หวังจื่อหลวนเป็นลูกสาวผู้นำตระกูลหวัง ยิ่งเป็นถึงฮูหยินของหวงฝู่เซ่าอวี่ ความสูงส่งของฐานะย่อมไม่จำเป็นต้องพูดมาก
แต่ตอนนี้นางกลับกรีดร้องอยู่นอกห้องโถง ไม่อยากดึงดูดความสนใจยังยาก
เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
หวังเทียนสิงขมวดคิ้ว สายตามองไป
หวงฝู่เซ่าอวี่วางจอกเหล้าในมือลง ในแววตาเผยความไม่พอใจเสี้ยวหนึ่ง
ชั่วขณะนี้สายตามากมายต่างมองมา
หลังจากนั้นพวกเขาก็มองเห็นหลินสวินที่ยืนอยู่นอกโถงใหญ่
นอกห้องโถงหิมะโปรยปราย เลือดที่สาดเซ็นภายใต้แสงโคมไฟเผยประกายแปลกประหลาด งดงามอย่างที่สุด
เงาร่างที่สวมชุดขาวตัวบางยืนอยู่ตรงนั้น ขวางทางหวังจื่อหลวนเอาไว้ หรือพูดอีกอย่างว่าหวังจื่อหลวนขวางทางเขา
คนผู้นี้เป็นใคร
หลายคนต่างไม่เข้าใจ ประหลาดใจอยู่บ้าง
นี่เป็นถึงตระกูลหวังเชียวนะ โถงรับแขกเป็นสถานที่สำคัญใจกลาง คนหนุ่มทั่วไปไม่มีสิทธิ์มาถึงที่นี่
บรรยากาศในโถงที่เดิมทีคึกคักก็เงียบสงัดลงในชั่วขณะ
“เอ๊ะ!”
หลิ่วหงจำหลินสวินได้แล้ว พูดอย่างประหลาดใจเล็กน้อย “เจ้าหมอนี่โดนเฉดหัวออกไปแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงแอบเข้ามาอีกแล้ว”
“รองเจ้าเมืองหลิ่วหงรู้จักคนผู้นี้หรือ” มีคนถาม
หลิ่วหงส่ายหน้า หลุดขำกล่าวว่า “คนรุ่นหลังที่แม้แต่เทียบเชิญยังไม่มี ไม่มีแม้แต่คุณสมบัติเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลหวังข้าจะรู้จักได้อย่างไร เมื่อครู่นี้ตอนที่ข้าเพิ่งมาถึง จำได้เพียงว่าผู้คุ้มกันเหล่านั้นกำลังไล่เจ้าหมอนี่ ไม่คิดว่าเขาดันเข้ามาได้แล้ว”
ประโยคเดียวทำให้ทุกคนในโถงขำกันไม่หยุด
พวกเขาเป็นคนใหญ่คนโตที่มีหน้ามีตาในเมืองนี้ แน่นอนว่าย่อมไม่รู้ว่าคนหนุ่มตรงหน้านี้ก็คือนายน้อยตระกูลหลินที่ถูกพวกเขาหัวเราะเยาะมาหลายปี
หวังเทียนสิงสีหน้าเคร่งขรึม ในใจเดือดดาลยกใหญ่ พลันพูดว่า “หมาแมวอะไรก็ปล่อยเข้ามาหมด ผู้คุ้มกันล่ะ ตายกันหมดแล้วหรือ”
หวังจื่อหลวนที่ยืนอยู่ตรงหน้าหลินสวินตระหนักได้ในทันที จริงสิ ผู้คุ้มกันล่ะ ทำไมถึงไม่เห็นเลย
“ตายหมดแล้ว ล้วนตายหมดแล้ว…” เสี่ยวเฉ่าที่อยู่ห่างออกไปสีหน้าซีดขาว ชี้ไปยังหลินสวินที่อยู่ห่างไปพร้อมพูดเสียงสั่น “เขาเป็นคนฆ่าทั้งหมด เขาเป็นคนฆ่า!”
อะไรนะ!?
ทันใดนั้นทุกคนในที่นั้นพลันนัยน์ตาหดรัด
มีเพียงหวังจื่อหลวนที่หลุดขำเหมือนได้ยินเรื่องที่ตลกที่สุดในโลก “นี่เป็นไปได้อย่างไร เขาเป็นแค่…”
คำว่า ‘คนโง่’ ยังไม่ทันออกจากปาก นางเพียงรู้สึกหายใจไม่ออก พลังปานภูเขาถล่มสมุทรคำรามกดข่มเข้ามา
ปัง!
นางปลิวออกไปทั้งร่าง ล้มร่วงลงในโถงใหญ่ กระแทกจนโต๊ะตัวหนึ่งหักพัง น้ำชา สุราและอาหารอันเลิศรสหกรดเต็มหน้านาง
ภาพที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ทำให้โถงแตกตื่นขึ้นมา
โดยเฉพาะหวังเทียนสิงและหวงฝู่เซ่าอวี่ สีหน้ามืดทะมึนลงแล้ว
หลินสวินกลับเหมือนไม่รู้ตัว ก้าวเดินเข้าไปในโถงรับแขก
“สารเลว! ถึงกับกล้าลงมือในตระกูลหวัง ช่างกำเริบเสิบสานนัก ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!”
คนใหญ่คนโตตระกูลหวังคนหนึ่งพุ่งออกมา โทสะดุจสิงโต กระแทกหมัดหนึ่งใส่หลินสวิน แรงหมัดประหนึ่งธารเชี่ยว พวยพุ่งน่ากลัว
“ดี!”
หลายคนตาเป็นประกาย
หมัดนี้เรี่ยวแรงเต็มเปี่ยมสมบูรณ์พร้อม ภายในสั่งสมพลังมหามรรค เรียกได้ว่าเป็นการโจมตีชั้นยอดของระดับหยั่งสัจจะได้อย่างแน่นอน
ครึ่ก!
เพียงแต่คนตระกูลหวังผู้นี้ยังอยู่ห่างจากหลินสวินอีกหนึ่งฉื่อ พลังหมัดก็ดับสลายจนหมดสิ้น หมัดนั่นระเบิดโดยตรง
จากนั้นเขาคุกเข่าลงไปทั้งตัว กระแทกดังปังจนพื้นดินยุบลง ส่งเสียงโอดครวญด้วยความเจ็บปวดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่อีกต่อไป
ทุกคนเห็นภาพนี้สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
คนตระกูลหวังผู้นั้นแม้ไม่ถึงกับเป็นบุคคลชั้นหนึ่ง แต่ก็เป็นพวกร้ายกาจคนหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับคุกเข่าลงไปโดยตรง!
และชายหนุ่มชุดขาวคนนั้นไม่เคยลงมือเลย!
คนมากมายต่างตระหนักได้ถึงความผิดปกติ ดังคำกล่าวที่ว่าผู้ดีไม่มา ผู้มาไม่ดี ชายหนุ่มชุดขาวคนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นยอดฝีมือที่ปกปิดตัวตนไว้อย่างลึกล้ำ
เพียงแต่เขาเป็นใครกันแน่ และมาทำอะไรที่นี่กัน
“สหาย เจ้าทำเกินไปแล้ว นี่ที่คือตระกูลหวัง ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาเหิมเกริม เจ้า…”
หลิ่วหงสีหน้าขรึมลง ผรุสวาทใส่
เพี๊ยะ!
เขาพูดยังไม่ทันจบ ก็ถูกฝ่ามือหนึ่งของหลินสวินสะบัดใส่จนปลิวออกไปกลางอากาศตรงๆ
พลังของฝ่ามือนี้ยิ่งใหญ่เพียงใด แม้หลิ่วหงเป็นรองเจ้าเมือง อำนาจเปี่ยมล้น แต่กลับเป็นเพียงแค่ผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติเท่านั้น
พลันเห็นเขาเปลี่ยนเป็นเงาดำหมุนกลางอากาศไปสิบกว่ารอบค่อยร่วงตุ้บลงพื้น ใบหน้าครึ่งซีกถูกตบจนบวม กระดูกหน้าแตกเต็มไปด้วยเลือด
“เจ้าถึงกับกล้าไม่เห็นตระกูลหวังของข้าอยู่ในสายตาหรือ ใครก็ได้ มาเอาเจ้าคนอวดดีคนนี้ออกไป!”
หวังเทียนสิงโกรธจนหน้าเขียว ชี้หลินสวิน ตาแทบถลนออกมา
เล่าคนใหญ่คนโตและข้ารับใช้ตระกูลหวังที่ยืนอยู่ใกล้เขาต่างรับรู้ได้ถึงความไม่เข้าที แต่ตอนนี้ต่างทำได้เพียงพุ่งขึ้นหน้าอย่างไม่มีทางเลือก
แต่พวกเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินได้อย่างไร
ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกอานุภาพที่แผ่ออกจากตัวหลินสวินกดข่มจนคุกเข่าลุกไม่ขึ้น กระดูกเข่าของแต่ละคนต่างระเบิดแตก เสียงร้องโหยหวนตามๆ กัน
เห็นภาพนี้สีหน้าของเหล่าคนใหญ่คนโตในที่นั้นต่างเปลี่ยนไป หนาวเหน็บในใจอย่างสิ้นเชิง ต่อให้ไม่เอาไหนเพียงไรก็ต่างตระหนักได้ว่า ชายหนุ่มชุดขาวที่อยู่ตรงหน้าจะต้องเป็นบุคคลที่น่ากลัวคนหนึ่งอย่างแน่นอน!
ส่วนหวังเทียนสิงเองยังหนังตากระตุก หัวใจหวาดหวั่น รับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากล
เขาสูดหายใจเข้าลึกคราหนึ่งเอ่ยว่า “ขอถามได้หรือไม่ว่าสหายเป็นใคร หากตระกูลหวังของข้ามีอะไรล่วงเกินก็โปรดกล่าวให้ชัดเจน”
“ท่านพ่อ เขา… เขาคือหลินสวิน!”
หวังจื่อหลวนที่หน้าเปื้อนอาหารตะโกนออกมา
หลินสวิน?
เริ่มแรกทุกคนในที่นั้นล้วนอึ้งไป จากนั้นต่างตระหนักได้ว่าชื่อนี้คือใคร ล้วนปรากฏสีหน้าผิดคาด แทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง
เจ้าโง่… ที่เกิดมาพร้อมโชควาสนาฟ้าดินหรือ
นี่เป็นไปได้อย่างไร
แม้แต่หวังเทียนสิงยังงุนงง เจ้าโง่ตระกูลหลินนั่นหรือ ยี่สิบกว่าปีมานี้ใครไม่รู้บ้างว่าเจ้าโง่นี่เป็นตัวตลกและน่าขันแค่ไหน
ชายหนุ่มชุดขาวที่อยู่ตรงหน้าแข็งแกร่งน่ากลัวเพียงใด จะเป็นเจ้าโง่คนนั้นได้อย่างไร
“เจ้า… คือหลินสวินจริงๆ หรือ บุตรชายของหลินเซี่ยวหรง?”
ชายชราคนหนึ่งอดถามไม่ได้
เพี๊ยะ!
เพิ่งจะสิ้นเสียงชายชราผู้นั้นก็ถูกฝ่ามือหนึ่งตบลงพื้น ล้มลงในท่าสุนัขกินอาจมแล้วลุกไม่ขึ้นอีกเลย
“ชื่อพ่อข้า ใช่ชื่อที่เจ้าสามารถเรียกตรงๆ ได้หรือ”
แววตาของหลินสวินเย็นชา คำพูดและท่าทางสบายๆ
แต่ประโยคเดียวของเขากลับทำให้ทุกคนมั่นใจได้อย่างสิ้นเชิงว่า ที่แท้เจ้าหมอนี่ก็คือเจ้าโง่ที่ชื่อเสียงเลื่องลือในเมืองนครหยกคนนั้นจริงๆ…
เพียงแต่เหตุใดเขาจึงดูน่ากลัวขึ้นขนาดนี้
ความจริงนี้ดูน่าทึ่งเกินไป คนที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเจ้าโง่จากทุกคน กลับเปลี่ยนไปกลายเป็นคนที่น่ากลัวเกินคาดเดา ใครจะยอมรับได้
“หลินสวิน เพราะเรื่องที่ข้าถอนหมั้นกับเจ้าตอนนั้น เจ้าจึงมาแก้แค้นหรือ หากเป็นเช่นนี้ก็พุ่งเป้ามาที่ข้าคนเดียวได้เลย!”
หวังจื่อหลวนลุกขึ้นพร้อมผมที่กระเซอะกระเซิง ใบหน้ายังคงมีน้ำแกงและอาหารติดอยู่ จ้องหลินสวินด้วยใบหน้าขึ้งโกรธเต็มประดา
หลินสวินเอามือไพล่หลัง ริมฝีปากพ่นคำพูดเย้ยหยัน “คิดเองเออเอง เจ้าคู่ควรหรือ”
หวังจื่อหลวนราวกับถูกดูหมิ่นอย่างหนัก สีหน้าเปลี่ยนไปทันทีเอ่ยว่า “หากไม่ใช่เช่นนี้ เหตุใดวันนี้เจ้าจึงบุกเข้ามาลงมือในตระกูลหวังของข้า”
“ง่ายมาก คิดบัญชีกับทุกคนในนี้ รวมถึงตระกูลหวังของเจ้าด้วย”
ทันทีที่คำพูดนี้ของหลินสวินออกมา คนทั้งโถงต่างตกใจ
หลายคนตระหนักบางอย่างได้ สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก
พวกที่ความรู้สึกช้าบางส่วนไม่นานก็เข้าใจ หลินสวินมาคราวนี้ ไม่เพียงแค่แก้แค้น แต่ต้องการทวงความเป็นธรรมให้กับตระกูลหลินที่ตกต่ำร่วงหล่นไปนานแล้ว!
“เรื่องที่ตระกูลหลินของเจ้าล่มสลายไม่เกี่ยวกับข้าเสียหน่อย”
ชายกลางคนรูปร่างอ้วนเตี้ยในชุดหรูหรางดงามพูดเสียงเย็น
ปัง!
เพิ่งจะสิ้นเสียงเขาก็ถูกอานุภาพที่น่ากลัวกดข่มจนคุกเข่าลงกับพื้น
ชั่วขณะหนึ่งทุกคนในโถงล้วนเงียบกริบด้วยความตกใจ
ตั้งแต่หลินสวินปรากฏตัวจนตอนนี้ ยังไม่เห็นว่าเขาลงมืออย่างไร คนใหญ่คนโตก็คุกเข่าเต็มพื้น พลังที่น่ากลัวระดับนั้นดูน่าตกใจมากจริงๆ
“เกี่ยวหรือไม่เกี่ยวไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือ ตั้งแต่ตอนนี้ขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือโดยดี ไม่เช่นนั้นข้าก็ไม่ถือที่จะไปฆ่าคนในตระกูลของพวกเจ้าหลังจากฆ่าพวกเจ้าแล้ว”
หลินสวินพูดเรียบๆ
ก่อนจะเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลหวัง จิตรับรู้ของเขาได้ปกคลุมทั้งตระกูลหวังเอาไว้ตั้งแต่แรก เห็นทุกอย่างในโถงรับแขกแห่งนี้
ทั้งยังมั่นใจในฐานะและที่มาของทุกคนตั้งนานแล้ว สำหรับเขา บางคน… ไม่ต่างอะไรกับคนตายไปนานแล้ว
“เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”
หวังเทียนสิงกัดฟัน สีหน้ามืดทะมึน
“ทำอะไร แน่นอนว่าแก้แค้น ได้ยินว่าเมื่อคืนเจ้าพูดว่า นับจากนี้เมืองนครหยกจะไม่มีตระกูลหลินอีกต่อไปแล้วหรือ”
หลินสวินเหมือนยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม สายตาเย็นชา
หวังเทียนสิงแค่นเสียงอย่างเย็นเยียบ “ตระกูลหลินในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเหลือแต่ชื่อ เรื่องนี้ในเมืองนครหยกใครบ้างจะไม่รู้”
สายตาของหลินสวินเย็นชากว่าเดิม “ข้ายังได้ยินมาว่า หลายปีก่อนเจ้าเคยพูดว่าการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุดในชีวิตนี้ ก็คือการถอนหมั้นกับตระกูลหลินของข้าหรือ”
สีหน้าของหวังเทียนสิงอึดอัดเล็กน้อย พูดว่า “เรื่องถอนหมั้นเป็นเรื่องที่บิดาเจ้าเองยังพยักหน้าตอบรับ โทษใครไม่ได้”
“แต่เหตุใดตระกูลหวังของเจ้าจึงอยากฆ่าข้า”
เมื่อคำพูดนี้ของหลินสวินดังออกมา ทำให้หวังเทียนสิงอึ้งไปทันที “มีเรื่องนี้ด้วยหรือ”
“ท่านพ่อ นี่เป็นความคิดของข้า”
ห่างออกไปหวังจื่อหลวนสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ร้องเสียงดังออกมา
“พอแล้ว!”
ทันใดนั้นหวงฝู่เซ่าอวี่ที่เงียบมาโดยตลอดตบโต๊ะลุกขึ้นมา สีหน้าเย็นเยียบ แววตาดุจดั่งสายฟ้ามองไปทางหลินสวิน “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่”
คำพูดนี้เผยความเย็นเยียบไร้ขอบเขต
คนใหญ่คนโตที่อยู่ในโถงต่างลอบโล่งอกพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ว่ากันตามจริงก่อนหน้านี้พวกเขาต่างถูกหลินสวินทำให้ตกใจ จิตใจกระสับกระส่าย หวาดกลัวอย่างควบคุมไม่อยู่
แต่ตอนนี้พอเห็นว่าหวงฝู่เซ่าอวี่ก้าวออกมา พวกเขาก็ราวกับเจอดาวช่วยชีวิต มองเห็นความหวัง!
นี่เป็นถึงศิษย์แกนหลักสำนักเมฆาเขียว ผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักคนต่อไป เจ้าโง่นั่นยังจะกล้าเหิมเกริมอีกหรือ
ด้วยอิทธิพลอันยิ่งใหญ่ที่ปกคลุมทั่วหล้าของสำนักเมฆาเขียว เพียงพอที่จะบดขยี้อีกฝ่ายให้ตายได้ง่ายๆ!
“เซ่าอวี่”
ตอนนี้หวังจื่อหลวนตื่นเต้นจนร้องไห้ออกมาแล้ว “ท่านต้องทวงความเป็นธรรมให้ตระกูลหวังของข้านะ!”
“ไม่ต้องห่วง มีข้าอยู่”
หวงฝู่เซ่าอวี่สีหน้าเย่อหยิ่ง เขามองหลินสวินพร้อมพูดว่า “การล่มสลายของตระกูลหลินมาจากการที่บิดาของเจ้าไม่รู้จักประมาณตน อยากจะแย่งสายแร่กับสำนักเมฆาเขียวของข้า หากเจ้าอยากแก้แค้นก็ไปที่สำนักเมฆาเขียวได้ แต่ว่า… เจ้ากล้าหรือ”
หลายคนอดหัวเราะเยาะไม่ได้ ใช่แล้ว เจ้ากล้าไปสู้กับสำนักเมฆาเขียวหรือไม่
เพียงแต่ครู่ต่อมารอยยิ้มของพวกเขาก็ค้างไป เพราะในครรลองสายตาของพวกเขา หลินสวินสะบัดฝ่ามือลวกๆ เหมือนตบแมลงวันตัวหนึ่ง
จากนั้นหวงฝู่เซ่าอวี่ที่ถูกพวกเขามองว่าเป็นดาวช่วยชีวิตและความหวัง ศิษย์แกนหลักแห่งสำนักเมฆาเขียว ผู้กล้าแห่งสวรรค์ที่ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วก็ถูกตบจนปลิวออกไป ปากจมูกกบเลือด ฟันหลุดร่วง กระแทกใส่ผนังห่างออกไปดังปัง
ร่างของเขากระตุกอย่างรุนแรงเพราะความเจ็บปวด…
ทันใดนั้นแขกทุกคนในโถงต่างตกใจ เงียบกริบไปทั้งแถบ
——
Related