Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1390 คุกเข่า

ตูม!

เขาวิญญาณหยินสูงนับหมื่นจั้งสั่นโคลงอย่างรุนแรง ผนึกเทพถูกกำจัด พื้นผิวของภูเขาลูกนี้ถูกฟันออกเป็นรอยแยกตรงแน่วรอยหนึ่ง น่าตื่นตระหนกเมื่อได้เห็น

หลินสวินกลับนิ่วหน้า

ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ ชั่วดีดนิ้วก็เผาภูผาหลอมทะเล แต่ตอนนี้กลับไม่อาจทำลายเขาวิญญาณหยินลูกนี้โดยสมบูรณ์เสียได้

ที่ทำให้หลินสวินไม่เข้าใจที่สุดก็คือ หลังจากตนเข้ามาในพื้นที่ภูเขาแห่งนี้ กวาดล้างตลอดทาง ความเคลื่อนไหวที่ก่อขึ้นยิ่งใหญ่ปานไหน

แต่กระทั่งตอนนี้ ‘ราชันเกราะทอง’ ที่ว่ายังไม่เคยปรากฏ

สิ่งนี้ดูผิดวิสัยนัก

บนเขาวิญญาณหยิน สัตว์อสูรมารร้องเสียงดัง ต่างตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก สับสนอลหม่านไปหมด

ผนึกเทพพิทักษ์ภูเขาที่ถูกมองว่าเป็นที่พึ่งพิงใหญ่ยิ่งก็ยังถูกหลินสวินทำลายได้ในกระบวนเฉือนเดียว นี่ก็เหมือนหญ้าฟางต้นเดียวล้มอูฐแบกของได้ ทำให้พวกมันใจฝ่อไปโดยสมบูรณ์

สวบ!

หลินสวินไม่ได้ลังเล เงาร่างลอยสูงขึ้นกลางอากาศ โฉบไปยังเขาวิญญาณหยิน

แสงมรรคน่ากลัวโคจรรอบกายเขา เจิดจรัสราวธารดาราม้วนตลบ ในทุกที่ที่ผ่านห้วงอากาศยุ่งเหยิง หินผาระเบิดป่นปี้

สัตว์อสูรมารที่ถูกจิตรับรู้ของหลินสวินกวาดโดนระหว่างทางทุกตน ไม่ว่าพลังจะอ่อนแอหรือแข็งแกร่งต่างแหลกสลายเป็นฝุ่นผงในชั่วพริบตา สิ้นชีพคาที่

เพียงช่วงเวลาไม่กี่อึดใจเท่านั้น เหนือเขาวิญญาณหยินถูกย้อมไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเข้มข้น ทุกที่ต่างเต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวนชวนหดหู่

นกปีศาจบางตัวสยายปีกจะบิน แต่ก็ไร้ประโยชน์ ร่างกายระเบิดแหลกไปกลางอากาศ

อสูรมารบำเพ็ญบางตนคุกเข่าร้องขอชีวิต แต่ยังถูกปลิดชีพดังเดิม!

หลายปีมานี้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ในจักรวรรดิไม่รู้เท่าไรถูกสัตว์อสูรมารสังหาร เมืองไม่รู้กี่เมืองถูกฆ่าล้างบาง

เดรัจฉานสารเลวพวกนี้ไม่น่าเห็นใจอยู่แล้ว!

แม้หลินสวินไม่ใช่พวกกระหายการเข่นฆ่า แต่ในตอนนี้กลับมีจิตสังหารแน่วแน่ ไม่เห็นอกเห็นใจสักนิด

เวลาเพียงหนึ่งถ้วยชา

ทั้งบนล่างของเขาวิญญาณหยิน เหล่าอสูรมารต่างถูกปลิดชีพ

กลิ่นคาวเลือดและซากศพเตะจมูกปกคลุมไปทั่วภูเขาลูกใหญ่!

‘จนป่านนี้แล้วกลับยังไม่ปรากฏตัว… หรือราชันเกราะทองผู้นี้สังเกตเห็นความผิดปกติได้ก่อนเลยหนีไปแล้ว’

หลินสวินนิ่วหน้า จิตรับรู้ของเขาครอบคลุมไปทั้งเขาวิญญาณหยิน สัมผัสอยู่ตลอด แต่จวบจนตอนนี้ยังไม่พบกลิ่นอายที่เกี่ยวข้องกับราชันเกราะทองแต่อย่างใด

‘ไม่ว่าเจ้าจะได้หนีไปหรือไม่ ก็จะทำลายรังเจ้าให้ราบคาบเป็นอย่างแรก!’

หลินสวินพลันทะยานขึ้นไป ดาบหักพุ่งออกไปดังชิ้งอีกครั้ง เจิดจรัสเปล่งประกาย ราวแสงพาดผ่านกลางจักรวาลสายหนึ่ง พลังดาบฟาดฟันลงมา

ตูม!

เขาวิญญาณหยินสูงหมื่นจั้งถูกฟันออกเป็นสองส่วนอย่างง่ายดาย ตัวภูเขาโงนเงนถล่มลง ได้ยินเสียงครั่นครืนไม่ขาด สั่นสะเทือนจนผืนพสุธาระส่ำระสาย ฝุ่นควันตลบอบอวล

หลินสวินยืนอยู่กลางอากาศ แขนเสื้อโบกพลิ้ว เขาคำนวณเล็กน้อย ตั้งแต่ฝ่าเข้ามาที่นี่จากนอกเมืองดาราโรย ห้อตะบึงมาเก้าพันลี้ ตลอดทางฆ่าอสูรมารนับไม่ถ้วน เลือดย้อมจักรวาล

ตั้งแต่ต้นจนจบยังไม่ถึงหนึ่งเค่อเท่านั้นเอง

ค่ายใหญ่ขุมอำนาจสัตว์อสูรมารที่ยึดครองมณฑลซีหนานแห่งจักรวรรดิแห่งนี้ ถูกกำราบราบคาบ!

สิ่งที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวก็อาจจะเป็นหาราชันเกราะทองไม่พบ

ชิ้ง!

หลินสวินเก็บดาบหักกลับมา พอกำลังเตรียมตัวจะจากไปจู่ๆ ก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง แววตาดุจอสนี ทอดมองไกลๆ ไปยังผืนดิน

เขาวิญญาณหยินถูกทำลายสิ้น ผืนดินยังคงสั่นสะเทือน ฝุ่นควันลอยวน

แต่ในสายตาของหลินสวิน ด้านล่างของเขาวิญญาณหยินกลับมีแท่นบูชาแท่นหนึ่งปรากฏขึ้นในตอนนี้!

แท่นบูชานั้นไม่สะดุดตานัก สูงประมาณเจ็ดฉื่อ ทั้งแท่นก่อขึ้นจากศิลาดำโบราณ นอกจากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ

แต่หากสัมผัสด้วยจิตรับรู้ก็จะพบว่า พลังพิสดารที่อบอวลอยู่รอบแท่นบูชานี้สามารถตัดการสำรวจของจิตรับรู้ได้!

‘มิน่าเมื่อกี้ถึงสัมผัสไม่ได้ ที่แท้ก็เป็นพลังผนึกที่ขัดขวางจิตรับรู้…’

ประกายวับวาววาบผ่านในดวงตาของหลินสวิน

เงาร่างของเขาลงมาเบื้องหน้าแท่นบูชานั้นอย่างรวดเร็ว พอประเมินเล็กน้อยก็แน่ใจได้เรื่องหนึ่งแล้ว

ที่แท้พลังกระบวนผนึกที่ปกคลุมเหนือเขาวิญญาณหยินก็มาจากแท่นบูชานี้ เป็นเพราะพลังแปลกพิสดารเช่นนี้ถึงทำให้พลังกระบวนผนึกนั้นทรงพลังถึงที่สุด

‘หืม? ถึงกับเกี่ยวพันกับนัยเร้นลับของห้วงอากาศว่างเปล่า…’

ไม่นานนักนัยน์ตาหลินสวินก็หดรัดลง ไหวหวั่นอีกครั้ง สังเกตเห็นพลังสูงส่งของห้วงอากาศจากแท่นบูชาแท่นนี้

‘ค่ายกลเคลื่อนย้ายหรือ หากเป็นเช่นนี้จะเคลื่อนย้ายไปที่ไหนกัน’

หลินสวินประหลาดใจอยู่บ้าง

ค่ายกลเคลื่อนย้ายเป็นค่ายกลเคลื่อนที่ซึ่งมีเพียงอริยะถึงวางได้

ตามที่หลินสวินรู้ ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลมีเพียงสถานที่ไม่กี่ที่เช่นพระราชวัง สำนักศึกษามฤคมรกต ถึงมีค่ายกลเคลื่อนย้ายเช่นนี้

แต่ตอนนี้ใต้เขาวิญญาณหยินแห่งนี้ ในรังของราชันเกราะทองถึงกับมีค่ายกลขนย้ายเช่นนี้ เรื่องนี้ก็ดูน่าเหลือเชื่อนัก

ที่ควรรู้ก็คือราชันเกราะทองผู้นี้ไม่ใช่อริยะ และไม่มีทางมีความสามารถวางค่ายกลนี้ได้!

‘ฟ้าดินแปรผันฉับพลัน ทำให้อาณาเขตของจักรวรรดิในสิบกว่าปีมานี้เกิดความเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาดมากมาย ก็เหมือนสัตว์อสูรมารเหล่านี้ที่ราวกับปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ…’

‘ตอนนี้ถึงกับยังมีค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณปรากฏขึ้น หรือเหล่าสัตว์อสูรมารอย่างราชันเกราะทองต่างเป็นผู้ที่โลกอีกด้านหนึ่งส่งมา’

พอคิดถึงตรงนี้ หลินสวินยังออกจะฉงนใจอย่างอดไม่ได้

‘ข้าอยากจะดูนักว่าภายในนี้มีความลับเช่นไรซ่อนอยู่’

ครุ่นคิดครู่ใหญ่หลินสวินก็กัดฟัน เหยียบขึ้นบนแท่นบูชาโบราณนั้นแล้วสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง แสงมรรคไพศาลสายหนึ่งก็เทลงมา

วู้ม!

ทันใดนั้นแท่นบูชาโบราณนั้นราวกับถูกกระตุ้นให้ตื่นจากการหลับใหล แผ่คลื่นอากาศอัศจรรย์ออกมา

ครู่ต่อมาเงาร่างของหลินสวินก็หายลับไป

……

พื้นที่ว่างใต้ดินแห่งหนึ่ง

ดำสนิท มืดมิด กดดัน

ตรงกลางมีบึงเลือดขนาดมหึมาแห่งหนึ่ง

ครึ่กๆ!

บึงเลือดพลุ่งพล่านปั่นป่วน น้ำเลือดเข้มข้นถาโถม มีเสียงคำรามหดหู่ ไม่ยินยอม โศกเศร้าและแค้นเคืองแว่วมารางๆ ชวนพรั่นพรึงหาใดเทียบ

ชายชุดทองคนหนึ่งคุกเข่าหมอบลงกับพื้น สีหน้าเคร่งขรึมศรัทธา เอ่ยปากว่า “ใต้เท้าบรรพจารย์อสูรมาร นี่เป็น ‘ของเซ่นไหว้’ กองที่สาม ข้างในมีเลือดหัวใจของเด็กชายแสนคน ดวงวิญญาณของเด็กหญิงแสนคน นอกจากนี้ยังมีวิญญาณหยางพิสุทธิ์แปดสิบดวง วิญญาณหยินพิสุทธิ์สามสิบดวง…”

ตรงข้ามกับชายชุดทองมีวังน้ำวนขนาดยักษ์สายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ ลึกล้ำเหมือนไร้สิ้นสุด ไม่รู้ว่าเชื่อมต่อไปยังที่ใด

พอพูดจบชายผู้นั้นก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งเอ่ยว่า “หากใต้เท้าบรรพจารย์อสูรมารพึงพอใจ เพียงขอให้ท่านมอบ ‘ลูกกลอนอมตะย้อนชะตา’ แก่ข้ารับใช้ของท่านเม็ดหนึ่งด้วยเถิด!”

ตูม!

จากนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้อ น้ำเลือดเข้มข้นพลันกระเด็นขึ้นมาจากบึง น้ำเลือดคับฟ้านั้นราวกับน้ำพุสายหนึ่ง เคลื่อนเข้าไปในวังน้ำวนที่สงบนิ่งอยู่กลางอากาศนั้น

ทันใดนั้นวังน้ำวนก็หมุนวนช้าๆ แผ่คลื่นพลังห้วงอากาศพิสดารและน่าหวาดกลัวออกมา ทำให้พื้นที่ว่างแห่งนี้เปลี่ยนเป็นกดดัน

กระทั่งบึงเลือดว่างเปล่า วังน้ำวนที่หมุนวนสายนั้นก็เหมือนปากอ้ากว้างที่กินอาหารจนอิ่ม ปรากฏแสงประหลาดขึ้นมา

“หึ! ของเซ่นไหว้ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ เจ้ายังกล้าคิดถึงลูกกลอนอมตะย้อนชะตาอีกหรือ ละเมอเพ้อพก!”

พลันมีเสียงเย็นชาน่าเกรงขามเสียงหนึ่งดังขึ้นจากส่วนลึกของวังน้ำวน

ชายชุดทองตัวสั่นงันงก จากนั้นก็ร้อนรนนัก “ใต้เท้าบรรพจารย์อสูรมาร ใช้เวลาไม่นานข้าก็จะบรรลุระดับอมตะเคราะห์ด่านแปดแล้ว หากไม่มีลูกกลอนนี้ย่อมทะลวง ‘เคราะห์โชคชะตา’ ได้ยาก ขอใต้เท้าบรรพจารย์อสูรมารโปรดเมตตาช่วยให้ข้าสมปรารถนาด้วย ภายหน้าข้าจะเก็บของเซ่นไหว้มาให้ท่านมากขึ้นอย่างสุดกำลัง!”

หลังจากเงียบไปครู่สั้นๆ เสียงเย็นชาน่าเกรงขามนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้งจากส่วนลึกของวังน้ำวนสีเลือดอันพิสดารนั้น “อริยะไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง ข้ามอบลูกกลอนอมตะย้อนชะตาให้เจ้าก็ได้ แต่คราวหน้าข้าต้องการของเซ่นไหว้มากกว่าสิบเท่า!”

สิบเท่าหรือ

ชายชุดทองคิดคำนวณในใจเงียบๆ ทันใดนั้นก็กังวลใจไปครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายเขายังกัดฟันเอ่ยว่า “ขอให้ใต้เท้าบรรพจารย์อสูรมารวางใจได้เลย!”

ฟุ่บ!

ในวังน้ำวนสีเลือดนั้นพลันมีรุ้งเทพเจิดจรัสสายหนึ่งโฉบออกมา ไหววูบอยู่กลางอากาศ แล้วแปรสภาพเป็นลูกกลอนขนาดเท่ากำปั้นทารกเม็ดหนึ่งอย่างรวดเร็ว

ลูกกลอนนี้อัศจรรย์ยิ่งนัก โปร่งใสแวววาวไปทั้งเม็ด แปรเปลี่ยนเป็นพลังกฎเกณฑ์สายแล้วสายเล่า ถึงกับมีเสียงอริยะท่องธรรมแว่วมารางๆ

แววตาของชายชุดทองเปลี่ยนเป็นคลั่งไคล้หาใดเทียบขึ้นมาทันที

ลูกกลอนอมตะย้อนชะตา!

สิ่งนี้เป็นถึงของล้ำค่าอัศจรรย์หายาก มีพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงดวงชะตาได้ประทับอยู่ เป็นสมบัติอันประเมินค่าไม่ได้อย่างแน่นอน

“ขอบคุณใต้เท้าบรรพจารย์อสูรมาร!”

ชายชุดทองก้มหัวหมอบกราบ จากนั้นก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งลุกขึ้นยืน แล้วยื่นมือไปคว้าลูกกลอนอมตะย้อนชะตาที่อยู่กลางอากาศเม็ดนั้นไว้

ฉึบ!

แต่ก็ในตอนนี้เอง มือใหญ่เรียวยาวมือหนึ่งเคลื่อนออกมา ชิงคว้าลูกกลอนอมตะย้อนชะตาเม็ดนั้นไว้ในมือ

ในขณะเดียวกันเงาร่างของหลินสวินก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ

ก่อนหน้านี้หลังจากเขาเหยียบเข้ามาในแท่นบูชาโบราณนั้น ก็มาปรากฏตัวอย่างแปลกประหลาดในห้วงความว่างเปล่าแห่งนี้ และสังเกตเห็นชายชุดทอง บึงเลือดและวังน้ำวนในทันที

หลินสวินจึงสำแดงไอซวนหนีโดยไม่ลังเลทันที ปกปิดกลิ่นอายรอบกายไว้ ซ่อนตัวอย่างเงียบเชียบไร้เสียง

หืม?

ชายชุดทองหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ คล้ายทำใจเชื่อได้ยาก ทันใดนั้นก็คำรามลั่นว่า “เจ้าเป็นใครถึงได้กล้าชิงของของข้า สมควรตาย!”

เกิดเสียงดังตูม กลิ่นอายรอบกายเขาพลันเปลี่ยนเป็นคลุ้มคลั่ง ทองเจิดจ้าไปทั้งตัว ไอชั่วร้ายคับฟ้าน่าหวาดหวั่นหาใดเทียบแผ่ขยายออกมา

“ตาย!”

เขาปล่อยหมัดออกไปโดยพลัน แสงทองราวกระแสธาร ห้วงอากาศถูกชกจนระเบิดแตกออก

ก็เห็นว่าหลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง แสงมรรคสีใสเต็มฟ้าม้วนตลบออกมา สลายพลังหมัดสายนี้ไปอย่างง่ายดาย

ชายชุดทองดวงตาหดรัด รับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ฝืนข่มไฟโทสะที่อยู่ในใจไว้แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “สหาย จู่ๆ เจ้าก็เข้ามาในอาณาเขตของข้า แถมยังขโมยของของข้าไปอีก จะต่ำช้าไปแล้วหรือไม่”

“เจ้าก็คือราชันเกราะทองกระมัง”

หลินสวินเอ่ยถาม ในมือเล่นลูกกลอนอมตะย้อนชะตาอย่างสบายใจ

“ไม่ผิด”

ราชันเกราะทองพยักหน้า สีหน้าดุร้าย “ในเมื่อเจ้ารู้จักข้า ก็คงรู้ดีว่าจุดจบของการล่วงเกินข้าจะอนาถแค่ไหน ขอเตือนเจ้าคำหนึ่ง รีบๆ ส่งลูกกลอนในมือมา หาไม่แล้ว…”

“คุกเข่า!”

ไม่รอให้พูดจบหลินสวินก็เอ่ยตัดบทอย่างเฉยชาแล้ว เพียงสองคำเท่านั้น พูดออกมาอย่างง่ายดาย

ในเวลาเดียวกันนี้ กลิ่นอายบนตัวเขาพลันแผ่ออกมา พลังขอบเขตมกุฎของระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดขั้นสมบูรณ์ ทำให้เขาดุจดั่งกลายเป็นเทพอิทธิฤทธิ์เหลือคณาองค์หนึ่งในชั่วพริบตา

ราชันเกราะทองเพียงรู้สึกหายใจไม่ออกประหนึ่งมีภูเขาเทพกดทับอยู่บนร่าง ไม่ว่าเขาจะต่อต้านสุดชีวิตเช่นไร ก็ไม่อาจยกเอาแรงกดทับของพลังอันน่าหวาดหวั่นนั้นออกไปได้สักนิด

ร่างกายเริ่มถูกกดทับจนบิดเบี้ยวทีละน้อย

“อ๊าก…!”

ตาเขาแทบถลน ร้องคำรามกราดเกรี้ยว เส้นเลือดบนศีรษะปูดโปน ทุ่มพลังทั้งหมดที่มี

แต่สุดท้ายข้อเข่าทั้งสองของเขาล้วนระเบิดป่นปี้ ร่างคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตึง สะเทือนจนพื้นดินโคลงไปครู่หนึ่งพร้อมกับเสียงกระดูกระเบิดแหลก

หลินสวินไพล่มือไว้ข้างหลัง ดวงตาดำลุ่มลึก มองลงมายังราชันเกราะทองที่อยู่บนพื้นแล้วพูดว่า “ต่อหน้าข้า เดรัจฉานชั่วช้าอย่างเจ้าไม่มีสิทธิ์ยืนพูด เข้าใจไหม”

——

Related

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset