Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1361 ตัวตนของผู้ร้ายหลักเบื้องหลัง

เหมิงชิวจิ้งไม่เคยเจอหลินสวิน แต่ยามมองเห็นเงาร่างสูงโปร่งที่ขวางอยู่ตรงหน้าสายนั้น กลับดูออกในชั่วครู่ว่านั่นจะต้องเป็นหลินสวินแน่นอน

ชั่วขณะนั้นเขาถึงขั้นยากจะทำใจเชื่ออยู่บ้าง อีกฝ่ายพบตนตั้งแต่เมื่อไหร่

“พยัคฆ์ร้ายไม่กินลูกตัวเอง แต่เจ้าแม้แต่ชีวิตลูกในไส้แท้ๆ กลับไม่ช่วยเหลือ จิตใจช่างโหดร้ายซะจริง”

ไกลออกไปหลินสวินเอ่ยปากเนิบนาบ

ตู้ม!

ประโยคเดียวทำเอาเหมิงชิวจิ้งราวกับถูกสายฟ้าฟาด หนังหัวแทบแตกกระจุย

เรื่องที่ซ่งชิงอวิ๋นเป็นลูกชายของเขา แม้แต่ทั้งสำนักกระบี่เทียมฟ้ายังไม่รู้ หลินสวินนี่รู้ได้อย่างไร

“สารเลว นี่เป็นถึงอาณาเขตของสำนักกระบี่เทียมฟ้า จะปล่อยให้เจ้าโอหังได้ตามใจชอบหรือ”

ทันใดนั้นเหมิงชิวจิ้งตวาดลั่น เสียงดังสนั่นยิ่งยวด สะเทือนเลื่อนลั่นปานฟ้าคำราม

มุมปากหลินสวินเจือแววเสียดสี “จนป่านนี้แล้ว เจ้ายังคิดจะแจ้งให้สำนักกระบี่เทียมฟ้าส่งคนมาช่วยเหลือเจ้าอยู่อีกหรือ”

“เจ้า…”

เหมิงชิวจิ้งหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ เขาเองก็ตระหนักได้ว่าเสียงยังไม่ทันแผ่ออกไปก็ถูกผนึกต้องห้ามไร้รูปชั้นหนึ่งปิดกั้นเอาไว้

ตูม!

และในเวลานี้หลินสวินเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว โบกแขนเสื้อคราหนึ่ง

แสงมรรคระฟ้ากลายเป็นเกลียวไหมขาวโพลนเจิดจ้าประดุจธารดาราสายหนึ่ง ตลบม้วนห้วงอากาศมุ่งฝ่าไป

เหมิงชิวจิ้งมีปราณระดับอมตะเคราะห์ด่านสอง มิฉะนั้นคงไม่สามารถรับหน้าที่ผู้อาวุโสสายในของสำนักกระบี่เทียมฟ้าได้

ทว่ายามเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีครั้งนี้ เขากลับมีความสิ้นหวังและไร้เรี่ยวแรงอย่างบอกไม่ถูก

ห่างชั้นกันเกินไปแล้ว!

พร้อมๆ กับเสียงสนั่นหวั่นไหวดังแสบหูและเสียงคำรามไม่พอใจ ทั้งตัวเหมิงชิวจิ้งล้วนถูกแสงมรรคเจิดจรัสไร้ทัดเทียมนั่นท่วมมิด สูญเสียสติสัมปชัญญะ

สวบ!

ครู่ต่อมาหลินสวินหิ้วร่างของเขาขึ้น แล้วอาศัยสีราตรีพุ่งโฉบมุ่งหน้าห่างออกไป

เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ แม้แต่หลินสวินเองก็ไม่อาจไม่ยอมรับ เหมิงชิวจิ้งนี่รอบคอบและมากประสบการณ์ถึงขีดสุด เมื่อสัมผัสได้ถึงความไม่เข้าทีก็รีบถอนตัวถอยออกมาทันที

ความเร็วในการตอบสนอง ความเหี้ยมเกรียมของจิตใจ พาให้ผู้คนร้องอุทาน

ยังดีที่ตั้งแต่เริ่มหลินสวินก็ไม่ได้คิดจะเฝ้าตอรอกระต่ายอยู่ในเมือง

การลงมือจัดการกับสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันคนหนึ่งกลางเมือง จะต้องเปิดเผยพลังและตัวตน ดึงดูดความโกลาหลที่ไม่จำเป็นอย่างแน่นอน

ก็เพราะใคร่ครวญถึงจุดนี้ หลินสวินจึงจัดแจงให้เสี่ยวอิ๋นรั้งอยู่ในเมือง ส่วนเขาออกนอกเมืองมาก่อน ดักรออยู่ระหว่างทาง

และโชคดีที่เป็นเช่นนี้ ถึงสามารถรวบปลาตัวใหญ่อย่างเหมิงชิวจิ้งนี่ได้

……

ในเมือง ยามค่ำคืนมืดสนิทดุจสีหมึก

ในเรือนพำนักแห่งหนึ่ง ถูกผนึกลายมรรคไร้รูปแผ่ครอบไว้ตั้งแต่แรก

“อย่าให้ชิงอวิ๋นรู้เรื่องพวกนี้ได้หรือไม่ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่เคยเข้าไปเอี่ยวในเรื่องทำร้ายตระกูลหลินใดๆ ข้าขอร้องเจ้าล่ะ ปล่อยเขาไปสักครั้งได้หรือไม่”

เหมิงชิวจิ้งสีหน้าอับแสง นั่งลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ทั้งตัวเสมือนแก่ลงไปมากเพียงชั่วครู่

ซ่งชิงอวิ๋นยังคงไม่ได้สติ ถูกทิ้งไว้บนพื้นเย็นเยียบราวกับหมาตายไม่มีผิด นี่พาให้ในใจเหมิงชิวจิ้งเจ็บปวดนัก

“ปีนั้นบรรดาญาติตระกูลหลินของข้าก็บริสุทธิ์ไร้ความผิด พวกเจ้าเคยคิดจะปล่อยพวกเขาไปสักครั้งบ้างหรือไม่”

สีหน้าหลินสวินเฉยเมย นัยน์ตาปราศจากความหวั่นไหวทางอารมณ์

“พะ… พวกเราล้วนถูกบีบบังคับ”

สีหน้าเหมิงชิวจิ้งตื่นตระหนก ร้องตะโกนลั่น “ฆาตกรตัวจริงไม่ใช่พวกเราเสียหน่อย!”

“ข้าย่อมรู้อยู่แล้วว่าตัวการหลักคืออวิ๋นชิ่งไป๋”

หลินสวินกล่าวสบายๆ

“ไม่ อวิ๋นชิ่งไป๋เป็นแค่แมลงน่าสงสารตัวหนึ่ง ชะตาชีวิตถูกคนควบคุมตั้งนานแล้ว ปีนั้นเขาเพิ่งมีปราณระดับกระบวนแปรจุติขั้นต้นเท่านั้น จะมีปัญญาแฝงตัวเข้าสู่โลกชั้นล่าง ก่อเรื่องระดับนี้ขึ้นโดยเทพไม่รู้ผีไม่เห็นได้หรือ”

เหมิงชิวจิ้งกัดฟัน โพล่งความลับอย่างหนึ่งออกมา เพื่อปกป้องตัวเองเขาก็ไม่สนใจสิ่งอื่นใดทั้งนั้น

นัยน์ตาดำของหลินสวินหรี่ลง กล่าวว่า “เป็นฝีมือของคนผู้นั้นที่ชุบเลี้ยงอวิ๋นชิ่งไป๋จนเติบใหญ่?”

เหมิงชิวจิ้งตกตะลึง คล้ายไม่อยากเชื่อ “จะ… เจ้าถึงกับรู้ตั้งแต่แรกแล้ว? ดูท่าคงเป็นอวิ๋นชิ่งไป๋ที่บอกเจ้า ก่อนสิ้นใจเขาเองก็ไม่พอใจยิ่งใช่หรือไม่ บุคคลสะท้านโลกที่เกิดมาพร้อมกระดูกกระบี่คนหนึ่ง ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบกลับถูกคนบงการชะตาชีวิต…”

กล่าวถึงตอนสุดท้ายเขาราวกับนึกถึงตนเอง สีหน้าอึมครึมลงอย่างอดไม่ได้ ตนก็ไม่ได้เป็นเช่นนี้หรอกหรือ

“เล่าที่มาของเขาให้ฟังที” หลินสวินนิ่งเงียบพักหนึ่งก่อนเอ่ยถาม

เหมิงชิวจิ้งเสมือนคว้าความหวังเสี้ยวสุดท้าย กล่าวว่า “หากข้าพูดแล้ว พอจะไว้ชีวิตข้าสักครั้งได้หรือไม่”

น้ำเสียงของหลินสวินราบเรียบ “ต่อให้เจ้าไม่พูด ข้าก็สามารถดูดออกมาจากจิตวิญญาณของเจ้าได้ เพียงแค่ไม่อยากยุ่งยากถึงขนาดนั้น”

เสี่ยวอิ๋นยืนอยู่บนบ่าของหลินสวิน สีหน้าเย็นเยียบ เขาเตรียมตัวพร้อมเป็นที่เรียบร้อย

สีหน้าของเหมิงชิวจิ้งวูบไหวไม่นิ่ง สุดท้ายก็ห่อเหี่ยว ชี้ไปทางซ่งชิงอวิ๋นที่อยู่ไม่ไกลอย่างขมขื่นพลางกล่าว “พอจะเหลือสายเลือดสักคนให้ข้าได้หรือไม่”

หลินสวินกล่าวว่า “หลังจากได้รู้ความจริง ข้าย่อมจะพิจารณาปัญหาข้อนี้”

เหมิงชิวจิ้งพยักหน้าหงึกๆ “ได้!”

ต่อมาเขาสูดหายใจลึกหลายครั้ง เอ่ยว่า “คนผู้นั้นไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งในสำนักกระบี่เทียมฟ้าของข้า เจ้าเองก็น่าจะเคยได้ยินมาบ้างแล้ว วันนี้ ‘ผู้อาวุโสฝานฉี’ ของสำนักข้าถึงแก่กรรม ความจริงแล้วผู้อาวุโสฝานฉีถูกคนฆ่าตายตั้งแต่ร้อยปีก่อนแล้ว เพียงแต่ร่างของเขาถูกคนยึดครองเท่านั้น…”

หนังตาของหลินสวินกระตุก เขาไม่รู้เลยว่าในนี้ยังมีเรื่องพรรค์นี้อยู่ด้วย

คนที่ฆ่าผู้อาวุโสฝานฉีตาย ต้องเป็นคนลึกลับที่ยืนอยู่เบื้องหลังอวิ๋นชิ่งไป๋อย่างแน่นอน

“คนผู้นั้นเป็นมารชั่วร้ายที่น่ากลัวสุดขีดคนหนึ่ง ไม่ใช่คนของดินแดนรกร้างโบราณด้วยซ้ำ แต่เป็นคนที่มาจาก ‘ดินแดนโบราณยอดหยิน’ หนึ่งในแปนดินแดนอื่น มีปราณระดับกึ่งจักรพรรดิ ช่วงร้อยปีก่อนใช้วิธีที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้อย่างหนึ่ง ทะลวงผ่านแนวหน้าสนามรบของดินแดนรกร้างโบราณ แฝงตัวเข้ามาในดินแดนรกร้างโบราณ…”

เหมิงชิวจิ้งให้ความร่วมมืออย่างยิ่ง น้ำเสียงต่ำลึก เล่าเรื่องในอดีตออกมา

“เขามีแผนการอย่างหนึ่ง หมายจะบ่มเพาะบุคคลชั้นเลิศที่สามารถชี้นำบุคคลขอบเขตมกุฎในหมู่คนรุ่นเยาว์ได้คนหนึ่ง”

“อวิ๋นชิ่งไป๋ก็คือหมากที่เขาเลือก หลายปีมานี้เขาทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงกายทั้งหมดไปกับตัวอวิ๋นชิ่งไป๋”

“แต่ท้ายที่สุดอวิ๋นชิ่งไป๋กลับตายด้วยน้ำมือเจ้า เท่ากับทำลายแผนการของเขาอย่างสิ้นเชิงโดยไร้รูป”

กล่าวถึงตรงนี้เหมิงชิวจิ้งก็มองหลินสวินปราดหนึ่งด้วยสีหน้าซับซ้อน หากให้คนนอกรู้ว่าการที่หลินสวินสังหารอวิ๋นชิ่งไป๋ เท่ากับช่วยบุคคลขอบเขตมกุฎในหมู่คนรุ่นเยาว์ของดินแดนรกร้างโบราณ สะสางเคราะห์สังหารคับฟ้าอย่างหนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไร

“กล่าวเช่นนี้ เขาคิดยืมมืออวิ๋นชิ่งไป๋ ทำเรื่องขัดประโยชน์ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณตอนเกิดสงครามเก้าดินแดนใช่หรือไม่”

ในใจหลินสวินเองก็สั่นสะเทือนอยู่บ้างเช่นกัน กึ่งจักรพรรดินอกดินแดนคนหนึ่ง ถึงกับแฝงตัวอยู่ในสำนักกระบี่เทียมฟ้ามาตลอดร้อยปี ซ้ำยังเลี้ยงดูอวิ๋นชิ่งไป๋จนกลายเป็นผู้ฝึกกระบี่แห่งยุคในหมู่คนรุ่นเยาว์!

หากไม่ใช่เพราะตนปรากฏตัว ก็เป็นไปได้สูงว่าจะสามารถทำให้อวิ๋นชิ่งไป๋กลายเป็นผู้นำในหมู่บุคคลขอบเขตมกุฎยุคปัจจุบันจริงๆ!

เหมิงชิวจิ้งกัดฟันกล่าวว่า “ใช่แค่ขัดประโยชน์เสียที่ไหน ในแผนการของมารชั่วนั่น หมายจะหลอกใช้อิทธิพลของอวิ๋นชิ่งไป๋รวบจับบุคคลขอบเขตมกุฎทั้งหมดในดินแดนรกร้างโบราณ ตัดรากถอนโคน กำจัดมกุฎมรรคาของดินแดนรกร้างโบราณทิ้งอย่างสิ้นเชิงในช่วงสงครามเก้าดินแดนเปิดฉาก!”

ในใจหลินสวินเย็นวาบขึ้นมาอยู่บ้าง

แผนการอำมหิตนัก!

มหายุคในปัจจุบันเจิดจรัสสุดขีด หลังจากแดนมกุฎปิดม่าน ต่อไปกลัวแต่คงยากจะมาเยือนอีกครั้ง

กล่าวได้ว่าบรรดาผู้แข็งแกร่งที่กลายเป็นบุคคลขอบเขตมกุฎในตอนนี้ ก็คือบุคคลขอบเขตมกุฎกลุ่มเดียวที่มีอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณแล้ว หากพวกเขาถูกกำจัดทิ้ง เช่นนั้นดินแดนรกร้างโบราณในภายภาคหน้า จะต้องปราศจากบุคคลขอบเขตมกุฎอีกอย่างแน่นอน!

พร้อมกันนั้นในที่สุดหลินสวินก็เข้าใจแล้ว ว่าปีนั้นตอนที่อวิ๋นชิ่งไป๋บุกไปยังโลกชั้นล่าง เหตุใดถึงสามารถก่อคดีนองเลือดกับตระกูลหลินได้อย่างง่ายดาย

มีกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งเคียงข้าง ก็เพียงพอแล้ว!

“แล้วเขาเล่า คงไม่ใช่ว่าตอนนี้ก็ยังอยู่ในสำนักกระบี่เทียมฟ้ากระมัง” หลินสวินถาม

“ไม่”

เหมิงชิวจิ้งส่ายหน้า “แผนการล้มเหลว เขาออกไปในวันนี้เอง หาไม่ข่าวของผู้อาวุโสฝานฉีก็คงไม่แพร่กระจายออกมา”

หลินสวินพยักหน้ากับตัวเอง

“จริงสิ ยังมีอีกเรื่อง”

จู่ๆ เหมิงชิวจิ้งพลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้ กล่าวว่า “มารชั่วนั่นเคยบอกว่าชาติกำเนิดของเจ้าไม่ธรรมดา ปีนั้นจากพลังของเขากลับยังไม่สามารถฆ่าเจ้าได้ เพราะถูกคนลึกลับผู้หนึ่งที่เดิมทีตั้งใจมาช่วยแม่ของเจ้าขัดขวางไว้ สุดท้ายก็คว้าโอกาสช่วยเจ้าออกมา”

หลินสวินแข็งทื่อไปทั้งร่าง ในหัวเกิดเสียงดังสนั่นคราหนึ่ง เข้าใจอย่างสิ้นเชิงแล้ว

กึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งลงมือ แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้ตนมีชีวิตรอด ตอนนั้นจะต้องมีคนทำการช่วยเหลืออย่างแน่นอน

และฟังที่เหมิงชิวจิ้งพูดมา คนแรกที่หลินสวินนึกถึงก็คือผู้ที่ชุบเลี้ยงตนจนเติบใหญ่ ท่านลู่ ลู่ป๋อหยา!

“แล้วพ่อแม่ของข้าล่ะ” สภาพอารมณ์ของหลินสวินเริ่มผิดปกติไปบ้าง

“ไม่รู้”

เหมิงชิวจิ้งส่ายหน้า “หากไม่ผิดคาด ก็น่าจะประสบเคราะห์แล้ว ถึงอย่างไรหากพวกเขายังมีชีวิตอยู่ คงไม่ยอมทนมองชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดของเจ้าถูกช่วงชิงไปตาปริบๆ อย่างแน่นอน”

เมื่อก่อนหลินสวินเคยปลุกจิตรับรู้ในตอนที่ตนเกิด ใช้มุมมองของเด็กทารก มองดูเรื่องราวนองเลือดที่เกิดขึ้นในภูเขาชำระจิตของตระกูลหลินในปีนั้น

น่าเสียดาย เป็นเพียงแค่เสี้ยวเล็กน้อยเท่านั้น เขาเห็นเพียงบิดามารดาตะโกนลั่นอย่างร้อนใจในทะเลเพลิง และเห็นอวิ๋นชิ่งไป๋ที่สีหน้าราบเรียบเฉยเมย กำลังมุ่งไปข้างหน้าท่ามกลางทะเลเพลิงราวกับเทพสังหาร…

นอกจากนี้ ก็ไม่มีสิ่งอื่นอีก

เหมิงชิวจิ้งเอ่ยกล่าว “ข้าจำได้เพียง มารชั่วนั่นเคยพูดว่าในโลกชั้นล่างมีระดับจักรพรรดิแท้นั่งบัญชาดูแลอยู่ หาไม่จากฝีมือของเขา การโค่นตระกูลหลินทั้งหมดก็ไม่ใช่เรื่องยาก”

ระดับจักรพรรดิแท้!

คำนี้พาให้ในใจหลินสวินสั่นสะเทือนอีกครั้ง ในโลกชั้นล่าง ยังมีระดับจักรพรรดินั่งบัญชาอยู่ด้วยหรือ

จะเป็นท่านลู่หรือไม่

ไม่สิ!

หากท่านลู่เป็นจักรพรรดิ มีหรือจะยอมปล่อยให้กึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งหนีไปได้

เช่นนั้นคนผู้นั้นเป็นใครกัน

ในใจหลินสวินผุดข้อกังขาข้อแล้วข้อเล่าขึ้นมา เขาเพิ่งค้นพบว่าเบื้องหลังคดีนองเลือดของตระกูลหลินที่เกิดขึ้นในปีนั้น ยังมีเรื่องคลุมเครือที่เขาไม่เข้าใจอยู่อีกมาก!

“ที่ข้ารู้ก็บอกเจ้าไปหมดแล้ว ข้าเองก็ถูกบังคับเช่นกัน ผู้อาวุโสฝานฉีก็คืออาจารย์ของข้า ทว่ากลับมาตายด้วยน้ำมือของมารชั่วคนนั้น ในใจข้ามีหรือจะไม่แค้น”

สีหน้าของเหมิงชิวจิ้งวูบไหวไม่นิ่ง กล่าวอย่างขมขื่นว่า “แต่ข้าเองก็ไร้หนทาง มารชั่วนั่นใช้คำสาปกักจิตที่ลึกลับอย่างหนึ่งควบคุมข้า หากข้าไม่เชื่อฟังคำสั่งของเขาก็จะเจ็บปวดจนไม่อยากอยู่ เหมือนตายทั้งเป็น ไม่อาจทำตามใจตนได้สักนิด”

“อวิ๋นชิ่งไป๋น่าสังเวชยิ่ง แต่ว่า ข้ากับเขาก็ไม่ได้ต่างอะไรกัน ล้วนเป็นหมากที่ถูกมารชั่วควบคุมก็เท่านั้น”

เหมิงชิวจิ้งในเวลานี้เหมือนแมลงน่าสงสารตัวหนึ่ง นั่งพังพาบอยู่กับพื้น ไหนเลยจะมีท่วงท่าสง่างามที่เป็นของสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชัน

เพียงแต่สีหน้าของหลินสวินยังคงเฉยเมย ไม่ไหวเคลื่อน

“คำถามข้อสุดท้าย คนผู้นั้นชื่ออะไร” หลินสวินถาม

เหมิงชิวจิ้งขมวดคิ้วครุ่นคิด “ข้าจำได้รางๆ เขาเคยบอกว่ามาจากสถานที่แห่งหนึ่งที่ชื่อ ‘ทะเลดารามืด’ ของดินแดนโบราณยอดหยิน เขาเรียกที่นั่นว่าบ้านเกิด!”

กล่าวถึงตรงนี้เหมิงชิวจิ้งพลันฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ กล่าวอย่างตื่นเต้น “ข้านึกออกแล้ว มีครั้งหนึ่งตอนที่เขาฝึกปราณ เคยพูดพึมพำกับตัวเองว่า ‘วันหน้ายามเมื่อหวนคืนบ้านเกิดอีกครั้ง ด้วยคุณงามความดียิ่งใหญ่ ตัวข้าปาฉีย่อมขึ้นสู่ตำแหน่งจักรพรรดิ…’”

พรวด!

เพิ่งกล่าวถึงตรงนี้เหมิงชิวจิ้งก็เบิกตาโพลง จากนั้นก็กระอักเลือดคำโตออกมาเสียงดัง ล้มฟุ่บลงกับพื้น ลมหายใจพลันมอดดับในชั่วพริบตา

เนื้อหนังทั่วร่างของเขาพลันปรากฏสีม่วงช้ำแปลกประหลาดอย่างหนึ่ง!

ในใจหลินสวินตกตื่นทันที

——

Related

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset