Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1422 เคราะห์โชคชะตามาถึง

หลินสวินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วกุมมือคารวะขอบคุณราชครู

สีหน้าสงบนิ่ง

ทางข้างหน้ามีหมอกหนาไร้ขอบเขต ประหนึ่งไม่อาจล่วงรู้ได้ อย่างนี้ดีที่สุด

หากทางข้างหน้าถูกกำหนดไว้แล้ว สุดท้ายก็น่าเบื่อไปอยู่ดี!

เบื้องหลังฟ้าถล่มดินทลาย ทุกอย่างต่างไม่อาจกลับมาดำรงไว้ได้อีกหรือ

การเสาะแสวงหามหามรรคย่อมควรเดินไปข้างหน้า จะยังสนใจเรื่องข้างหลังได้อย่างไร

ลักษณ์ชะตานี้อาจจะหมายถึงอะไรบางอย่าง แต่หลินสวินไม่ได้เอามาใส่ใจ

เขา ‘มองเห็นตนเอง’ ไปแล้ว ความหนักแน่นของสภาวะจิตไม่อาจได้รับผลกระทบจากความสับสนนี้

ไม่นานนักหลินสวินก็จากมาเพียงลำพัง

จ้าวจิ่งเซวียนกำลังจะไปแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ และราชครูจะช่วยนางจัดการเรื่องเดินทาง เรื่องเหล่านี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่หลินสวินจะแทรกแซงได้

“ข้าจะรอเจ้ากลับมา”

ก่อนจากกันเนตรกระจ่างของจ้าวจิ่งเซวียนสงบนิ่ง มองดูหลินสวินอย่างจริงจัง “ต้องดูแลตัวเองดีๆ นะ”

“เจ้าก็ด้วย”

หลินสวินยื่นมือไปโอบกอดหญิงสาวตรงหน้า

……

สามวันต่อมา

ฟ้ากระจ่างหมื่นลี้ นครต้องห้ามพลุกพล่านจอแจตามเคย

บนถนนที่เชื่อมผ่านถึงกันคนสัญจรไปมาแน่นขนัด ยานพาหนะขวักไขว่ ถึงกับคึกคักกว่าแต่ก่อนเสียอีก

จักรวรรดิตอนนี้ปัญหาสัตว์อสูรมารในอาณาจักรสงบลงแล้ว ภัยพ่อมดเถื่อนที่ชายแดนก็ขจัดไปนานแล้ว

ในใต้หล้าสิ่งต่างๆ รอการฟื้นฟู

จู่ๆ เวิ้งฟ้าก็มืดลง บดบังแสงสว่างบนฟากฟ้า เมฆดำหนาทึบราวกับก้อนตะกั่วแผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้าเหนือนครต้องห้ามราวกระแสธาร

ชั่วพริบตาทิวากาลก็ราวกับตกอยู่ในราตรีนิรันดร์

ในเมืองระส่ำระสายขึ้นฉับพลัน ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกปราณหรือชาวบ้านร้านตลาด ไม่ว่าจะเป็นคนชั้นสูงหรือสามัญชนคนชั้นล่างต่างตื่นตระหนก

“เกิดอะไรขึ้น”

“นี่…”

“เมฆาเคราะห์น่ากลัวนัก!”

ผู้แข็งแกร่งในวัง สำนักศึกษามฤคมรกต ภาคีนักสลักวิญญาณ รวมถึงเหล่าขุมอำนาจตระกูลทรงอิทธิพลไม่รู้เท่าไรต่างหน้าเปลี่ยนสี รู้สึกกดดัน

เมฆาเคราะห์เช่นนี้น่าตื่นตะลึงและน่ากลัวเกินไปแล้วจริงๆ!

“สหายยุทธ์ท่านไหนจะฝ่าด่านเคราะห์กัน”

สุดท้ายสายตานับไม่ถ้วนรวมกันที่ภูเขาชำระจิต เหนือเวิ้งฟ้าที่นั่นมีวังวนเมฆาเคราะห์มหึมาราวกรวยคว่ำก้อนหนึ่งปรากฏขึ้น

วังวนลอยอยู่เงียบๆ แต่กลับแผ่กลิ่นอายทำลายล้างน่าหวาดหวั่นไร้สิ้นสุดออกมา ทำให้กลางฟ้าดินคล้ายสั่นระรัว

ในนครต้องห้าม ทุกคนต่างรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก โดยเฉพาะผู้ฝึกปราณที่สัมผัสอานุภาพฟ้าได้เฉียบคมที่สุดได้รับผลกระทบรุนแรงยิ่งกว่า

เมฆาเคราะห์ที่หนาทึบราวน้ำหมึกยิ่งมากขึ้นตามเวลาที่เคลื่อนคล้อยไป กลางวันที่เดิมสว่างจ้าแจ่มกระจ่างกลับกลายเป็นความมืดราวราตรีนิรันดร์ ทำให้ทุกคนต่างกดดันหวาดผวา

ยอดภูเขาชำระจิต

หลินสวินมือไพล่หลังยืนอยู่ริมผา เสื้อผ้าโบกไสว ผมดำหนาปลิวไปตามลม สีหน้าสำรวม สุขุมเยือกเย็น

เคราะห์โชคชะตา ในที่สุดก็มาแล้ว!

ใจหลินสวินกลับไม่มีความว้าวุ่นสักนิดแล้ว

เพราะเขารอคอยมานานยิ่งนัก และไม่มีความหวั่นกลัวมานานแล้ว

ไกลออกไปเหล่าคนใหญ่คนโตตระกูลหลินอย่างหลินจง เสี่ยวเคอ จูเหล่าซาน พญาแร้ง รวมถึงคนในตระกูลทั้งหมด ชาวบ้านหมู่บ้านเฟยอวิ๋น และเหล่าข้าทาสบริวารต่างสีหน้าเคร่งเครียด มองดูอยู่ไกลๆ

พิบัติเคราะห์นี้สะท้านโลกเกินไปแล้ว ทำให้พวกเขาหายใจยังลำบาก จะไม่กังวลแทนหลินสวินได้อย่างไร

เปรี้ยง!

ทันใดนั้นสายฟ้าสายหนึ่งส่งเสียงระเบิดในส่วนลึกของเมฆาเคราะห์สีดำทึบ เสียงดังจนสะเทือนเวิ้งฟ้า ปกคลุมไปทั่วสารทิศ

สะเทือนจนห้วงอากาศยุ่งเหยิงบิดเบี้ยวขึ้นมา

ในนครต้องห้ามผู้ฝึกปราณบางคนต่างหัวใจเกร็งกระตุกหนักหน่วง ภาพตรงหน้าพร่ามัว จิตวิญญาณสั่นไหวอย่างรุนแรง

ต่อให้ทรงพลังอย่างผู้แข็งแกร่งระดับราชันยังสีหน้าเคร่งเครียด ตกตะลึงไม่หยุด

“พิบัติเคราะห์นี้ เหตุใดถึงน่ากลัวปานนี้ได้”

“สิ่งนี้พิสูจน์ได้เพียงว่าผู้นำตระกูลหลินคนนั้นเย้ยฟ้าเกินไปแล้ว พิบัติเคราะห์ที่ประสบย่อมไม่ธรรมดา”

“อมตะเคราะห์เชียวนะ… เขาจะฝ่าไปอย่างไร”

ขณะนี้นครต้องห้ามอันใหญ่โตมีเมฆดำปิดคลุม บรรยากาศกดดัน คนใหญ่คนโตนับไม่ถ้วนต่างกำลังคาดการณ์และสังเกตการณ์อยู่

หลินสวิน ราชันระดับอมตะเคราะห์อันดับหนึ่งผู้สมฉายาแห่งจักรวรรดิ คลี่คลายปัญหาสัตว์อสูรมาร ขับไล่พ่อมดเถื่อนเก้าสายให้ถอยกระเจิง ตัวคนเดียวเท่านั้นช่วยจักรวรรดิจากภยันตราย เป็นที่จารึก ซาบซึ้งและเคารพของทุกคนในใต้หล้า

เขาก็เหมือนกับตำนานเรื่องหนึ่ง ต้องถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ เป็นที่จดจำชั่วกัลป์

และวันนี้ เขาจะรับการมาเยือนของอมตะเคราะห์ด่านที่แปด…

เคราะห์โชคชะตา!

เหนือหอดูดาวหลวง ราชครูสายตาลุ่มลึก มองไปไกลอย่างเงียบงัน

เรือนโอบดารานิทราบุหลัน เฒ่าโดดเดี่ยวเอ่ยพึมพำคล้ายหงุดหงิดว่า “เจ้าหนูนั่นฝ่าด่านเคราะห์เท่านั้น ทำเอาแตกตื่นขนาดนี้จะขู่ใครกัน”

เปรี้ยง!

เสียงพูดเพิ่งเงียบลง เสียงสายฟ้าน่าหวาดหวั่นดังหนักแน่นราวกลองยักษ์ที่ทวยเทพตี ดังกึกก้องโครมครามท่ามกลางเมฆดำนั้น สะเทือนจนฟ้าดินคล้ายกำลังสั่นคลอน

เฒ่าโดดเดี่ยวที่กำลังหงุดหงิดอึ้งไป เผยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกล้ำออกมา “น่าสนใจ เคราะห์โชคชะตาแข็งแกร่งเช่นนี้ เหมือนจะ… ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยนะ…”

“ไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ”

บนหอดูดาวหลวง ราชครูพึมพำ ดวงตาทั้งสองลุ่มลึกยิ่งขึ้นไปอีก

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!!

ไม่นานนักสายฟ้าฟาดสว่างจ้าสายแล้วสายเล่าฉีกทึ้งเมฆดำ แสงเจิดจ้านั้นตัดเฉือนความมืดมิด ส่องสว่างฟ้าดิน หนาแน่นราวกับงูสีเงินนับหมื่นล้านกำลังเริงระบำ

ภาพอัศจรรย์เช่นนั้นทำให้คนในนครต้องห้ามนับไม่ถ้วนที่ได้เห็นต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง ตาสีตาสาบางคนยังลงไปหมอบอยู่กับพื้นตัวสั่นเทา ปากพึมพำขมุบขมิบ คล้ายกำลังอ้อนวอนให้ทวยเทพคุ้มครอง

“มาแล้ว…”

ยอดภูเขาชำระจิต หลินสวินดูไม่ตื่นเต้น กลับเผยรอยยิ้มออกมา ท่าทางผ่อนคลายสบายใจ ถึงกับยังมีเวลาว่างมายกน้ำเต้าสุราขึ้นมาแหงนหน้าดื่มจนฉ่ำใจ

เสื้อผ้าเขาโบกปลิว ผมดำพลิ้วไสว ร่ำสุราอยู่ใต้วังวนเมฆาเคราะห์ เหนือศีรษะเสียงอสนีกราดเกรี้ยว สายฟ้าฟาดกระเจิดกระเจิง

ท่วงท่าสง่างามไร้เทียมทานอันสุขุมเยือกเย็นนั้นทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงอย่างห้ามไม่ได้

ตู้ม!

ในที่สุดอสนีเคราะห์อันงดงามตระการตาสายหนึ่งก็ผุดขึ้นกลางเมฆาเคราะห์หมุนวนนั้น แล้วกลายสภาพเป็นละอองแสงปลิวว่อนลงมา

ละอองแสงแต่ละสายต่างเปล่งประกายกระจ่างใส เป็นการเปลี่ยนรูปอสนีเคราะห์ที่น่ากลัวที่สุด

ละอองแสงเต็มฟ้าพากันโปรยลงมา ภาพตะลึงโลกนั้นงดงามแจ่มจรัสถึงที่สุด ทั้งยังน่าหวาดหวั่นถึงที่สุดด้วย!

“วิปริต!” เฒ่าโดดเดี่ยวตาเบิกขึ้น คล้ายออกจะทำใจเชื่อได้ยาก

“นี่มัน… โดดเด่นจริงๆ นะ…” บนหอดูดาวหลวง ราชครูคล้ายตกตะลึง

ส่วนคนอื่นในนครต้องห้ามต่างเพียงรู้สึกว่าละอองแสงที่เทลงมานั้นก็เหมือนแสงเซียนจากสวรรค์ รุ่งโรจน์โชติช่วง งดงามตระการตา สวยจนใจหายใจคว่ำ

มีเพียงสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันบางคนเท่านั้นถึงสัมผัสได้ว่าอสนีเคราะห์เช่นนี้น่ากลัวปานไหน เพียงมองดูไกลๆ ก็ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นตระหนกเนื้อเต้น อกสั่นขวัญหาย!

ที่ยอดภูเขาชำระจิต หลินสวินไม่ได้เคลื่อนไหว ยังดื่มสุราดังเดิม

มีเพียงบนตัวเขาเท่านั้นที่พลันมีเหวลึกดุจดั่งมวลว่างเปล่าใหญ่ยักษ์ ใหญ่โตและไร้ที่สิ้นสุด หมุนวนเชื่องช้า

ท่ามกลางเหวลึกที่มีความลึกลับแห่งมหามรรคนานาชนิดผลุบๆ โผล่ๆ มีปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่อย่างหยินหยางประสานกัน ยอดเอกอุหมุนเวียน เจินหลงร้องคำราม ไร้มรณะและดำรงอยู่เป็นอมตะสำแดงออกมา

ละอองแสงอสนีเคราะห์ไร้ที่สิ้นสุดนั้นยังไม่ทันปกคลุมเงาร่างของหลินสวินก็ถูกเหวลึกที่หมุนวนช้าๆ กลืนกินไม่หยุด

หายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับวัวดินเหนียวตกลงไปในทะเล

ตั้งแต่เริ่มจนจบยังไม่ได้ก่อให้เกิดระลอกคลื่นหรือการปะทะใดๆ!

มีเพียงเงาร่างของหลินสวินที่ดูยิ่งโดดเด่นเจิดจรัส

“นี่…”

ผู้แข็งแกร่งที่สังเกตเห็นภาพนี้ทุกคนไม่มีใครไม่ตกตะลึงอ้าปากค้าง อย่างนี้ก็ได้หรือ

มองไปไกลๆ เหนือภูเขาชำระจิตก็เหมือนวาฬกลืนน้ำ อ้าปากมหึมากลืนปวงอสนีเคราะห์ที่ถาโถมนั้นให้หมดสิ้น!

ภาพอัศจรรย์เช่นนั้นช่างพบเห็นได้ยากในชั่วชีวิตหนึ่ง

“วิปริต… วิปริตเป็นบ้า…” เฒ่าโดดเดี่ยวพึมพำ

แต่ราชครูส่งเสียงถอนหายใจด้วยความชื่นชม

ตูม!

เหนือเวิ้งฟ้าเมฆดำปั่นป่วน อสนีเคราะห์สั่นสะเทือนเลื่อนลั่น สายฟ้าฟาดแน่นขนัดราวมังกรอสรพิษนับหมื่นล้านกำลังร้องคำรามบิดตัว แสงเจิดจ้าส่องสว่างทั่วโลก

อสนีเคราะห์น่ากลัวยิ่งขึ้นแล้ว ประหนึ่งสายธารน้ำตกสายหนึ่งเทตัวลงมา ล้วนเป็นสิ่งที่เปลี่ยนรูปมาจากอสนีเคราะห์ทั้งสิ้น ไหลเชี่ยวลงมาอย่างคับคั่ง

นครต้องห้ามอันใหญ่โต ถูกกลิ่นอายทำลายล้างอันกดดันและพรั่นพรึงเข้าเติมเต็ม

สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนสั่นระริก

ต่อให้เป็นสัตว์ประหลาดระดับราชันก็ยังหนาวเหน็บไปทั้งตัว ในใจตื่นเต้นกระวนกระวาย

มหาเคราะห์เช่นนี้พวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน จะถล่มฟ้าทลายดิน ขจัดสิ่งมีชีวิตทั้งมวลในโลกาจริงๆ!

แต่ที่ทำให้ทุกคนเหลือเชื่อก็คือ ณ ยอดภูเขาชำระจิตหลินสวินเหมือนไม่สะทกสะท้าน เอาแต่แหงนหน้าดื่มสุรา เป็นสุขยิ่งนัก

อสนีเคราะห์ที่ทำให้อกสั่นขวัญแขวนได้นั้น ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปน่ากลัวเช่นไรต่างถูกหุบเหวที่ปรากฏทั่วร่างเขากลืนกินจนสิ้น!

ชั่วขณะนั้นหลายคนต่างรู้สึกงุนงง

ต้องมีพลังปราณน่ากลัวปานไหน เชื่อมั่นในตัวเองอย่างแรงกล้าเพียงใดถึงกล้าทำเหมือนอสนีเคราะห์เต็มฟ้าไร้ตัวตนด้วยท่วงท่าผ่อนคลายสบายใจเช่นนี้

เรื่องนี้ดูน่าตกตะลึงเกินไปแล้ว!

ถึงกับพลิกการรับรู้และจินตนาการของทุกคนไป

‘มองทะลุแล้ว เข้าใจแล้ว สิ่งที่เหนี่ยวรั้งโชคชะตาไว้ก็ไม่ได้พิเศษอะไร’ ราชครูครุ่นคิด เขาพอจะรับรู้ถึงรากฐานพลังและความสามารถของหลินสวินในตอนนี้แล้ว

เฒ่าโดดเดี่ยวยิ้มเงียบๆ “อย่างนี้ถึงน่าสนใจ”

ไม่นานนัก

ไม่ว่าจะเป็นราชครูหรือเฒ่าโดดเดี่ยวต่างหรี่ตาลง สีหน้าค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง ถึงกับเคร่งขรึมขึ้นมา

ที่เหนือเวิ้งฟ้าเมฆาเคราะห์สงบลงช้าๆ เสียงอสนีบาตค่อยๆ เบาลง สายฟ้าฟาดแปรเปลี่ยนเป็นรางเลือน แต่บรรยากาศกลางฟ้าดินกลับยิ่งกดดัน!

ไม่นานนักผู้แข็งแกร่งระดับราชันบางคนก็สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล หน้าเปลี่ยนสีในทันใด

ด้านสรรพชีวิตในนครต้องห้ามกลับฉงนใจไม่ว่างเว้น ยังมองความลับไม่ออก ต่างนึกว่าอสนีเคราะห์ไร้เทียมทานอันใหญ่โตหาใดเทียบครั้งนี้กำลังจะปิดฉากลง

ที่จริงแล้วก็กำลังจะปิดฉากลงจริงๆ แต่ก่อนการปิดฉากนี้กลับมีอสนีเคราะห์ชวนประหวั่นน่าพรั่นพรึงถึงขีดสุดครั้งหนึ่งกำลังก่อตัว กำลังสุกงอม…

และกำลังจะมาเยือน!

ไม่นานนักฟ้าดินเงียบสงัด เมฆาเคราะห์หยุดนิ่ง สายฟ้าและเสียงฟ้าร้องมลายหายไป

ความเงียบอันแปลกประหลาดปกคลุมฟ้าดิน

พลังกดดันนั้นทำให้ผู้ฝึกปราณทุกคนต่างรู้สึกเหมือนจมน้ำหายใจไม่ออก แข็งทื่อไปทั้งตัว กำลังจะรับไม่ไหวแล้ว

ที่ยอดภูเขาชำระจิต หลินสวินที่แหงนหน้าดื่มสุราหยดสุดท้ายจนหมดโยนน้ำเต้าสุราทิ้งไป

จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นฉับพลัน

อสนีเคราะห์ที่กำลังก่อตัวอยู่เหนือเวิ้งฟ้าฉายอยู่ในส่วนลึกของดวงตาดำสนิทลุ่มลึกนั้นอย่างชัดเจน แต่กลับไม่ทำให้สายตาหวั่นไหวเลยสักนิด

สวบ!

เสื้อผ้าปลิวไหว เงาร่างของหลินสวินเหยียบย่างขึ้นไปบนอากาศ

มองดูไกลๆ ก็เหมือนห้วงเหวลึกพลันเคลื่อนที่ขึ้นจากพื้นดิน เปล่งแสงมรรคเหลือประมาณ

ในตอนนี้เองที่ส่วนลึกของวังวนเมฆาเคราะห์ที่หยุดนิ่งเหนือเวิ้งฟ้า มีอสนีเคราะห์สายหนึ่งเคลื่อนออกมาอย่างเงียบเชียบ

อสนีเคราะสำแดงรูปร่างเป็นทวนศึกเล่มหนึ่ง ห้อมล้อมไปด้วยกลิ่นอายอานุภาพฟ้าอันสูงส่งไร้สิ่งใดเหนือกว่า คลุมเครือและดำมืด

ชั่วพริบตานั้นฟ้าดินอึมครึม สุริยันจันทราอับแสง

อสนีเคราะห์สายเดียวเท่านั้น กลับเหมือนเป็นตัวแทนของทวนพิพากษาแห่งเจตจำนงสวรรค์มาเยือนโลกา

ทั้งนครต่างตกตะลึง ล้วนสั่นสะท้าน

——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset