ตูม โครม!
อสนีเคราะห์เจิดจ้าบาดตาไหลลู่จากแผ่นฟ้าราวกับน้ำตกก็ไม่ปาน ส่องสว่างภูผาธาราจนเจิดจ้า น่าหวั่นเกรงอย่างยิ่ง
ทั่วร่างอาหลู่ชุ่มเลือด ต่อสู้ดิ้นรนอยู่ภายใน
ห่างออกไปผู้แข็งแกร่งรวมตัวกันมากเท่าไรไม่อาจทราบได้ ทำการปิดล้อมทั้งบริเวณไม่ให้มีสิ่งใดเล็ดลอด แม้จะไร้ใครเข้าใกล้ กระนั้นก็ไม่มีผู้ใดถอยจากไป
ใบหน้าแต่ละคนเจือแววรอคอย ตื่นเต้น เหี้ยมโหด และกระหาย
เพราะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ศุภโชคที่ซ่อนอยู่ในสุสานจักรพรรดิอยู่ในตัวเจ้าคนที่ดูเหมือนคนเถื่อนผู้นั้น
สุสานจักรพรรดิ!
เพียงแค่สองคำนี้ก็สามารถทำให้อริยะต้องคลุ้มคลั่งโดยสมบูรณ์!
“ก่อนหน้านี้เจ้าคนเถื่อนนั่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ยามนี้เพ้อพกคิดจะอาศัยการข้ามด่านเคราะห์เปิดทางรอดชีวิต ช่างน่าขันเสียจริง จากที่ข้าดู เขาต้องตายอย่างแน่นอน!”
บนยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหมอกดำห่างออกไป ชายในชุดขาวคนหนึ่งถือพัดขนนกไว้ในมือ ท่าทางเก่งกาจอิสระเสรียิ้มน้อยๆ อยู่ตรงนั้น แต่ถ้อยคำที่เอ่ยออกมากลับเยียบเย็นเสียดกระดูก
บริเวณโดยรอบ เมื่อสายตาไม่น้อยมองเห็นชายชุดขาวผู้นั้น ต่างเผยความหวาดกลัวออกมา
ไป๋หลงถิง!
สัตว์ประหลาดยุคโบราณแห่งเผ่าเจียวขาว ภายในเวลาสองปีผงาดกร้าวขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง พลังปราณก้าวรุดหน้าถึงระดับอมตะเคราะห์ด่านหก ติดสิบอันดับแรกของกระดานทองคำผู้กล้า!
“เตรียมตัวให้พร้อม รอเมื่อเจ้าหมอนี่ข้ามด่านเคราะห์ไม่สำเร็จ ให้รีบจับตัวเขาทันที!”
อีกด้านมีเงาร่างเลือนรางของชายหนุ่มสวมเกราะศึกคนหนึ่ง ถูกโอบล้อมราวกับดาวล้อมเดือน ทว่ากลับไม่มีใครสามารถเข้าประชิดตัวเขาแม้เพียงจั้ง
เพราะตัวของเขาแผ่ไอชั่วร้ายเย้ยฟ้าหนาแน่นออกมา นี่คือพลานุภาพน่าหวาดเกรงที่มีขึ้นจากการฆ่าฟัน เป็นอานุภาพที่ใช้เลือดเนื้อและซากศพของเหล่าศัตรูสร้างออกมา
เพียงแค่แววตาของเขา ก็พาให้ผู้คนขนลุกขนพอง สัมผัสได้ถึงความกดดันอันไร้เทียมทาน
บุตรนรก!
เมื่อสองปีก่อนหน้าเขาเคยถูกหลินสวินสังหารจนเหลือแต่เสี้ยววิญญาณที่หนีไปได้ ทว่าบัดนี้เห็นได้ชัดว่าฟื้นฟูดังเดิมแล้ว ซ้ำพลังต่อสู้ยิ่งแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนอย่างน่ากลัว
พร้อมกันนั้นรอบๆ บริเวณนี้ปรากฏพวกร้ายกาจเช่นไป๋หลงถิงและบุตรนรกอยู่ไม่น้อย ทั้งหมดล้วนแต่แววตาเยียบเย็น ต่างมองอาหลู่ที่กำลังข้ามด่านเคราะห์อยู่ไกลออกไปว่าเป็นเหยื่อ
ภาพบรรยากาศนี้ทำเอาผู้คนไหวหวั่น ต่อให้แยกพวกร้ายกาจมีชื่อสะเทือนฝั่งหนึ่งในพวกนี้ออกไป ทว่าเพียงแค่จำนวนผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในลานอย่างน้อยก็มีมากนับพัน!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีผู้ใดสงสัยแม้แต่น้อยว่าคนเถื่อนนั่นจะรอดชีวิตได้หรือไม่
หรืออาจกล่าวได้ว่า สิ่งที่รอเขาอยู่ก็คือความตายสถานเดียว!
“คนไร้ความผิด ผิดที่ครองหยก ความเป็นมาของคนเถื่อนนี่ไม่ธรรมดาเลย เพียงแต่… น่าเสียดายนัก”
เด็กสาวผมสีชาดที่ดูบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้ที่ติ ใบหน้างดงามสะสวยกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา
ทั่วเรือนกายของอาบไล้อยู่ในประกายไฟบริสุทธิ์ บนเท้าเปลือยเปล่าที่ขาวราวหิมะถูกล่ามด้วยโซ่ดำประหลาด
“แม่นางชื่อเหยารู้จักคนผู้นี้หรือ”
ชายหนุ่มชุดเขียวที่อยู่ด้านข้างถามออกมา
เขามีคิ้วกระบี่เนตรดารา ท่วงท่าห้าวหาญ ในดวงตาปรากฏเส้นสายฟ้าหลากสาย เจิดจ้าไร้เทียมทาน
“เคยเจอกันครั้งหนึ่ง ข้ารู้แค่ว่าเขาเป็นสหายกับเทพมารหลินผู้นั้น”
ชื่อเหยายิ้มน้อยๆ บนใบหน้าบริสุทธิ์เผยเสน่ห์อันเย้ายวน ชายชุดเขียวนั่นมองจ้องจนไม่อาจละสายตา
เพียงแต่เมื่อได้ยินคำว่า ‘เทพมารหลิน’ สามคำนี้ ชายชุดเขียวถึงกับผงะ เอ่ยว่า “สหายของหลินสวินหรือ”
ชื่อเหยากะพริบตาปริบๆ พร้อมกล่าวออกไป “ทำไมหรือ สหายยุทธ์กู่เกรงกลัวเทพมารหลินมากอย่างนั้นหรือ”
ชายชุดเขียวหลุดขำออกมา เอ่ยอย่างเย่อหยิ่งว่า “เมื่อสองปีก่อนคนผู้นี้อาจจะนับได้ว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลอันดับหนึ่ง ทว่าในแดนเก้าบนตอนนี้ เกรงแต่ว่าแม้แต่สามสิบอันดับแรกของกระดานทองคำผู้กล้าก็ยังเข้าไม่ได้ ทำไมข้าต้องกลัวเขาด้วย”
ชื่อเหยายิ้มบางๆ ไม่ออกความคิดเห็นใดอีก
ชายชุดเขียวมีนามว่ากู่เทียนอี เป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณผู้มีพรสวรรค์น่าอัศจรรย์คนหนึ่งเช่นกัน ก่อนหน้านี้ไม่นานเพิ่งติดอันดับที่ยี่สิบหกของกระดานทองคำผู้กล้า มีบุคลิกเย่อหยิ่งทะนงตนเป็นอย่างมาก
และตามที่ชื่อเหยารู้ กู่เทียนอีมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับเซ่าเฮ่าผู้ครองอันดับหนึ่งของกระดานทองคำผู้กล้าในตอนนี้ หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ นางคงไม่เสียเวลามาสนใจไยดีคนบ้าคลั่งเช่นนี้
เมื่อสังเกตเห็นว่าชื่อเหยาไม่แยแสตน กู่เทียนอีก็วางหน้าไม่ถูกอยู่บ้าง เอ่ยว่า “แม่นางชื่อเหยา เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าต่อให้เทพมารหลินมา ครานี้เขาก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”
ชื่อเหยาพยักหน้า “เชื่อ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ใครมาช่วยเจ้าคนเถื่อนนั่นก็ย่อมต้องตาย ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ได้”
ความหมายในคำพูดไม่มีอะไรซับซ้อน ต่อให้หลินสวินต้องตาย ก็ไม่ใช่เพราะกู่เทียนอี แต่เพราะสถานการณ์บีบเค้นต่างหาก!
กู่เทียนอีอดขมวดคิ้วไม่ได้ เอ่ยว่า “หรือแม่นางชื่อเหยาคิดว่าข้าน้อยไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินสวินนั่น”
ชื่อเหยายิ้มกล่าวว่า “นี่ก็พูดลำบากนะ”
กลางหน้าผากของกู่เทียนอีปรากฏแววอึมครึม
“เตรียมตัวให้ดีเถิด คราวนี้พวกเราร่วมมือกัน บางทีอาจพอจะสามารถคว้าผลประโยชน์ดีๆ มาได้”
ชื่อเหยารีบกล่าวทันใด นัยน์ตาวาววับคู่นั้นจับจ้องไปยังใต้เคราะห์สวรรค์ที่อยู่ไกลออกไป ในนั้นเงาร่างของอาหลู่สะบักสะบอมอย่างหนัก อเนจอนาถเสียจนดูไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าคงยืนหยัดได้อีกไม่นานแล้ว
ขณะเดียวกันผู้แข็งแกร่งที่อยู่บริเวณอื่นๆ นัยน์ตาต่างทอประกายกระเหี้ยนกระหือรือ
“นั่นใคร รีบไสหัวไป ไม่เห็นหรือว่าบริเวณนี้ถูกปิดล้อมไว้หมดแล้ว”
ทันใดนั้นด้านหลังฝูงชนเกิดเสียงตวาดดังลั่น
เพียงแต่เสียงกลับขาดหายไปกะทันหัน
ก็เห็นศีรษะชุ่มเลือดกระเด็นขึ้นไป ภายใต้แสงอสนีเคราะห์สว่างไสวที่ฟาดฟันลงมา จึงมองเห็นได้ชัดว่าบนใบหน้าของศีรษะนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตกตะลึง
ในลานเกิดความโกลาหลขึ้นทันที สายตามากมายต่างพากันมองไป
ผู้แข็งแกร่งบางส่วนยิ่งส่งเสียงหึเย็นชาไม่พอใจออกมา
เห็นอยู่ว่าเหล่าผู้กล้าปิดล้อมพื้นที่แห่งนี้ไว้เนิ่นนาน รอหลังจากอาหลู่ข้ามด่านเคราะห์ไม่สำเร็จก็จะแบ่งฮุบวาสนาในตัวเขา
ทว่าในเวลาเช่นนี้กลับเกิดเหตุการณ์เหนือความคาดหมายนี้ขึ้น ย่อมทำให้ผู้คนไม่พอใจเป็นธรรมดา
“ใครขวางทางข้า ตาย!”
ขณะที่ทุกสายตามองไป เสียงราบเรียบเย็นชาสายหนึ่งดังกังวานกลางฟ้าดิน ทุกถ้อยคำประหนึ่งอสนีน่าสะพรึง สยบข่มจิตวิญญาณ
ในลานเงียบกริบขึ้นมาชั่วขณะหนึ่งอย่างแปลกประหลาด ทุกคนต่างอึ้งงันแทบจะคิดว่าหูฝาดไป ผู้ใดช่างกล้านัก ถึงกับบ้าระห่ำเช่นนี้
ควรรู้ว่าในลานมีพวกร้ายกาจที่มีชื่อเสียงสะท้านแดนเก้าบนจำนวนไม่น้อยอยู่ ยังกล้ามาท้าทายเช่นนี้ รนหาที่ตายชัดๆ!
หลายคนไม่เชื่อจึงขวางทางไว้ไม่ยอมถอยร่น อยากดูนักว่าเป็นเจ้าคนเหิมเกริมไม่กลัวฟ้ากลัวดินหน้าไหนถึงได้กล้าร้องออกมาเช่นนี้
พรูดๆๆ!
เวลาต่อมาก็เห็นว่าในกลุ่มคนที่กระจายตัวอยู่ด้านหลัง พลันมีหยาดเลือดเป็นสายๆ สาดกระเซ็นราวกับประทัดระเบิด
จากนั้นไม่ว่าเงาร่างใดที่ขวางทางอยู่ตรงนั้น ล้วนประหนึ่งสิ่งไร้ค่า ร่างกายระเบิดแตกกระเด็นลอย เผยเส้นทางสีเลือดน่าสยดสยองสายหนึ่ง!
ไม่มีสิ่งใดขัดขวางได้!
มองเห็นผู้แข็งแกร่งคนแล้วคนเล่าล้มลงไปราวกับกระดาษเปื่อย แม้แต่เสียงโหยหวนยังไม่ทันได้เปล่งออกมา พาให้ผู้คนทั้งลานตื่นตะลึง สีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ชั่วขณะหนึ่งนอกจากเสียงครืนครันของอสนีเคราะห์ที่ตกลงมา ภายในลานถึงกับเงียบสงัดอย่างที่สุด ทุกสายตาล้วนจ้องมองไป
ก้เห็นว่าบนเส้นทางนองเลือดที่ฆ่าฟันออกมาสายนั้น มีเงาร่างที่สูงสง่าร่างหนึ่งก้าวออกมา ทั่วเรือนกายปกคลุมด้วยแสงมรรค แผ่ไอสังหารดุดันพลิกฟ้าออกมา
เปรี้ยง!
และบังเอิญเป็นเวลานี้ สายฟ้าเจิดจ้าสายหนึ่งผ่าแหวกแผ่นฟ้า เผยให้เห็นรูปลักษณ์ของร่างนั้นอย่างชัดเจน
เขามีนัยน์ตาดำเย็นชา ผมยาวพลิ้วไสว เงาร่างผอมเพรียวประหนึ่งยอดเขาสูงชัน ทุกการเคลื่อนไหวประหนึ่งจะกลืนกินสิบทิศ อานุภาพผงาดกร้าวเหยียดหยันภูผาธารา
ใต้ฝ่าเท้าของเขาคือเส้นทางที่ปูทางด้วยเลือดแดงฉานและซากศพไม่สมบูรณ์ ขับเน้นจนเขาประดุจเทพมาร!
“เป็นเขา เทพมารหลิน!”
มีคนร้องเสียงหลง
เพียงแค่ประโยคเดียวทั้งลานล้วนตะลึง คนไม่น้อยสีหน้าเปลี่ยนไป มิน่าถึงกล้าเอ่ยคำพูดเหิมเกริมเช่นนั้นออกมา ที่แท้ก็เป็นเจ้าคนร้ายกาจคนนี้มานี่เอง
แม้ว่าหายเงียบไปสองปี ทว่าใครจะกล้าลืมคนที่เสมือนกับเทพมารผู้นี้ได้ลง
แค่บุคคลขอบเขตมกุฎที่ถูกสังหารด้วยน้ำมือเขาก็มีมากจนนับไม่หมดแล้ว!
“หลินสวิน!”
ไกลออกไปบุตรนรกเงยหน้าขึ้นทันใด นัยน์ตาแดงฉานสาดประกายคมกริบไร้ใดเปรียบ ความชิงชังในใจที่กดกักไว้แทบจะกลั้นไม่อยู่แล้ว
สองปีมานี้ ไม่มีเวลาไหนที่เขาจะลืมความอัปยศอดสูจากการถูกหลินสวินไล่สังหารครานั้น!
“หลินสวินหรือ มีผู้แย่งชิงเพิ่มมาอีกคน ช่างลำบากเสียจริง”
ไป๋หลงถิงหรี่ตาลง เก็บยิ้มที่มุมปาก ทอดสายตาพิจารณาหลินสวินจที่อยู่ไกลๆ แล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้
“เขาดันมาจริงๆ หรือว่า… เขาคิดเป็นศัตรูกับทุกคนเพื่อช่วยเจ้าคนเถื่อนผู้นั้น”
ชื่อเหยาเหม่อลอยไปบ้างเล็กน้อย
“เหอะ! หากเขากล้าทำเช่นนั้น ย่อมต้องตายอย่างไม่น่าดูแน่นอน!”
กู่เทียนอีส่งเสียงหยันอยู่ด้านข้าง
ในเวลาเดียวกันนี้ ในที่ลับมีพวกร้ายกาจจำนวนมากพินิจพิเคราะห์หลินสวินที่บุกสังหารเข้ามากะทันหัน ล้วนแต่ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
เทพมารหลิน!
ข่าวลือเกี่ยวกับคนผู้นี้พวกเขาล้วนได้ยินมามาก ชื่อเสียงสมคำร่ำลือ บุคคลร้ายกาจเช่นนี้บุกสังหารเข้ามา จะให้พวกเขาไม่สนใจได้อย่างไร
กับสายตาที่จับจ้องเหล่านี้ หลินสวินไม่แยแสแม้แต่น้อย ตั้งแต่ต้นจนจบเขาขยับเท้าไม่หยุด เข้าใกล้บริเวณที่อาหลู่ข้ามด่านเคราะห์มากขึ้นเรื่อยๆ
แม้แต่สีหน้าล้วนเยียบเย็นประหนึ่งไร้หัวใจ
“หลินสวิน นี่เจ้าจะทำอะไร แม้จะเป็นการแย่งชิงศุภโชคก็ควรพูดถึงลำดับก่อนหลังด้วยกระมัง”
ชายชุดเทาคนหนึ่งสีหน้าอึมครึม เขาขวางอยู่เบื้องหน้าเส้นทางของหลินสวิน แต่ไม่เต็มใจหลีกทางให้เช่นนี้ จึงตะโกนร้องออกไป
ฉัวะ!
สิ่งที่ตอบเขากลับไป คือหนึ่งดรรชนีของหลินสวิน
วสันต์สารทชั่วพริบตา!
ก็เห็นชายชุดเทานั่นแตกระเบิดในพริบตา กลายเป็นฝนเลือดลอยฟุ้งออกไปทันใด ย้อมห้วงอากาศด้วยสีแดงฉาน
ทุกคนล้วนนัยน์ตาหดรัดทันใด สูดหายใจหนาวเยือก โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว ไม่แม้แต่จะเอื้อนเอ่ยสักคำ เห็นชัดว่าหมายเปิดทางสังหารเลือด!
ชายชุดเทานั่นเป็นถึงบุคคลขอบเขตมกุฎที่บรรลุระดับอมตะเคราะห์ด่านห้า เป็นผู้นำของขุมอำนาจใหญ่แห่งหนึ่ง ทว่าบัดนี้เพียงแค่ขวางทางไว้ กลับถูกหลินสวินสังหารด้วยนิ้วเดียว!
ภาพนองเลือดนี้สะท้านขวัญคนไม่น้อยในที่นั้น
“หลินสวิน เจ้าลงมืออย่างไร้ปราณีเช่นนี้ ไม่กลัวจะชักนำความโกรธแค้นของทุกคนหรือ”
เสียงเลื่อนลอยไม่เหมือนจริงเสียงหนึ่งดังก้องขึ้น เดี๋ยวซ้ายทีขวาที พาให้คนไม่อาจแยกแยะได้ว่ามาจากทางไหน
ฟุ่บ!
เพียงแต่เพิ่งสิ้นเสียง กลางกลุ่มคนไม่ไกลนักก็มีผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งตายคาที่ ถูกดาบหักที่เจิดจ้าดุจหิมะสังหารในชั่วพริบตา!
นี่ทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งบางส่วนที่เดิมยืนขวางทางหลินสวินล้วนตัวสั่นเทา ถอยหลังเปิดทางให้โดยไม่รู้ตัว
“ทุกคนรีบขวางเขาไว้ เจ้านี่กับคนเถื่อนผู้นั้นเป็นพวกเดียวกัน เขามาเพื่อช่วยชีวิตเจ้าคนเถื่อนนั่น!”
ทันใดนั้นเสียงตะโกนหนึ่งดังขึ้น
เป็นกู่เทียนอี เมื่อครู่เขารู้จากปากของชื่อเหยาว่าอาหลู่และหลินสวินเป็นสหายกัน
ประโยคเดียวสะเทือนเลื่อนลั่น ทำให้ผู้แข็งแกร่งทุกคนในลานหน้าเปลี่ยนสีไป สายตาที่มองไปทางหลินสวินก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เพิ่มความมุ่งร้ายลึกล้ำขึ้นมา!
ก่อนหน้านี้พวกเขาเข้าใจว่าหลินสวินมาเพื่อช่วงชิงศุภโชคเช่นเดียวกับพวกเขา ใครเล่าจะคาดคิด เขาถึงกับมีเป้าหมายเช่นนี้
กล่าวได้ว่าประโยคนี้เพียงประโยคเดียว ก็ทำให้หลินสวินกลายเป็นศัตรูร่วมของคนทั้งลาน!
………………
Related
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1292 ใครขวางทางข้า ตาย!
Posted by ? Views, Released on January 11, 2022
, Battling Records of the Chosen One
Type: Web Novel Author: Xiao Jinyu, 萧瑾瑜
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…
In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history.
In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing.
Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned.
Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?
Recommended Series
Comment
Facebook Comment