Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1316 การประลองแห่งยุคเปิดฉาก

หลินสวิน!
เวลานี้สายตานับไม่ถ้วนมองไปยังร่างที่ย่ำนภามาเยือนนั่นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
แสงสายัณห์ใกล้ลับแผ่นฟ้า ขับเน้นให้เงาร่างเขาเป็นดั่งเซียนสวรรค์มาเยือนโลก
“หลินสวิน ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว”
บนสังเวียนพิฆาตมาร อวิ๋นชิ่งไป๋ที่เหมือนภิกษุชราเข้าฌานหยัดร่างขึ้น
นัยน์ตาเขาดุจวังน้ำวน ไหลวนด้วยเจตกระบี่ราวรัศมีสายฟ้าหลายสาย ประกายอัศจรรย์ที่สาดออกมาแหวกผ่านอากาศชั่วพริบตา พุ่งปะทะเข้ากับแสงเยียบเย็นในดวงตาหลินสวิน
ห้วงอากาศพลันส่องประกายส่งเสียงระเบิดสนั่นหูทันใด ประกายไฟพลุ่งพล่านไปทั่ว
ผู้คนนับไม่ถ้วนกลั้นหายใจจดจ่อ
ต่างรู้ว่าการประลองแห่งยุคที่รอมานานและสามารถสะท้านอดีตจวบจนปัจจุบัน ในที่สุดก็จะเปิดฉาก!
“เป็นเขา…”
เยวี่ยไฉ่เวยแววตานิ่งสงบ นางไม่ได้เจอหลินสวินมาหลายปีแล้ว เทียบกับแต่ก่อนหลินสวินในตอนนี้เปลี่ยนไปมาก ไม่อาจเปรียบเทียบกับอดีต
นี่ทำให้นางทอดถอนใจไม่หยุด
หวนนึกถึงปีนั้น นางยังเคยมอบป้ายคำสั่งมหามรรคเร้นราชันแก่หลินสวิน คิดว่ามีเพียงกราบเป็นศิษย์ฝึกตนในแดนเร้นอริยะสักแห่งหลินสวินจึงจะได้รับการคุ้มครอง ไม่ต้องถึงขั้นเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก
แต่มาคิดดูตอนนี้…
วิธีนี้กลับเห็นได้ชัดว่าไร้เดียงสาอยู่บ้าง หลินสวินไม่ต้องกราบเป็นศิษย์ฝึกตนในสำนักใดก็สามารถกรำศึกไร้พ่ายได้!
“เป็นเทพมารหลินดังคาด เขาถูกบีบให้ไม่อาจไม่ปรากฏตัว หรือมีความเชื่อมั่นว่าสามารถสู้กับอวิ๋นชิ่งไป๋ได้กันแน่”
ในที่นั้นเกิดความไม่สงบ ไม่ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งทั่วไปหรือพวกชั้นยอดที่รายชื่ออยู่ในกระดานทองคำผู้กล้า ในใจก็ไม่อาจสงบนิ่ง
หลินสวิน!
บุคคลในคำเล่าลือที่ราวกับเทพมารคนหนึ่ง ตั้งแต่เขาฝึกปราณมาถึงตอนนี้ แม้จะตัวคนเดียวแต่กลับสังหารจนหัวคนเกลือกกลิ้ง เลือดหลั่งรินเป็นกระแสน้ำ ไม่มีสิ่งใดกีดขวาง และไม่อาจถูกกำราบ
ตอนนี้ต่อให้ชื่อของเขาจะไม่เคยปรากฏอยู่บนกระดานทองคำผู้กล้า แต่ใครจะกล้ามองข้ามการมีอยู่ของเขาเล่า
คิดดูแล้วบุคคลแห่งยุคที่บ้างตายบ้างพ่ายในมือเขาก็มีทั้งบุตรนรก กู่ฝอจื่อ อูหลิงเต้า ไป๋หลงถิง…
นับนิ้วดูแล้วก็ยังนับไม่หมด!
กล่าวได้ว่าบารมีของหลินสวินฟาดฟันออกมาจากภูเขาศพทะเลเลือดทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้คนไม่อาจไม่หวาดกลัว
“เขาแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ทรงพลังไม่อาจโต้แย้ง แต่หากพูดว่าเขาเทพมารหลินจะเป็นคู่ต่อสู้ของอวิ๋นชิ่งไป๋ได้ นั่นก็น่าขันจริงๆ!”
ขณะเดียวกันก็มีคนยิ้มหยัน ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เคยพ่ายแพ้ในเงื้อมมือหลินสวิน
“พี่หลิน ศึกนี้ไม่อาจเลี่ยง ข้ามาคราวนี้ด้วยยินดีเป็นผู้คุ้มกัน ในที่นี้หากมีคนกล้าคิดไม่ซื่อขณะต่อสู้ ต้องผ่านด่านข้าเซ่าเฮ่าไปก่อน!”
องค์ชายเซ่าเฮ่ากล่าวเสียงดังก้องไปทั่วทิศทันใด
เพียงพริบตาทุกคนในที่นั้นใจกระตุกวูบ สีหน้าแตกต่างกันออกไป
เห็นได้ชัดว่าการประลองนี้ ใครกล้าทำเสียเรื่องฉวยโอกาสทำร้ายหลินสวิน จะเท่ากับล่วงเกินองค์ชายเซ่าเฮ่าอย่างสมบูรณ์
“แน่นอนว่าต้องเป็นเช่นนั้น”
อีกด้านหนึ่ง เทพธิดารั่วอู่ที่ทั่วร่างอาบไล้ด้วยรุ้งเทพอัคคีมากมายพยักหน้าเช่นกัน
การต่อสู้ระดับนี้นับแต่โบราณมายากจะได้เห็น เรียกได้ว่าเป็นประวัติการณ์ หากถูกคนทำเสียเรื่อง เช่นนั้นจะถือเป็นการไม่ให้เกียรติต่อการประลองนี้อย่างยิ่ง ทำให้ใครๆ ก็ไม่อาจอดกลั้น
เพียงพริบตาบุคคลผู้ทรงอำนาจที่ชื่อเสียงสะเทือนแดนเก้าบนมานานแล้วมากมาย ทยอยแสดงท่าทีว่าจะแค่เฝ้าชม ไม่สอดมือเข้าไปยุ่ง ใครกล้าล้ำเส้นมันผู้นั้นจะต้องเป็นศัตรูกับพวกเขา
‘อวิ๋นชิ่งไป๋’
หลินสวินมองอวิ๋นชิ่งไป๋ที่ยืนอยู่บนสังเวียนพิฆาตมารราวกระบี่ไร้เทียมทานเล่มหนึ่ง ในแววตาไม่มีคลื่นความรู้สึกใดๆ ราบเรียบนิ่งสงบ
นี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองของเขาและอวิ๋นชิ่งไป๋
เทียบกับหลายปีก่อน อวิ๋นชิ่งไป๋ในตอนนี้ไม่เพียงแต่ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ แม้แต่ระดับปราณก็ยังบรรลุถึงระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดด้วย
ทั้งกลิ่นอายบนตัวของอวิ๋นชิ่งไป๋ยังมีอำนาจทะลวงเหนือพิภพอยู่รางๆ อัดแน่นหาใดเปรียบ ให้ความรู้สึกเหมือนกายเชื่อมหมื่นมายา ใจดั่งภูผาสูงตระหง่าน บริบูรณ์ถึงขั้นเชื่อมต่อฟ้าดิน
‘ตีงูไม่ตายจะถูกแว้งกัด ตอนนั้นที่เขาหนีกระเจิงจากแดนธรรมสถูปดูน่าอนาถและหม่นเศร้าเพียงใด แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งแล้ว…’
แม้ในใจหลินสวินจะคิดเช่นนี้ แต่กลับไม่มีคลื่นความรู้สึกใดๆ
เพื่อการต่อสู้ในวันนี้ เขาเตรียมตัวมานานมากแล้ว รอแค่วันนี้เท่านั้น!
ก่อนหน้านี้เมื่อพูดถึงอวิ๋นชิ่งไป๋ เขาจะเคียดแค้น รู้สึกกดดันและหนักใจ แบกรับแรงกดดันที่ไร้รูปอย่างหนึ่ง
ด้วยตอนนั้นเขาไม่มีความเชื่อมั่นว่าจะเอาชนะอวิ๋นชิ่งไป๋ได้จริงๆ
แต่ตอนนี้ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
“หลินสวิน ข้ารอเจ้ามาสิบวันแล้ว”
อวิ๋นชิ่งไป๋เอ่ยปาก ในดวงตาที่พรั่งไปด้วยวังวนเจตกระบี่นั่นฉายแววอัศจรรย์ชวนตระหนกออกมา “ไม่อาจไม่ยอมรับว่าการพัฒนาของเจ้าเหนือความคาดหมายของข้า หากให้เวลาเจ้าอีกสิบปี ไม่สิ ห้าปี แม้แต่ข้าก็ยังไม่กล้าพูดว่าจะสังหารเจ้าได้ง่ายๆ”
“พูดไร้สาระให้น้อยหน่อย ระหว่างเจ้ากับข้าท้ายที่สุดแล้วก็ต้องสะสาง วันนี้ไม่เจ้าตายก็ข้าสิ้น การต่อสู้นี้จึงจะถือว่าปิดฉาก!”
หลินสวินเปิดปากพูด นัยน์ตาเผยไอสังหารวูบหนึ่ง
สำหรับอวิ๋นชิ่งไป๋ไม่ต้องมีเหตุผลอะไรเลย เขาต้องตาย มีเพียงเท่านี้จึงจะทำให้หลินสวินวางใจได้
เขาอาจจะเป็นผู้กล้าแห่งยุคคนหนึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบัน อาจจะมีพลังอันน่ากลัวซึ่งพอจะครองอำนาจเหนือผู้คนระดับเดียวกัน
แต่หลินสวินฝึกปราณมาถึงทุกวันนี้ ก็ไม่เคยหวาดกลัวอยู่แล้ว!
ไม่หวาดกลัว
เพียงไม่กี่คำ สิ่งที่สื่ออยู่เบื้องหลัง คือเลือดเนื้อและความพยายามทั้งหมดที่หลินสวินทุ่มเทให้กับการฝึกปราณตั้งแต่เด็กถึงปัจจุบัน
คนอื่นไม่เข้าใจ มีเพียงเขาที่รู้!
“เจ้าพูดได้ไม่เลว ความแค้นของเจ้ากับข้าไม่ตายไม่เลิกรา วันนี้มีเพียงคนเดียวที่รอด”
อวิ๋นชิ่งไป๋พูดถึงตรงนี้ก็เงยหน้าขึ้นทันที ทั่วร่างแผ่ปราณกระบี่ที่น่ากลัวหาใดเปรียบออกมาดั่งพายุ แหวกผ่านเวิ้งฟ้าราวเมฆาเพลิง!
“มาสู้กัน!”
“วันนี้ต่อหน้าผู้ร่วมวิถีนับไม่ถ้วน ข้าอวิ๋นชิ่งไป๋จะใช้กระบี่ในมือสังหารเจ้าหลินสวินบนสังเวียนพิฆาตมารนี่!”
อวิ๋นชิ่งไป๋พุ่งขึ้นไปกลางอากาศท่ามกลางเสียงราบเรียบและเฉยชา
พริบตานี้ทั้งสองลงมือพร้อมกันแล้ว
ตูม!
หลินสวินก้าวเหยียบแผ่นฟ้าซัดหมัดออกไป
เรียบง่าย ตรงไปตรงมา ไม่เจือกลิ่นอายผลาญเผา แต่ยามปล่อยหมัดกลับทำให้ฟ้าดินแถบนี้สั่นสะเทือนทันใด เหมือนท้องนภาถูกสั่นคลอน!
“เริ่มแล้ว!”
ผู้คนนับไม่ถ้วนในที่นั้นกลั้นหายใจจดจ่อ ทั้งหมดล้วนจับตามองอย่างตื่นเต้น
ระดับนายเหนือหัวแห่งยุคอย่างองค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ก็ต่างสีหน้าจริงจัง แผ่จิตรับรู้ออกมาดูอย่างจดจ่อ
“ผสาน!”
ต่างจากพลังหมัดที่สูงเหนือฟ้าดินนั่นของหลินสวิน อวิ๋นชิ่งไป๋สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ปราณกระบี่เจิดจ้าที่ยาวประมาณพันจั้งสายหนึ่งพลันควบรวมกลางอากาศ หลั่งแสงมรรคออกมา
เพียงพริบตา ทั่วเวิ้งฟ้าก็ถูกกระบี่นี้ส่องสว่างผ่านกาลเวลาอย่างน่าอัศจรรย์!
“ฟัน!”
เมื่ออวิ๋นชิ่งไป๋ขับเคลื่อนความคิด ปราณกระบี่ที่ครองพลังกดอัดดั่งภูผาสูงตระหง่านดับสลายสรรพสิ่งเล่มนี้ ก็ฟาดผ่าลงท่ามกลางเสียงกัมปนาทสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
ปึงๆๆ!
ปราณกระบี่และพลังหมัดปะทะกัน ห้วงอากาศแถบนั้นแตกระเบิดสนั่นหวั่นไหว ละอองแสงซัดสาดไม่สิ้นสุด เจิดจ้าจนผู้คนลืมตาไม่ขึ้น
ทว่าเหนือความคาดหมายของทุกคน หมัดนั้นของหลินสวินไม่เพียงแต่ดุดันยังอัดแน่นหาใดเปรียบ ในการระเบิดอย่างต่อเนื่องพลังหมัดยังคงแข็งแกร่งไม่อาจต้าน
ในที่สุดท่ามกลางเสียงตู้มดังสนั่น ปราณกระบี่ยาวพันจั้งสายนั้นก็กลายเป็นละอองแสงหลากสีลอยล่อง
ในที่นั้นมีเสียงตกตะลึงดังขึ้นโดยรอบ
ทว่าไม่รอให้ผู้คนตอบสนอง เพียงความคิดของอวิ๋นชิ่งไป๋ขยับไหว ละอองแสงกระบี่ที่กำจรไปทั่วฟ้านั้นราวกับฟื้นคืนชีพ กลายเป็นปราณกระบี่หลายสาย ไขว้พาดแน่นหนาเหมือนธารดาราสายหนึ่งม้วนลงมาจากฟากฟ้า!
หมัดของหลินสวินถูกสลายหายไปกลางอากาศ
ในที่นั้นเงียบสนิทไร้สุ้มเสียง ทุกคนต่างใจสั่นสะเทือน
การปะทะครั้งแรกเพียงหนึ่งการโจมตี แต่ความแข็งแกร่งของพลังที่ทั้งคู่เผยให้เห็นช่างเรียกได้ว่าสะเทือนใต้หล้า มีอานุภาพน่ากลัวที่ทำให้เทพผีตื่นตระหนก
พลังหมัดของหลินสวินเสมือนค้อนสั่นคลอนนภา
ปราณกระบี่ของอวิ๋นชิ่งไป๋วิวัฒน์เป็นสิ่งอัศจรรย์ไร้เทียมทานนานัปการ พอที่จะสังหารศัตรูรุ่นเดียวกันอย่างง่ายดาย
แต่นี่เป็นแค่การโจมตีง่ายๆ ของพวกเขาเท่านั้น
หากทั้งสองลงมือเต็มกำลัง อานุภาพนั้นจะสะเทือนใต้หล้าเพียงใด
ทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้นตั้งตาคอย
“มาอีก!”
หลินสวินตวาดลั่น ก้าวย่างอย่างมั่นคง ซัดหมัดดุจห้อทะยาน ห้วงอากาศที่พาดผ่านพลันทรุดตัวลง
มองจากไกลๆ บนเวิ้งฟ้าเกิดภาพมหัศจรรย์เป็นช่องแคบยาวหาใดเปรียบสายหนึ่ง!
พลังหมัดที่ทะลวงขึ้นไปราวหุบเหวหนึ่ง มีอานุภาพยิ่งใหญ่ดูดกลืนทั่วทิศ
ตูม!
พลังหมัดนี้ถึงขั้นทำให้ภูผาสูงตระหง่านในรัศมีพันลี้คล้ายแบกรับแรงกดดันไม่อยู่ พังทลายสนั่นหวั่นไหว ก้อนหินต้นไม้ล้วนแตกระเบิดเป็นฝุ่นผง
เหล่าผู้กล้าในที่นั้นต่างพากันต้านถอยโดยไม่รู้ตัว สีหน้าตกตะลึง เมื่อเห็นหลินสวินสำแดงอานุภาพกับตาเข้าจริงๆ จึงพบว่าทรงพลังกว่าที่เล่าลือ!
“สามมรรคกระบี่ ปรากฏ!”
เสื้อผ้าอวิ๋นชิ่งไป๋เกิดเสียงสะบัดโบก ร่างผงาดหยิ่งผยอง วาดมือทั้งสองไปกลางอากาศ
กลางฟ้าดินมีปราณกระบี่สามสายปรากฏขึ้นทันที
สายแรกขาวดำผสาน หยินหยางหมุนวน แบ่งมืดสว่าง
สายที่สองวัฏจักรหมุนเวียนดั่งมายาพร่ามัว ราวกับเงาของเวิ้งฟ้า
สายที่สามทะลวงขึ้นเหนือเมฆ ตัดเชื่อมสวรรค์ อานุภาพของคมกระบี่พาให้ฟ้าดินมืดสลัว
กระบี่ทั้งสามนี้ต่างมาจากวิชากระบี่มหาหยินหยาง วิชากระบี่มหาวัฏจักรและวิชากระบี่เทียมฟ้า!
ยามนี้กลับถูกอวิ๋นชิ่งไป๋โคจรในชั่วพริบตา เรียกได้ว่าเป็นการสำแดงชั้นยอดจากการฝึกมรรคกระบี่มาทั้งชีวิตของเขา เพียงพริบตาฟ้าดินแถบนั้นก็ถูกลักษณ์ประหลาดโชติช่วงของปราณกระบี่ทั้งสามอัดแน่น!
เมื่ออัจฉริยะมรรคกระบี่อย่างมารกระบี่เยี่ยเฉิน เย่หมัวเฮอเห็นภาพนี้ต่างมีสีหน้าจริงจัง ใจกระตุกไปวูบหนึ่ง
อวิ๋นชิ่งไป๋นี่สมกับเป็นผู้ฝึกกระบี่อันดับหนึ่งในหมู่คนรุ่นเดียวกันของปัจจุบันจริงๆ
‘ร้ายกาจ!’
แม้แต่พวกองค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ก็อดชื่นชมไม่ได้ รู้สึกตกตะลึง ในใจใคร่ครวญว่าหากเปลี่ยนเป็นตนเองคงต้องใช้ยอดวิชาที่แท้จริงจึงจะต้านได้
ตูม!
เผชิญหน้าเหตุการณ์นี้ หลินสวินไม่ถอยร่นแต่กลับบุกเข้าไป อานุภาพดั่งเทพมารออกสัญจร ทั้งตัวเปรียบดั่งมังกรเจินหลงที่พุ่งลงมาจากฟ้า ออกหมัดสังหารลงมา
จากมุมมองคนนอก กลางห้วงอากาศนั้นเหมือนมีดาวหางเหนือฟากฟ้าลากเงาแสงเจิดจ้าหาใดเปรียบแหวกผ่านอากาศ พุ่งปะทะปราณกระบี่สามสายที่รวมตัวกันมาทันใด
ตูม!
ไอเยียบเย็นราวฟ้าถล่มดินทลายม้วนแผ่คลุม ท้องฟ้าเหนือสังเวียนพิฆาตมารตกอยู่ในความปั่นป่วนโกลาหล ปราณกระบี่และแสงหมัดพลุ่งพล่านทั่ว ส่งเสียงกึกก้องดั่งเทพมารกราดเกรี้ยวโหยหวน
ผลกระทบที่กระจายออกมานั้นกวาดล้างฟ้าดินทั่วรัศมีสามพันลี้
นอกจากระดับนายเหนือหัวแห่งยุคกลุ่มเล็กบางตาที่ยังอยู่จุดเดิมแล้ว ผู้แข็งแกร่งคนอื่นไม่มีใครไม่ออกแรงต้าน แต่ก็ยังไม่อาจไม่ถอยร่น ถอยไปถึงนอกระยะพันจั้งอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้การจับจ้องด้วยสายตาตื่นตะหนกของทุกคน ห้วงอากาศบนสังเวียนพิฆาตมารนั้นราวเศษผ้าที่กระจัดกระจาย รอยแยกและช่องแคบไขว้ตัดสลับกัน สภาพอากาศแปรปรวนแสงมรรคซัดโหม
ราวกับท้องฟ้า ณ ที่นั้นถูกซัดระเบิด!
เพียงแต่การโจมตีนี้ใครเป็นฝ่ายได้เปรียบกันแน่
ทุกคนเบิกตากว้าง
“อวิ๋นชิ่งไป๋ ใช้ฝีมือที่แท้จริงของเจ้าเถอะ ของพวกนี้มันไม่เท่าไหร่!”
ทันใดนั้นเสียงเฉยชาของหลินสวินก็ดังขึ้น
…………………..

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset