Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1251 เปิดฉากฝนโลหิตลมคาว

ทั่วลานเงียบสงัดไร้สุ้มเสียง
การต่อสู้หนึ่งสิ้นสุดลงในชั่วพริบตา ตั้งแต่ต้นจนจบถัวเถิงถูกกำราบอย่างสมบูรณ์ ไร้แรงต้านสิ้นเชิง!
นี่สะท้านสะเทือนเกินไป ในหัวทุกคนว่างเปล่าไปชั่วขณะ
สี่ปีแล้ว พลังของผู้แข็งแกร่งทุกคนในที่นั้นต่างมีการเปลี่ยนแปลงรุดหน้า นี่ก็คือสาเหตุที่พวกเจิ้นอวิ๋นเฟิงกล้ายั่วยุหลินสวิน
เพียงแต่พวกเขากลับคิดไม่ถึง ว่าสี่ปีมานี้พลังต่อสู้ของหลินสวินก็จะเปลี่ยนไปจนต่างจากอดีตสิ้นเชิงแล้ว…
นี่อยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขา!
ด้วยในความเข้าใจของทุกคน สี่ปีก่อนหลินสวินถูกกู่ฝอจื่อวางแผนจู่โจมจนตกลงไปใต้แม่น้ำนรก
สามารถรอดชีวิตมาได้ก็ทำให้ผู้คนตกตะลึงอ้าปากค้างยากจินตนาการแล้ว ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าพลังต่อสู้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปด้วย
ในใจเจิ้นอวิ๋นเฟิงพลันเครียดขมึง เปิดปากกล่าว “พี่หลิน เจ้า…”
พรวด!
ไม่รอให้พูดจบ หลินสวินลงมือตัดหัวของถัวเถิง การกระทำหมดจดชัดเจน ก็เห็นโลหิตแดงสดร้อนฉ่ากลุ่มหนึ่งสาดกระจายออกมา
แม้แต่พลังจิตของถัวเถิงก็ไม่อาจหลบหนี ถูกกวาดล้างสังหารสิ้น!
บรรยากาศในที่นั้นเงียบสงัดทันที ไม่ว่าจะเป็นเหล่าผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉาอย่างจี้ซิงเหยา หรือผู้แข็งแกร่งแดนนรกอย่างเจิ้นอวิ๋นเฟิงก็ล้วนเบิกตากว้าง ในใจสั่นสะท้าน
ถัวเถิงนั่นเป็นถึงขุนพลคนหนึ่ง เป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณที่มีปราณระดับอมตะเคราะห์ด่านสาม! บอกว่าจะฆ่า… ก็ฆ่าเลยรึ
เพียงพริบตาทุกคนต่างหน้าเปลี่ยนสี
“ที่แท้สี่ปีที่หายไปเจ้าก็ก้าวสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านสามแล้ว มิน่าถึงกล้ามั่นใจและไม่เกรงกลัวสิ่งใดเช่นนี้”
ในบรรยากาศที่เงียบสงัดเจิ้นอวิ๋นเฟิงสีหน้าอึมครึม แววตาไหววูบเอ่ยปากเย็นชา ในน้ำเสียงมีความกระจ่างแจ้ง ตกใจ และหวาดกลัว
อมตะเคราะห์ด่านสาม!
เวลานี้คนไม่น้อยถึงค่อยตอบสนอง สูดหายใจเย็นอย่างอดไม่อยู่ เทพมารหลินนี่ไม่เพียงแต่ตายแล้วฟื้น พลังต่อสู้ยังเกิดการเปลี่ยนแปลงราวถอดรยางค์เปลี่ยนกระดูกด้วย!
เพียงพริบตายามทุกคนมองไปยังหลินสวินอีกครั้ง สายตาก็เปลี่ยนไปแล้ว
ผู้แข็งแกร่งแดนนรกต่างตระหนกระคนขุ่นเคือง
แต่พวกจี้ซิงเหยากลับเหมือนยกภูเขาออกจากอก ความกังวลทั้งหมดในใจถูกความยินดียากบรรยายเข้ามาแทน
ในที่นั้นขุนพลอย่างถัวเถิงถือเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในขุมอำนาจแดนนรกแล้ว
แต่เมื่ออยู่ในมือหลินสวิน ถัวเถิงกลับประหนึ่งไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา สะกิดนิดเดียวก็ล้ม!
หากคาดการณ์เช่นนี้ ต่อให้หลินสวินตัวคนเดียว แต่ขอแค่มีเขาอยู่ก็สามารถแก้ไขสถานการณ์คับขันของเรือนกระบี่เร้นปุจฉาของพวกเขาได้!
พวกจี้ซิงเหยาเข้าใจในจุดนี้ แน่นอนว่าพวกเจิ้นอวิ๋นเฟิงก็ต้องเข้าใจ ในใจพวกเขาต่างไม่อาจสงบนิ่งอยู่บ้างแล้ว
“ยังมีหมาแมวตัวไหนอยากท้าทายข้าผู้แซ่หลินอีก”
นัยน์ตาดำของหลินสวินกวาดมองทั่วลาน เสื้อผ้าเขาโบกสะบัด ผมดำหนาทึบแผ่สยาย มีท่าทางภูมิฐานก้มมองเหล่าผู้กล้า
ก่อนหน้านี้หากหลินสวินกล้าพูดเช่นนี้คงถูกมองว่าบ้าระห่ำและไม่รู้ดีชั่วแน่
แต่ตอนนี้แน่นอนว่าต่างออกไปแล้ว
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ยามถูกหลินสวินมองเป็น ‘หมาแมว’ ก็ทำให้ใจของเหล่าผู้แข็งแกร่งแดนนรกเดือดดาลและอัดอั้นทันที
“หลินสวิน เจ้าอย่าได้เหิมเกริม เจ้าแค่ตัวคนเดียวเท่านั้น ต่อให้พลังต่อสู้แข็งแกร่งแค่ไหนจะเอาอะไรมาต้านทานพวกเราแดนนรกได้”
ผู้คุมกฎแดนนรกคนหนึ่งตวาดลั่น
ตึง!
เพียงแต่น้ำเสียงเขาเพิ่งแผ่วลง ทั้งตัวก็ไร้กลิ่นอาย ร่างกายแข็งทื่อ จากนั้นล้มลงกับพื้นไม่ลุกขึ้นอีก
ในใจทุกคนสั่นสะท้าน ล้วนมองออกว่าแม้ร่างกายคนผู้นี้จะไร้บาดแผล แต่พลังจิตกลับถูกจู่โจมแล้ว!
ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินไม่ได้ลงมือแม้แต่น้อย ถึงขั้นไม่เคยมองคนผู้นี้ด้วยซ้ำ
“พวกมากรังแกคนพวกน้อยรึ มีข้าอยู่ ไหนเลยจะให้พวกเจ้าสมปรารถนา”
จู่ๆ เสี่ยวอิ๋นก็ปรากฏตัว บนใบหน้าเล็กงดงามหาใดเปรียบเต็มไปด้วยความหยิ่งทะนงเย็นชา แม้แต่น้ำเสียงยังเย็นชาไร้น้ำใจ
นัยน์ตาทุกคนหดรัดทันที ตระหนักได้ถึงความไม่ธรรมดาของเสี่ยวอิ๋น เห็นได้ชัดว่าไม่เคยข้ามผ่านอมตะเคราะห์ แต่เมื่อครู่กลับสังหารมกุฎราชันระดับอมตะเคราะห์ด่านสองคนหนึ่งอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง!
เทพมารหลินก็แข็งแกร่งจนทำให้ผู้คนใจสั่นแล้ว ตอนนี้ยังมีคนตัวเล็กชุดขาวที่กลิ่นอายแปลกประหลาด พลังต่อสู้วิปริตอย่างยิ่งปรากฏตัวอีก นี่น่าสยองขวัญยิ่งนัก!
ความจริงแล้วตอนนี้แม้แต่หลินสวินก็ผิดคาดอยู่บ้าง หนังตาพลันกระตุก
แม้จะรู้ว่าเสี่ยวอิ๋นก้าวสู่ขอบเขตมกุฎระดับราชันแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวอิ๋นที่พัฒนาเป็นราชันหนอนกินเทพ จะสามารถปลิดชีพมกุฎราชันระดับอมตะเคราะห์ด่านสองได้!
ฝีมือเช่นนี้ทำให้หลินสวินตกตะลึงไปพักหนึ่ง
ผู้แข็งแกร่งแดนนรกในที่นั้นต่างเปลี่ยนเป็นหนักใจ ไม่อาจเรียกคืนความเชื่อมั่นและเย่อหยิ่งเหมือนแต่ก่อน
ตั้งแต่หลินสวินปรากฏตัวถึงตอนนี้ เริ่มจากขยำสังหารผู้คุมกฎเสวี่ยเฟิงอย่างง่ายดาย จากนั้นก็พิฆาตขุนพลถัวเถิงอย่างรวดเร็วรุนแรง
และตอนนี้แม้แต่คนตัวเล็กชุดขาวคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายเขา ก็ยังฆ่าผู้คุมกฎคนหนึ่งของฝั่งพวกเขาไปโดยไม่ทันตั้งตัว
นี่ช่างเหมือนค้อนที่ตีกระหน่ำต่อเนื่องลงบนใจพวกเขาอย่างหนักหน่วง ทำให้จิตต่อสู้ของพวกเขาเริ่มสั่นคลอนอย่างห้ามไม่อยู่ รับรู้ได้ว่าสถานการณ์ต่างจากแต่ก่อนตามการมาของหลินสวินแล้ว
เมื่อมองดูจี้ซิงเหยาและเหล่าผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉา เวลานี้ต่างเผยสีหน้ายินดียากปกปิดอย่างอดไม่อยู่ พวกเขาย่อมมองออกเป็นธรรมดาว่าสถานการณ์พลิกผันแล้ว!
“พี่หลิน นี่เจ้าอยากเป็นศัตรูกับพวกเราแดนนรกรึ”
เจิ้นอวิ๋นเฟิงสูดหายใจลึก เอ่ยปากสีหน้าอึมครึม เขาไม่พอใจอย่างยิ่ง!
ก่อนหน้านี้เห็นอยู่ว่ากำลังจะกดดันเรือนกระบี่เร้นปุจฉาให้ยอมจำนนได้ ใครจะคิดว่าการมาของหลินสวินกลับทำลายภารกิจของพวกเขาราวหายนะไม่คาดฝัน
นี่จะให้เขาพอใจได้อย่างไร
“เป็นศัตรูกับแดนนรกแล้วอย่างไร เจิ้นอวิ๋นเฟิง เจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะถูกเจ้าข่มขู่ได้กระมัง”
หลินสวินนัยน์ตาเฉยชา
“ช่างเถอะ วันนี้ถือว่าเห็นแก่หน้าเจ้า พวกเราไป!”
เจิ้นอวิ๋นเฟิงหน้าคล้ำเขียว เขาเด็ดขาดยิ่งนัก รู้ว่าสถานการณ์ไม่เข้าทีก็เลือกล่าถอยทันใด
“ไป? ข้ายอมแล้วรึ”
ประโยคเดียวของหลินสวินทำให้ใจเจิ้นอวิ๋นเฟิงสะดุดกึก หน้าเปลี่ยนสีทันที
เขากล่าวเสียงแข็ง “หลินสวิน เห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีตข้าไว้หน้าเจ้าพอแล้ว เจ้าอย่าไม่รู้จักดีชั่ว เจ้าควรรู้ว่าจุดจบของการล่วงเกินแดนนรกของข้าน่าอนาถแค่ไหน!?”
วาจานี้แม้เป็นการข่มขู่ แต่กลับเป็นเรื่องจริง
ในแดนเก้าบนตอนนี้ ขุมอำนาจแดนนรกก็เหมือนเจ้าเหนือหัวฝ่ายหนึ่ง อำนาจผงาดพาให้คนหันมามอง แทบไร้ผู้ขัดขวาง
สี่ปีมานี้ภายใต้การคุกคามด้วยคมดาบของแดนนรก มีขุมอำนาจไม่รู้เท่าไรหากไม่เลือกยอมจำนนสวามิภักดิ์ ก็ต้องถูกกลืนกินทำลายโดยตรง!
เรือนกระบี่เร้นปุจฉาแข็งแกร่งพอแล้วใช่ไหม แต่วันนี้ก็ยังถูกบีบจนตกอยู่ในภาวะคับขัน หากไม่ใช่ว่าหลินสวินมาทันเวลา ผลที่ตามมาคงไม่อาจคาดคิด
เมื่อได้ยินคำพูดนี้โม่เทียนเหอและจี้ซิงเหยาก็สงบสติลง หลังชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียแล้ว ในใจก็ไม่อยากให้หลินสวินผูกความแค้นบัญชีเลือดที่ไม่อาจคลี่คลายกับขุมอำนาจใหญ่เช่นนี้จริงๆ
แต่ไม่รอให้พวกเขาพูดโน้มน้าว หลินสวินก็ยิ้มกล่าว “หากไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์บางส่วนในอดีต เจ้าคิดว่าข้าจะทนฟังเจ้าพูดเจื้อยแจ้วได้ถึงตอนนี้รึ ยังมีอีก แดนนรกล่วงเกินข้าแล้ว ไม่ช้าก็เร็วข้าก็ต้องไปคิดบัญชีกับบุตรนรกด้วยตัวเองอยู่ดี!”
กล่าวถึงตอนท้าย ในน้ำเสียงเจือไอสังหารเยียบเย็นเสียดกระดูก
ทำไมจ้าวจิ่งเซวียนถึงเลือกผนึกจิตวิญญาณตัวเอง
ก็เพราะถูกบีบบังคับ!
วันนั้นหากไม่ใช่ว่าพวกหวังจื่ออิงนั่นบีบบังคับ มีหรือจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
และพวกหวังจื่ออิงก็เป็นสุนัขรับใช้ของบุตรนรกเช่นกัน!
ทุกคนในที่นั้นเงียบกริบ สูดหายใจหนาวเยือก
หลังจากหายไปสี่ปี ทันทีที่เทพมารหลินปรากฏตัว ก็หมายคิดบัญชีกับขุมอำนาจแดนนรกที่นำโดยบุตรนรกหรือ
หากแพร่ออกไปต้องก่อให้เกิดความวุ่นวายในแดนเก้าบนแน่!
“เจ้า…”
เจิ้นอวิ๋นเฟิงเสียการควบคุมอยู่บ้าง หรือพูดได้ว่าถูกไอสังหารที่เผยออกมาในคำพูดหลินสวินทำให้ตกใจ จนถึงขั้นทั้งตระหนกและขุ่นเคือง
“พอแล้ว!”
หลินสวินพลันพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ ทั่วร่างส่องประกาย กลิ่นอายน่ากลัวไร้รูปสายหนึ่งแผ่ออกมามืดฟ้ามัวดิน
เพียงชั่วขณะวายุก่อเมฆาซัด ฟ้าดินเปลี่ยนสี!
“เปิดศึกเถอะ”
ในเสียงนิ่งสงบไร้อารมณ์ หลินสวินเคลื่อนไหวปานสายฟ้าแลบและรุ้งร่าย พร่าเลือนไร้ร่องรอย
ฟุ่บ!
ผู้แข็งแกร่งแดนนรกหลายคนที่อยู่ใกล้หลินสวินศีรษะถูกตัดขาดพร้อมกันชั่วพริบตา ด้วยเหตุนี้จึงมีเสียงทึบหนักดังระลอกหนึ่ง
จากนั้นศีรษะมากมายก็หล่นกลิ้ง เลือดสาดพรมเวิ้งฟ้า
ในเวลาเดียวกันนี้ทุกคนถึงได้เห็นชัดเจนว่านั่นคือดาบหักเล่มหนึ่ง แต่กลับเลือนรางดั่งภาพมายา เบาราวขนนก บริสุทธิ์ผุดผ่องยากจับต้อง
“ฆ่า!”
ดวงตาเจิ้นอวิ๋นเฟิงแดงไปหมดแล้ว รู้ว่าหากไม่สู้คงไม่ได้จากไปอย่างปลอดภัยแน่
เขาพุ่งทะยานขึ้นไป
เพียงแต่เวลานี้เขาอยู่ที่เขาจำศีลหัวโล้น ใกล้ๆ กันยังมีพวกโม่เทียนเหอและจี้ซิงเหยาอยู่ด้วย
พริบตาที่เขาเคลื่อนไหว โม่เทียนเหอและจี้ซิงเหยาก็ออกโจมตี
พวกเขาแค้นเจิ้นอวิ๋นเฟิงเข้ากระดูก!
“พูดไร้สาระกันตั้งมาก ในที่สุดก็เปิดศึกเสียที ข้าเผ่าหนอนกินเทพ ด้วยตัวข้าเป็นราชันแห่งมกุฎคนหนึ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน แน่นอนว่าจะไม่ทำให้ชื่อเสียงที่บรรพชนทิ้งไว้เสื่อมเสีย!”
ในเสียงพึมพำบางเบา เสี่ยวอิ๋นที่สีหน้าเย็นชาหาใดเปรียบจู่ๆ ก็หายไป
ฟุ่บ!
ในเวลาเดียวกัน ผู้แข็งแกร่งแดนนรกคนหนึ่งที่อยู่ห่างจากเสี่ยวอิ๋นหลายสิบจั้งตายคาที่อย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง
จิตวิญญาณของเขาถูกเจตกระบี่เฉียบคมหาใดเปรียบบดขยี้!
ฟุ่บ!
ไม่นานก็มีผู้แข็งแกร่งระดับผู้คุมกฎอีกคนจิตวิญญาณถูกสังหารโดยไม่ทันตั้งตัว
นี่ก็คือความน่ากลัวของเผ่าหนอนกินเทพ
ยามพวกมันออกโจมตีจะประหนึ่งไร้รูปไร้แก่น พวกคนธรรมดายากสังเกตเห็นโดยสิ้นเชิง
และการจู่โจมของพวกมันก็ราวกับนักฆ่าที่ไร้ปรานีที่สุดในใต้หล้า ไม่ลงมือไม่เท่าไร แต่ทันทีที่ลงมือต้องหนึ่งโจมตีหนึ่งสิ้นชีพ!
สิบก้าวสังหารหนึ่ง พันลี้ไม่ทิ้งร่องรอย
ตู้ม!
ณ ที่นั้นหลินสวินเองก็เปิดฉากเข่นฆ่า เงาร่างเขาเปล่งประกายบุกตะลุยทั่วทิศ การจู่โจมที่ปล่อยออกมาระหว่างขยับมือไม้ล้วนมีอานุภาพเพียงพอให้เทพผีถอยร่น
มองจากไกลๆ ก็เห็นทุกหนแห่งที่เขาพาดผ่านมีร่างของผู้แข็งแกร่งคนแล้วคนเล่าระเบิดออก ท่าทีเคลื่อนกวาดไร้เทียมทานไม่อาจเทียบ
ชั่วขณะเดียวทั้งที่นั้นก็นองเลือดดั่งฝนกระหน่ำ เสียงร้องโหยหวนสะเทือนใต้หล้า ปั่นป่วนอลหม่านเกินทน
ใช่ว่าผู้แข็งแกร่งแดนนรกพวกนั้นไม่ได้เรื่อง หากแต่เป็นหลินสวินในตอนนี้ที่แข็งแกร่งถึงขั้นสามารถทำให้พวกเขาต้องแหงนมอง
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การสังหารพวกเขาไม่ต่างอะไรกับการฉีกภาพวาด!
“ตายซะ!”
ทันใดนั้นเสียงตวาดเย็นชาหนึ่งดังขึ้น อวี่เหลียงอินหนึ่งในสิบสองขุนพลแดนนรกพุ่งเข้ามา
นางดูเหมือนมีเสน่ห์เย้ายวน แต่ในมือหยกขาวกระจ่างเรียวยาวกลับถือเหล็กหมาดดำมหึมาเล่มหนึ่ง ทันทีที่โบกสะบัดแสงทมิฬม้วนพัด ห้วงอากาศระเบิดออกเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
พลังสังหารดุดันชวนประหวั่นถึงขีดสุด
อาศัยความเร็วที่คาดไม่ถึงจู่โจมสังหารหลินสวินจากด้านหลัง!
วู้ม
ดาบหักปรากฏดั่งรุ้งอัศจรรย์ ถูกหลินสวินสำแดงกระบวนเฉือนเกิดดับออกมา เหล็กหมาดสีดำที่ฟูมฟักมานานหลายปีเล่มนั้นของนางถูกตัดขาดเป็นสองท่อนอย่างง่ายดายก่อน
จากนั้นรอยเลือดก็ลากยาวตั้งแต่หว่างคิ้วนางลงไป ผ่านสันจมูก ริมฝีปากแดง คอ หน้าอกและช่วงท้อง…
………….

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset