก็พิสูจน์ความแข็งแกร่งของพวกเขาแล้ว
แต่เมื่อเทียบกับหลินสวินแล้วก็ห่างชั้นกันมากนัก
ยามนี้แม้จะร่วมกันปิดล้อมหลินสวิน แต่เพียงแค่ชั่วครู่ก็ถูกพลังหมัดหลากสายซัดโจมตีหกคะเมน ล้มระเนระนาด โหยหวนไม่ขาดสาย
ไม่ทันไรพวกเซียวหรันต่างถูกสยบ แต่ละคนนอนพังพาบเกลื่อนพื้น เนื้อตัวบาดเจ็บสาหัส สภาพอเนจอนาถอย่างที่สุด
และในยามนี้หลินสวินก็โรยตัวลงมาจากห้วงอากาศอย่างนุ่มนวล นัยน์ตาดำดั่งสายฟ้า กวาดมองทุกคนแล้วกล่าวว่า “ข้าบอกแล้ว ครั้งนี้เห็นแก่หน้าจิ่งเซวียน ข้าไม่อยากฆ่าพวกเจ้า หวังว่าพวกเจ้าจะจำบทเรียนครั้งนี้เอาไว้ หากวันหน้ายังดื้อดึงไม่เข้าท่าอีกก็คงไม่โชคดีเช่นนี้แล้ว”
พูดจบเขาคร้านจะเหลือบมองพวกเยี่ยนจั่นชิวอีก เดินมาหยุดเบื้องหน้าจ้างจิ่วเซวียน
และยามนี้เขาเก็บกลิ่นอายรอบตัวลงแล้ว ไอสังหารเยียบเย็นกลางนัยน์ตาดำก็ถูกแทนที่ด้วยแววอ่อนโยนและทะนุถนอม
“จิ่งเซวียน ข้าจะพาเจ้าออกไป”
หลินสวินไม่ได้พูดมากความ อุ้มจ้าวจิ่งเซวียนขึ้นมาอย่างระมัดระวังแล้ววางไว้ในเจดีย์สมบัติไร้อักษร จากนั้นจึงสาวเท้าฉับๆ ออกไป
ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยแยแสพวกเยี่ยนจั่นชิวอีกเลย
“น่าชังนัก!”
ผ่านไปครู่หนึ่งที่แห่งนี้ก็กลับสู่ความสงบเช่นเดิม เซียวหรันส่งเสียงผรุสวาทออกมา กัดฟันจนจวนจะหัก
สีหน้าคนอื่นๆ ต่างก็ไม่น่าดูอย่างที่สุดเช่นกัน
ครั้งนี้ เรียกได้พวกเขาแพ้ราบคาบ!
หากแพร่งพรายออกไปคงไม่พ้นกลายเป็นตัวตลกในแดนเก้าบน และยากจะลืมตาอ้าปากขึ้นมาได้อีก
“ใครจะไปคิด หลินสวินนี่ไม่เพียงยังมีชีวิตอยู่ แม้แต่พลังต่อสู่ก็เปลี่ยนไปจนน่ากลัวปานนี้แล้ว”
และบางคนก็มีสีหน้าขมขื่น
ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ หลินสวินกำชัยและสยบพวกเขาอย่างง่ายดาย เห็นชัดว่าไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด เผชิญหน้ากับศัตรูเช่นนี้ พาให้ผู้คนสิ้นหวังชัดๆ!
“ศิษย์น้องจ้าวถูกเขาพาตัวไปแล้ว พวกเรา… ควรทำอย่างไร”
มีคนเอ่ยขึ้นอย่างลังเล
จากนั้นสายตาของทุกคนล้วนมองไปทางเยี่ยนจั่นชิวพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
เยี่ยนจั่นชิวในยามนี้ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ฝุ่นตลบทั่วร่าง ปากจมูกเปรอะเลือด สภาพนั้นเห็นได้ชัดว่าน่าอนาถและไม่เหลือสภาพหาใดเปรียบ
แต่ที่น่าประหลาดคือแววตาของเขากลับคืนสู่ความสงบแล้ว มีเพียงประกายเยียบเย็นเสี้ยวหนึ่งที่แวบผ่านนัยน์ตาเป็นคราวๆ เท่านั้นที่พิสูจน์ว่า ภายในใจเขาไม่ได้เยือกเย็นเหมือนอย่างที่แสดงออก
“แพ้ก็แพ้ไปแล้ว ยังต้องพูดอะไรอีก”
นิ่งเงียบเนิ่นนานเยี่ยนจั่นชิวถึงค่อยเอ่ยปากเสียงขรึม “ส่วนศิษย์น้องจิ่งเซวียน…”
พูดถึงตรงนี้ ในแววตาเขามีแววขมขื่นสายหนึ่งแวบผ่าน สูดหายใจลึกเต็มแรงเฮือกหนึ่งค่อยกล่าวอย่างเด็ดขาดว่า “ต่อให้ตอนนี้จะอยู่ด้วยกัน แต่ต่อไปทั้งสองคนก็ต้องพลัดพรากจากกันอยู่ดี! เขาหลินสวินไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าสถานะของศิษย์น้องจิ่งเซวียนสูงศักดิ์ปานใด! หากเขากล้าคิดเลยเถิด ช้าเร็วหายนะใหญ่สะเทือนฟ้าย่อมต้องตกถึงตัวเขาแน่!”
นี่ไม่ใช่การระบายความอัดอั้นตันใจและเคียดแค้นภายในใจของเขา
แต่เพราะเขารู้ดี หากหลินสวินและจ้าวจิ่งเซวียนตกลงปลงใจเป็นคู่บำเพ็ญ นั่นต้องพบเจอกับการโจมตีที่สามารถทำให้เขาไม่อาจแบกรับได้!
“ศิษย์พี่เยี่ยน เช่นนั้นตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไร”
ซูซิงเฟิงเอ่ยถาม
“หลินสวินหายตัวไปสี่ปี และตอนนี้หวนคืนสู่แดนเก้าบนอีกครั้ง จะต้องเกิดมรสุมใหญ่ขึ้นเป็นแน่ ไม่ว่าบุตรนรกหรือกู่ฝอจื่อ หากรู้ข่าวนี้เข้าต้องนั่งไม่ติดอย่างแน่นอน”
นัยน์ตาเยี่ยนจั่นชิวทอประกายวาว “พวกเรา… แค่รอชมปาหี่สนุกๆ ก็พอแล้ว!”
กลุ่มคนครุ่นคิดครู่หนึ่ง ต่างพากันเห็นด้วยอย่างยิ่ง
สี่ปีก่อนกู่ฝอจื่อเป็นคนจัดวางสถานการณ์โจมตีหลินสวินให้จมอยู่ใต้แม่น้ำนรกด้วยตนเอง หากรู้ข่าวว่าหลินสวินยังมีชีวิตอยู่ มีหรือจะนิ่งดูดาย
ทำนองเดียวกัน ความเคียดแค้นที่บุตรนรกมีต่อหลินสวิน ก็มีมากมายเช่นเดียวกัน
“ในช่วงนี้แดนเก้าบนแห่งนี้คลื่นลมสงบมาตลอด ขุมอำนาจแต่ละฝ่ายเก็บตัวจำศีล ผู้แข็งแกร่งมากมายต่างพากันเจาะทะลวงเลื่อนขั้นพลังของตนอย่างเงียบๆ แต่ความเงียบสงบเช่นนี้ ต้องถูกทำลายลงพร้อมการปรากฏตัวอีกครั้งของหลินสวินแน่นอน!”
เยี่ยนจั่นชิวสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กล่าวเสียงขรึม “ข้าก็อยากเห็นนัก เขาหลินสวินจะเผชิญหน้ากับศัตรูพวกนั้นอย่างไร!”
อันที่จริงพูดมากมายขนาดนี้ เขาก็แค่ไม่อยากยอมรับเรื่องหนึ่ง
นั่นก็คือ หลังจากพบความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ในวันนี้ ส่วนลึกภายในใจของเขาได้สูญเสียความคิดที่จะต่อต้านหลินสวินไปแล้ว…
——
บนเวิ้งฟ้าการต่อสู้ปะทุขึ้นอย่างสมบูรณ์
ทอดมองจากไกลๆ ก็เหมือนเจินหลงสองตัวกำลังตวัดรัดฟัดเหวี่ยงกัน อานุภาพมังกรอันน่าสะพรึงประหนึ่งภูเขาถล่มคลื่นยักษ์โหมซัด แผ่กว้างออกไปยังสี่ทิศแปดทาง
เสียงมังกรคำรามสะท้อนก้อง สนั่นหวั่นไหวทั่วโลกหล้า
ใกล้ๆ รัศมีพันลี้ ป่าไม้ หินผา เถาวัลย์เก่าแก่ล้วนได้รับผลกระทบ แตกระเบิดพังถล่มลงมากลายเป็นฝุ่นฟุ้งกำจาย
แม้แต่ชั้นเมฆบนเวิ้งฟ้าก็ยังแตกเป็นเสี่ยงราวกับปุยเมล็ดหลิว ห้วงอากาศปั่นป่วนอลหม่าน เสียงระเบิดดังก้องหูไม่หยุด
“ฆ่า!”
ผมยาวของเยี่ยนจั่นชิวปลิวสะบัด ท่าทางราวกับมารคลั่งสำแดงมรรคและวิชา ทุกท่วงท่าล้วนเปี่ยมอานุภาพทำลายล้าง
ถึงอย่างไรก็เป็นมกุฎราชันที่เหยียบย่างอมตะเคราะห์ด่านสาม ทั้งพรสวรรค์ยังโดดเด่น พลังต่อสู้ทั้งตัวเรียกได้ว่าสะท้านโลกชวนสยอง
เขาสามารถยืนเทียมบ่าเทียมไหล่กับพวกหวังเสวียนอวี๋ เย่หมัวเฮอ หมีเหิงเจินได้ ถูกยกให้เป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ที่แกร่งที่สุดในหมู่คนรุ่นเยาว์ยุคปัจจุบัน ย่อมไม่ใช่ชื่อเสียงลอยๆ ไร้มูลเหตุอย่างแน่นอน
ก็เห็นทั่วร่างของเขาเปล่งแสง เจินหลงตัวแล้วตัวเล่าพุ่งทะยาน หวีดร้องคับจักรวาล อานุภาพเช่นนั้นน่าตื่นตาไร้ทัดเทียมจริงๆ
พวกเซียวหรันถึงแม้จะดูจนจิตใจไหวหวั่น สั่นสะเทือนไม่หาย แต่กลับไม่เบิกบานใจเลย
เหตุผลนั้นง่ายยิ่ง ถึงแม้เยี่ยนจั่นชิวจะแข็งแกร่งผิดมนุษย์มนา แต่ในการต่อสู้ก็ถูกเทพมารหลินกำราบเอาไว้อย่างดิ้นไม่หลุดมาตั้งแต่ต้น!
จวบจนตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น!
มองไปไกลๆ เงาร่างหลินสวินราวกับภาพฝันมายา แผ่อานุภาพมังกรอันท่วมท้นไพศาล ระหว่างเงื้อมือย่างเท้าประดุจเจินหลงตัวหนึ่งกำลังทะลวงผ่านชั้นเมฆ ไร้สิ่งขวางกั้น ทะลวงทุกกระบวนท่า
ภายใต้การโจมตีของเขา การบุกจู่โจมใดๆ ของเยี่ยนจั่นชิวล้วนเปราะบางเหมือนกระดาษเปื่อย!
ปัง!
ทันใดนั้นเยี่ยนจั่นชิวถูกหางมังกรซัดกวาด ร่างถูกฟาดจนลอยคว้างออกไปสิบกว่าจั้ง เสื้อผ้าขาดวิ่น บนผิวหนังที่เผยออกมาทิ้งรอยแผลสีเลือดน่าสยดสยองเอาไว้สายหนึ่ง
“เป็นไปไม่ได้ เจ้าควบคุมนัยเร้นลับแปลงมังกรได้อย่างไรกัน!?”
เยี่ยนจั่นชิวใจสะท้าน ดวงตาแทบถลนออกมา
ก่อนหน้านี้เขาผงาดกร้าว มีท่วงท่าห้าวหาญไม่มีใครเทียมรางๆ บุคลิกสง่าสะท้านผู้คน
แต่ยามนี้กลับเห็นได้ชัดว่าเดือดดาลและลนลาน มีอาการไม่อยากจะเชื่อ
“เรื่องที่เจ้าไม่รู้ยังมีอีกมาก สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น รังแต่จะทำขายหน้าตัวเอง”
ในน้ำเสียงราบเรียบ หลินสวินได้พุ่งเข้าไปแล้ว เงาร่างดั่งมังกร ตัวคนดุจมังกร มีความน่าเกรงขามแห่งมังกรที่ประหนึ่งเป็นนายเหนือหัวแห่งภูผาธารา ผงาดหยองหยิ่งทระนงในฟ้าดินก็ไม่ปาน
ถูกขังอยู่ใต้แม่น้ำนรกสี่ปี หลังจากนั้นยังข้ามเคราะห์สามด่านที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติกาล ทำให้พลังต่อสู้ของหลินสวินเป็นคนละเรื่องกับที่ผ่านมาตั้งนานแล้ว
ส่วนมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร เขาเคยรู้จากที่จ้าวจิ่งเซวียนเล่าให้ฟัง ว่ามรดกวิชานี้เป็นสิ่งที่ท่านลู่เหลือทิ้งไว้ ผนึกไว้ในเก้าศิลาประตูมังกร
นับตั้งแต่ฝึกวิชานี้เป็นต้นมา หลินสวินก็ไม่เคยประสบปัญหาใดๆ ดังนั้นจึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดเยี่ยนจั่นชิวถึงมีท่าทีรุนแรงอย่างเห็นได้ชัดเช่นนี้!
แต่หากเยี่ยนจั่นชิวมองเขาด้วยสายตาแบบเดียวกับเมื่อสี่ปีที่แล้ว เช่นนั้นก็คิดผิดมหันต์!
“ฆ่า!”
เยี่ยนจั่นชิวคำรามเดือดดาล สำแดงวิชาที่ได้ร่ำเรียนมาตลอดชีวิต
หลายปีก่อนในการประลองกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ เขาในฐานะผู้ชมข้างสนาม ยามที่เผชิญหน้ากับหลินสวินก็ยังวางท่าเหยียดหยันอยู่
แม้ว่าจะรู้สึกตกตะลึงกับศักยภาพแฝงที่หลินสวินสำแดงออกมาในตอนนั้น แต่ภายในใจก็ยังไม่เห็นหลินสวินเป็นคู่ต่อสู้ที่คู่ควร
แต่นี่เวลาเพิ่งจะไม่กี่ปีสั้นๆ เท่านั้น ชายหนุ่มที่ในอดีตเขาไม่เคยเก็บมาใส่ใจคนนี้ กลับเติบใหญ่จนถึงขั้นนี้แล้ว สิ่งนี้ทำให้เขาไม่อยากเชื่ออยู่บ้าง ไม่อาจยอมรับได้!
ปึง!
ผ่านไปครู่หนึ่งหลินสวินสำแดงประทับปี้อั้น กระแทกเยี่ยนจั่นชิวร่วงหล่นจากเวิ้งฟ้าตรงๆ ล้มลงบนพื้นเต็มแรง หมดสภาพไม่น่าดู
“นี่เป็นไปได้อย่างไร!?”
พวกเซียวหรันร้องเสียงหลง หัวใจหดรัดไปหมด
“สมควรตาย!”
ในเสียงคำราม เยี่ยนจั่นชิวผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ยันตัวลุกพรวดพุ่งสังหารต่อไป
เพียงแต่ใบหน้าหล่อเหลาของเขานั้นเริ่มดุดันขึ้นมา ตาแทบถลน ทั้งตัวแผ่กลิ่นอายเหี้ยมเกรียมหาใดเปรียบ
ปัง!
แต่ไม่ทันไรเขาก็ถูกซัดปลิวอีกครั้ง กระดูกแขนขวาแตกหัก ทั้งตัวร่วงตุบราวกับกระสอบทรายก็ไม่ปาน
พวกเซียวหรันสีหน้าย่ำแย่อย่างที่สุด
ก่อนหน้านี้ในใจพวกเขาล้วนหยิ่งผยอง คิดว่าสี่ปีมานี้ความแข็งแกร่งของพวกเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าสะเทือนดิน ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวหลินสวินแล้ว
แต่ตอนนี้พวกเขาเพิ่งตระหนักว่า สี่ปีที่หายตัวไปนี้ พลังต่อสู้ของหลินสวินเองก็เกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน แข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อสี่ปีก่อนไม่รู้กี่เท่า!
ก็เหมือนกับยามนี้ แม้แต่เยี่ยนจั่นชิวยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!
“อ๊าก…!”
ผมยาวของเยี่ยนจั่นชิวสยายอย่างบ้าคลั่ง ควันออกเจ็ดทวาร ในใจมีความอับอายอย่างบอกไม่ถูก
ชายหนุ่มที่เคยถูกเขาเหยียดหยันมาก่อน ยามนี้กลับมีพลังต่อสู้ที่เล่นงานเขาจนบาดเจ็บ เรื่องนี้มีหรือเขาจะเชื่อได้
ตูม!
เขาเรียกสมบัติออกมาโหมสังหารต่อไป
ทั้งตัวราวกับมารคลั่งอย่างสิ้นเชิง!
“เร็วเขา ลงมือพร้อมกัน!”
เซียวหรันตะโกน พุ่งโจมตีก่อนเป็นคนแรก เพราะเขามองออกแล้วว่า หลินสวินในยามนี้ไม่ใช่คนที่เยี่ยนจั่นชิวคนเดียวจะต้านทานได้ หากไม่ลงมือพร้อมกัน ผลที่ตามมาคงน่าเป็นห่วง
“ฆ่า!”
พวกอวิ๋นเช่อ เหวินเสียง ซูซิงเฟิงต่างลงมืออย่างไม่ลังเลสักนิด
ชั่วขณะนั้นแสงสมบัติและวิชามรรคตัดสลับไปมาทั่วบริเวณ ประกายแสงพร่างพราว หอบม้วนเข้าใส่หลินสวินจากสี่ทิศแปดทาง
นัยน์ตาดำของหลินสวินเย็นเยียบ เรียบเฉยไม่กลัวเกรง กล่าวว่า “โจมตีหมู่อีกแล้ว พวกเจ้าไม่กระดากใจกันบ้างหรือ หรือจะบอกว่านี่คือธรรมเนียมของผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณของพวกเจ้า”
ประโยคเดียวทำเอาพวกเซียวหรันสีหน้ามืดทะมึน ถูกแดกดันเช่นนี้ในใจพวกเขามีหรือจะไม่เคืองขุ่นอับอาย
เพียงแต่พวกเขารู้ดียิ่งกว่าว่ายามนี้หากไม่ยอมลงมือเพราะห่วงหน้า รอให้ถึงตอนที่เยี่ยนจั่นชิวพ่ายแพ้ก็ถึงคราวพวกเขาแล้ว!
แต่ที่น่าเสียดายคือ พวกเขาไม่ได้ประเมินความห่างชั้นระหว่างตนเองกับหลินสวินให้ชัดเจนเลยสักนิด
ตูม!
ทันใดนั้นรอบตัวหลินสวินเปล่งแสง เสียงมังกรคำรามสายหนึ่งกึกก้องสนั่นฟ้าดังขึ้นทั่วร่าง เงามายาเจินหลงเก้าตัวเต็มๆ พุ่งปราดอยู่กลางฟ้าดิน
เก้ามังกรปรากฏ จักรวาลผันแปร!
ชั่วขณะนั้นการโจมตีทั้งหมดที่ปิดล้อมหลินสวินต่างพังครืนสนั่นหวั่นไหว
และตัวเยี่ยนจั่นชิวก็ถูกเก้ามังกรกดร่างกระแทกกับพื้นอย่างจัง เลือดทะลักออกปากจมูก ไม่ว่าขัดขืนอย่างไรล้วนไม่อาจหยัดตัวลุกขึ้นได้
แม้แต่หัวยังยกไม่ขึ้น!
พวกเซียวหรันแข็งทื่อไปทั้งตัว ในใจถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัวมหาศาล
คราวนี้พวกเขาเพิ่งตระหนักว่าในการต่อสู้กับเยี่ยนจั่นชิวเมื่อครู่นั้น หลินสวินเก็บงำพลังต่อสู้มาโดยตลอด นี่ เห็นชัดว่าน่าสะท้านขวัญอย่างไม่ต้องสงสัย!
“ตาพวกเจ้าแล้ว!”
นัยน์ตาเย็นเยียบของหลินสวินสะท้อนประกายสายฟ้า กลิ่นอายทั้งตัวเปลี่ยนไป ใช้กฎเกณฑ์ธาตุน้ำแทนที่กฎเกณฑ์เจินหลง สำแดงเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์
ชั่วขณะนั้นพลังหมัดพร่างพราวไร้ใดเปรียบหวีดก้องกลางห้วงอากาศ แฝงพลังที่ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้
ก็เห็นทุกที่ที่พลังหมัดนั้นเคลื่อนผ่าน ห้วงอากาศถูกฉีกทึ้งเป็นรอยแยกสายแล้วสายเล่า เสียงระเบิดดุจสายฟ้าทำเอาแก้วหูผู้คนแทบแตกเป็นเสี่ยง
พวกเซียวหรันเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน การเยียบย่างบนระดับมกุฎราชันได้ก็พิสูจน์ความแข็งแกร่งของพวกเขาแล้ว
แต่เมื่อเทียบกับหลินสวินแล้วก็ห่างชั้นกันมากนัก
ยามนี้แม้จะร่วมกันปิดล้อมหลินสวิน แต่เพียงแค่ชั่วครู่ก็ถูกพลังหมัดหลากสายซัดโจมตีหกคะเมน ล้มระเนระนาด โหยหวนไม่ขาดสาย
ไม่ทันไรพวกเซียวหรันต่างถูกสยบ แต่ละคนนอนพังพาบเกลื่อนพื้น เนื้อตัวบาดเจ็บสาหัส สภาพอเนจอนาถอย่างที่สุด
และในยามนี้หลินสวินก็โรยตัวลงมาจากห้วงอากาศอย่างนุ่มนวล นัยน์ตาดำดั่งสายฟ้า กวาดมองทุกคนแล้วกล่าวว่า “ข้าบอกแล้ว ครั้งนี้เห็นแก่หน้าจิ่งเซวียน ข้าไม่อยากฆ่าพวกเจ้า หวังว่าพวกเจ้าจะจำบทเรียนครั้งนี้เอาไว้ หากวันหน้ายังดื้อดึงไม่เข้าท่าอีกก็คงไม่โชคดีเช่นนี้แล้ว”
พูดจบเขาคร้านจะเหลือบมองพวกเยี่ยนจั่นชิวอีก เดินมาหยุดเบื้องหน้าจ้างจิ่วเซวียน
และยามนี้เขาเก็บกลิ่นอายรอบตัวลงแล้ว ไอสังหารเยียบเย็นกลางนัยน์ตาดำก็ถูกแทนที่ด้วยแววอ่อนโยนและทะนุถนอม
“จิ่งเซวียน ข้าจะพาเจ้าออกไป”
หลินสวินไม่ได้พูดมากความ อุ้มจ้าวจิ่งเซวียนขึ้นมาอย่างระมัดระวังแล้ววางไว้ในเจดีย์สมบัติไร้อักษร จากนั้นจึงสาวเท้าฉับๆ ออกไป
ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยแยแสพวกเยี่ยนจั่นชิวอีกเลย
“น่าชังนัก!”
ผ่านไปครู่หนึ่งที่แห่งนี้ก็กลับสู่ความสงบเช่นเดิม เซียวหรันส่งเสียงผรุสวาทออกมา กัดฟันจนจวนจะหัก
สีหน้าคนอื่นๆ ต่างก็ไม่น่าดูอย่างที่สุดเช่นกัน
ครั้งนี้ เรียกได้พวกเขาแพ้ราบคาบ!
หากแพร่งพรายออกไปคงไม่พ้นกลายเป็นตัวตลกในแดนเก้าบน และยากจะลืมตาอ้าปากขึ้นมาได้อีก
“ใครจะไปคิด หลินสวินนี่ไม่เพียงยังมีชีวิตอยู่ แม้แต่พลังต่อสู่ก็เปลี่ยนไปจนน่ากลัวปานนี้แล้ว”
และบางคนก็มีสีหน้าขมขื่น
ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ หลินสวินกำชัยและสยบพวกเขาอย่างง่ายดาย เห็นชัดว่าไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด เผชิญหน้ากับศัตรูเช่นนี้ พาให้ผู้คนสิ้นหวังชัดๆ!
“ศิษย์น้องจ้าวถูกเขาพาตัวไปแล้ว พวกเรา… ควรทำอย่างไร”
มีคนเอ่ยขึ้นอย่างลังเล
จากนั้นสายตาของทุกคนล้วนมองไปทางเยี่ยนจั่นชิวพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
เยี่ยนจั่นชิวในยามนี้ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ฝุ่นตลบทั่วร่าง ปากจมูกเปรอะเลือด สภาพนั้นเห็นได้ชัดว่าน่าอนาถและไม่เหลือสภาพหาใดเปรียบ
แต่ที่น่าประหลาดคือแววตาของเขากลับคืนสู่ความสงบแล้ว มีเพียงประกายเยียบเย็นเสี้ยวหนึ่งที่แวบผ่านนัยน์ตาเป็นคราวๆ เท่านั้นที่พิสูจน์ว่า ภายในใจเขาไม่ได้เยือกเย็นเหมือนอย่างที่แสดงออก
“แพ้ก็แพ้ไปแล้ว ยังต้องพูดอะไรอีก”
นิ่งเงียบเนิ่นนานเยี่ยนจั่นชิวถึงค่อยเอ่ยปากเสียงขรึม “ส่วนศิษย์น้องจิ่งเซวียน…”
พูดถึงตรงนี้ ในแววตาเขามีแววขมขื่นสายหนึ่งแวบผ่าน สูดหายใจลึกเต็มแรงเฮือกหนึ่งค่อยกล่าวอย่างเด็ดขาดว่า “ต่อให้ตอนนี้จะอยู่ด้วยกัน แต่ต่อไปทั้งสองคนก็ต้องพลัดพรากจากกันอยู่ดี! เขาหลินสวินไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าสถานะของศิษย์น้องจิ่งเซวียนสูงศักดิ์ปานใด! หากเขากล้าคิดเลยเถิด ช้าเร็วหายนะใหญ่สะเทือนฟ้าย่อมต้องตกถึงตัวเขาแน่!”
นี่ไม่ใช่การระบายความอัดอั้นตันใจและเคียดแค้นภายในใจของเขา
แต่เพราะเขารู้ดี หากหลินสวินและจ้าวจิ่งเซวียนตกลงปลงใจเป็นคู่บำเพ็ญ นั่นต้องพบเจอกับการโจมตีที่สามารถทำให้เขาไม่อาจแบกรับได้!
“ศิษย์พี่เยี่ยน เช่นนั้นตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไร”
ซูซิงเฟิงเอ่ยถาม
“หลินสวินหายตัวไปสี่ปี และตอนนี้หวนคืนสู่แดนเก้าบนอีกครั้ง จะต้องเกิดมรสุมใหญ่ขึ้นเป็นแน่ ไม่ว่าบุตรนรกหรือกู่ฝอจื่อ หากรู้ข่าวนี้เข้าต้องนั่งไม่ติดอย่างแน่นอน”
นัยน์ตาเยี่ยนจั่นชิวทอประกายวาว “พวกเรา… แค่รอชมปาหี่สนุกๆ ก็พอแล้ว!”
กลุ่มคนครุ่นคิดครู่หนึ่ง ต่างพากันเห็นด้วยอย่างยิ่ง
สี่ปีก่อนกู่ฝอจื่อเป็นคนจัดวางสถานการณ์โจมตีหลินสวินให้จมอยู่ใต้แม่น้ำนรกด้วยตนเอง หากรู้ข่าวว่าหลินสวินยังมีชีวิตอยู่ มีหรือจะนิ่งดูดาย
ทำนองเดียวกัน ความเคียดแค้นที่บุตรนรกมีต่อหลินสวิน ก็มีมากมายเช่นเดียวกัน
“ในช่วงนี้แดนเก้าบนแห่งนี้คลื่นลมสงบมาตลอด ขุมอำนาจแต่ละฝ่ายเก็บตัวจำศีล ผู้แข็งแกร่งมากมายต่างพากันเจาะทะลวงเลื่อนขั้นพลังของตนอย่างเงียบๆ แต่ความเงียบสงบเช่นนี้ ต้องถูกทำลายลงพร้อมการปรากฏตัวอีกครั้งของหลินสวินแน่นอน!”
เยี่ยนจั่นชิวสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กล่าวเสียงขรึม “ข้าก็อยากเห็นนัก เขาหลินสวินจะเผชิญหน้ากับศัตรูพวกนั้นอย่างไร!”
อันที่จริงพูดมากมายขนาดนี้ เขาก็แค่ไม่อยากยอมรับเรื่องหนึ่ง
นั่นก็คือ หลังจากพบความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ในวันนี้ ส่วนลึกภายในใจของเขาได้สูญเสียความคิดที่จะต่อต้านหลินสวินไปแล้ว…
——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset