Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1317 หมัดเดียวพลิกสถานการณ์

ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นหันมามอง
ก็เห็นเงาร่างส่องประกายสายหนึ่งโฉบขึ้นไปบนอากาศ แสงมรรคไหลวนไปทั้งตัว กลายเป็นลักษณ์หุบเหวส่องสะท้อนปวงสวรรค์
เป็นหลินสวิน
เขาถึงขั้นไม่เป็นอะไรเลย ทั้งอานุภาพยังเจิดจรัสยิ่งกว่าเดิม
ตูม!
เขาก้าวไปข้างหน้า ห้วงอากาศแตกระเบิดออกจากกันไปทั่วทิศเหมือนใยแมงมุม แต่ร่างของเขากลับพุ่งทะลวงนภาดั่งพญามังกรท่องเหินอากาศ
ก่อนซัดหมัดออกไป
“ฮึ!”
เกือบจะเวลาเดียวกัน ร่างของอวิ๋นชิ่งไป๋ปรากฏตัวอยู่ใต้เวิ้งฟ้า อาภรณ์ขาวโบกสะบัด ผมดำแผ่สยาย ใบหน้านิ่งสงบ
มีเพียงมือเขาที่พลันกระชับแน่น ปราณกระบี่สายหนึ่งเปลี่ยนเป็นวังวนกระบี่กลมเกลี้ยง คำรามก้องออกไป
ตู้ม! ครืน!
ที่นั่นการต่อสู้ดุเดือดปะทุขึ้น สุริยันจันทราหม่นแสง ฟ้าดินพลิกตลบ ปราณกระบี่และแสงหมัดเจิดจ้าสาดส่องไปทั่วราวกับแสงที่เปล่งประกายที่สุดบนโลก
ท่ามกลางความเลือนรางพร่ามัว ยังมีเสียงธรรมเป็นระลอกดังกระหึ่มทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
ทั่วทั้งลานต่างตกอยู่ในความสั่นสะเทือน คนไม่น้อยสีหน้าตื่นตระหนก
บนเวิ้งฟ้านั่นไหนเลยจะเป็นการห้ำหั่นของคนสองคน เป็นการปะทะของเทพกระบี่ไร้เทียมทานและเทพมารเหนือพิภพคนหนึ่งชัดๆ ราวกับศึกเทพมารสมัยโบราณกำลังเปิดฉาก!
น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
แม้แต่บุคคลร้ายกาจรุ่นเดียวกันที่อยู่ในระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดก็เผยสีหน้าตระหนกอย่างอดไม่ได้ จิตใจสะท้านไหวเล็กน้อย
ถามใจตัวเองดูแล้ว ต่อให้อยู่ระดับเดียวกับหลินสวินและอวิ๋นชิ่งไป๋ แต่หากพูดถึงพลังต่อสู้กลับไม่อาจยกขึ้นมาเทียบสองคนนี้ได้เลย!
ด้านเหล่านายเหนือหัวแห่งยุคอย่างองค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ เย่หมัวเฮอ หวังเสวียนอวี๋ หมีเหิงเจิน แม้จะไม่กล่าวอะไร แต่เมื่อเห็นการประลองแห่งยุคนี้กับตาตนเอง กลับทำให้จิตต่อสู้ในใจของพวกเขาถูกกระตุ้นขึ้นมาด้วย
การต่อสู้เช่นนี้พาให้พวกเขาใจสั่น!
สำหรับพวกที่ความสามารถด้อยลงมาหน่อย จิตใจต่างถูกทำให้หวั่นหวาด หน้าตาอึ้งงัน ไม่อาจสังเกตรายละเอียดในการต่อสู้ได้อย่างสิ้นเชิง
“ทลาย!”
บนอากาศกลิ่นอายของหลินสวินดุจเหวนรก ซัดหมัดหนึ่งออกไปชั่วพริบตา อานุภาพยิ่งใหญ่ทรงพลังถึงขีดสุดแผ่อบอวล
วิถียุทธ์กระจ่างจิต หมัดนี้ราวกับเทพเซียนสำแดงยุทธ์ ยากจะได้พบเห็นบนโลก
ต่อให้เป็นผู้เก่งกาจที่สรรค์สร้างเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ในปีนั้น เมื่อเห็นหมัดนี้ของหลินสวินก็ต้องชื่นชมแน่!
ตูม!
สุดท้ายวังวนกระบี่ของอวิ๋นชิ่งไป๋ก็ต้านไม่อยู่ ถูกทลายออกจากกันทันที พลังหมัดที่น่ากลัวพุ่งพิฆาตตามมาเหมือนผนังกั้นน้ำขาด
ปึง!
หมัดนี้แม้จะถูกอวิ๋นชิ่งไป๋สลายได้
แต่ห้วงอากาศใต้ฝ่าเท้าเขากลับแยกออกจากกัน เห็นได้ชัดว่าอานุภาพของหมัดนี้น่ากลัวเกินไป ทำให้อวิ๋นชิ่งไป๋ถูกโจมตีจนร่างเซไปพักหนึ่ง
ละแวกใกล้เคียงฟ้าดินปั่นป่วน คลื่นพลังที่ลอดออกมาเพียงบางส่วนกลับกระเทือนจนผู้แข็งแกร่งที่หลบไม่ทันส่วนหนึ่งเซถอยหลัง กระอักเลือดไม่หยุด!
“มาอีก!”
จิตต่อสู้ของหลินสวินดุจเพลิงผลาญ เลือดลมทั่วร่างโหมกระหน่ำ
เงาร่างเขาพุ่งวาบประหนึ่งหายวูบกะทันหัน กำหมัดกระหน่ำซัดมากพอจะกลืนกินภูผาธารา เผยความอาจหาญอย่างแท้จริง
ตูม!
การต่อสู้ดุเดือดยิ่งกว่าเดิมแล้ว ทั้งสองประจัญบานอยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า เหินทะยานไปทั่วทิศ คลื่นลูกหลงจากการต่อสู้กระจายออกมาอย่างต่อเนื่องราวกระแสน้ำหลากที่กว้างใหญ่ไพศาล
“ถอย!”
“รีบหลบเร็ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราสลายได้!”
“บ้าระห่ำเกินไปแล้ว!”
เหล่าผู้กล้าที่ชมการประลองไม่มีใครไม่ถอยแล้วถอยอีก สีหน้าปรวนแปรไม่หยุด ทั้งตื่นตระหนกทั้งตกตะลึง
การประลองนี้หากไม่ได้เกิดขึ้นบนเวิ้งฟ้าจะต้องก่อให้เกิดภัยพิบัติที่ไม่อาจคาดเดาแน่
พวกองค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ก็ไม่อาจไม่ยอมถอย มิฉะนั้นคงถูกม้วนกลืนเข้าไปแน่
“นี่คือการต่อสู้แห่งยุคที่แท้จริงสินะ”
ผู้คนบางส่วนมึนงง
ในระดับเดียวกันพลังต่อสู้ที่ยึดครองอาจแตกต่างกันสิ้นเชิง บ้างเป็นแค่ระดับราชันธรรมดาที่เรียกไม่ได้แม้แต่มกุฎ
บ้างก็ยืนตระหง่านเหนือยอดเขา สามารถมองเหล่าผู้กล้ารุ่นเดียวกันจากเบื้องบน
แต่อวิ๋นชิ่งไป๋และหลินสวินไม่เหมือนกัน พวกเขาต่างบรรลุขั้นสูงสุดบนยอดมกุฎแล้ว มีท่วงท่าประหนึ่งว่าไร้คู่ต่อกร มีพลังที่นับว่าสูงสุดในหมู่คนรุ่นเดียวกัน แข็งแกร่งจนคาดไม่ถึง!
ปึง!
การปะทะเกิดขึ้นอีกครั้ง ร่างอวิ๋นชิ่งไป๋กระเทือนถอย ถึงกับถูกหลินสวินสั่นคลอนอีกครั้ง!
นี่ทำให้ทุกคนในที่นั้นร้องเสียงหลงทันที
ก่อนหน้านี้ผู้แข็งแกร่งส่วนใหญ่ต่างชื่นชมอวิ๋นชิ่งไป๋ มีความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของเขาอย่างไม่มีสิ่งใดต้องสงสัย
แต่ตั้งแต่ต่อสู้มาอวิ๋นชิ่งไป๋ไม่เพียงแต่ไม่ได้เปรียบ ยังถูกหลินสวินซัดกลับหลายครั้ง นี่จะไม่ให้ผู้คนตกใจได้อย่างไร
“ผู้คนบนโลกต่างดูเบาความน่ากลัวของพี่ใหญ่ข้า!”
เจ้าคางคกได้ใจยิ่ง
ตั้งแต่ช่วงที่จำศีลอยู่บนเขาฝนดาวตก เขาก็สังเกตเห็นว่าใจหลินสวินมองข้ามภัยคุกคามของอวิ๋นชิ่งไป๋ไปแล้ว!
“ไม่ผิด ยามที่อวิ๋นชิ่งไป๋คิดแต่โจมตีกลับ พี่ใหญ่กลับตัดสินใจฝึกวิถีหลอมกาย นี่ก็คือความแตกต่าง!”
อาหลู่เองพยักหน้า จิตใจพลุ่งพล่าน
“พวกเจ้าสองคนอย่าเพิ่งได้ใจ การต่อสู้นี้เพิ่งจะเริ่มเท่านั้น”
นกทมิฬกล่าวเตือน “ไม่เห็นรึ ไม่ว่าจะเป็นหลินสวินหรืออวิ๋นชิ่งไป๋ก็ยังไม่เคยเผยไพ่ตายที่แท้จริง”
ไม่เพียงแต่นกทมิฬ เหล่านายเหนือหัวแห่งยุคบางส่วนก็สังเกตเห็นถึงจุดนี้
นี่ทำให้ในใจพวกเขาต่างขมขื่นอย่างบอกไม่ถูกทันที เพียงแค่พลังที่ทั้งสองคนใช้อยู่ตอนนี้ สำหรับพวกเขาแล้วถือว่ามีภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวง
ไม่รู้จริงๆ ว่าหากทั้งสองคนสู้กันสุดชีวิตจะใช้ไพ่ตายที่น่ากลัวระดับใด
“การละเล่นควรสิ้นสุดแล้ว”
ทันใดนั้นบนตัวอวิ๋นชิ่งไป๋แผ่ลักษณะพลังที่ยอมหักไม่ยอมงอ อย่างไรก็ไม่เปลี่ยนแปลงออกมา
ตูม!
กลุ่มปราณกระบี่พลันพุ่งขึ้นไปกลางอากาศเหมือนกระแสน้ำต่อเนื่องไม่ขาดสาย ปราณกระบี่นั้นแน่นหนาราวคลื่นยักษ์ ดั่งสายธารไม่สิ้นสุด
ปราณกระบี่แต่ละสายล้วนประทับกลิ่นอายมหามรรคเฉพาะตัวอย่างหนึ่ง มีปัญจธาตุ หยินหยาง สลาตัน หมอกเมฆา…
วิ้งๆๆ…
เพียงพริบตากลางฟ้าดินเต็มไปด้วยเสียงใสสะท้อนของกระบี่ ปราณกระบี่แน่นหนาครอบคลุมฟ้าดินแถบนั้นจนบดบังตะวันจันทรา
“กระบี่แสนแปดพัน!”
ท่ามกลางเสียงราบเรียบ ปราณกระบี่ทั่วฟ้าส่งเสียงกัมปนาทอย่างพร้อมเพรียง เปลี่ยนเป็นวังวนมหึมาหนึ่งภายใต้การจับจ้องด้วยสายตาตื่นตะหนกของทุกคน
สร้างขึ้นจากกระบี่หนึ่งแสนแปดพันเล่ม ทึบแน่นดั่งแดนกระบี่ หมุนวนอยู่กลางอากาศ ทำให้ฟ้าดินประหนึ่งบิดเบี้ยว บริเวณใกล้เคียงล้วนถูกบดละเอียดทรุดตัวลงระเบิดกึกก้อง
เหล่าผู้กล้าตื่นตระหนกเบิกตากว้าง ในใจเย็นวาบ นี่คือพลังที่แท้จริงของอวิ๋นชิ่งไป๋รึ
‘กระบี่เดียวแปรหมื่นมรรคา ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง อวิ๋นชิ่งไป๋นี่บรรลุถึงขั้นน่าหวาดกลัวบนมรรคกระบี่อยู่ก่อนแล้ว!’
องค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่และเหล่านายเหนือหัวแห่งยุคทั้งหมดในใจต่างเครียดขมึง สีหน้าจริงจังถึงที่สุด
การโจมตีนี้ราวหมื่นกระบี่พุ่งประชัน มีอานุภาพยิ่งใหญ่แหวกทะลวงนิรันดร์กาล!
ยามนี้แม้แต่หลินสวินก็นัยน์ตาหดเกร็ง แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยดูเบาพลังต่อสู้ของอวิ๋นชิ่งไป๋ มองเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจมาตั้งแต่เริ่มฝึกปราณจนถึงปัจจุบัน
แต่เมื่อกระบี่นี้ซัดออกมา หลินสวินถึงได้ตระหนักว่าอวิ๋นชิ่งไป๋แข็งแกร่งกว่าที่ตนคาดเดานัก
ขณะคิดในใจเช่นนี้ การเคลื่อนไหวของหลินสวินก็ไม่ได้ช้าลงเพียงนิด
ตูม!
หมัดหนึ่งซัดออกไป เรียบง่ายไม่ซับซ้อน ไม่มีอานุภาพหมัดแม้แต่น้อย ถึงขั้นไม่มีคมประกายแม้เศษเสี้ยว แต่ทันทีที่ออกหมัดกลับทำให้ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีโดยพร้อมเพรียง
หมัดนี้มีท่วงทำนองแห่งกระจ่างจิต ไม่อาจพรรณนา บางทีอาจแข็งแกร่งถึงขั้นเรียกได้ว่า ‘มรรค’ !
ฟ้าดิน มีความงามที่ไม่อาจอธิบาย
หมื่นลักษณ์ ซ่อนอยู่ในความไร้รูป
เมื่อวิชาต่างๆ บนโลกบรรลุถึงขั้นหลุดพ้นสูงสุด จะกลับเป็นว่าไม่มีกลิ่นอายสะท้านฟ้าสะเทือนดิน หรือลักษณ์ภายนอกที่พร่างพรายละลานตา
สิ่งที่มีคือ ‘ความจริง’ เพียงอย่างเดียว
ความจริงนี้สอดคล้องกับมรรค
ผู้แข็งแกร่งมากมายเห็นแล้วหน้ามืดตามัวเคลิบเคลิ้ม หากกล่าวว่ากระบี่นี้ของอวิ๋นชิ่งไป๋เชื่อมต่อฟ้าดิน แข็งแกร่งหาใดเปรียบ เช่นนั้นหลินสวินก็เหมือนดั่งเดินตามครรลองมรรค ต่างมีความสง่างามที่สามารถสั่นสะเทือนไปชั่วกาลนาน!
ครืน!
วังวนกระบี่ที่ยิ่งใหญ่หาใดเปรียบพาดขวางกลางฟ้าดิน ดูดกลืนใต้หล้า ทำให้สรรพสิ่งต่างบิดเบี้ยว
แต่เมื่อหมัดนี้ปล่อยออกไปกลับมีอานุภาพไม่อาจต้าน กดอัดทลายปราณกระบี่มากมายนั้นจนส่งเสียงปะทะอึกทึกสนั่นหู
สภาพอากาศแปรปรวนที่คลั่งระห่ำอย่างที่สุดม้วนกลืนกลางฟ้าดิน
จิตรับรู้ของผู้แข็งแกร่งบางส่วนต่างถูกกระเทือนจนบาดเจ็บ ส่งเสียงอึดอัดในลำคอ ผู้แข็งแกร่งบางคนจิตวิญญาณถูกโจมตี จมูกปากกบเลือด บ้างก็หน้าซีดเผือด ตัวสั่นงันงกอ่อนแรงลมจับ
ไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกจากการต่อสู้นี้มีอานุภาพยิ่งใหญ่เกินไป!
ตูม!
พร้อมๆ กับเสียงกึกก้องสะท้านฟ้า วังวนปราณกระบี่ที่มหึมาหาใดเปรียบนั่นพลันสลายหายไปในทันที ปราณกระบี่โหมกระหน่ำฟุ้งกระจายกลางอากาศ
ถูกสลายแล้วรึ
ไม่!
อวิ๋นชิ่งไป๋พลันตะโกนก้อง วาดนิ้วออกมาทันที
“หมื่นกระบี่รวมเป็นหนึ่ง!”
ปราณกระบี่ทั่วฟ้าเริ่มหลอมรวมกันโดยพลัน กระบี่แสนแปดพันเล่มรวมเป็นกระบี่เดียวในชั่วพริบตา
กระบี่ยาวสามฉื่อสองชุ่นขวางอยู่ใต้ฟ้าราวภาพมายา.ไอลีนโนเวล.
เพียงกระบี่เดียว แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนนายเหนือหัวแห่งฟ้าดิน ห้วงอากาศและสรรพสิ่งต่างไม่อาจขวางและบดบังคมประกายของมัน!
“แข็งแกร่งยิ่ง!”
เวลานี้พวกองค์ชายเซ่าเฮ่าก็หน้าเปลี่ยนสี ในกระบี่เดียวนี้ทำให้พวกเขารับรู้ถึงไอสังหารคุกคามชวนประหวั่นอย่างหนึ่งเช่นกัน
ฟุ่บ!
กระบี่นี้ออกฟาดฟันทันที
เสื้อผ้าหลินสวินโบกสะบัด ร่างกายดั่งหุบเหว สูดหายใจลึกแล้วยื่นนิ้วหนึ่งออกมาโดยพลัน
วสันต์สารทชั่วพริบตา
เพียงแต่ถูกหลินสวินโคจรด้วยมรรคดับดารากลืนกิน อานุภาพยิ่งใหญ่แห่งฤดูกาลนี้จึงเกิดพลังมหามรรคนานัปการปะทุพล่านออกไปพร้อมกัน
ตูม!
ท่ามกลางเสียงปะทะสนั่นหู ร่างของหลินสวินถูกฟันจนถอยหลังไปหลายก้าว ปากกระอักเลือด
เมื่อมองอวิ๋นชิ่งไป๋อีกครั้ง เขาแค่ซวนเซทั้งตัวไปพักหนึ่ง หน้าซีดเผือดเล็กน้อย นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีร่องรอยบาดเจ็บอะไร
ในที่นั้นเงียบสนิท
การโจมตีนี้เทพมารหลินเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำรึ
ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างเห็นด้วยตาตนเอง ว่าตั้งแต่เริ่มหลินสวินก็มีอานุภาพดุจสายรุ้ง สามารถสั่นคลอนอวิ๋นชิ่งไป๋ได้หลายครั้ง แข็งแกร่งจนน่ากลัว ชักนำให้เกิดความปั่นป่วนในที่นั้นไม่รู้เท่าไร
แต่ตอนนี้กลับดูต้านมรรคกระบี่สังหารของอวิ๋นชิ่งไป๋ไม่อยู่!
พวกเจ้าคางคก อาหลู่และนกทมิฬสีหน้าขรึมลงทันที แปลกใจไม่หยุด
ด้านผู้แข็งแกร่งที่สนับสนุนอวิ๋นชิ่งไป๋มาตลอดในที่นั้น เวลานี้ต่างระเบิดเสียงโห่ร้องยินดีอย่างอดไม่อยู่ ท่าทางตื่นเต้นยินดี
“หลินสวินแข็งแกร่งยิ่ง แต่สุดท้ายก็เสียเปรียบด้วยยังหนุ่ม ยามที่อวิ๋นชิ่งไป๋ก้าวสู่มรรคา หลินสวินยังไม่เกิดด้วยซ้ำ พูดถึงพลังแต่กำเนิดท้ายที่สุดแล้วก็ยังด้อยกว่าอยู่บ้าง”
เย่หมัวเฮอทอดถอนใจ
ก็มีแค่ระดับนายเหนือหัวในปัจจุบันอย่างพวกเขาที่รู้ว่าอวิ๋นชิ่งไป๋น่ากลัวมากแค่ไหน การเกิดในยุคเดียวกับอีกฝ่ายเดิมทีก็เป็นความโชคร้ายอย่างหนึ่ง
และอายุหลินสวินก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นคนรุ่นเดียวกันกับอวิ๋นชิ่งไป๋!
นี่ก็คือช่องว่างของการฝึกปราณช้าและเร็ว
“ถ้าเช่นนั้นคราวนี้เทพมารหลินจะแพ้แน่นอนรึ”
มีคนยากจะยอมรับ
หลินสวินลำบากฝึกปราณมาจนทุกวันนี้ไม่เคยพ่ายมาก่อน จะถูกอวิ๋นชิ่งไป๋เอาชนะเช่นนี้หรือ
“ไม่แน่!”
นัยน์ตาขององค์ชายเซ่าเฮ่าพลันหรี่ลงทันที ฉายแววเป็นประกาย “ตอนนี้เรื่องสนุกที่แท้จริงเพิ่งจะเริ่ม!”
หืม?
ทุกคนต่างประหลาดใจมึนงง
เวลานี้จู่ๆ หลินสวินก็เอ่ยปากทันใด “อวิ๋นชิ่งไป๋ เอากระบี่เจ้าออกมา มิฉะนั้นตอนเจ้าตายจะต้องไม่พอใจแน่!”
น้ำเสียงเขาราบเรียบ ขณะกล่าวยังยกมือเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก ก่อนหน้านี้ดูเหมือนเพลี่ยงพล้ำ แต่แววตากลับวาววาบน่าพรั่นพรึง
“น่าขัน!”
อวิ๋นชิ่งไป๋สีหน้าเฉยชา
ตูม!
หลินสวินไม่พูดมากอีก ออกโจมตีอีกครั้ง
ยังคงเป็นหมัดที่เรียบง่ายเหมือนเดิม แต่ทันทีที่ซัดออกมาก็สะเทือนไปทั่วทิศ เวิ้งฟ้าราวกับถูกทำลาย เกิดเสียงระเบิดอึกทึกสนั่นหู
อานุภาพของพลังหมัดนั้นเหมือนจะกดอัดฟ้าดิน!
“เป็นไปได้อย่างไร”
เหล่าผู้กล้าในที่นั้นตกตะลึงอ้าปากค้าง
ความแตกต่างนี้มากเกินไป ก่อนหน้านี้หลินสวินยังถูกทำร้ายหนักหน่วง แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนไปในพริบตา กลายเป็นแข็งแกร่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว!
หรือว่าก่อนหน้านี้เขาไม่เคยโจมตีเต็มกำลังเลย
สิ่งที่ทุกคนคาดเดานั้นไม่ผิด เวลานี้หลินสวินเพิ่งจะใช้นัยเร้นลับโทสะหยาจื้อและวิชาอริยะยุทธ์!
“นี่ก็คือพลังของหลินสวิน ลึกล้ำยากหยั่งถึง เมื่อทุกคนคิดว่าเขาใช้พลังถึงขีดสุดแล้วมักจะมีเรื่องประหลาดใจยิ่งกว่าเกิดขึ้น”
องค์ชายเซ่าเฮ่าทอดถอนใจ
“ทลาย!”
เผชิญหน้าหมัดนี้ นัยน์ตาอวิ๋นชิ่งไป๋พลันหรี่ลงเล็กน้อยแต่ไม่ได้หวาดกลัว เผยมรรคกระบี่ของตนออกมา
ฟุ่บ!
ปราณกระบี่ที่เปล่งประกายเปิดฉากเงากระบี่ทั่วฟ้า ทำให้ฟ้าดินม้วนตลบ สุริยันจันทราหมุนกลับ ฟาดผ่าพลังหมัดที่พุ่งตรงมานั้นอย่างหนักหน่วง
ตูม…
พลังหมัดและปราณกระบี่ปะทะกันแล้วหายไป
ไม่อาจตัดสินผลแพ้ชนะ!
“ข้าบอกแล้ว พลังพวกนี้ของเจ้ามันไม่เท่าไหร่!”
หลินสวินทลายอากาศพุ่งสังหาร อานุภาพดั่งเทพมารกรำศึกบุกตะลุยเก้าชั้นฟ้า มีความตั้งใจที่จะทะลวงสังหารทั่วทิศ
ตูม!
การปะทะเกิดขึ้นอีกครั้ง เงาร่างอวิ๋นชิ่งไป๋เซไปมา สีหน้าเยียบเย็นขึ้นมาทันที
“ทำไมเทพมารหลินถึงแข็งแกร่งขึ้นกะทันหันเช่นนี้ เมื่อครู่เขาเกือบต้านไม่อยู่แล้วชัดๆ…”
เหล่าผู้กล้าในที่นั้นตกตะลึง รู้สึกตื่นตระหนกอย่างบอกไม่ถูก
“แน่ใจได้เลยว่าก่อนหน้านี้หลินสวินต้องยั้งพลังไว้แน่”
บุคคลแห่งยุคมากมายใจสั่น ถูกทำให้แปลกใจเช่นกัน ในการต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งเลิศล้ำอย่างอวิ๋นชิ่งไป๋ เขายังสามารถเก็บงำพลังได้ เทพมารหลินนี่… แข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่
“ตายซะ!”
หลินสวินซัดหมัดออกไป ฟ้าดินสั่นสะเทือน หยินหยางพลิกกลับ ถึงขั้นแหวกม่านนภาเป็นรอยแยกชวนประหวั่นสายหนึ่ง
มองจากไกลๆ ช่างไม่ต่างอะไรกับฉีกผ่านแผ่นฟ้า
“ทลาย!”
นัยน์ตาอวิ๋นชิ่งไป๋วาววาบ เจตกระบี่ราวมหาสมุทรโหมกระหน่ำ อาภรณ์โบกสะบัด ซัดกระบี่แหวกอากาศออกไป
เงาร่างหลินสวินไม่ขยับ
แต่ปราณกระบี่ของอวิ๋นชิ่งไป๋กลับถูกทำลาย ร่างถูกพลังหมัดซัดถอยหลังออกไปหนึ่งจั้ง สามารถมองเห็นสีหน้าที่ประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว คล้ายยากจะรับนั้นของเขาได้อย่างชัดเจน
“มาอีก!”
หลินสวินกร้าวแกร่งยิ่งกว่าเดิม เงาร่างพุ่งพิฆาตออกไปเหมือนแสงไหวเคลื่อนสายหนึ่ง
หมัดเดียวทะลวงโลดแล่นดุจวัวกระทิง มีอานุภาพที่ไม่อาจทัดเทียม!
“นี่…”
ทั่วทั้งที่นั้นต่างถูกท่าทางผงาดผยองนี้ทำให้หวั่นหวาด ราวได้เห็นเทพองค์หนึ่งพุ่งสังหารลงมาจากเก้าชั้นฟ้าด้วยตาตนเอง พลังหมัดนั้นทำให้พวกเขาต่างรู้สึกหายใจไม่ออก
ปึง!
อวิ๋นชิ่งไป๋ถูกซัดถอยหลังอีกครั้ง กระอักเลือดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ผมยาวของเขาแผ่สยาย ดูน่าอเนจอนาถยิ่งนัก
ทุกคนต่างตกตะลึง!
ก่อนหน้านี้หลินสวินถูกทำร้ายกลับอย่างหนักหน่วง
แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับพลิกผันไปหมดแล้ว!
การเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องสิ้นสุดภายในเวลาสั้นๆ เร็วจนคาดไม่ถึง และทำให้ผู้คนไม่ทันตั้งตัว ตื่นตระหนกอย่างบอกไม่ถูก
“ดียิ่ง หากได้ตายด้วยกระบี่เทียมฟ้าของข้า เจ้าก็ไม่ต้องเสียดายอะไรแล้ว!”
อวิ๋นชิ่งไป๋สูดหายใจลึกทันที สีหน้าเด็ดเดี่ยว เผยอานุภาพยิ่งใหญ่ทะลวงเหนือเมฆ
กล่องกระบี่ที่พาดอยู่ด้านหลังเขาเปิดออก กระบี่ยาวเก่าแก่อับแสงเล่มหนึ่งที่ผนึกไว้ภายในปรากฏขึ้นในเวลานี้!
…………………….

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset