Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1308 รุกและถอย

กระบี่เดียว ตกตะลึงไปทั้งลาน!
ต่อให้เป็นคนอย่างหยวนฝ่าเทียนและราชันเผิงปีกทองน้อย ยังอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเย็น จิตใจหวาดหวั่น
กระบี่นี้ทำให้พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงภัยคุกคามหาใดเปรียบ กำลังครุ่นคิดว่าหากเปลี่ยนเป็นตนควรจะสลายการโจมตีนี้อย่างไร
ส่วนผู้ฝึกปราณอื่นในที่นั้นต่างขวัญผวา สีหน้าอึ้งค้างไปแล้ว
ตั้งแต่เริ่มต่อสู้จนตอนนี้ หลินสวินทำร้ายอวี๋ซีผู้แข็งแกร่งเผ่าย่าอวี่ เหยาหลีครรภ์วิญญาณฟ้าประทาน และไป๋เฉียนลูกหลานเผ่าเสือขาวจนบาดเจ็บสาหัสตามลำดับ…
อีกด้านหนึ่งดาบหักลอยอยู่กลางอากาศดุจสุริยันฉายเด่นเพียงลำพัง กดข่มจนหวั่นอินที่มีวิชาชั้นยอดในมรรคกระบี่คนนั้นไม่มีเวลามาสนใจสิ่งอื่น ทำได้เพียงแข็งใจยันไว้!
และตอนนี้ภายใต้กระบี่ที่สามารถสร้างความตื่นตาไปชั่วนิรันดร์กาลนี้ การล้อมจู่โจมที่เพ่งเป้ายังหลินสวินครั้งนี้ก็ถูกทำลายลงโดยสมบูรณ์!
อานุภาพแห่งเทพมารสำแดงออกมาอย่างหมดจดในขณะนี้
ซ่า!
เลือดสดๆ สีแดงฉานสาดกระเซ็นย้อมห้วงอากาศให้เป็นสีแดง
ร่างของสองพี่น้องเหยียนซานเหยียนไห่ขาดสะบั้น ที่น่าประหลาดคือเลือดเนื้อเหล่านั้นกลับเหมือนมีชีวิต กำลังประสานกันไม่หยุด
นี่ก็คือความน่ากลัวของวิถีกายหยาบบรรลุอริยะ แม้กายเนื้อถูกทำลายย่อยยับก็ยังฟื้นคืนกลับมาได้ คิดจะฆ่าพวกเขาให้ตายในคราวเดียวมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น
ขจัดเลือดเนื้อของพวกเขา!
พลังจิตและความคิดของผู้หลอมกายล้วนหล่อเลี้ยงอยู่ภายในร่างกายเลือดเนื้อ กายเนื้อก็คือแก่นมหามรรคที่พิชิตใต้หล้าของพวกเขา
อย่างผู้หลอมกายที่บรรลุระดับอริยะ เหลือเลือดเพียงหยดเดียวยังฟื้นคืนดังเดิมได้ เป็นเพราะเหตุใด
เพราะเลือดหยดนี้เป็นดั่งที่เก็บวิญญาณ ภายในบรรจุพลังจิต พลังกาย และมรรควิถี น่าครั่นคร้ามไร้ที่สิ้นสุด!
“พวกเขากำลังฟื้นคืน…”
มีคนเอ่ยเสียงสั่นเครือ
มีเพียงหลินสวินที่สีหน้าไม่หวั่นไหว เขาคร้านจะมองดูอีกครั้งด้วยซ้ำ
“พี่ใหญ่ยอดเยี่ยมนัก อานุภาพของกระบี่นี้ได้ซึมซาบเข้าไปในเลือดเนื้อร่างกายของพวกเหยียนซานนั่น เกิดอานุภาพล้างผลาญ นี่เท่ากับเป็นการทำลายมรรควิถีในตัวพวกเขาให้เป็นเสี่ยงๆ!”
อาหลู่ชื่นชม
ในฐานะที่เป็นผู้หลอมกายเช่นกัน เขารู้ดีกว่าใครว่ากระบี่นี้ของหลินสวิน ที่ฟันไปไม่ได้มีเพียงร่างของพวกเหยียนซาน แต่เป็นการทำลายรากฐานมหามรรคด้วย!
นี่จึงจะเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุด
ดังคาด ยามเหยียนซานและเหยียนไห่ฟื้นคืนมาต่างมีลมหายใจอ่อนล้าถึงที่สุด ใบหน้าซีดเซียวเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมและสิ้นหวัง
เป็นมกุฎราชัน บรรลุอมตะ เดิมภายหน้ามีอนาคตอันสดใสถึงที่สุดอยู่
แต่ด้วยกระบี่นี้ ความหวัง อนาคต และความทะเยอทะยานทั้งปวง… ต่างแทบถูกทำลายอยู่รอมร่อ!
ต่อให้ฟื้นฟูได้ก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องรอถึงเมื่อไร!
“กระบี่นี้ พวกเจ้ายังจะรับไว้ได้ไหม”
เสียงเฉยชาดังขึ้นกลางฟ้าดิน สายตาของหลินสวินมองไปที่พวกไป๋เฉียน อวี๋ซีและเหยาหลี
ทั้งสามต่างแข็งทื่อไปทั้งตัว เหมือนตกลงไปในโพรงน้ำแข็ง
สู้มาถึงตอนนี้ หากพวกเขายังไม่รู้ความห่างชั้นระหว่างตนกับหลินสวิน เช่นนั้นก็โง่เขลาถึงที่สุดจริงๆ
“นี่ ก็เรียกว่ารนหาที่เอง ไม่คิดเสียดายชีวิต!”
เสียงเย็นชาราวกับเสียงเป่าเขาสัตว์ออกคำสั่งดังกังวาน
“หนีเร็ว!”
ทันใดนั้นหวั่นอินที่อยู่ไกลออกไปร้องเสียงแหลม
ตัวนางก่อนหน้านี้มีเงาร่างคลุมเครือราวหมอกฝน ท่วงท่าราวจันทราเทพสูงส่ง กิริยาวาจาสุขุมทรงศักดิ์ ท่าทางมั่นใจว่าจะเอาชนะหลินสวินได้แน่
แต่ตอนนี้ดวงหน้างามของนางกลับเหยเก เบ้าตาถลน ความรู้สึกภายในใจสูญเสียการควบคุมโดยสิ้นเชิง ไม่อาจสงบลงได้แล้ว
ความแข็งแกร่งของหลินสวินทำให้นางใจหล่นวูบโดยสมบูรณ์ ตอนนี้มีความรู้สึกเสียใจภายหลัง ไม่ยินยอมและโทษตัวเองอัดแน่นอยู่ภายในดุจพลิกเขาคว่ำสมุทร
น่าเสียดาย นางมาเสียใจตอนนี้ก็สายไปแล้ว และยามเอ่ยปากเตือนก็สายไปแล้วเช่นกัน…
ตูม!
เสียงหลินสวินเพิ่งเงียบลง พลังหมัดสายหนึ่งก็ทลายอากาศขึ้นมาเหมือนมังกรกล้าแจ่มจรัส ดุจมีอานุภาพจับจ้องแปดทิศ ปกคลุมไปสิบด้าน
ความรู้สึกที่หมัดนี้มอบให้พวกไป๋เฉียน เหยาหลีและอวี๋ซีก็คือแปดคำนี้…หลบก็ไม่ได้ หนีก็ไม่พ้น!
ความน่าหวาดหวั่นไร้ที่สิ้นสุดราวกระแสเย็นยะเยือก ทำให้จิตวิญญาณของพวกเขาจะพังทลายอยู่รอมร่อ ความไม่ยินยอมแรงกล้ากระตุ้นจนทำให้พวกเขาสีหน้าบิดเบี้ยว
ขอเพียงเป็นบุคคลชั้นยอด ใครจะยินยอมให้ถูกปลิดชีพลงเช่นนี้
แต่ตอนนี้ พวกเขาสิ้นหวังแล้ว
“ไม่…”
ไกลออกไปความโกรธเกรี้ยวจู่โจมจิตใจของหวั่นอิน ทำเอากระอักเลือดออกปาก ความเสียใจและความแค้นดั่งมีดกรีดลงบนหัวใจ
ในช่วงเวลาเป็นตายนี้เอง จู่ๆ เสียงถอนใจเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น…
“พี่หลิน โปรดไว้ไมตรีด้วย”
เสียงนั้นเหมือนระฆังกลองบอกโมงยาม ดังเข้าไปถึงก้นบึ้งจิตใจคน มีความน่าเกรงขามไร้รูปอย่างหนึ่ง
และในตอนที่เสียงนี้ดังขึ้น เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศเข้าขวางหน้าหมัดนี้ของหลินสวิน
ทว่าที่เหนือความคาดหมายของทุกคน เขาไม่ได้ต่อต้าน แต่ใช้ร่างกายรับการโจมตีนี้อย่างจัง
ปึง!
เงาร่างนั้นถอยหลังซวนเซไปหลายก้าว สั่นโคลงครู่หนึ่ง มุมปากมีเลือดไหลซิบๆ
ชั่วขณะนั้นทุกคนในที่นั้นงุนงง เงียบเชียบไร้เสียง
เมื่อพินิจดูก็เห็นว่าคนผู้นั้นเงาร่างองอาจ แต่งกายด้วยเสื้อแขนกว้างคาดเข็มขัด ใบหน้าหล่อเหลา ผ่าเผยและรูปงามอย่างบอกไม่ถูก
ต่อให้ตอนนี้ถูกหมัดหนึ่งโจมตีให้ถอยไป แต่ยามเขายืนมั่นแล้วกลับไม่มีท่าทางยับเยิน ยังให้ความรู้สึกสุขุมลุ่มลึกดังเดิม
“องค์ชาย!”
เสียงร้องตื่นตระหนกดังขึ้น พวกไป๋เฉียน อวี๋ซี เหยาหลีที่เดิมสิ้นหวัง เสียใจและไม่ยินยอมมานานแล้วต่างนิ่งอึ้ง เบ้าตาแดงระเรื่อ
ในช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตายนี้ พวกเขาจะคิดได้อย่างไรว่าองค์ชายจะถึงกับมาเยือนด้วยตัวเอง ทั้งยังใช้ร่างของตนช่วยพวกเขารับการโจมตีเอาไว้!
เมื่อมองดูรอยเลือดที่ไหลลงมาจากมุมปากขององค์ชาย พวกเขากลับไม่เข้าใจ ด้วยพลังต่อสู้ขององค์ชายจะสลายการโจมตีนี้ไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่ทำไม…
เขาถึงไม่โจมตีกลับ
ภาพนี้ก็ทำให้ผู้อื่นที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างตกตะลึง
คนที่มาย่อมเป็นบุคคลระดับนายเหนือหัวที่อยู่อันดับหนึ่งของกระดานทองคำผู้กล้าในตอนนี้ นายน้อยเผ่าจักรพรรดิเร้นดารา ผู้กล้าชั้นเลิศที่ในแดนเก้าบนปัจจุบันนี้แทบจะเหมือนไร้ศัตรูใดเทียบเทียม… เซ่าเฮ่า!
แต่ผู้ที่พลานุภาพกดข่มคนรุ่นเดียวกัน โดดเด่นสะดุดตาดั่งดวงตะวันเช่นนี้ กลับไม่ได้ต่อต้านหรือสลายการโจมตีนี้ของหลินสวิน
นี่เป็นเพราะเหตุใด
ผู้คนในที่นั้นฉงนใจไม่ว่างเว้นไปชั่วขณะหนึ่ง
แม้แต่หลินสวินยังอดไม่ได้ที่จะอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นถึงได้เข้าใจ นิ่วหน้าอย่างห้ามไม่ได้
“พี่หลิน จะเห็นแก่หน้าข้าสักหน่อย หยุดลงมือเพียงเท่านี้ได้หรือไม่”
เซ่าเฮ่ายิ้มเจื่อน กุมมือคารวะ.Aileen-novel.
หลายคนสูดหายใจเย็น ด้วยฐานะและพลังต่อสู้ในตอนนี้ของเซ่าเฮ่าไม่จำเป็นต้องก้มหัวเช่นนี้เลย แต่เขากลับทำเช่นนี้
เรื่องนี้เหนือความคาดหมาย!
“องค์ชาย ท่าน…”
พวกไป๋เฉียนก็สับสนงงงวย ในใจขุ่นเคืองอย่างบอกไม่ถูก
ในใจของพวกเขาองค์ชายก็เป็นดั่งตำนานเทพยุคปัจจุบัน แต่ตอนนี้เพื่อออกหน้าช่วยพวกเขา กลับก้มหัวขอความเมตตาจากหลินสวิน นี่…
จะให้พวกเขายอมรับได้อย่างไร
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ทำผิดแล้วก็ต้องยอมรับสำนึกผิด! ถ้าพวกเจ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้แต่แรก ยังจะปิดบังข้าแล้วมาหาเรื่องหาราวอยู่ไหม”
เซ่าเฮ่านิ่วหน้า ชำเลืองมองพวกไป๋เฉียนปราดหนึ่ง ท่าทางผิดหวังที่พวกเขาไม่เอาถ่าน
นี่ทำให้พวกไป๋เฉียนต่างละอายใจก้มหน้าลง
หลินสวินได้เห็นทุกอย่างนี้ก็ทอดถอนใจในใจเบาๆ ความคิดขยับไหวเรียกดาบหักกลับมา
“ขอบคุณพี่หลิน!”
เซ่าเฮ่ายิ้มน้อยๆ คล้ายยกภูเขาออกจากอก
ตั้งแต่เขาปรากฏตัวถึงตอนนี้ก็แสดงท่าทีขอโทษมาตลอด ก้มหัวและถ่อมตน ไม่มีท่าทางของนายเหนือหัวที่อยู่อันดับหนึ่งของกระดานทองคำผู้กล้าเลย
ทำให้ทุกคนอดกังขาไม่ได้ว่ากิตติศัพท์ของเซ่าเฮ่าสมตัวหรือไม่
แต่ในสายตาของพวกเจ้าคางคกกับอาหลู่ รวมถึงหยวนฝ่าเทียนกับราชันเผิงปีกทองน้อยที่อยู่ไกลออกไป กลับล้วนมีสีหน้าจริงจังเคร่งขรึม
นี่ถึงเรียกว่ารู้รุกรู้ถอยอย่างลื่นไหลอย่างแท้จริง!
รุก ก็คือชื่อเสียงสะท้านใต้หล้า เหนือล้ำบนกระดานทองคำผู้กล้า โอหังเหนือผู้กล้าในโลก
ถอย ก็คือไม่ถือดีเย่อหยิ่ง อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ยึดติดกับสายตาปุถุชน
ปณิธานและความกล้าหาญเช่นนี้ ในโลกมีน้อยยิ่งนัก
“นายน้อย เรื่องนี้ล้วนเกิดขึ้นเพราะข้า พวกไป๋เฉียนต่างทำตามคำสั่ง อย่าโทษพวกเขาเลยเจ้าค่ะ ข้ายินดีรับโทษเอง แม้ตายก็ไม่เสียใจ!”
ไกลออกไปหวั่นอินเคลื่อนกายมา ดวงหน้างามซีดเผือด ก้มหัวคารวะ
เซ่าเฮ่าถอนใจเบาๆ สายตาปรากฏแววเศร้าสร้อย เอ่ยว่า “หวั่นอิน เจ้าถอยไปก่อน”
เขาพูดพลางสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง มองไปยังหลินสวินแล้วกล่าวว่า “พี่หลิน เรื่องในวันนี้อย่างไรก็เป็นเรื่องที่คนข้างกายข้าก่อขึ้น ข้ายินดีรับไว้เอง หากพี่หลินมีเรื่องที่รู้สึกไม่พอใจก็กล่าวขึ้นมาได้ ข้ารับรองว่าจะชดเชยให้พี่หลินอย่างสุดความสามารถ ต้องการเพียงสลายความแค้นครั้งนี้ อย่าถึงกับผูกอาฆาตกันเพราะเรื่องนี้เลย”
ท่าทีก้มหัวรับผิดนี้ทำให้ผู้คนทั้งที่นั้นหน้าเปลี่ยนสี
ใครจะจินตนาการว่าองค์ชายที่ผ่าเผยอย่างเซ่าเฮ่าจะขอโทษหลินสวินอย่างจริงจังและจริงใจเช่นนี้ได้ ทั้งไม่ได้แสดงท่าทีไม่เต็มใจหรือไม่พอใจใดๆ ออกมาให้เห็น
หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป คนในโลกจะมองเรื่องนี้อย่างไร
ทว่าทุกคนต่างรู้ดีว่า ที่เซ่าเฮ่าทำเช่นนี้ไม่มีทางเป็นเพราะหวาดกลัวหรือยำเกรงหลินสวิน!
หลินสวินก็ย่อมรู้เรื่องนี้ดี นี่ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเหตุการณ์ตอนได้พบกับเซ่าเฮ่าครั้งแรกขึ้นมาอีก
ตอนนั้นเขาก็รับรู้ได้ว่าเซ่าเฮ่าเป็นคนที่ไม่ธรรมดาอย่างยิ่งคนหนึ่ง จิตใจกล้าหาญ มากด้วยอุตสาหะ ปณิธานใหญ่ยิ่ง มีลักษณะของผู้นำอยู่ในตัว
หากคราวนี้เซ่าเฮ่าใช้อำนาจเข้าข่มทันทีที่ปรากฏตัว หลินสวินย่อมไม่รามือเช่นนี้แน่
และก็เพราะหลังจากเซ่าเฮ่าปรากฏตัว ใช้ร่างกายมาขวางหมัดของเขา ไม่ได้สลายต่อต้าน จากนั้นยังขอโทษอย่างบริสุทธิ์ใจ น้ำใจกว้างขวางนี้ทำให้หลินสวินไม่อยากไปฟื้นฝอยหาตะเข็บอะไรอีก
ท้ายที่สุดแล้วระหว่างเขากับเซ่าเฮ่าก็ไม่ได้มีความแค้นต่อกัน ไม่คุ้มที่จะฉีกหน้าเพราะคนที่ไม่สำคัญบางคนในตอนนี้
“ยังไม่ต้องพูดเรื่องอื่น คราวนี้ข้าเล่นงานบริวารของเจ้าเสียจนบาดเจ็บสาหัส ถึงกับมีบางคนได้รับบาดเจ็บถึงมรรควิถี เจ้าไม่คิดจะลงมือแทนพวกเขาหรือ”
หลินสวินเปรย
เซ่าเฮ่ายิ้มเจื่อน จากนั้นก็ถอนหายใจพูดว่า “นี่ก็เรียกว่าทำผิดต้องโทษตัวเอง จะโทษใครไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะพวกเขาทำผิดคราวนี้ เดิมทีข้าก็คิดว่าอีกหน่อยจะมาเยี่ยมเยียน ถกเรื่องมรรครำลึกเรื่องวันวาน ร่วมพูดคุยเรื่องราวในใต้หล้ากับเจ้า ใครจะคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาเสียได้”
เขาพูดพลางกุมมือเอ่ยว่า “พี่หลิน ตอนนั้นที่หน้ายอดเขาดาราราย ข้าก็แน่ใจว่าภายหน้าไม่ช้าก็เร็วเจ้ากับข้าต้องมีวันที่ได้พบกันอีก แต่ภาพในวันนี้กลับไม่ใช่สิ่งที่ข้าอยากเห็น ไม่ว่าในใจเจ้าจะรู้สึกเช่นไร สุดท้ายสหายของข้าเหล่านี้ก็ทำผิดก่อนอยู่ดี ข้าย่อมไม่คิดแค้นเพราะเหตุนี้ และเช่นเดียวกัน เพียงหวังว่าเรื่องในวันนี้จะไม่ถึงกับทำให้เจ้าติดใจ ส่งผลให้ความสัมพันธ์ของเราเลวร้าย”
ได้ยินดังนี้หลายคนก็ชื่นชมในใจ
ความจริงใจของเซ่าเฮ่าเห็นได้ชัดจากเรื่องเล็กๆ นี้!
หลินสวินเห็นดังนี้ก็ยิ้มกว้าง ประสานมือพูดว่า “ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด พี่เซ่าเฮ่าน้ำใจกว้างขวาง อีกอย่างข้าหลินสวินเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยหรือ เรื่องเล็กน้อยพวกนี้ก็ปล่อยไปเท่านี้เถอะ”
เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “เลือกวันพบไม่สู้พบกันโดยบังเอิญ ตอนนี้ข้ากับเจ้าได้พบกันอีกที่นี่ ก็ให้ข้าได้เป็นเจ้าบ้านรับแขกเสียหน่อย เตรียมสุราอาหารให้เล็กน้อย ดื่มกินร่วมกันสักครั้งเป็นอย่างไร”
เซ่าเฮ่าอึ้งไป จากนั้นก็หัวเราะเริงร่าพูดว่า “พูดเช่นนี้ดีนัก ได้ดื่มเหล้ากับพี่หลินจอกหนึ่งเป็นสิ่งที่ข้าปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง!”
“เชิญ” หลินสวินยิ้มน้อยๆ
——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset