Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1305 ต้านทานด้วยตัวคนเดียว

ตลกหรือ
พวกไป๋เฉียน อวี๋ซีต่างมีแววตาเย็นชา หลินสวินคนนี้ เห็นได้ชัดว่ายังไม่รู้สถานการณ์ของตัวเองดี!
“องค์ชายเคยกล่าวไว้ว่าสหายยุทธ์หลินไม่ใช่คนธรรมดา ต้องให้ความเคารพ พวกเราไม่ได้หวังจะเป็นศัตรูกับสหายยุทธ์หลินเพราะเรื่องนี้”
หวั่นอินสีหน้าออกจะเย็นชาแล้ว
นางมองไกลออกไปแล้วเอ่ยว่า “ยิ่งไปกว่านั้นสหายทั้งสองของสหายยุทธ์หลินต่างกำลังต่อสู้ ในเวลาเช่นนี้หากเกิดการต่อสู้ขึ้นอีกเกรงว่า… ผลลัพธ์จะยากคาดเดานัก”
ทุกคนสูดหายใจเย็น คำพูดนี้ดูเหมือนไม่ทุกข์ร้อน แต่เจตนาคุกคามในคำพูดนี้ใครๆ ก็รับรู้ได้
ตอนนี้อาหลู่กำลังฟาดฟันกับหยวนฝ่าเทียน จินตู๋อีกำลังห้ำหั่นกับราชันเผิงปีกทองน้อย ไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่น สถานการณ์ต่อสู้ดุเดือดนัก
หากพวกหวั่นอินเข้าผสมโรงด้วย เพียงอาศัยหลินสวินคนเดียวจะมีพลังต้านทานคลื่นลมโหมคลั่งได้อย่างไร
การข่มขู่นี้ โหดเหี้ยมนัก!
“อย่างพวกเจ้าน่ะหรือ”
กลับเห็นว่าหลินสวินกวาดสายตามองทุกคน วาจาคล้ายไม่ใส่ใจ เผยให้เห็นแต่ความดูถูกดูแคลน
ช่วงที่ฝึกตนจำศีลครึ่งปีมานี้ ทำให้มรรคาของเขาได้รับการตกตะกอนและยกระดับขึ้นถึงที่สุด ศักยภาพไม่อาจเทียบได้กับแต่ก่อนนานแล้ว ต่อให้คู่ต่อสู้มากกว่านี้ก็ไม่มีทางทำให้หลินสวินหวาดกลัวได้
“จองหอง!”
ไป๋เฉียนแค่นหัวเราะหยัน ครึ่งปีก่อนเขาเคยถูกหลินสวินตีพ่าย แต่ครึ่งปีมานี้พลังต่อสู้ของเขาได้แปรเปลี่ยนนานแล้ว อีกทั้งยังได้ศุภโชคในรังมังกรเจินหลง ทำให้ยามเขาเผชิญหน้ากับหลินสวินอีกครั้งจึงมีความเชื่อมั่นทบทวี
“สหายยุทธ์หลินสวิน เจ้าเพียงส่งหนอนกินเทพมา พวกเรารับรองว่าจะไม่สร้างความยุ่งยากให้ เหตุใดต้องยึดติดกับความคิดผิดๆ เช่นนี้ด้วย”
อวี๋ซีเสียงนุ่มนวล ถอนหายใจเบาๆ
“เห็นแก่หน้าองค์ชาย พวกเราไม่ได้ต้องการเป็นศัตรูกับสหายยุทธ์หลิน ขอเจ้าช่วยให้พวกเราสมปรารถนาด้วย”
เหยาหลีเสียงอึมครึมเลือนราง
“ส่งหนอนกินเทพมา”
เหยียนซานกับเหยียนไห่พากันเอ่ยปาก กระชับได้ใจความ หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความแข็งทื่อเย็นเยียบ
“สหายยุทธ์หลิน ต่อให้เจ้าไม่คิดถึงตัวเองก็ต้องคิดถึงสหายทั้งสองของเจ้าเสียหน่อยกระมัง ยิ่งไปกว่านั้นหากพวกเรามีเจตนาร้ายจริงก็คงลงมือไปนานแล้ว จะไม่เกลี้ยกล่อมดีๆ แบบนี้สักนิด ขอสหายยุทธ์หลินไตร่ตรองด้วย”
หวั่นอินก็เอ่ยปาก สีหน้าเคร่งขรึมจริงจังเหมือนกำลังยื่นคำขาดสุดท้าย
“ถ้าไม่ใช่การปล้น เหตุใดต้องพูดจาเสแสร้งเช่นนี้ด้วย”
หลินสวินแสดงสีหน้าเสียดสี
ความจริงในใจเกิดไอสังหารไปแล้ว เสี่ยวอิ๋นพูดได้ว่าเขาดูแลจนเติบโตมากับมือ เป็นเหมือนคนในครอบครัวของเขา จะยอมยกให้ได้อย่างไร
แต่คนพวกนี้ถึงกับกล้าคิดเอาเสี่ยวอิ๋นไป เรื่องนี้ได้แตะโดนเส้นความอดทนของหลินสวินแล้ว!
กำลังพลของคู่ต่อสู้เรียกได้ว่าน่ากลัวจริงๆ เพียงพอที่จะทำให้ผู้แข็งแกร่งคนใดๆ หวาดหวั่นได้
แต่เขาหลินสวินฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ต่อสู้กรำศึกมาตลอดทาง ที่พึ่งพิงอาศัยก็คือปณิธานไม่ย่อท้อกับพลัง จะเคยกลัวการข่มขู่ใดๆ ได้อย่างไร
ต่อให้ถูกซุ่มโจมตีจากสิบทิศ เป็นศัตรูกับคนทั้งโลกแล้วอย่างไร
ตัวข้าจะกำราบมันเพียงลำพัง!
“แม่นางหวั่นอิน ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงแล้ว จับเขามาแล้วเอาหนอนกินเทพไปเสียเลย!”
ไป๋เฉียนไอสังหารพลุ่งพล่าน
โครม!
เขาลงมือแล้ว หวังอย่างแรงกล้าว่าจะล้างความอัปยศที่ถูกหลินสวินเอาชนะเมื่อคราวก่อน สองมือทำมุทราใช้เคล็ดวิชามรรค
สายฟ้าเจิดจ้าแสบตาสายหนึ่งเคลื่อนออกมา เจือไปด้วยไอสังหารคับฟ้าประหนึ่งทวนมรณะในมือยมบาล พุ่งไปสังหารหลินสวิน
ห้วงอากาศตรงนั้นต่างถูกฉีกขาด เกิดเสียงระเบิดแสบแก้วหู
ไกลออกไปเหล่าผู้กล้าตื่นตะลึง ต่อให้ห่างกันไกลลิบก็ทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของการโจมตีนี้ ล้วนขนพองสยองเกล้า
ทันทีที่ไป๋เฉียนลงมือก็สำแดงพลังสังหารยิ่งใหญ่คับฟ้าของเผ่าเสือขาวออกมา แข็งแกร่งเกินจินตนาการไปไกล
“เคยถูกข้าเอาชนะ ยังกล้าโอ้อวดพลานุภาพอีกหรือ”
ในดวงตาหลินสวินเต็มไปด้วยความเย็นชา ยืนมือไพล่หลังเช่นนั้นไม่เคลื่อนไหว แต่ทั้งร่ายกลับมีพลังมหามรรคไร้รูปร่างสายหนึ่งพวยพุ่งขึ้น แล้วแปรสภาพเป็นปรากฏการณ์ประหลาดราวหุบเหวลึก
โครม!
สายฟ้าเจิดจรัสใหญ่หนาเท่าลำต้นต้นไม้ ยามผ่าลงมาเบื้องหน้าหลินสวินกลับเหมือนตุ๊กตาวัวดินโยนลงน้ำทะเล ถูกสลายไปอย่างไร้ร่องรอย
หลินสวินไม่ไหวติงแม้สักนิด มีเพียงผมดำที่ปลิวไปตามลม
เมื่อเห็นภาพพิสดารชวนสั่นสะท้านนี้เข้า พวกหวั่นอิน อวี๋ซี เหยาหลีต่างแววตาแข็งทื่อ ใบหน้าฉายแววเคร่งเครียดเล็กน้อย
ไม่แปลกที่พวกเขาจะระดมพลมา เทพมารหลินผู้นี้แข็งแกร่งจนน่าตระหนกจริงๆ
ทุกคนที่อยู่ไกลออกไปล้วนอึ้งงันปากอ้าตาค้าง
ในช่วงหลายวันมานี้มีคนมาถึงเขาฝนดาวตก หมายจะท้าสู้กับหลินสวินเพื่อเปรียบเทียบสูงต่ำ แต่ต่างไม่เคยเห็นเขาปรากฏตัวสักครั้ง จึงล้วนคิดว่าเขากำลังหลีกหนีและถอยหลบ
แต่ตอนนี้พวกเขาถึงได้รู้ว่าเทพมารหลินที่จำศีลอยู่ที่นี่ในช่วงครึ่งปีนี้ เทียบกับแต่ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมเสียแล้ว!
ดูเหมือนเรียบง่าย ราบเรียบและธรรมดา แต่ความจริงแล้วพลังต่อสู้ได้ทะลวงถึงขั้นลึกล้ำสุดหยั่งไปนานแล้ว!
“สุดท้ายจะให้โอกาสพวกเจ้าสักครั้ง ถอยเท่านี้เสีย หาไม่แล้วต่อให้เซ่าเฮ่ามา ข้าก็จะสังหารพวกเจ้าให้เหี้ยน!”
หลินสวินไพล่มือเอ่ยอย่างเย็นชา
แต่คำเตือนเช่นนี้ของเขากลับถูกมองว่าเป็นการท้าทายครั้งใหญ่อย่างหนึ่ง ทำให้สีหน้าของพวกหวั่นอินต่างปรากฏแววเย็นเยียบ
“ฆ่า!”
ไป๋เฉียนตะคอกลั่น ทวนวงเดือนทองคำขาวเล่มหนึ่งเคลื่อนไปในอากาศ ม้วนดึงเกลียวพายุขึ้นมา
โครม!.ไอรีนโนเวล.
ตามองเห็นว่าไอสังหารโหมคลั่งราวจับต้องได้รวมตัวอยู่ในกระบวนท่าเดียวของทวนวงเดือน ปลดปล่อยปรากฏการณ์ประหลาดน่าหวาดหวั่นอย่างเทพผีคร่ำครวญ ตะวันจมจันทรามลายออกมา
อานุภาพของการโจมตีนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ไกลออกไปต่างตื่นตระหนกจนขวัญแทบหาย
ทายาทเสือขาว สมกับเป็นผู้ที่ทัดเทียมเทพสังหาร ใช้พลังอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดขั้นสมบูรณ์กระตุ้นอานุภาพออกมา น่ากลัวจนไม่กล้าจินตนาการ
“ดูท่าพวกเจ้าได้ตัดสินใจแล้ว”
ทันใดนั้นไอสังหารไหวเคลื่อนในดวงตาของหลินสวิน
“วันนี้ข้าก็จะบอกให้พวกเจ้ารู้ว่า อย่างไรเรียกรนหาที่เอง!”
หลังจากหลินสวินพูดจบ ประกายคมขาวเจิดจ้าราวหิมะสายหนึ่งโฉบออกมาอย่างรุนแรงจากตัวเขา พุ่งตรงสู่เวิ้งฟ้า
ดุจดั่งรุ้งขาวแทงทะลุสุริยัน เจือความดุดันหาใดเทียบ
เปรี้ยง!
ดาบหักกับทวนวงเดือนทองคำขาวปะทะกัน ทันใดนั้นเสียงอึกทึกสะท้านจนหูแทบดับปะทุขึ้น ทำให้ห้วงอากาศบริเวณนั้นระเบิดแหลก เมฆหมอกสลายกลายเป็นฝุ่นผง
จิตรับรู้ของผู้แข็งแกร่งบางคนเจ็บแปลบ ยากจะมองสถานการณ์ต่อไปได้อีก
“ทำลาย!”
แขนเสื้อหลินสวินไหวกระพือ ผมทั้งศีรษะปลิวไสว กลิ่นอายที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อนอยู่เดิมพลันถูกอานุภาพน่าประหวั่นเข้าแทนที่
ประหนึ่งแปลงกายเป็นเทพมารคนหนึ่งที่เดินออกมาจากหมู่อริยเทพในชั่วพริบตา!
พลานุภาพเช่นนั้นทำให้ชั้นเมฆสิบทิศล้วนแหลกละเอียด สุริยันจันทรายังจืดจาง ฟ้าดินมืดหม่น มีเพียงเงาร่างสูงตระหง่านของเขาเท่านั้นที่ราวกับเป็นนิรันดร์
“ฆ่า!”
ผมขาวของไป๋เฉียนพลิ้วไหวบ้าคลั่ง ไอสังหารทั้งกายทะลุเมฆา ทวนวงเดือนทองคำขาวเล่มหนึ่งเริงระบำต่อสู้กับดาบหักอย่างดุเดือด
ทว่าก็ได้ยินเสียงปึงดังขึ้นครั้งหนึ่ง ทวนวงเดือนเล่มนั้นถูกซัดออกไปตรงๆ แทบจะกระเด็นหลุดมือ ทำให้เงาร่างของไป๋เฉียนซวนเซไปเช่นกัน ท่อนแขนชาหนึบ
สีหน้าของเขาครู่เดียวก็เปลี่ยนเป็นหนักอึ้งขึ้นมา
ปึง!
เมื่อประมือกันอีกครั้งไป๋เฉี่ยนส่งเสียงอู้อี้ออกมา สังเกตได้ว่าพลังของตนสู้หลินสวินไม่ได้อย่างชัดเจน เสียเปรียบแล้ว
“เฉือน!”
หลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ดาบหักส่งเสียงกังวาน คดโค้งราวนิมิตมายา แทบเหมือนกับลำแสงว่องไวจนเหลือเชื่อ ประหนึ่งเฉือนทำลายพันธนาการแห่งห้วงอากาศ
ไป๋เฉียนหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เริ่มหลบหนี
“จู่โจม!”
แทบจะในขณะเดียวกัน อวี๋ซีที่เห็นว่าสถานการณ์ของไป๋เฉียนไม่สู้ดีลงมือแล้ว ก็เห็นว่านางสะบัดฝ่ามือดุจหยกขาวครั้งหนึ่ง ประทับมรรคสีเขียวตราหนึ่งทะยานไปในอากาศ บานออกเป็นดอกบัวให้ความรู้สึกอิ่มเอิบ แจ่มจรัสและบริสุทธิ์ผุดผ่อง
แต่แสงเทพที่ประทับมรรคนั้นปลดปล่อยออกมากลับนองเลือดน่าหวาดหวั่น ดุจดั่งรุ้งเทพสีเลือดเข้าขัดขวางดาบหัก
ตูม!
ทว่ารุ้งเทพสีเลือดนั้นถูกดาบหักกรีดทึ้งทันตาเหมือนผืนแพร แม้แต่ประทับมรรคตรานั้นก็ถูกฟันจนกระเด็นลอยส่งเสียงครวญออกมา
ดวงหน้างามของอวี๋ซีซีดขาว ถอยหลังไปหลายก้าวทันที ในใจตกตะลึง
เมื่อได้ประมือกับหลินสวินอย่างแท้จริงถึงได้รู้ว่าพลังของอีกฝ่ายน่าครั่นคร้ามปานไหน ช่างเหมือนกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล มีอานุภาพดุจเขาถล่มสมุทรทลาย
ควรรู้ว่าตอนนี้นางเป็นถึงบุคคลระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ด อีกทั้งพรสวรรค์ยังสะท้านโลกา ผู้แข็งแกร่งในกระดานทองคำผู้กล้าทั่วไปยังไม่อยู่ในสายตาของนาง
แต่การจู่โจมของนางกลับถูกหลินสวินตีพ่ายเสียแล้ว!
ทว่าอวี๋ซีลงมือคราวนี้กลับช่วยไป๋เฉียนชิงโอกาสหายใจหายคอมาครั้งหนึ่ง หลุดพ้นจากการเป็นฝ่ายรับ
“ฆ่า!”
ไป๋เฉียนกับอวี๋ซีร่วมกันลงมือ แยกกันใช้ทวนวงเดือนทองคำขาวกับประทับมรรคสีเขียวประกบโจมตี จู่โจมจนทำให้ดาบหักสั่นไหว
ในขณะเดียวกัน
เสียงสวบดังขึ้น เงาร่างเหยาหลีที่อยู่ไกลออกไปไหววูบ หายลับไปกลางอากาศ รวดเร็วจนเหมือนความเร็วเสียง
ครู่ต่อมาเขาก็ปรากฏตัวเบื้องหน้าหลินสวิน พ่นลมออกมาจากปากครั้งหนึ่ง กระบี่บินเรียวเล็กยาวแค่สามชุ่นเล่มหนึ่งยิงพุ่งออกมาแทงคอหอยของหลินสวินตรงๆ
แทบไม่มีทางบรรยายการโจมตีนี้ได้
เร็วยิ่งนัก และดุดันเกินไป กระบี่บินสีเงินสามชุ่น แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกมากลับปกคลุมทั่วฟ้าดิน ฉกาจฉกรรจ์ไร้ที่สิ้นสุด
เงาสลาตันเสียบจ้วง!
นี่เป็นพลังพรสวรรค์ของเหยาหลี กราดเกรี้ยวดั่งพายุ ไร้รูปไร้เงา อานุภาพของมันเหมือนเทพผีโจมตี เพียงแค่พลังที่แฝงไว้ก็สามารถทำลายจิตวิญญาณและปณิธานต่อสู้ของคู่ต่อสู้ได้
“หึ!”
หลินสวินสีหน้าไม่หวั่นไหว แต่กลับมีพลังหมัดส่องประกายเปล่งปลั่งดั่งหยกเขียวปะทุออกมาในชั่วพริบตานั้นดั่งเหมือนมีตา
ตูม!
ห้วงอากาศระเบิดแหลกยุบตัว
พลังหมัดเปล่งประกายนั้นเข้ารับกระบี่บินสามชุ่นนี้ไว้อย่างจัง พลังที่หมัดปลดปล่อยออกมา ทำให้กระบี่บินสามชุ่นเล่มนี้แหลกสลายเป็นผุยผงเสียงดังปึง!
เสียงพรูดดังขึ้น เหยาหลีกระอักเลือดออกมา เพียงรู้สึกว่าเลือดลมทั่วร่างปั่นป่วน ถอยไปพลันโดยไม่ลังเล
‘ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งปานนี้ นั่นเป็นถึงกระบี่วิญญาณบินที่ข้าใช้วัตถุดิบเทพหลอมขึ้น แต่กลับถูกรับไว้ได้หรือ มิน่าถึงมีฉายาว่าเทพมาร’
เหยาหลีตะลึงพรึงเพริดอยู่ในใจ
เดิมเขานึกว่าตนกับหลินสวินอยู่ระดับเดียวกัน ห่างชั้นกันไม่มาก แต่ตอนนี้ดูท่าเขาจะคิดผิดแล้ว
ปึง!
ในขณะเดียวกันเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้นไกลออกไป
ทวนวงเดือนทองคำขาวกับประทับมรรคสีเขียวที่ประกบโจมตีดาบหักแตกออกทั้งอย่างนั้น ส่งเสียงครวญไม่ว่างเว้น
โดยเฉพาะบนประทับมรรคสีเขียวถูกฟันเป็นรอยสายหนึ่ง ทำให้อวี๋ซีถูกพลังสะท้อนกลับส่วนเสียงอู้อี้ออกมา
ส่วนไป๋เฉียนก็ตัวสั่นไปทั้งร่าง เมื่อกี้ในระหว่างที่เขาปะทะกับดาบหัก ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกภูเขาเทพลูกหนึ่งโจมตีอย่างรุนแรงอยู่ตลอด พลังน่ากริ่งเกรงเช่นนั้นกดข่มจนเขาแทบกระอักเลือด
ทั้งหมดนี้พูดไปก็เหมือนช้า แต่ความจริงแล้วล้วนเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ชั่วอึดใจก็จบลง รวดเร็วจนสะท้านโลกพาให้ผู้คนตื่นตะลึง
และหลินสวิน ทลายการประกบโจมตีของพวกร้ายกาจชั้นยอดทั้งสามคนได้อย่างแข็งกร้าว!
พลานุภาพโอหังเช่นนั้นทำให้หวั่นอินกับพี่น้องฝาแฝดเหยียนซานเหยียนไห่ที่ยังไม่ออกโจมตีหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย สีหน้าเคร่งครัด
ด้านเหล่าผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่ไกลออกไปถึงกับยังไม่ได้สติกลับมา…
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากสู้หนึ่งต่อหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นไป๋เฉียน อวี๋ซีหรือเหยาหลีคงเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินไม่ได้!
“ลงมือพร้อมกัน!”
เวลานี้พวกไป๋เฉียนสบตากัน ต่างเข้าใจกันโดยไม่ต้องพูดออกมา ออกเคลื่อนไหวร่วมกันอย่างไม่ลังเล ล้วนรู้ดีว่าหากหมายจะฆ่าหลินสวินต้องลงมือพร้อมกัน
——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset