Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1359 ความจริงในปีนั้น

เคาะจิตถามตน ยามเมื่อได้รู้ข่าวว่าหลินสวินฆ่าเหล่าอริยะตาย เหมิงหรงเองก็หวาดกลัวขวัญผวาไม่สิ้นเพราะเรื่องนี้เช่นกัน

ในฐานะอดีตสนมจักรพรรดิของจักรวรรดิจื่อเย่า มีเพียงตัวเหมิงหรงเองที่รู้ดี ว่าปีนั้นข่าวที่ว่าทารกคนนั้นของตระกูลหลินมีชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิด รั่วไหลออกไปได้อย่างไร

กล่าวได้ว่าเหตุการณ์นองเลือดในตระกูลหลินครั้งนั้น ตัวการหลักอาจจะเป็นอวิ๋นชิ่งไป๋ แต่ตัวการรองย่อมตัดความสัมพันธ์กับนางไม่ขาดอย่างแน่นอน

แต่เหมิงหรงไม่กลัวด้วยซ้ำ

ที่นี่คือสำนักกระบี่เทียมฟ้า หลินสวินนั่นมีหรือจะกล้าบุกเข้ามา

ได้ยินข่าวว่า ปัจจุบันเจ้าเด็กนี่เพิ่งมีปราณแค่เพียงระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดเท่านั้น เหตุที่ฆ่าเหล่าอริยะได้ คงไม่พ้นหยิบยืมพลังภายนอกเท่านั้นแล้ว

“ท่านแม่ พวกเราคงไม่ใช่จะหมกตัวอยู่ที่สำนักกระบี่เทียมฟ้า ไม่ออกไปไหนตลอดชีวิตหรอกกระมัง”

จ้าวจิ่งเจินร้อนรนหาใดเปรียบ

เขารู้ จากอุปนิสัยของหลินสวินจะต้องไม่ปล่อยพวกเขาไปอย่างแน่นอน!

“เรื่องราวชักเริ่มไม่เข้าที ทั้งเบื้องบนเบื้องล่างในสำนักต่างกำลังสืบเสาะสาเหตุการตายของอวิ๋นชิ่งไป๋ หากถูกเจ้าสำนักรู้เข้า ว่าที่อวิ๋นชิ่งไป๋ผูกแค้นกับตระกูลเบื้องหลังหลินสวินในปีนั้นเกิดขึ้นเพราะพวกเรา ต้องไม่ให้อภัยพวกเราเป็นแน่”

ทันใดนั้นเงาร่างสูงใหญ่ของเหมิงชิวจิ้งก็เดินเข้ามาในตำหนักแสงเมฆา สีหน้ามืดทะมึน หว่างคิ้วเปี่ยมด้วยแวววิตก

เขาคือบิดาของเหมิงหรง ตาของจ้าวจิ่งเจิน

“นี่…”

เหมิงหรงถูกทำให้ตกใจไปชั่วขณะ

จ้าวจิ่งเจินเองก็แข็งทื่อไปทั้งตัว สีหน้าเปลี่ยนไปยกใหญ่

เรื่องที่อวิ๋นชิ่งไป๋ช่วงชิงชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดของหลินสวิน ทั่วทั้งสำนักกระบี่เทียมฟ้ามีเพียงคนไม่กี่หยิบมือเท่านั้นที่รู้ หากเปิดโปงออกมาจะต้องเรียกความเดือดดาลของสำนักให้ปะทุเดือด พวกเขาคงหนีความเกี่ยวข้องไม่พ้นเป็นแน่

“เหมิงหรง เจ้าพาจ้าวจิ่งเจินออกไปเถิด”

เหมิงชิวจิ้งสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เอ่ยเสียงขรึมว่า “กลับโลกชั้นล่าง ไปขอความช่วยเหลือจากจ้าวหยวนจี๋ จิ่งเจินเป็นลูกชายแท้ๆ ของเขา เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะปล่อยให้ตายโดยไม่ช่วยเหลือ”

“เขา?”

เหมิงหรงสั่นเทิ้มไปทั้งตัว สีหน้าวูบไหวไม่นิ่ง ชายผู้นั้นปกครองจักรวรรดิจื่อเย่า แผนการลึกล้ำดั่งมหาสมุทร อานุภาพล้นฟ้า

ต่อให้เคยเป็นสนมของเขา แต่เหมิงหรงก็ไม่เคยมองชายผู้นี้ออกสักครั้ง เขาก็เหมือนปริศนาอย่างหนึ่ง ลึกล้ำสุดหยั่ง และยังแกร่งกล้าไร้ปรานี!

หากไม่จำเป็น นางยอมไม่พบคนผู้นี้ไปตลอดชีวิตดีกว่า

“ท่านตา ท่านพ่อของข้ามีแต่จะให้ข้าไปเฝ้าสุสานราชวงศ์เท่านั้น แทนที่จะเป็นเช่นนี้ ข้ายอมอยู่ที่สำนักกระบี่เทียมฟ้าดีกว่า”

จ้าวจิ่งเจินเองก็ลนลานเช่นกัน

ในภาพจำของเขา ท่านพ่อเป็นคนที่น่ากลัวหาใดเปรียบคนหนึ่ง ในสายตาอีกฝ่ายมีเพียงใต้หล้ากับมหามรรค

บรรดาลูกหลานในราชวงศ์ คนเดียวที่สามารถเข้าตาท่านพ่อได้ มีแต่จ้าวจิ่งเซวียนเท่านั้น!

“ไปเถิด”

เหมิงชิวจิ้งคล้ายตัดสินใจแน่วแน่ “ข้าจะเปิดพิกัดข่ายอาคมที่เชื่อมสู่โลกชั้นล่างให้พวกเจ้าเอง หลังจากกลับไปคราวนี้ก็ไม่ต้องกลับมาอีก!”

ช่องทางมุ่งหน้าสู่โลกชั้นล่างล้วนถูกตัดขาดนานแล้ว เหมิงชิวจิ้งเชื่อว่า นอกเสียจากหลินสวินจะสามารถครอบครองพิกัดข่ายอาคมทำนองเดียวกันได้ หาไม่ชั่วชีวิตนี้ก็อย่าหวังจะหวนสู่โลกชั้นล่างได้อีก

สีหน้าของเหมิงหรงวูบไหวไม่นิ่ง เนิ่นนานกว่าจะสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง พยักหน้าตกปากรับคำ

ส่วนจ้าวจิ่งเจินก็จิตหลุดขวัญเตลิด คล้ายถูกสูบพลังทั้งหมดจนเกลี้ยง

เขารู้ ต่อให้หวนสู่โลกชั้นล่าง สิ่งที่รอคอยตนอยู่ก็ต้องเป็นชะตาชีวิตอันมืดมนไร้แสงเดือนแสงตะวัน เป็นคนเฝ้าสุสานไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน!

……

เขาด้านหลังสำนักกระบี่เทียมฟ้า มียอดเขาสามสิบหกลูก

ไม่ทันไร เงาร่างของเหมิงชิวจิ้งก็ปรากฏอยู่ด้านหน้าเขาลูกหนึ่งภายในนั้น กล่าวรายงานโดยสังเขปแล้วเข้าสู่ด้านในของยอดเขาอันเป็นส่วนลึกของช่องทางภูเขาอันลึกล้ำแห่งหนึ่ง

สุดปลายทางช่องทางภูเขา เป็นบ่อหินหนืดมหึมาแห่งหนึ่ง หินหนืดสีแดงเพลิงม้วนตลบ แผ่กลิ่นอายชวนสยองที่ร้อนระอุไร้ทัดเทียมออกมา

กระบี่เทพสีดำสนิทเล่มหนึ่งลอยผลุบโผล่ในบ่อหินหนืด เห็นได้ชัดว่าลึกลับหาใดเปรียบ

“ใต้เท้า เรื่องราวเป็นไปได้สูงว่าอาจล้มเหลวแล้ว”

เหมิงชิวจิ้งค้อมกายโค้งคารวะ น้ำเสียงต่ำลึก สีหน้าถึงกับเจือแววเกรงกลัวที่ยากจะกลบซ่อน

“ข้าได้ยินมาบ้างแล้ว”

ทันใดนั้นเงาร่างคล้ายมายาสายหนึ่งก็โผล่ออกมาจากกระบี่เทพสีดำสนิทเล่มนั้น

เมื่อสังเกตโดยละเอียด นั่นเป็นชายชราที่สีหน้าเฉยเมยอย่างที่สุดคนหนึ่ง หนวดผมสะอาดเรียบร้อย นัยน์ตาเจิดจ้าราวกับอาทิตย์ดวงใหญ่ ไหลเวียนด้วยแสงเพลิงอันน่าสะพรึง

“ปีนั้นเป็นข้าที่พาเจ้าเด็กอวิ๋นชิ่งไป๋นี่ออกจากหมู่บ้านเล็กๆ แร้นแค้นแห่งหนึ่งเข้าสู่สำนัก และก็เป็นข้าที่ชุบเลี้ยงเขาจนเติบใหญ่ เดิมคิดอยากให้เขากลายเป็นบุคคลชั้นเลิศที่อยู่เหนือสุดในรุ่น น่าเสียดาย… กลับวางหมากคลาดเคลื่อนเสียได้”

ชายชราถอนหายใจเบาๆ แต่สีหน้ากลับไร้แววไหวหวั่น

“อวิ๋นชิ่งไป๋เป็นหมากที่สำคัญยิ่งคนหนึ่ง ข้าทุ่มแรงกายแรงใจทั้งหมดฝากฝังไว้กับตัวเขา รอแค่หลังจากแดนมกุฎปิดม่านก็จะให้เขารับผิดชอบแผนการของพวกเรา”

เงาร่างของชายชราคล้ายภาพมายา ลอยล่องอยู่เหนือกระบี่เทพสีดำสนิท

“ตอนนี้ต่อให้ชุบเลี้ยงผู้สืบทอดอีกคนก็คงไม่ทันแล้ว ไม่พ้นสิบปี สงครามเก้าดินแดนก็จะเริ่มขึ้นแล้ว นี่ก็หมายความว่า… แผนการที่พวกเราลำบากกายใจมาหลายสิบปี… ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงแล้ว…”

ชายชราเอ่ยถึงตอนสุดท้าย ในน้ำเสียงเจือแววเคืองแค้นและไม่พอใจอย่างเข้มข้น “อวิ๋นชิ่งไป๋ที่สมควรตายนี่ ทำลายการใหญ่ของข้า ช่างไม่ได้ความเกินไปชัดๆ!”

“ตามแผนการ หากเขากลายเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาบุคคลขอบเขตมกุฎของดินแดนรกร้างโบราณนี่ได้ อาศัยอิทธิพลของเขา ก็สามารถกลายเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญยิ่งยวดในตอนที่สงครามเก้าดินแดนมาถึง หากแผนการราบรื่นต่อไปเรื่อยๆ ถึงขั้นสามารถทำลายบุคคลขอบเขตมกุฎในหมู่คนรุ่นเยาว์ทั้งหมดของดินแดนรกร้างโบราณในคราวเดียวได้เลยด้วยซ้ำ!”

“แต่ว่า…”

กล่าวถึงตรงนี้ สีหน้าของชายชราก็เปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวหาใดเปรียบ “เขาดันถูกฆ่าแล้ว!”

ตูม!

ไอสังหารอันน่าสะพรึงวูบหนึ่งแผ่กว้างออกมาจากตัวของชายชรา น่าสะพรึงเกินไป ทำให้เหมิงชิวจิ้งยังแข็งทื่อไปทั้งตัว ทั่วร่างราวกับตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง

“น่าชังนัก!”

ชายชราทอดถอนใจ สีหน้าอัดอั้น

ไม่มีใครรู้ เขาทุ่มเททรัพย์สินและหยาดเหงื่อแรงใจไปกับอวิ๋นชิ่งไป๋ตั้งเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ พร้อมๆ กับการตายของอวิ๋นชิ่งไป๋ ทุกอย่างล้วนละลายสูญเปล่าทั้งสิ้น

นี่จะไม่ให้เขาแค้นได้อย่างไร

“ใต้เท้า ปีนั้นยามที่มุ่งหน้าสู่โลกชั้นล่าง เหตุใดถึงไม่อาจฆ่าหลินสวินนั่นได้”

เหมิงชิวจิ้งลังเลอยู่เนิ่นนานก็อดเอ่ยถามออกมาไม่ได้

“เฮอะ!”

สีหน้าของชายชราขรึมลง สีหน้าเย็นเยียบกล่าวว่า “เรื่องมาถึงตอนนี้ข้าก็จะไม่ปิดบังเจ้า ชาติกำเนิดของเจ้าเด็กนี่ไม่ธรรมดายิ่ง”

“ปีนั้นเดิมข้าอยากกำจัดตระกูลหลินทิ้งทั้งหมด ไม่ให้เหลือรอดสักคน แต่ตอนที่ลงมือ กลับถูกคนลึกลับที่เร่งรุดเข้ามาช่วยชีวิตแม่ของเจ้าเด็กนี่ขัดขวาง คนผู้นี้ไม่เพียงช่วยเจ้าเด็กหลินสวินนี่ไป ซ้ำยังซัดทำลายพลังข่ายอาคมที่ข้ากางไว้อีกด้วย แตกตื่นไปถึงคนใหญ่คนโตในโลกชั้นล่างพวกนั้น”

กล่าวถึงตรงนี้นัยน์ตาชายชราก็ผุดประกายแปลกๆ คล้ายกริ่งเกรง และคล้ายกังขา “แม้แต่ข้าก็ยังคิดไม่ถึง ในโลกชั้นล่างนั่นถึงกับยังมีพวกระดับจักรพรรดิแท้ซ่อนตัวอยู่ด้วย!”

“อะไรนะ!”

เหมิงชิวจิ้งราวกับถูกสายฟ้าฟาด มึนตื้อไปทั้งอยู่ตรงนั้น โลกชั้นล่างแร้นแค้นปานใด ถูกดินแดนรกร้างโบราณมองเป็นเขตแดนที่ถูกทอดทิ้งก็ไม่ปาน

ที่นั่นจะมีระดับจักรพรรดิได้อย่างไร

“เฮอะ! หากไม่เป็นเช่นนี้ เจ้าคิดว่าด้วยพลังของข้า ยังจะฆ่าเจ้าพวกที่เหมือนมดปลวกกลุ่มหนึ่งไม่ได้เชียวหรือ”

ชายชราแค่นเสียงเย็น “เสียดาย ปีนั้นข้าไม่กล้าอยู่ต่อสักนิด ทำได้เพียงรีบพาอวิ๋นชิ่งไป๋จากไปอย่างฉุกละหุก หาไม่จะต้องได้รู้เป็นแน่ ว่าระดับจักรพรรดิคนไหนกันแน่ที่นั่งบัญชาดูแลในโลกชั้นล่างนั่น!”

สีหน้าของเหมิงชิวจิ้งวูบไหวไม่นิ่ง

เขารู้ว่าความแข็งแกร่งของชายชราน่าสะพรึงปานใด หากไม่ใช่เพื่อปิดบังตัวตน ไม่ให้ถูกพวกเฒ่าดึกดำบรรพ์ในดินแดนรกร้างโบราณพวกนั้นรู้ตัวเข้า จากพลังของชายชราก็ไม่เกรงกลัวพวกระดับราชันอริยะคนใดเลยสักนิด!

“ใต้เท้า เช่นนั้นต่อไปพวกเราควรทำอย่างไร”

เหมิงชิวจิ้งอดเอ่ยถามไม่ได้

“แผนการล้มเหลว ข้าอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณนี่ต่อก็ไม่เกิดประโยชน์แล้ว มีแต่ต้อง… จากไป”

เสียงของชายชราต่ำลึก คล้ายไม่เต็มใจยิ่ง

“ใต้เท้า ท่านกำลังจะกลับถิ่นเดิมแล้วหรือ แล้ว… ข้าล่ะ”

เหมิงชิวจิ้งซักถาม

“เจ้าก็อยู่ต่อสักระยะเถอะ ต่อไปหากมีเวลาที่ต้องใช้งานเจ้า ข้าจะติดต่อเจ้าเอง”

ชายชราทำการตัดสินใจ

กล่าวพลางเขาโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง โยนขวดหยกใบหนึ่งออกมา และร่วงตกลงไปแทบเท้าของเหมิงชิวจิ้ง “นี่คือยาแก้คำสาปกักจิต มีทั้งหมดหนึ่งร้อยเม็ด เพียงพอให้เจ้าใช้ภายในหนึ่งร้อยปี ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกแว้งกัดอีก”

สีหน้าเหมิงชิวจิ้งเปลี่ยนไป กล่าวลนลาน “ใต้เท้า แล้วหลังจากร้อยปีเล่า”

“หลังจากร้อยปี… ฮ่าๆ บางทีดินแดนรกร้างโบราณนี่อาจถูกบุกทำลายไปนานแล้ว ถึงตอนนั้นข้าย่อมต้องมาแก้คำสาปกักจิตให้เจ้าอย่างสิ้นเชิงด้วยตัวเองอยู่แล้ว”

ชายชราระบายยิ้มบางๆ

ไม่นานเหมิงชิวจิ้งก็ออกจากถ้ำภูเขาแห่งนี้ด้วยสภาพจิตหลุดลอย ทอดมองแสงท้องฟ้าอันงดงาม เขากลับรู้สึกบาดตาหาใดเปรียบ

‘เหลือชีวิตให้ข้าแค่ร้อยปี เจ้า… ช่างเหี้ยมนัก!’

ในใจเขาเคียดแค้นยากสงบ เกิดแรงกระตุ้นหลายต่อหลายครั้ง หมายจะเปิดโปงตันตนของชายชราผู้นี้ ตีแผ่ให้หมดเปลือก

แต่ท้ายที่สุดเหมิงชิวจิ้งก็ยังอดทนไว้

ในวันนี้ สำนักกระบี่เทียมฟ้ามีข่าวร้ายสะท้านฟ้าแพร่ออกมา ผู้อาวุโสคนหนึ่งนาม ‘ฝานฉี’ ซึ่งหลายปีมานี้ปิดด่านอยู่ในสระเทพหินอัคคีที่ภูเขาด้านหลังมาโดยตลอด ตายเพราะธาตุไฟเข้าแทรกในระหว่างฝึกปราณ!

ชั่วขณะหนึ่งทั้งบนล่างของสำนักกระบี่เทียมฟ้าต่างเศร้าสลด ผู้อาวุโสฝานฉีเป็นถึงอริยะแท้คนหนึ่ง แต่ดันตายทั้งอย่างนี้เสียแล้ว

ก่อนหน้านี้อวี๋ซิว ขู่หยาร่วงหล่น วันนี้ก็มีผู้อาวุโสฝานฉีร่วงหล่นอีก แรงโจมตีต่อสำนักกระบี่เทียมฟ้าคราวนี้ใหญ่หลวงเกินไปจริงๆ

มีเพียงเหมิงชิวจิ้งที่แค่นหัวเราะในใจไม่สิ้น ผู้อาวุโสฝานฉีตายไปตั้งแต่ร้อยปีก่อนนู่นแล้ว หลายปีมานี้ก็แค่ถูกคนยึดร่างเท่านั้น

ตอนนี้คนผู้นั้นจากไปแล้ว ร่างของเขาย่อมตายเพราะ ‘ธาตุไฟเข้าแทรก’ เป็นธรรมดา

……

ยามเมื่อหลินสวินเข้าสู่นครหยกขาว ก็ได้ยินข่าว ‘ผู้อาวุโสฝานฉี’ ของสำนักกระบี่เทียมฟ้าตายเพราะฝึกปราณจนธาตุไฟเข้าแทรกในทันที

ชั่วขณะหนึ่งเขาอึ้งงันไปพักหนึ่งเช่นกัน อริยะเช่นนี้ถึงกับตายเพราะการฝึกปราณ เส้นทางแห่งการเคี่ยวกรำอริยมรรคเสี่ยงอันตรายปานนี้เชียวหรือ

ไม่นานหลินสวินก็ไม่สนใจเรื่องพวกนี้อีก

เขามานครหยกขาวครั้งนี้ เพียงเพื่อจะกำจัดตัวการรองที่สังหารญาติสายตรงของตระกูลหลินในปีนั้น!

สองวันต่อมา

ในที่สุดหลินสวินก็สืบข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นทั้งหมดได้ หนำซ้ำยังกำหนดเป้าหมายได้แล้ว เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อซ่งชิงอวิ๋น

หอสุราถามมรรค

ชั้นสอง อัจฉริยะรุ่นเยาว์กลุ่มหนึ่งกำลังสังสรรค์กันอยู่ ผู้ที่นั่งหัวโต๊ะเป็นชายหนุ่มสวมชุดขนนก สีหน้าหยิ่งผยองคนหนึ่ง

เขาชื่อซ่งชิงอวิ๋น เป็นผู้สืบทอดสายในของสำนักกระบี่เทียมฟ้า โดดเด่นเป็นเลิศในหมู่คนรุ่นเยาว์ มีปราณระดับกระบวนแปรจุติ

ถึงแม้จะมีปราณเพียงแค่ระดับกระบวนแปรจุติ แต่เขากลับกลายเป็นบุคคลที่เป็นจุดสนใจในที่แห่งนี้ ทุกคนนั่งโอบล้อมเขาราวกับดาวล้อมเดือน

“พี่ซ่ง ท่านรู้ความจริงที่ผู้อาวุโสฝานฉีร่วงหล่นหรือไม่ นั่นเป็นถึงอริยะคนหนึ่งเชียว เหตุใดถึงลาลับไปทั้งอย่างนี้เสียได้”

มีคนอดเอ่ยถามไม่ได้

สีหน้าของซ่งชิงอวิ๋นเคร่งขรึม “เรื่องลับสุดยอดระดับนี้ มีหรือพวกเจ้าจะสืบข่าวได้ส่งเดช”

ทุกคนอักอ่วนทันที

และเวลานี้เอง จู่ๆ ก็มีคนหนุ่มสวมอาภรณ์สีขาวพระจันทร์คนหนึ่งเดินขึ้นมาบนชั้นสอง ตรงดิ่งไปทางพวกซ่งชิงอวิ๋น

เขากวาดสายตาคราหนึ่ง แล้วมองไปที่ตัวซ่งชิงอวิ๋นซึ่งนั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธานที่หัวโต๊ะ

“ซ่งชิงอวิ๋น?” คนหนุ่มเอ่ยถาม

ทันใดนั้น คนในที่นี่ต่างขมวดคิ้ว

——

Related

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset