Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1320 พลีชีพสังเวยกระบี่

ฟ้าดินกลับคืนสู่ความสงบ บรรยากาศที่กดดันและตึงเครียดทำให้ผู้คนแทบหายใจไม่ออก
ใครๆ ต่างก็มองออกว่าการต่อสู้นี้ใกล้จะปิดฉาก!
และช่วงสุดท้ายนี้จะต้องเป็นภาพฉากอันน่ากลัวระหว่างความเป็นตายแน่
วู้ม!
บนเวิ้งฟ้า อวิ๋นชิ่งไป๋พลันเรียกกระบี่เทียมฟ้าที่กำลังประชันกับดาบหักอย่างดุเดือดกลับมาสู่มือตน
“ไม่ตายไม่เลิกรารึ ข้าไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว…”
เสียงพึมพำแผ่วเบาดังมาจากปากอวิ๋นชิ่งไป๋
แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่นหาใดเปรียบ ร่างกายที่เปื้อนเลือดเปลี่ยนเป็นเหยียดตรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งตัวราวกระบี่เล่มหนึ่ง แผ่กลิ่นอายน่าเลื่อมใส นิ่งสงบ มองความตายเป็นเรื่องธรรมดา
เหล่าผู้กล้าในที่นั้นต่างหนาวเยือกในใจ หนังหัวแทบระเบิด อวิ๋นชิ่งไป๋ในตอนนี้ประหนึ่งกำลังจะพลีชีพ หลอมกายตัวเอง!
เทพมารหลินสามารถบีบบังคับผู้ยิ่งใหญ่บนมรรคกระบี่ที่เหมือนตำนานแห่งยุคคนนี้ให้ไปถึงขั้นไม่อาจไม่สละชีวิตได้ ใครจะนิ่งเฉยอยู่ได้เล่า
ฟ้าดินมืดสลัว ห้วงอากาศครวญคร่ำ
บรรยากาศน่าหวาดกลัวไร้รูปหนึ่งค่อยๆ แผ่กระจายออกมาหลังอวิ๋นชิ่งไป๋กุมกระบี่เทียมฟ้านั่น
ไม่จำเป็นต้องสงสัย ต่อจากนี้คงได้เปิดฉากการต่อสู้เป็นตายที่แข็งแกร่งที่สุดก่อนจะปิดม่านลงแน่!
เวลานี้ใจของพวกเจ้าคางคก นกทมิฬและอาหลู่พลันเคว้งขึ้นมา แข็งทื่อไปทั้งตัว เปลี่ยนเป็นตึงเครียดและกดดันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ห่างออกไปสีหน้าหลินสวินยังนิ่งสงบ แต่ภายในร่างเขาตอนนี้พลังทั้งมวลกลับถูกโคจรถึงขีดสุดแล้ว ไม่เก็บงำอะไรไว้แม้แต่น้อย!
“ระหว่างความเป็นความตายนั้นน่ากลัวยิ่ง ข้าไม่เหมือนเจ้า หลายปีนี้ข้าผ่านมันมาหลายครั้ง แม้จะไม่ถึงขั้นมองข้ามความเป็นตาย แต่อย่างน้อยก็มีประสบการณ์มากกว่าเจ้า”
หลินสวินเอ่ยปากน่ำเสียงสบายๆ สีหน้าไม่แปรเปลี่ยน
ต่อให้อวิ๋นชิ่งไป๋พลีชีพโรมรันแล้วอย่างไร
ประสบการณ์ที่สู้สุดตัวนี้เขารู้ดียิ่งกว่าอวิ๋นชิ่งไป๋นัก!
เพราะตั้งแต่เกิดเขาก็ดิ้นรนอยู่ระหว่างความเป็นความตาย กระทั่งหนีออกมาจากคุกใต้เหมืองก็ยิ่งรู้ชัดถึงความลำบากของการอยู่รอด
หลายปีนั้นที่โลกชั้นล่าง เขาเด่นผงาดขึ้นมาจากฐานะอันต่ำต้อยราววัชพืช บนเส้นทางชีวิตเต็มไปด้วยคลื่นลมและการนองเลือด
ความเป็นและความตาย เลือดและเปลวเพลิงอยู่ร่วมกันตลอดเวลา!
ส่วนอวิ๋นชิ่งไป๋ ตั้งแต่เด็กได้กราบเป็นศิษย์ฝึกตนในสำนักกระบี่เทียมฟ้า หนทางฝึกปราณตลอดทางมีอาจารย์ชี้แนะ มีคนใหญ่คนโตปกป้อง มีทรัพยากรในการฝึกปราณนับไม่ถ้วนให้ใช้ตามใจชอบ มรรคาของเขาแม้จะฆ่าฟันเด็ดเดี่ยว มีจิตใจห้าวหาญที่เหยียดหยันใต้หล้า แทบจะไม่เคยสัมผัสความพ่ายแพ้ แต่…
เขามีหรือจะเคยสัมผัสรสชาติของการผงาดขึ้นมาจากความเป็นตาย
เวลานี้เขาต้องการพลีชีพต่อสู้ แต่ยังทำทีว่าทอดถอนใจ สำหรับหลินสวินแล้วท่าทางนี้ช่างน่าขันจริงๆ!
อวิ๋นชิ่งไป๋ชะงักเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าก็เด็ดเดี่ยวยิ่งกว่าเดิมกล่าว “เจ้าผิดแล้ว ใจข้ามีเพียงกระบี่ ไม่หวาดกลัวต่อความเป็นตาย ถูกลิขิตให้ต่างจากเจ้า!”
พูดจบทั้งตัวเขาถูกแสงกระบี่ไร้สิ้นสุดปกคลุม ปราณกระบี่ล้นฟ้าทะลวงขึ้นเหนือเมฆ ฟ้าดินแถบนั้นกลายเป็นพายุปราณกระบี่อย่างสมบูรณ์
ฟ้าดินเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง ห้วงอากาศทั่วบริเวณล้วนอลหม่านแตกระเบิดในพริบตา!
ตูม!
พริบตานั้นทุกคนต่างตื่นตระหนก มองเห็นว่ากายหยาบ จิตวิญญาณและเลือดลมของอวิ๋นชิ่งไป๋ราวถูกหลอมรวมเข้าไปในกระบี่เทียมฟ้านั้นอย่างสมบูรณ์
ใช้ร่างกาย สังเวยกระบี่!
“นี่… จะพลีชีพสู้สุดตัวรึ”
ผู้ชมต่างสีหน้าอึ้งงัน เมื่อบุคคลแห่งยุคคนหนึ่งสู้สุดตัวโดยไม่เสียดายชีวิต ผลกระทบที่ยากจะบรรยายนั้นไม่ว่าใครก็ไม่อาจไม่ตื่นตระหนก
“สมเป็นผู้ฝึกกระบี่อันดับหนึ่งแห่งยุค อัจฉริยะมรรคกระบี่ที่หาได้ยากในดินแดนรกร้างโบราณ อาศัยเพียงความอาจหาญที่เห็นความเป็นตายราวสิ่งไร้ค่านี้ นับตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันจะมีสักกี่คนที่สามารถเทียบเทียม”
องค์ชายเซ่าเฮ่าถอนใจยาวเฮือกหนึ่ง
“กระบี่นี้เหมือนการเซ่นไหว้ ใช้มรรคกระบี่ทั้งชีวิตมาหลอมถึงขีดสุดในพริบตา ใคร… จะต้านทานได้…”
เทพธิดารั่วอู่สีหน้าเลื่อนลอย
“ไม่รู้ว่าหลินสวินจะรับกระบี่นี้ได้หรือไม่”
สำหรับพวกเจ้าคางคก หัวใจอันตึงเครียดเหมือนจะกระโดดออกมาอยู่แล้ว ต่อให้พวกเขาเชื่อมั่นในตัวหลินสวินยิ่ง แต่ก็ไม่อาจไม่เคร่งเครียด
ด้วยอวิ๋นชิ่งไป๋ในตอนนี้ไม่เสียดายชีวิตแล้ว!
ตูม!
ในจุดที่อวิ๋นชิ่งไป๋ยืนอยู่ อานุภาพของกระบี่เทียมฟ้าเชื่อมต่อนภาเข้าจริงๆ แสงกระบี่ ปราณกระบี่ คมกระบี่ เจตกระบี่ไม่สิ้นสุดซัดสาดหมุนวน
กลายเป็นน้ำวนขนาดมหึมาหาใดเปรียบ!
มรรคกระบี่ยากบรรยายสายหนึ่งม้วนกลืนอากาศ อบอวลไปทั่วบริเวณในชั่วพริบตา เมื่อน้ำวนเริ่มหมุนท้องฟ้านั่นถูกฉีกกระจุย ในเสียงระเบิดห้วงอากาศพลันกลายเป็นกระแสน้ำปั่นป่วนไร้สิ้นสุดราวไหมทอที่ถูกบดขยี้
ครืน…
ต้นไม้ ก้อนหิน พื้นดินในรัศมีพันลี้ล้วนแตกระเบิดดังสนั่น กลายเป็นฝุ่นคลั่งร่ายระบำทั่วฟ้า
“แย่แล้ว!”
ผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งร่างกายพุ่งลอยเข้าไปในวังวนกระบี่มหึมากลางฟ้าดินนั่นเหมือนควบคุมไม่อยู่
กลืนกิน!
นั่นคือพลังกลืนกินที่ไร้ใดเปรียบ ผสานเข้าไปในวังวนกระบี่ ปรากฏอยู่กลางฟ้าดิน ราวกับจะกลืนกินฟ้าดินและทุกสรรพสิ่งนี้จนสิ้น!
แม้จะอยู่ห่างไกลก็ยังทำให้ผู้คนหวาดกลัว รู้สึกสิ้นหวังหาใดเปรียบ
“เขา… นำมรรควิถีทั้งหมดหลอมเข้าไปในกระบี่นี้ ชีวิตข้าได้เห็นภาพนี้ก็ไม่เสียดายแล้ว!”
นายเหนือหัวแห่งยุคบางส่วนต่างต้านทานเต็มกำลัง เหมือนเจอศัตรูผู้แข็งแกร่ง ในใจตื่นเต้นหาใดเปรียบ
“หลินสวิน เจ้าใช้มรรคกระบี่มาสู้กับข้า เวลานี้ได้เวลาเอาคืน เจ้าจงตายอยู่ที่นี่ซะ!”
เสียงของอวิ๋นชิ่งไป๋เด็ดเดี่ยวเฉยชา ดังก้องกลางฟ้าดิน
เงาร่างของเขาหายไปในวังวนกระบี่มหึมาหาใดเปรียบนั่นนานแล้ว
สิ่งที่เขาเรียนรู้ แรงกายแรงใจชั่วชีวิต เวลานี้ต่างหลอมรวมเป็นหนึ่งกับกระบี่นี้อย่างสมบูรณ์
เพื่อฆ่าหลินสวิน ย่อมไม่หวาดกลัวต่อความเป็นตาย!
“มรรคกระบี่ของเจ้าใช้พรสวรรค์ของข้าเป็นรากฐาน ต่อให้เสาะหาทั้งชีวิตก็ไม่ใช่ของเจ้าอยู่ดี!”
หลินสวินยิ้มหยันทันที ผมยาวทั้งศีรษะพลันพลิ้วไหว ก้าวออกไปข้างหน้า
วังวนกระบี่ที่ทำให้ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีกลับราวถูกหลินสวินมองข้าม เขาก้าวไปข้างหน้า บุกตะลุยเข้าไปด้วยตัวเอง
เงาร่างของเขาเด็ดเดี่ยวและนิ่งสงบ
อวิ๋นชิ่งไป๋พลีชีพสังเวยกระบี่ เขาหลินสวินมีหรือจะกลัวความเป็นตาย
“ดับสิ้นไปด้วยกันก็ไม่เลว…”
เสียงของอวิ๋นชิ่งไป๋ดังขึ้นรางๆ
หลินสวินถึงขั้นเห็นว่าในส่วนลึกของวังวนกระบี่ที่โหมกระหน่ำนั่น สีหน้าท่าทางของอวิ๋นชิ่งไป๋ดูน่าเลื่อมใส นิ่งสงบเหมือนใกล้บรรลุอริยะ
ตูม!
พลังดุดันชวนประหวั่นไร้ขอบเขต ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งแข็งแกร่ง ฉีกกระชากห้วงอากาศจนทรุดลง กลายเป็นสภาพอากาศแปรปรวนไร้สิ้นสุด
เงาร่างของหลินสวินที่พุ่งเข้าไปนั้นถูกปกคลุมในพริบตา
มองจากไกลๆ ก็เหมือนผีเสื้อราตรีตัวหนึ่งกระโจนเข้าไปในวังวนกลืนสวรรค์ที่เชื่อมต่อฟ้าดิน ครอบคลุมอยู่รอบทิศ ทั้งเล็กจ้อยทั้งไม่หวาดกลัวอะไรเลย
“ดับสิ้นไปด้วยกัน? ไม่ การสังหารเจ้าจะเริ่มขึ้นตอนนี้!”
นี่คือเสียงสุดท้ายที่หลินสวินกล่าวก่อนถูกวังวนนั่นกลืนกิน ยังคงนิ่งสงบไร้อารมณ์ ไม่มีคลื่นความรู้สึกแม้แต่น้อย
ครืน!
วังวนกระบี่มหึมาโคจร แสงกระบี่ไร้สิ้นสุดซัดโหมอยู่ภายในราวประตูใหญ่สู่นรกภูมิ พอที่จะทำให้ผู้คนหนาวสะท้าน
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
เมื่อเห็นเงาร่างหลินสวินถูกกลืนเข้าไปในนั้นด้วยตาตัวเอง ในที่นั้นก็มีเสียงตกตะลึงด้วยความสั่นสะท้าน ตื่นตระหนก สิ้นหวังดังขึ้นไม่รู้เท่าไร
“ทั้งสองคนจะพินาศย่อยยับไปด้วยกันจริงหรือ”
“การต่อสู้แห่งยุคเช่นนี้ ไม่ว่าใครจะสิ้นชีพ สำหรับทั้งใต้หล้าล้วนเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง หากทั้งสองคนตายไป… คงทำให้ผู้คนเสียดายนัก”
เหล่าผู้กล้าในที่นั้นสีหน้าปรวนแปรไม่หยุด ไม่ว่าพวกเขาจะตรวจสอบอย่างไร ก็ไม่อาจสังเกตสถานการณ์ในวังวนกระบี่นั้นได้
ที่นั่นน่ากลัวเกินไป สกัดกั้นทุกสรรพสิ่ง!
พวกองค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ถูกทำให้ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ สีหน้าวูบไหว การต่อสู้ยืดเยื้อมาถึงตอนนี้ทำให้พวกเขาต่างคาดไม่ถึง ในใจถูกจู่โจมอย่างหนัก
หลินสวินที่พุ่งเข้าไปด้วยตัวเอง อวิ๋นชิ่งไป๋ที่พลีชีพสังเวยกระบี่… สุดท้ายใครจะมีชีวิตรอดกันแน่
หรือจะพินาศย่อยยับไปด้วยกัน
ไม่มีใครรู้!
แต่ทุกคนต่างเบิกตากว้างจับจ้องเขม็ง ติดตามอย่างตื่นเต้น
พวกเขาอยากได้คำตอบโดยไว หาบทสรุปให้การต่อสู้แห่งยุคที่นับแต่โบราณมายากจะได้เห็นนี้
เพียงแต่ไม่มีคนรู้ว่าหลินสวินที่ถูกม้วนกลืนเข้าไปในวังวนกระบี่ ดูเหมือนสถานการณ์อันตรายถึงขีดสุด ทว่า…
กลับไม่ได้รับบาดเจ็บ!
ถึงขั้นไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่เส้นผม
ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดที่หน้าอกของเขาร้อนฉ่าส่องประกาย คลื่นพลังประหลาดไหลวน ทำให้เขาแม้จะอยู่ในพายุปราณกระบี่ชวนประหวั่นก็ประหนึ่งเดินเล่นบนทางราบ!
เพียงแต่สีหน้าของเขากลับเปลี่ยนเป็นทอดถอนใจ สับสน ไม่นิ่งสงบเหมือนก่อนหน้านี้
ด้วยเวลานี้หลินสวินสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย แม้ไม่เคยเจอมาก่อน แต่กลับทำให้เขามีความรู้สึกดุจเป็นสายเลือดเดียวกัน
เขารู้ว่านี่คือกลิ่นอายพรสวรรค์ที่เดิมทีเป็นของตน!
“เจ้า…”
ส่วนลึกของวังวน เห็นหลินสวินก้าวเข้ามาราวเดินเล่นในสวนบ้าน อวิ๋นชิ่งไป๋ที่เดิมทีสีหน้านิ่งสงบและเด็ดเดี่ยวพลันตกตะลึงคล้ายยากจะเชื่อ
นี่เป็นถึงกระบี่ที่เขาทุ่มเททุกอย่าง พลีชีพสังเวยกระบี่ ไม่หวาดกลัวต่อความเป็นตาย!
แต่ที่ไร้สาระที่สุดคือ การโจมตีที่ถูกเขามองว่าแข็งแกร่งที่สุดกลับไม่เหมือนแต่ก่อน ถึงขั้นไม่เกิดประโยชน์แม้แต่น้อย
การขาดดุลอย่างรุนแรงนี้เหมือนถูกคนฟาดกระบองเตือนสติจากด้านหลัง ทำให้อวิ๋นชิ่งไป๋หน้าเปลี่ยนสีอย่างสมบูรณ์ ในใจรู้สึกพ่ายแพ้อย่างเด่นชัด
เขาไม่หวาดกลัวต่อความเป็นตาย ด้วยในใจของเขามีเพียงมรรคกระบี่ ต่อให้ตายไปก็สามารถหยิ่งทะนงได้ชั่วชีวิต แม้จะตายก็ไม่แพ้!
ทว่าเหตุการณ์ตรงหน้ากลับทำให้เขาไม่อาจยอมรับ!
เพราะอะไร
นัยน์ตาเขาขยายออก ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความโกรธอย่างบอกไม่ถูก
“สิ่งที่ไม่ใช่ของเจ้า สุดท้ายก็ไม่ใช่ของเจ้า”
หลินสวินหยุดเดิน มองอวิ๋นชิ่งไป๋ที่อยู่ห่างออกไป มองศัตรูผู้แข็งแกร่งแห่งยุคที่เคยเหมือนเงามืดปกคลุมตัวเองในวัยเยาว์ แววซับซ้อนทอดถอนใจบนใบหน้าถูกความนิ่งสงบเข้ามาแทน
“ข้าครองมรรคกระบี่ สรรพสิ่งในใต้หล้า พลังแห่งยุคสมัย ขอเพียงมีส่วนช่วยต่อมรรคาของข้าก็สามารถนำมาให้ข้าใช้ประโยชน์ได้ทั้งสิ้น เจ้า… ไม่เข้าใจ!”
อวิ๋นชิ่งไป๋กล่าวเน้นทีละคำ เด็ดเดี่ยวเป็นอย่างยิ่ง
หลินสวินกลับไม่คัดค้าน เพียงแต่กล่าว “ข้าไม่เข้าใจมรรคาของเจ้าจริงๆ แต่ข้ารู้ว่าความพ่ายแพ้ของเจ้าในวันนี้เกิดจากการที่เจ้าช่วงชิงพรสวรรค์จากข้าไปในปีนั้น!”
“แพ้?”
ใบหน้าของอวิ๋นชิ่งไป๋บิดเบี้ยวและคลุ้มคลั่งขึ้นมาทันที คนที่เย่อหยิ่งภาคภูมิอย่างเขา ฝึกปราณมาถึงวันนี้มีหรือจะเคยพ่ายแพ้
“ตายซะ!”
เขาตวาดลั่น ร่างกายดั่งไฟลุกโชน กระบี่เทียมฟ้าหมุนวน ในวังวนกระบี่มหึมาปราณกระบี่แน่นหนาพุ่งไปทางหลินสวินดังสนั่นดุจกระแสน้ำ
หลินสวินยืนไม่ขยับแต่กลับเหมือนเข้าไม่ถึง ไม่ว่าปราณกระบี่โดยรอบจะจู่โจมเข้ามาราวกระแสน้ำหลากก็ไม่อาจทำอันตรายเขาได้แม้แต่น้อย
ด้วยเพราะการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดนี้ของอวิ๋นชิ่งไป๋ หากสละเปลือกนอกทิ้งไป แก่นแท้ของมันที่สุดแล้วก็เกิดจากพลังพรสวรรค์ที่เดิมทีเป็นของเขา!
หลินสวินมีหรือจะหวาดกลัว
………..
Related

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset