ตั้งแต่หลินสวินเริ่มโจมตีกลับ ผ่านไปประมาณครู่เดียวเท่านั้นสถานการณ์การต่อสู้ก็เปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกดินแล้ว
ไป๋หลงถิงถูกฟัน บุตรนรกกายจิตแตกดับ… บุคคลระดับนายเหนือหัวที่มีชื่อสะท้านแดนเก้าบนแต่ละคนตายลงในที่นั้นอย่างต่อเนื่อง!
ภาพนองเลือดเช่นนั้นทำให้ทุกคนในที่นั้นขวัญหนีดีฝ่อ!
ซ่า!
เลือดสดๆ ยังคงกระเซ็นกระสายไปในห้วงอากาศ ลำแสงอสนีเคราะห์เจิดจรัสฉายส่องให้เงาร่างสูงตระหง่านของหลินสวินเปล่งประกายไปทั่ว
เขาต่อสู้ชิงชัยในที่นั้น ผมดำปลิวสยาย ตัวคนเดียวกลับเป็นดั่งนายเหนือฟ้าดิน ชั่วขณะที่ขยับกายก็ปั่นป่วนจักรวาล ไร้ศัตรูใดเทียบเทียมได้อย่างแท้จริง!
เพียงมองดูอยู่ไกลๆ ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกสิ้นหวังและเล็กจ้อย
ผู้แข็งแกร่งที่ตายลงด้วยน้ำมือเขาเหล่านั้น หลายคนเป็นยักษ์ใหญ่ผู้นำของขุมอำนาจกลุ่มหนึ่ง ทั้งอันดับบนกระดานทองคำผู้กล้ายังอยู่สูงยิ่ง
แต่ภายใต้เงื้อมมือหลินสวิน ก็ไม่ต่างอะไรกับไก่กระเบื้องสุนัขดินเผาที่เปราะบาง!
ภาพที่ขับเน้นเช่นนี้ หลินสวินในตอนนี้จะมีพลังต่อสู้แข็งแกร่งถึงขั้นไหนอีก
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่เหล่าผู้กล้าในที่นั้นเริ่มกระเจิดกระเจิง เลือกหยุดนิ่งไม่ก็ถอยหนี ไม่มีใครกล้าพุ่งเข้าไปในสนามรบอย่างก่อนหน้านี้
ราวกับว่าบริเวณที่หลินสวินอยู่ก็คือนรกนองเลือด สามารถฝังกลบวิญญาณของผู้ใดก็ได้!
เข่นฆ่าถึงตอนนี้ ใครก็ดูออกว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว! อานุภาพร้ายกาจของเทพมารหลินไม่มีใครกำราบได้แล้ว!
ก่อนหน้านี้แม้เหล่าผู้กล้าในที่นี้จะหวาดกลัวหลินสวิน แต่ต่างคิดว่าหลินสวินที่ตัวคนเดียวต้านทานทุกคนคือการเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง เอาไข่ไปตีหิน ไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย
แต่ตอนนี้ ทุกอย่างล้วนพลิกผันแล้ว
หลินสวินฝ่าเส้นทางระหว่างความเป็นความตายออกมาด้วยตัวเองคนเดียว พร้อมๆ กับการตายของเหล่าบุคคลระดับนายเหนือหัวอย่างไป๋หลงถิง บุตรนรก
มือเดียวพลิกฟ้า!
นี่เป็นเรื่องที่ก่อนหน้านี้ใครก็ไม่อาจคาดเดาได้
ตูม!
ในที่นั้นร่างของผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งระเบิดแหลก
จนตอนนี้โดยรอบหลินสวินไม่มีศัตรูกล้ำกรายอีก!
ในลานเงียบสงัดไร้เสียงไปครู่หนึ่ง ยามมองดูเงาร่างสูงตระหง่านที่ยืนอยู่กลางห้วงอากาศ ทั้งกายอาบชโลมไปด้วยแสงมรรคเปล่งประกาย ทุกคนก็รู้สึกถึงความหวาดหวั่นอย่างไม่เคยมีมาก่อน
สัตว์ประหลาดเช่นนี้ตนหนึ่ง ยังเป็นคนอยู่ไหม
มองไปทั้งแดนเก้าบน จะมีใครกำราบประกายคมของเขาได้อีก
“ยังมีใครไม่ยอมอีก เข้ามาได้เลย!”
กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นเตะจมูกอบอวลฟ้าดิน บนผืนดินเต็มไปด้วยความสูญเสีย ซากศพเละเทะกระจัดกระจาย หลินสวินยืนตระหง่านกลางอากาศ เสียงพูดไม่ดังแต่กลับทำให้ทุกคนตัวแข็งทื่อ
ดวงตาเขาราวสายฟ้าเย็นเยียบ ลึกล้ำดุจหุบเหว กวาดมองไปทั่วทั้งลาน
ทุกคนล้วนก้มหน้าลงตามจิตใต้สำนึก ไม่กล้าสบตากับเขา
นี่ก็คือพลานุภาพที่มาจากการเข่นฆ่า!
กระดูกขาวและคาวเลือด ความประหวั่นพรั่นพรึงที่สร้างขึ้นมามีพลังโน้มน้าวมากกว่าถ้อยคำเสมอ!
ในที่นั้นบรรยากาศยิ่งเงียบสงัด มีเพียงเสียงเรียบเฉยเย็นชานั้นของหลินสวินที่ก้องสะท้อน ทำให้คนไม่น้อยอยากหนีหัวซุกหัวซุนอย่างแรงกล้า
ตอนนี้บนเวิ้งฟ้าเมฆาเคราะห์กระจายตัวออก เสียงฟ้าผ่าเงียบลง เคราะห์อมตะครั้งที่หกของอาหลู่นั้นจบลงแล้ว
หลินสวินหันหน้าไปในบัดดล ก็เห็นว่าอาหลู่ที่ร่างกายแทบยับเยินกำลังถูกสายฟ้าชั้นแล้วชั้นเล่าปกคลุมอยู่
“พี่ใหญ่ ข้าทำสำเร็จแล้ว!”
อาหลู่ขอบตาแดงเรื่อ คนเถื่อนคนนี้หยาบกระด้างถึงที่สุด นิสัยใจคอก็เรื่อยเฉื่อย ตอนนี้เสียงกลับเจือแววสะอื้นเล็กน้อย ทำให้ผู้อื่นไหวหวั่น
ในใจหลินสวินก็กระเพื่อมไหวไม่หยุด
คราวนี้หากไม่ใช่เขารีบมาทันเวลา ผลลัพธ์ก็ไม่อาจคาดเดาได้จริงๆ
“รักษาแผลดีๆ!”
หลินสวินเอ่ยกำชับ
ชิ้ง!
ทว่าในตอนนี้เอง ทวนวงเดือนคล้ายทองคำขาวเล่มหนึ่งเคลื่อนออกมากลางอากาศ พุ่งออกมาจากห้วงอากาศแถบหนึ่ง โจมตีมายังอาหลู่
นี่เป็นชายหนุ่มองอาจ อหังการและดุดันคนหนึ่ง ผมสีขาวทั้งหัว นัยน์ตาปรากฏประกายทองแปลกประหลาด ยามดวงตาทั้งสองกวาดมองมา บังเกิดเป็นปรากฏการณ์ประหลาดนองเลือดราวขุมนรก
ส่วนทวนวงเดือนในมือเขาก็น่าตื่นตระหนกถึงที่สุด ประหนึ่งหล่อขึ้นจากทองเทพสีขาว คมแหลมราวสายฟ้า ประทับไปด้วยลายมรรคลี้ลับ ไอสังหารมหาศาลที่ปลดปล่อยออกมาทำให้ฟ้าดินมืดหม่น
คนผู้นี้เป็นยอดฝีมือที่น่ากลัวถึงที่สุดผู้หนึ่ง!
ถึงขั้นเหมือนจะเหนือกว่าพวกไป๋หลงถิงกับบุตรนรกเสียอีก!
เสียงร้องตื่นตระหนกดังขึ้นในที่นั้น
ก่อนหน้านี้หลินสวินพิชิตเหล่าผู้กล้า ไม่มีใครกล้ารุกล้ำ เมื่ออาหลู่ข้ามด่านเคราะห์สำเร็จ ต่างยังนึกว่าการเข่นฆ่าครั้งนี้ก็จะปิดฉากลง
ใครจะคิดได้ว่าในเวลาเช่นนี้จะมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีก
หนำซ้ำจังหวะที่ผู้ลงมือเลือกยังแม่นยำถึงที่สุด คว้าช่วงเวลาเปราะบางหลังอาหลู่เพิ่งข้ามด่านเคราะห์มาโจมตี เห็นได้ชัดว่าวางแผนรอไว้นานแล้ว!
“หาที่ตาย!”
หลินสวินแค่นหัวเราะเยียบเย็น ดวงตาดำปะทุไอสังหาร แต่ไม่ได้ร้อนรน
ตั้งแต่ตอนเริ่มต่อสู้แรกสุดเขาก็คาดไว้ก่อนแล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ ยามถูกพวกไป๋หลงถิงกับบุตรนรกล้อมโจมตี สาเหตุที่เขาเลือกทนไว้และเก็บงำพลัง ก็เพื่อรอพวกร้ายกาจที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดแจ้นออกมา จากนั้นก็จะกำจัดรวดเดียว
ที่น่าเสียดายก็คือ ตอนนั้นเพราะไม่อยากให้อาหลู่วอกแวก หลินสวินจึงโจมตีกลับไปก่อน
แต่เรื่องนี้ก็ไม่สำคัญแล้ว ที่สำคัญคือการลอบโจมตีที่เกิดขึ้นกะทันหันครั้งนี้ หลินสวินไม่ได้ถูกเล่นงานโดยไม่ทันตั้งตัว
เคร้ง!
เสียงกระแทกดังลั่นจนหูแทบหนวกเสียงหนึ่งดังขึ้น เหรียญทองแดงสีทองอร่ามเหรียญหนึ่งเคลื่อนออกมา รับการโจมตีของชายหนุ่มผมขาวผู้นั้นไว้ในช่วงเวลาคับขัน
“ไอ้สวะ ทำเป็นแต่ลอบกัดหรือ”
เจ้าคางคกที่สวมชุดเขียวทั้งตัว หล่อเหลาดั่งเด็กหนุ่มเคลื่อนตัวมา สีหน้าโอหัง
เหนือศีรษะของเขามีเหรียญทองแดงที่ด้านนอกกลมด้านในเหลี่ยม สองข้างมีปีกสีทอง ภายในมีลายมรรคคลุมเครือแปลกประหลาดเหรียญหนึ่งลอยคว้างอยู่ ราวกับดวงอาทิตย์น้อยดวงหนึ่ง
เหรียญทองแดงปราบสมบัติ!
“หึ!”
ชายหนุ่มผมขาวผู้นั้นนิ่วหน้า เห็นได้ชัดว่าออกจะประหลาดใจไปบ้าง แต่เขาร้ายกาจถึงที่สุด โจมตีครั้งหนึ่งไม่โดนก็ถือทวนวงเดือนกระโจนเข้ามาอย่างแรงอีกครั้ง
โครม!
ทวนวงเดือนทองคำขาวเคลื่อนไปในอากาศ ถล่มฟ้าแยกแผ่นดิน
ท่ามกลางความคลุมเครือ ทุกคนคล้ายเห็นพยัคฆ์ขาวตัวหนึ่งคำรามเย้ยอวกาศ โจมตีออกมากลางห้วงอากาศ เสียงพยัคฆ์คำรามที่เปล่งออกมาสะเทือนให้สุริยันจันทราและหมู่ดาวแหลกละเอียด!
“เขาเป็นใคร”
ในลานเหล่าผู้กล้าหน้าเปลี่ยนสี ชายหนุ่มผมขาวผู้นี้ช่างแข็งแกร่งนัก เลือดลมคับฟ้า อานุภาพดุร้ายดุจสมุทร ทำให้พวกเขารู้สึกกดดันหาใดเทียบ
แต่ที่ทำให้ทุกคนหวาดผวาก็คือ ที่นี่แทบไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของคนผู้นี้เลย!
“ข้ากล้าแน่ใจ ว่าเขาจะต้องไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่อยู่อันดับใดในหนึ่งร้อยอันดับแรกของกระดานทองคำผู้กล้าแน่”
มีคนพูดอย่างมั่นใจ
โครม!
ในที่นั้นการต่อสู้ปะทุขึ้น ชายหนุ่มผมขาวกับเจ้าคางคกต่อสู้กันอย่างดุเดือด
คนหนึ่งถือทวนวงเดือนทองคำขาวพาดขวาง ไอสังหารคับฟ้า อีกคนหนึ่งกลืนตะวันคายจันทรา ใช้เหรียญทองแดงปราบสมบัติเข้ากำราบ สถานการณ์ต่อสู้รุนแรงหาใดเทียบ
นี่ทำให้นัยน์ตาหลินสวินหดรัดอย่างห้ามไม่ได้ เจ้าคางคกเคยได้รับมรดกเซียนผลาญ อีกทั้งตัวเขาเองก็เป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณที่น่ากลัวถึงที่สุด ในช่วงหลายปีมานี้พัฒนารวดเร็วยิ่งนัก
ถึงขั้นว่าหากเทียบกันด้วยเรื่องความเร็วในการเลื่อนขั้น ตอนเจ้าคางคกข้ามด่านเคราะห์เข้าสู่อมตะเคราะห์ด่านหก ยังเร็วกว่าหลินสวินครึ่งปี!
และว่าด้วยเรื่องพลังต่อสู้ที่แท้จริง เจ้าคางคกก็ไม่ด้อยกว่าบุคคลระดับนายเหนือหัวอย่างไป๋หลงถิงและบุตรนรกเช่นกัน
แต่ตอนนี้ในการประลองกับชายหนุ่มผมขาว เจ้าคางคกกลับไม่ได้เปรียบสักนิด!
“คิดไม่ถึงว่าจะเป็นลูกหลานเผ่าเสือขาว!”
ทันใดนั้นเจ้าคางคกก็ยิ้มเหี้ยมเอ่ยปาก เพียงแต่สีหน้าเขาดูหนักอึ้งอย่างพบเห็นได้ยากหาใดเทียบ
เสือขาว เจ้าแห่งการสังหาร ชื่อเสียงลือเลื่องคับฟ้าตั้งแต่ยุคบรรพกาลแล้ว มีรากฐานพลังซึ่งสามารถฆ่าเทพประหารอริยะ น่ากลัวไร้ที่สิ้นสุด
เผ่านี้ก็เหมือนกับเผ่าน่ากลัวอย่างมังกรเจินหลง หงส์เซียน วิหคชาดพวกนั้น ต่างเป็นดั่งตำนาน เคยปรากฏในยุคแรกเริ่มของสมัยบรรพกาลเท่านั้น
ชั่วขณะเดียวในลานมีเสียงร้องตื่นตระหนกนับไม่ถ้วน เหล่าผู้กล้าต่างตะลึงพรึงเพริด ใครก็คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มผมขาวผู้นี้จะเกี่ยวข้องกับเผ่าน่ากลัวเช่นนี้เผ่าหนึ่ง
ทว่าคนร้ายกาจผู้ที่สามารถสะท้านโลกได้เช่นนี้คนหนึ่ง เหตุใดในช่วงหลายปีนี้ถึงเงียบเชียบไร้ชื่อมาตลอด
สวบ!
นกทมิฬตัวใหญ่ปรากฏตัวกลางการเข่นฆ่าในทันใด ยกกระทะดำใบใหญ่กระแทกใส่ชายหนุ่มผมขาวผู้นั้นจากข้างหลังอย่างจังเหมือนผีสาง
ความเร็วฉับไว เคลื่อนไหวเด็ดขาด ทำให้ทุกคนตกตะลึงอ้าปากค้าง ลูกไม้ลอบโจมตีเฉียบพลันอันมีทักษะหาใดเทียบนี้ช่างเลิศเลอนัก
“ร้อนรนอะไร คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!”
ทันใดนั้นเสียงนุ่มนวลเสียงหนึ่งดังขึ้น ก็เห็นว่ามีเงาดำเงาหนึ่งคืบคลานอยู่กลางอากาศ แล้วแปรสภาพเป็นชายหนุ่มร่างผอมบางคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว
คนผู้นี้มีผมสีม่วง ดวงตาสีโลหิต อาภรณ์สีเงิน เงาร่างเหมือนสายฟ้าแลบคล้ายมายาสายหนึ่ง ให้ความรู้สึกเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างไม่แน่นอน ดูไม่สมจริงกับผู้คน
ที่น่ากลัวที่สุดคือความเร็วของเขาว่องไวยิ่งนัก ทันทีที่เคลื่อนออกมาก็ขวางอยู่หน้านกทมิฬ ฝ่ามือตบออกมาฉาดหนึ่ง
โครม!
ทั้งสองปะทะกัน ด้วยนกทมิฬไม่ทันตั้งตัวจึงถูกกระแทกถอยไป มันกระพือปีก อับอายจนกลายเป็นโกรธ เข้าโจมตีชายหนุ่มผมม่วงตาเลือดผู้นั้น
สวบ! สวบ!
นกทมิฬว่าไวแล้ว แต่ความเร็วของชายหนุ่มผมม่วงตาเลือดผู้นั้นกลับไม่ทิ้งกันเท่าไร
ก็เห็นว่าเงาร่างของเขาเกิดเสียงดังเปรี้ยงปร้างระลอกหนึ่ง เหมือนสายฟ้าแลบแปลบปลาบสายหนึ่ง ไหววูบเดี๋ยวสว่างเดี๋ยวดับ ว่องไวจนเหลือเชื่อ
การแลกประมือระหว่างทั้งสองก็เหมือนเป็นศึกด้านความเร็วครั้งหนึ่ง ไล่สุริยันกวดอสนี เคลื่อนตัวว่องไว ประชันกันกลางฟ้าดิน
ผู้แข็งแกร่งมากมายมองเห็นไม่ชัดเจน จิตรับรู้ต่างไม่อาจจับเงาร่างของทั้งสอง ในใจจึงตื่นตะลึงอย่างเลี่ยงไม่ได้
นกทมิฬตัวใหญ่ตัวนั้น พวกเขาเคยได้ยินมาก่อน แต่กับชายหนุ่มผมม่วงตาเลือดผู้นี้ พวกเขากลับรู้สึกไม่คุ้นเคยอย่างยิ่ง!
คนผู้นี้ เป็นใครอีก
ที่แน่ใจได้ก็คือคนผู้นี้เหมือนกับชายหนุ่มผมขาวนั่น ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีชื่อเสียงเลื่องลือ ทั้งไม่เคยอยู่ในกระดานทองคำผู้กล้ามาก่อน
แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพลังต่อสู้ของเขาน่ากลัวถึงขีดสุด!
การปรากฏตัวของชายหนุ่มผมม่วงตาเลือดก็เหมือนเหตุไม่คาดฝันครั้งหนึ่ง ทำให้หลินสวินนิ่วหน้า ขนาดเขายังคิดไม่ถึงว่าในมุมมืดจะมีคนร้ายกาจเช่นนี้กระโจนออกมาอย่างต่อเนื่องเสียได้
หนำซ้ำ ยังไม่ได้มีแค่คนเดียว!
เช่นนั้น นอกจากชายหนุ่มผมขาวกับชายหนุ่มผมม่วงนี้ ในที่มืดยังมีบุคคลทำนองนี้ซ่อนอยู่หรือไม่
ดวงตาดำของหลินสวินลุ่มลึก กวาดมองไปทั่วลาน
ครึ่ก!
ทันใดนั้นห้วงอากาศที่อยู่ใกล้กับอาหลู่พลันแหลกละเอียด เงาร่างสายหนึ่งถอยหลังซวนเซ ส่งเสียงร้องแหลมอย่างตกตะลึงว่า “หนอนกินเทพ! ทำไม… ทำไมถึงยังมีอยู่บนโลกได้”
ก็เห็นว่าเงาร่างนั้นเป็นเด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มผู้หนึ่ง สวมชุดแดงทั้งตัว รูปลักษณ์งดงามอ่อนเยาว์ถึงที่สุด แต่ยามสายตานางเคลื่อนมา กลับให้กลิ่นอายเปี่ยมเสน่ห์อย่างผู้ใหญ่เจนโลก
ทว่าตอนนี้นางดูยับเยินอยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บแล้ว ดวงหน้างามซีดขาวเต็มไปด้วยความตะลึงงัน
“หึ! พวกต่ำช้า ป้องกันพวกหนูอย่างพวกเจ้าไว้ก่อนแล้ว!”
ใกล้กับอาหลู่ เงาร่างของเสี่ยวอิ๋นก็ปรากฏตัวออกมา ใบหน้าเล็กเหี้ยมเกรียม แววตาดุดัน
คราวนี้ทุกคนในที่นั้นต่างเข้าใจแล้วว่าผู้แข็งแกร่งที่มีรูปลักษณ์เป็นเด็กหญิงตัวน้อยผู้นั้น ก่อนหน้านี้เข้าประชิดอาหลู่อย่างเทพไม่รู้ผีไม่เห็น หมายจะลอบสังหารเขา
แต่กลับขโมยไก่ไมได้ ยังเสียข้าวสารอีกกำมือ ได้รับบาดเจ็บกลับไป!
“ที่แท้ตั้งแต่เริ่มต่อสู้ เทพมารหลินก็เตรียมการป้องกันไว้แล้ว มิเช่นนั้นจะขัดขวางการลอบโจมตีที่เหนือความคาดหมายมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร…”
มีคนพึมพำ
——
Related
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1296 เหตุไม่คาดฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
Posted by ? Views, Released on January 11, 2022
, Battling Records of the Chosen One
Type: Web Novel Author: Xiao Jinyu, 萧瑾瑜
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…
In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history.
In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing.
Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned.
Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?
Recommended Series
Comment
Facebook Comment